๓๒๒ ประกาศแผ่พระราชกุศลในการฉลองวัดหงษรัตนาราม

มีพระบรมราชโองการมารพระบัณฑูรสุรสิงหนาท ในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งเปนพระเจ้าแผ่นดินใหญ่ที่ ๔ ในพระบรมราชวงศ์นี้ ให้ประกาศแก่พระบรมวงศานุวงศ์ แลข้าทูลลอองธุลีพระบาทผู้ใหญ่ผู้น้อย แลภิกษุสงฆ์สามเณรบรรพชิตทั้งปวง ที่ประพฤติพรหมจรรย์ในพระพุทธสาสนา แลมนุษย์เทพยดาที่มีศรัทธาในธรรมวินัย บรรดาที่ควรจะได้ฟังคำประกาศนี้ ฤๅฉะเพาะโดยวิเศษ ขอประกาศแก่พระเถรานุเถรที่อาราธนานิมนต์มาประชุมในมหกรรมการฉลองวัดหงษรัตนาราม พระอารามหลวงครั้งนี้ให้ทราบทั่วกันว่า วัดหงษรัตนารามนี้ พื้นที่วัดเดิมเปนของโบราณ มีมานานสำหรับเมืองธนบุรี คำคนแก่เก่าๆ เปนอันมาก เรียกว่าวัดเจ้าขรัวหงษ์ แลว่ากันว่าจีนเจสัวมั่งมี บ้านอยู่กะดีจีนสร้างขึ้นไว้ แต่ในครั้งโน้นจีนที่มั่งมีคนเรียกว่าเจ้าขรัว ครั้นมาเมื่อกรุงธนบุรีพระสงฆ์ผู้รู้หลักนักปราชญ์มาอยู่มาก ผู้ที่อุสาหะเล่าเรียนก็เข้าไปอยู่มาก เจ้าแผ่นดินกรุงธนบุรีจึงขยายภูมิวัดออกไปให้ใหญ่ แล้วสร้างโรงพระอุโบสถใหญ่ลงตรงหน้าพระอุโบสถเก่า แล้วสร้างโรงธรรมหันหน้าเข้าหาพระอุโบสถใหม่ สัณฐานใหญ่เท่ากันทั้งสองหลัง ตั้งอยู่อย่างนั้นนานมาจนถึงเวลาแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวเปนที่ ๓ ในพระบรมราชวงศ์นี้ เมื่อนั้นพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ทรงสร้างปฏิสังขรณ์วัดจอมทองขึ้นได้พระราชทานนามแต่ครั้งแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย นับแผ่นดินที่ ๒ ว่าวัดราชโอรสวราราม ครั้งเมื่อถึงแผ่นดินที่ ๓ ได้ทรงสร้างให้เปนพระอารามใหญ่ แลดำรัสว่าเปนพระอารามหลวงเดิม สำหรับเปนพระเกียรติยศในแผ่นดินนั้น แล้วทรงพระราชดำริห์จะแสดงพระเกียรติยศพระบารมีให้ปรากฎแก่โลกไปนาน ว่าทรงพระราชศรัทธาอุปถัมภนาการในพระบรมพุทธสาสนามากมาย คือได้ทรงสร้างวัดราชโอรสวรารามเปนพระอารามหลวงเดิมลงไว้ในปลายคลองนั้นแล้ว วัดอื่นๆ ในคลองนั้นที่เปนของเก่าชำรุดทรุดโทรมมาแต่ก่อน ก็ได้ทรงบริจาคพระราชทรัพย์ให้ปฏิสังขรณ์เปนพระอารามใหม่ทุกพระอารามจนตลอดคลองไป แต่ลางอารามก็ทรงมอบให้ข้าราชการฝ่ายหน้าฝ่ายในที่มีศรัทธาเปนเจ้าของ พระราชทานพระราชทรัพย์เพิ่มเติมช่วยบ้าง แลการช่างที่เหลือกำลังเจ้าของก็โปรดให้ทำเปนการหลวง ลางอารามก็ปฏิสังขรณ์เปนการหลวงทั้งสิ้น ก็วัดหงษ์นี้มีเรือนพระอุโบสถแลการเปรียญเปนของเก่าเปนของใหญ่ ใช้เสาในแลผนังหลังคาเปนอย่างโบราณ จึงทรงชักชวนกรมสมเด็จพระศรีสุริเยนทรามาตย์ กับพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อยังเปนเจ้าฟ้ากรมขุนอิศเรศร์รังสรรค์อยู่นั้น โดยพระราชปฏิสัณฐานว่า กรมสมเด็จพระศรีสุริเยนทรามาตย์ มีพระชนมายุเจริญมาถึง ๖๐ ปีเศษแล้ว ไปทรงสร้างวัดเขมาภิรตาราม อยู่ไกลไม่ได้ทอดพระเนตรเห็นเปนอปราปะระเจตนาเนืองๆ เลย ถ้าทรงสร้างวัดหงษเปนวัดใกล้วัง จะเปนที่เจริญพระศรัทธามาก กรมสมเด็จพระศรีสุริเยนทรามาตย์ รับพระราชโองการมาว่าจะทำตามรับสั่งแล้ว จึงมาทรงกะเกณฑ์ให้พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวไปทรงรื้อพระอุโบสถเก่า มาปลูกแปลงเปนพระวิหารที่หลังพระอุโบสถใหญ่ แลเกณฑ์พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัวให้รื้อโรงธรรมหน้าพระอุโบสถนั้นไป แล้วทำเปนโรงธรรมเปนตึกใหญ่ลงในที่ไร่ใหม่ซึ่งโรงธรรมตั้งอยู่ในบัดนี้ แต่ในกรมสมเด็จพระศรีสุริเยนทรามาตย์ทรงทำพระอุโบสถ เมื่อกะเกณฑ์ลงดังนี้พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงเห็นว่าหน้าที่ซึ่งทรงเกณฑ์มาให้ช่วยทำพระวิหารนั้นเปนของเล็กเหมือนเรือน้อยห้อยท้ายเรือใหญ่อยู่ นานไปใครไม่รู้เรื่องความพระราชพงษาวดารเปนการที่แท้ ก็จะเข้าใจปรวนแปรว่าไปอย่างอื่น เปนที่เสียพระเกียรติยศไป ไหนๆ ก็เกิดมาเปนชาย ชีวิตรยังไม่ทำลายไม่ควรจะประมาทดูหมิ่นกัน เพราะฉนั้นจึงได้รับสั่งห้ามเสียไม่รับทำด้วย ไม่ได้ให้ข้าในกรมไปช่วย ไม่ยอมให้ไว้พระนามในพระอารามวัดหงษนี้เลย แลได้ทรงปฏิญาณรับไว้ว่า วัดเขมาภิรตารามซึ่งกรมสมเด็จพระศรีสุริเยนทรามาตย์ทรงสร้างขึ้นไว้แลชำรุดทรุดโทรมไปนั้น จะทรงปฏิสังขรณ์ขึ้นเปนการฉลองพระเดชพระคุณ เพราะฉนั้นกรมสมเด็จพระศรีสุริเยนทรามาตย์ ก็ได้ทรงสถาปนาการทั้งพระอุโบสถพระวิหารมาจนสิ้นพระชนม์ การก็หาสำเร็จแล้วไม่ พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว ก็ได้ทรงรับทำต่อมาทั้งพระอุโบสถพระวิหารการเปรียญแลศาลารายศาลาตะพานหน้าวัดแลอื่นๆ แต่การรักการทองในพระอุโบสถพระวิหารกับกุฏิหมู่ใหญ่หมู่น้อยทั้งปวงทั้งพระอาราม ในพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดให้ทำเปนการหลวงทั้งสิ้น ครั้นมาในแผ่นดินปัจจุบันนี้ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จไปพระราชทานพระกฐิน ทอดพระเนตรเห็นลายทองที่เพดานแลบานประตูหน้าต่างไม่บริบูรณงามดี จึงมีพระบรมราชโองการดำรัสสั่งให้เจ้าพนักงาน ซ่อมแซมปิดลายทองที่เพดานแลซุ้มประตูหน้าต่าง แลจิตรกรรมการเขียนในพระอุโบสถ แลที่บานประตูหน้าต่างให้ทำการลายสลักแลลายปูนน้ำมันบ้าง แล้วลงรักปิดทองเพิ่มเติมให้งามดีขึ้น แล้วให้เชิญพระแสนซึ่งเชิญลงมาแต่เมืองเชียงแตง ประดิษฐานไว้เปนที่สักการบูชา

ก็แลวัดเขมาภิรตาราม ซึ่งทรงปฏิญญาไว้แต่ก่อนว่าจะทรงสร้างให้เปนการฉลองพระเดชพระคุณ แด่กรมสมเด็จพระศรีสุริเยนทรามาตย์นั้น บัดนี้ก็ได้ทรงสร้างสำเร็จแล้ว แลได้ทำมหกรรมการฉลองสำเร็จโดยพระราชประสงค์ ดังที่ทรงพระราชปฏิญญาไว้แล้วแต่ก่อนนั้น แต่วัดหงษรัตนารามนี้ ในพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อยังดำรงพระชนม์อยู่ทรงพระประชวรพระอาการยังไม่ทรุดโทรมมาก ได้ทรงพระปรารภเริ่มการจัดผ้าไตรจิวรแลบริขารไทยธรรมทั้งปวงไว้พร้อม เพื่อการมหกรรมฉลองวัดหงษรัตนารามนี้ ยังหาได้ฉลองไม่ก็เสด็จสวรรคตล่วงไป

บัดนี้ในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งทรงกำหนดให้เริ่มการมหกรรมฉลองวัดหงษรัตนารามนี้ ให้นิมนต์พระราชาคณะ พระครูปลัดถานานุกรม แลพระสงฆ์อันดับในพระอารามนี้ ๑๐๐ รูป สดับปกรณ์พระบรมอัฐิในกรมสมเด็จพระศรีสุริเยนทรามาตย์บรมราชชนนี แลในพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว พระราชทานผ้าไตรจีวรแลสมณะบริขารบางสิ่งในวัน ๑ ๑๕ ๔ ค่ำ (ปีเถาะนพศก ๑๒๒๙) เวลาบ่ายแล้วจะได้สวดพระพุทธมนต์ รุ่งขึ้นวัน ๒๔ ค่ำ จะได้พระราชทานบิณฑบาตทานแลมีธรรมเทศนา แลมีการมโหรศพฟ้อนรำ ในเวลากลางวันกลางคืน แลมีดอกไม้เพลิงดอกไม้ระทาแลอื่นๆ แลตามประทีปตามโคมมีรูปพรรณต่างๆ ใหญ่น้อยรายรอบทั่วไปในบริเวณพระอุโบสถพระวิหาร เปนมโหฬาราติเรกบูชาพระรัตนไตรย เปนนิรติใสบุญเขตรวิเศษยิ่ง ตลอดสามวันสามเวลา

แลการพระราชกุศลที่ได้ทรงสถาปนาการ เพิ่มเติมในพระอุโบสถพระวิหาร แลสถานที่นั้นๆ ในพระอารามนี้ก็ดี พระราชกุศลในการมหกรรมฉลองณครั้งนี้ก็ดี ทรงพระราชอุทิศส่วนพระราชกุศล ถวายแด่กรมสมเด็จพระศรีสุริเยนทรามาตย์บรมราชชนนี ซึ่งได้ทรงสถาปนาการพระอารามนี้แต่เดิมมา แลพระราชทานส่วนพระราชกุศล แด่พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งได้ทรงสร้างพระอารามนี้ต่อมานั้น จึงได้ทรงอนุโมทนา แล้วจงเจริญด้วยทิพสุขสมบัติโดยพระราชประสงค์ทุกประการ

อนึ่งทรงพระราชอุทิศกัลปนาผลเปนเทพยพลีธรรมบรรณาการต่อเทพยดาซึ่งเปนอารักษ์ ได้เปนผู้อำนวยแลช่วยอุปถัมภ์ให้ได้ทรงพระเจริญมาแต่ก่อน แลได้ทรงพระเจริญอยู่ในพระศิริราชสมบัติณกาลบัดนี้ ให้สำเร็จพระราชประสงค์ต่างๆ ปราศจากอันตรายทั้งปวงทุกพระองค์ทุกตน อีกเทพยดาซึ่งได้อภิบาลรักษานภดลเสวตฉัตร แลพระบรมราชอาศน์รัตนบัลลังก์ณพระที่นั่งต่างๆ ในพระราชวัง แลพระสยามเทวาธิราช ซึ่งมีอำนาจได้บริรักษ์กรุงเทพมหานคร อมรรัตนโกสินทร์ มหินทรายุทธยา แลเทพยดาซึ่งรักษาพระสถูปเจดีย์ พระอุโบสถ พระวิหารพระพุทธปฏิมากร แลเทพยเจ้าสถิตย์ในถิ่นที่ภูมิสถานพฦกษบรรพตาลัย แลอาศรัยในนทีธารสาครสมุท แลท้องนภากาศทิพยพิมานมาศกาญจนมณเฑียร ในที่ใกล้ในที่ไกลทุกตำบลตลอดพระราชอาณาเขตร แลสรรพสัตว์ทั้งปวงจะประมาณมิได้ ขอจงได้ชื่นชมยินดีอนุโมทนา แล้วจงเจริญด้วยทิพสุขสมบัติตามปราถนาทุกประการ

อนึ่งการพระราชกุศลทั้งปวงนี้ ทรงพระราชอุทิศเปนพระบรมราชปัติทาน แด่สมเด็จพระบรมชนกนาถ ซึ่งมีพระเดชพระคุณมาเปนอเนกอนันต์ แลพระบรมราชวงศานุวงศ์วรญาติ ซึ่งมีพระชนมายุล่วงไปปะระโลกแล้วทั้งปวง แลท่านผู้อื่นซึ่งมีคุณูประการต่างๆ อย่างน้อยใหญ่บรรดาเปนผู้ไปปะระโลกแล้วนั้น เมื่อมีอุปปัติสถานเห็นปานใดๆ ขอจงได้ทราบด้วยทิพโสตทิพจักษุ ฤๅอุบายทางอื่นใดๆ ที่จะรู้ได้ แล้วจงอนุโมทนารับส่วนพระราชกุศล ด้วยผลปัตตานุโมทนาบุญกรรมนั้น จงได้สำเร็จในสุขสมบัติควรแก่คตินั้นๆ ทุกพระองค์ทุกองค์ทุกท่านนั้นเทอญ

อนึ่งพระบรมราชวงศานุวงศ์แลพระสงฆ์เถรานุเถระสมณพราหมณ์ แลข้าทูลลอองธุลีพระบาทผู้ใหญ่ผู้น้อยซึ่งยังดำรงชีพอยู่ ที่ได้โดยเสด็จพระราชดำเนินมาณที่นี้ก็ดี ไม่ได้โดยเสด็จพระราชดำเนินมาก็ดี แลได้ช่วยขวนขวายตกแต่งเปนเครื่องตั้งเครื่องสักการบูชาในที่นี้ก็ดี จงได้ชื่นชมยินดีอนุโมทนารับส่วนพระราชกุศลทุกพระองค์ทุกองค์ทุกท่านเทอญ

ด้วยกุศลผลอนุโมทนานี้ ทรงพระราชอธิฐานไว้ ขอจงให้ท่านทั้งปวงที่ได้รับส่วนพระราชกุศล ทุกท่านทุกนาย จงเจริญอายุพรรณสุขพลปฏิภาณ แลได้ชมชื่นสมประสงค์สิ่งที่ปราถนา อันปราศจากโทษไม่เปนบาป ขอให้ท่านทั้งปวงได้ความสว่างแก่ปัญญาแก่ใจตั้งอยู่ในที่สว่างแท้ๆ แลที่เย็นคือความสุขปราศจากที่ร้อนคือความทุกข์ ทั้งในชาตินี้ชาติหน้าเทอญ

พระราชกุศลซึ่งทรงบำเพ็ญแลอุทิศทั้งนี้จะได้ทรงประพฤติด้วยอวดอ้างว่า สร้างพระบารมีเปนพระบรมโพธิสัตว์ หวังพระราชหฤทัยจะได้ตรัสแก่พระโพธิญาณ อย่างท่านเปนอันมากที่เคยทรงมาแต่ก่อนนั้นก็หาไม่ ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลทั้งนี้ ด้วยพระราชประสงค์ขอจงเปนปัจจัยแก่ฉะเพาะเจาะจงให้ประสบพบช่องพบทาง พบโอกาสเปนอุบายที่จะได้ออกพ้นจากสรรพทุกข์ทั้งปวง ด้วยกับสรรพกิเลศภัย ได้อุดมบรมสุขที่ยิ่งกว่าสรรพสิ่งแลธรรมทั้งปวงโดยเร็วเทอญ สิทฺธ มตฺถุ สิทฺธ มตฺถุ สิทฺธ มตฺถุ

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ