ครั้นรุ่งเช้าข้าพเจ้ารีบตื่นแต่ยังไม่สว่างดี ไปยังห้องซุ้ยซึ่งเขาฝังข้าพเจ้าไว้ครั้งหนึ่ง เมื่อเหลียวซ้ายแลขวาไม่เห็นใครวี่แววแล้วก็มุดเข้าทางช่องตรงไปยังโรงพัสดุ หยิบเอาแต่ม้วนธนบัตร์ขึ้นมาจากโลง นอกจากที่ใส่ในกระเป๋าเสื้อกางเกง ยังเลาะสาบเสื้อและซับในเสื้อออก เอากระดาดเงินลำดับประจุเข้าไว้ หมดทั้งตัวในเวลานั้นมีเงินหลายหมื่นแฟรงค์ เมื่อพอความประสงค์แล้วก็เอาเครื่องมือที่ติดตัวไปจากเมืองด้วย ตีตะปูโลงเสียเรียบร้อย ใครเห็นก็ไม่สงไสยว่าโลงนั้นถูกเปิด เสร็จการแล้วคราวนี้นึกถึงโลงของข้าพเจ้าเอง ว่านี่ควรจะตีตะปูฝาโลงเสียดีหรืออย่างไร ? ไม่ต้องการ....ทิ้งมันไว้อย่างนั้นดีกว่า...จะได้เปนพยานฝ่ายเรา. ครั้นจัดการปิดช่องเข้าให้เรียบร้อยไม่เปนที่น่าสงไสยได้แล้ว ข้าพเจ้าก็รีบเดินมายังอ่าวท่าเรือ ลงเรือเมล์ข้ามไปเมืองปาเลอร์โม.

ในชั้นต้นที่ข้าพเจ้าต้องทำเมื่อถึงเมืองปาเลอร์โมแล้วนั้น คือไปยังที่ร้านที่ขายเครื่องแต่งตัวอย่างดีสำหรับคนชั้นสูง และบอกแก่ช่างตัดเสื้อว่าเหตุที่ข้าพเจ้าต้องแต่งตัวเปนคนหาปลาฉนี้ก็เพราะเพื่อการสนุก มาเที่ยวตกเบ็ดลากอวนกับเขาครั้นจะแต่งตัวแปลกไปก็ดูกระไร ๆ อยู่ จึงแต่งตัวปลอมมาดังนี้. ข้าพเจ้าสั่งให้เขาตัดเสื้อกางเกงอย่างดีหลายสำรับ สั่งให้ส่งในชื่อเคานต์เซซาเร โอลิวา ณ โฮเต็ลอย่างเอกในเมือง. เคานต์เซซาเร โอลิวา นี้เปนชื่อที่ข้าพเจ้าตั้งขึ้นสำหรับใช้ต่อไป. นอกจากที่สั่งให้ตัดใหม่ ข้าพเจ้าให้เจ้าของร้านเอาเสื้อกางเกงที่ตัดไว้ขายมาให้ลองอีก. เจ้าของร้านขอรับกระผมแป้นนำไปยังห้องไปรเวตมิดชิดสำหรับแต่งตัว แล้วปล่อยให้ข้าพเจ้าอยู่ตามสบายใจในห้องนั้นแต่คนเดียว แม้เสื้อกางเกงสำรับที่เขาตัดไว้ขายนั้นช่างเหมาะเจาะได้ตัวราวกับวัดให้ตัด. แต่งตัวแล้วก็ไปอยู่โฮเต็ลอย่างชั้นที่หนึ่งในเมืองนั้นหลายอาทิตย์อยู่ ในชั่วเวลาที่อยู่ตรองผูกความพยาบาทที่จะแก้แค้น. ข้อสำคัญชั้นต้นนั้นจะต้องเก็บสมบัติเงินทองทั้งปวงเข้าไว้ในธนาคารให้เปนมั่นเปนเหมาะเสียก่อนจึงได้ไปหาธนาคารใหญ่ในเมืองปาเลอร์โมแห่งหนึ่ง บอกชื่อตามชื่อใหม่ของข้าพเจ้า และเล่าต่อไปว่าได้ไปเสียจากเกาะซีซีลี (เกาะที่เมืองปาเลอร์โมเปนเมืองใหญ่) หลายปีแล้ว พึ่งจะกลับมาถึงเมื่อเร็ว ๆ นี่เอง. นายธนาคารจัดแจงรับรองข้าพเจ้าเปนอันดี แต่แสดงท่าให้เห็นว่า เขามีความประหลาดใจในการที่ข้าพเจ้ามีเงินทองแก้วแหวนมากเหลือขนาด เพื่อจะแก้สงไสยตรงนี้ ข้าพเจ้าจึงเลือกเอามรกฎเมล็ดเขื่องเมล็ดหนึ่ง กับเพ็ชร์น้ำที่หนึ่งอีกสองเมล็ดโตขนาดกัน ทำของกำนันให้เขา และขอให้เขาทำหัวแหวนใส่ด้วย ในชั้นต้นเขาไม่ค่อยจะรับ ต่อขะยั้นขะยอเข้าอีกจึงรับ ความขอบใจนั้นถ้าแม้มีน้ำหนักโดยส่วนสักเท่าน้ำหนักสำลีก็ดี ข้าพเจ้าคงจะแบกเอากลับไปไม่ไหว ของกำนันนั้นกระทำให้นายธนาคารลืม หรือเห็นว่าไม่เปนการจำเปนจะซักไซ้ในเรื่องราวส่วนตัวข้าพเจ้าให้พิศดารต่อไป ข้าพเจ้าก็ไม่ทราบ แต่เขามิได้ชักอีก นี้เปนสิ้นธุระไปตอนหนึ่ง. ตอนที่สองก็คือจะแปลงตัวเสียให้สนิท มิให้ใครจำได้ว่าเปนฟาบีโอ โรมานี ที่สุดจนเค้าหน้า น้ำเสียง หรือกิริยาท่าทาง. ข้าพเจ้าทิ้งหนวดให้งอกยาว—หนวดก็หงอกรับกับผม—ปล่อยให้เคราออกยาว—เคราก็หงอกขาวด้วย. ผมบอกว่าแก่ แต่เจ้าหน้านั่นแน่ะบอกตรงกันข้าม เพราะร่องรอยขยี้ย่น กลับเต็มบริบูรณ์ขึ้น ไนยตาก็ใหญ่ดำวาวคมเหมือนแต่ก่อน คนที่เคยรู้จักแต่เมื่อก่อนตายแล้วถ้ามาเห็นตาเข้าขยับจะจำได้แทบทุกคน. เมื่อเขาว่าตายก็เปนตายก็แล้วกัน เหตุไรจะกระทำให้เขานึกว่าตาดวงนี้เหมือนตาคนที่ตายไปหรือเปนตาของคนตายเล่า.

วิธีที่จะแก้ไม่เห็นจะยากลำบากอะไรนัก ทำเปนคนไนยตาอ่อนก็แล้วกัน—ตาอ่อนอย่างทนความร้อนหรือแสงสว่างไม่ได้ เห็นชอบด้วยความคิดดังนั้นแล้ว จึงไปซื้อแว่นตาสีมัวๆ มาคู่หนึ่ง แล้วมาลองใส่ดูในห้องตรงหน้ากระจกแต่ลำพังตัวคนเดียว แว่นตานั้นทำให้หน้าแปลกขึ้นอีกมาก ทั้งผมหนวดเคราและแว่นตาทำให้ดูอายุแก่ราว ๆ ห้าสิบห้าได้.

ทีนี้ถึงเสียง. โดยธรรมดา เสียงของข้าพเจ้าเล็กและพูดเร็ว แต่ทว่าชัดถ้อยชัดคำชัดสระอักษร และเปนธรรมเนียมของคนชาวอิตาเลียน ที่จะพูดยกมือยกไม้ลู่ไหล่เอียงคอ ยังกับเล่นลคร ข้อนี้ไม่ใช่ของง่าย ข้าพเจ้าต้องทำตัวเปนลคร ถึงบทที่ทำอย่างไร ต้องดัดแปลงฝืนนิสัยให้เปนไปตามบทจนได้. หัดทำเสียงให้ห้าว พูดจาอย่างเฉย ๆ ระวังไม่ให้ออกกิริยาเมื่อพูด เดชะบุญมีเจ้าประคุณอังกลิษแก้วอยู่ในโฮเต็ลเดียวกันคนหนึ่ง เลยยึดเอาเปนแบบเรียน เรียนทำท่าอิริยาบถทุกสีทุกอย่าง ที่สุดจนจะเดินเหิน ให้หลังตรงอกแอ่นอย่างกับออกจากโรงเรียนกายบริหารใหม่ ๆ เรียนนานเข้ารู้สึกว่ากระทำได้สำเร็จ ด้วยได้ยินเจ้าพวกคนใช้เขาเรียกข้าพเจ้าว่า “หมีขาว”

สิ่งหนึ่งที่ข้าพเจ้ากระทำต่อไป คือเขียนจดหมายไปถึงเอดิเตอร์ของหัวหน้าหนังสือพิมพ์รายหนึ่งในเมืองเนเปิลซ์ หนังสือพิมพ์ฉบับที่เคยส่งไปที่บ้านเดิมเสมอ—และได้สอดธนบัตรราคาห้าสิบแฟรงค์ไปในซองเดียวกับจดหมายฉบับนั้นด้วยขอให้เขาคัดข้อความซึ่งข้าพเจ้าเขียนส่งไปให้ดังต่อไปข้างล่างนี้ลง จดหมายนั้นนำสำเนาในหนังสือ พิมพ์ฉบับที่จะออก :-

“เราได้ทราบจากพจนานุการของเราอย่างเปนแน่นอนว่า ซินยอคอนเต เซซาเร โอลิวา ผู้เปนคนเนื่องมาจากตระกูลอิตาเลียนอันดี ซึ่งได้ไปอยู่เสียต่างประเทศนานนั้น บัดนี้กลับมาด้วยสมบัติอันเอนกประการ จะมาตั้งบ้านเรือนฝังรกรากอยู่ในเมืองนี้ ท่านผู้นี้จะได้ถึงเมืองเนเปิลซ์ในเร็ว ๆ นี้ เพราะฉนั้นหวังใจว่าผู้ที่เปนหัวหน้าในโซไซเอตีทั้งหลาย จะมีความยินดีรับรองท่านผู้จะมาถึงนี้เพิ่มเข้าใน จำนวนพวกท่านด้วยอันดี.”

เอดิเตอร์ลงพิมพ์ให้ตามความปราดถนาของข้าพเจ้าทุกถ้อยคำตามที่ได้เขียน แล้วเขาได้ส่งฉบับหนังสือพิมพ์ที่มีข่าวอันนั้นมายังข้าพเจ้าพร้อมด้วยความขอบใจล้านเท่า” เรื่องเงินซึ่งได้สอดซองไปให้นั้นมิได้กล่าวถึงเลย แต่เข้าใจได้ว่าเอาเก็บเข้ากระเป๋าเงียบด้วยความยินดีมาก ถ้าหากว่าข้าพเจ้าได้ส่งไปถึงเขาสักร้อยสองร้อยแฟรงค์ เขาอาจจะลงข่าวว่าข้าพเจ้าเปนกระษัตริย์มหาสารหรือเอมเปอเรอร์เสด็จปลอมมาก็จะเปนได้

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ