การรวบรวมเข้าของที่ซื้อมากระจัดกระจายอยู่เข้าที่ตามเดิมนั้น ไม่เปนของยากลำบากอะไรนัก ในชั่วเวลานี้ข้าพเจ้าต้องการแต่เพียงสองถุงสำหรับไปใช้จ่ายพลาง ถุงหนึ่งล้วนแต่ทอง อีกถุงหนึ่งล้วนเพ็ชร์พลอย, เหลือนอกนั้นก็กลับเอาลงหีบ ปิดฝาเรียบร้อยแล้วลากเอาไปไว้มุมห้องซุ้ยที่มืดที่สุด ยกสิลาก้อนใหญ่ขึ้นทับไว้สามก้อน แล้วกลับมาเอาถุงทั้งสองที่เลือกเอาไว้สอดลงกระเป๋ากางเกงข้างละถุง พอทำอย่างนั้นนึกขึ้นมาได้ถึงเครื่องแต่งตัวของข้าพเจ้า แต่งตัวอย่างนี้จะเดินไปตามถนนหลวงได้หรือ ควักถุงเงินเดิมของข้าพเจ้าที่ได้กล่าวมาข้างต้นแล้วว่ามีติดตัวมาด้วย เทออกดูมีทองตราราคายี่สิบแฟรงค์อยู่สองแผ่น มีเงินปลีกอยู่บ้าง เงินเท่านี้พอจะซื้อเครื่องแต่งตัวสำรับหนึ่งได้ แต่จะไปซื้อไปหาที่ไหน ? หรือว่าจะซุ่มซ่อนอยู่ในห้องซุ้ยนจนพลบค่ำจึงออกเหมือนกับอ้ายผีปีศาจหรืออ้ายคนร้าย ? ไม่ได้การ! จะเปนไรก็เปนไปไปมันถุ่ย ๆ อย่างนี้ ผิดชอบเขาก็เหมาเอาเปนอ้ายกระยาจกวรรณิพก เที่ยวขอทานเลี้ยงชีพเท่านั้นเอง ไม่เห็นจะเสียอะไร. ถึงจะเสียจะหายสักเท่าไรก็ไม่เปนไร—พอถึงบ้านก็คุ้มดอก.

ครั้นตกลงในใจอย่างนั้นแล้ว ก็เตรียมตัวจะออก เอาจี้เพ็ชร์เรือนที่พบคราวแรกห้อยคอ ตั้งใจว่าจะเอาเครื่องประดับกายอันนี้ไปเปนกำนันภรรยา แล้วก็ปีนลอดออกทางช่องเอาไม้ขอนขึ้นก่ายทับๆ กันและเอาขยะฟางหญ้ามากองสุมๆไว้อย่างเดิม ครั้นแล้วออกยืนห่างๆ พิจารณาดูลาดเลา เห็นไม่มีเค้าเงื่อนที่จะจับตาคนว่าเปนทางเข้าในอุโมงค์แต่สักนิดแล้ว ก็เดินลัดหาทางใกล้ที่สุดที่จะมาเมือง.

พระอาทิตย์ขึ้นสูงส่องแสงร้อนกล้าขึ้นทุกที ๆ ฝุ่นตามถนนร้อนราวกับขั้ว ข้าพเจ้าเดินเท้าเปล่า ศีร์ษะเปลือย แต่ก็ไม่รู้สึกร้อนกี่มากน้อย ด้วยหัวใจมุ่งไปสู่ความเย็น กระหยิ่มยิ้มกริ่มในใจเกินร้องเพลงเรื่อย ๆ มาคนเดียว ภายหลังรู้สึกขาแข้งเพลีย วิงเวียนและปวดศีร์ษะ คอแห้งอยากรับประทานน้ำ ระลึกถึงโรคของตัวขึ้นมาว่ายังไม่หายปรกติดี มานะแขงใจว่าสู้ทนโซเซไปถึงบ้านได้แล้ว โดยความประคบประหงมรักษาพยาบาลของแม่ชื่นใจ ไม่กี่วันก็คงหายดอก เดิน ๆ มาเห็นเกวียนบรรทุกผลองุ่นสดจอดอยู่ข้างทางเล่มหนึ่ง ดีใจเดินตรงรี่เข้าไปหา ฝ่ายชายเจ้าของเกวียนนั้นนั่งพิงหลับอยู่บนเกวียน ม้าก็ยืนเล็มหญ้าตามข้างทางกินสบัดลูกพรวนดังกร่าง ๆ ด้วยความหิวกระหายน้ำจัด ข้าพเจ้าเดินเข้าไปข้างเกวียนเอามือจับไหล่ชายเจ้าของเกวียนสั่น ชายเจ้าของเกวียนนั่นตกใจตื่นขึ้น ทำหน้าตื่นเลิกลั่กด้วยความกลัว โดดลงจากเกวียนคุกเข่าลงกลางฝนยกมือกระทำคำนับอ้อนวอนขอชีวิต. ข้าพเจ้านึกในใจว่าเหตุไรหนอตานี่จึงกระทำกิริยาดังนี้ เห็นจะเปนด้วยเครื่องแต่งตัวมันเร่อร่าหรือยังไง ?

“เฮ้ย ลุกขึ้น !” ข้าพเจ้าว่า “ข้าไม่เอาอะไรของแกดอกจะเอาแต่ลูกองุ่นเท่านั้น ข้าให้เงินซีน่า อย่ากลัวไม่เอาของแกเปล่าดอก ว่าดังนั้นแล้วก็ควักเงินยื่นให้สองแฟรงค์. อีตาเถ้าเจ้าของเกวียนลุกขึ้นตัวสั่นเทา กอบเอาผลองุ่นให้ขยุ้มหนึ่ง รับเงินแล้วกระโดดขึ้นเกวียนเฆี่ยนม้าให้วิ่งเกือบตาย โครมครามตรังตังตังลงเนินไปเร็ว สักครู่ก็เห็นแต่ฝุ่นขึ้นฟุ้งตระหลบไป. ข้าพเจ้ารับประทานผลองุ่นพลางนึกออกขันตาบ้าเจ้าขององุ่น อะไรอยู่ดี ๆ ก็โครมครามพรวดพราด หรือจะเข้าใจว่าเปนปีศาจหรือพวกโจรละกะมัง ? เดินไปเดินไปจนมาใกล้เมือง ยิ่งใกล้เมืองเข้า ยิ่งเจอะผู้คนมากขึ้น—แต่ไม่มีใครติดใจพิศวงข้าพเจ้า—ว่าโดยที่แท้ข้าพเจ้าคอยหลบทลีกให้ห่างไว้ตามแต่จะได้อยู่เสมอ. ลัดแลงมาถึงตรอกเล็กแห่งหนึ่ง มีร้านขายของสองสามร้าน ขายของรุงรัง ปะการังบ้าง เปลือกหอยบ้าง ลูกปัดบ้าง ปลาแห้ง มพร้าว น้ำเต้า เขาสัตว์ ถ้วยปืนชามร้าว ของเก่าๆเกือบสารพัด ดูทำนองอย่างโรงจำนำ เห็นตาแก่อ้วนตุ๊นั่งอยู่หน้าร้านคนหนึ่ง หน้าตาแกกยู้กยี้ราวกับยักษ์เด็กมันเขียนเล่น นั่งสูบกล้องปุ๋ยๆอยู่ ไนย์ตากลมดำสอดส่ายเหลียวซ้ายแลขวาดูว่าอะไรมาทางไหนบ้าง พอเห็นข้าพเจ้าเดินมาแต่ไกล แกทำไถลไปดูท้องฟ้า ต่อเดินมาใกล้ได้สักสองวาจึงได้ก้มหน้าลงมาจ้องตาเขม็ง.

ข้าพเจ้าเห็นว่าคนชนิดตาเจ้าของร้านนั้นไม่ควรจะทราบเรื่องราวของข้าพเจ้า จึงพูดว่า “ตาขาตา ฉันเปนคนจรมาแต่ทางไกลเข้าของเสื้อผ้าสูญหายเสียตามทางหมดสิ้น. ตามีเสื้อสำหรับขายบ้างไหมขา ? เสื้อกางเกงอะไร ๆ ก็เอาเถอะ ฉันไม่ใช่คนพีถีพีถันดอก อะไร ๆ ก็ได้.”

ตาเถ้าอ้วนนั้นชักกล้องออกจากปากแล้วว่า “อ้ายแกน่ากลัว อ้ายโรคห่าไหม อ้ายโรคลงรากหน้ะ?”

ข้าพเจ้าตอบเรื่อยๆว่า “ไม่กลัวดอกกะตา ฉันพึ่งจะฟื้นจากโรคนั้นเมื่อนี่เอง เนื้อจืดเสียแล้ว มันไม่ตามมากินดอกตา.”

ตาเถ้านั้นมองข้าพเจ้าทั่วสารพางค์กาย แล้วหัวเราะว่า อ้อ—ดี—ดี! เหมือนข้าอีกคนหนึ่ง—ไม่กลัว กลัวมันทำไม! อ้ายเรามันไม่ใช่ขี้ขลาดนะแกนะ พระบนสวรรค์ท่านส่งให้อ้ายห่ามาหนะดีเสียอีก. ข้าชอบพิลึก เสื้อผ้าที่อ้ายสัปเหร่อมันรึ้งมาจากผีได้กี่มากน้อย โยนมาเถอะ ข้ากว้านไว้หมด แม้ยังใหม่ ๆ เรี่ยม ๆ ก็มี. อ้ายแกเอ๋ย ข้าไม่ต้องซักต้องฟอกต้องลอกขี้ไคล—ใครมาซื้อก็ขายไป—ว่าเสียสด ๆ—จะเปนไรไป ? มนุษย์เราเกิดมาแล้วก็ต้องตายทุกคน ใครจะอยู่ค้ำฟ้า—ยิ่งเร็วยิ่งดี! ข้าต้องช่วยพระเจ้าเต็มมือเทียว.”

ข้าพเจ้าออกพื้นเสียในถ้อยคำของอีตาเถ้าจัญไร มันช่างพูดออกมาได้ไม่ขยะแขยงน่าแช่งน่าด่านี่กระไร รู้สึกสอิดเสอียนขนพองสยองเกล้า เช่นกับถูกอ้ายตัวอะไรเกาะคอเมื่อนอนหลับในห้องซุ้ย พิศดูหน้าตาตั้งแต่ศีร์ษะตลอดเท้าว่าจะมีเค้าแขกยิวก็ไม่ใช่ คนชาติอิตาเลียนนั่นเอง แต่ใจคอช่างกระไรหยาบช้าทารุณเหลือดีฉนี้.

“แน่ะแฮ้ตา?” ข้าพเจ้าพูดเสียงกระชาก ๆ “เมื่อมีกางเกงขายหรือไม่มีก็ให้ว่ามา ไม่มีจะได้ไปหาซื้อที่อื่น”

“มีซีน่า มีมี!” แล้วตาเถ้านั่นก็ลุกจากเก้าอี้. ปุ้โธ่นึกว่าจะสูง เปล่า เตี้ยตะแมะแคะ หลังโกงเปนปุ่มเปนปั่ม เดินเตาะแตะนำน่าเข้าไปข้างในร้านมืดของแก “เข้ามาข้างใน เข้ามาข้างใน! เลือกตาม ชอบใจ เสื้อผ้าถมเถ อ้ายแกชอบสำรับไหนก็เลือกเอาตามชอบใจ ดูสำรับนี้แนะ เสื้อผู้ดี ฝีมือตัดฝีมือเย็บก็ดีด้วยนา เอ้าดูเส้นด้ายซี เส้นโตเบิ้มเทียว เสื้ออังกลิษด้วย ตัดเมืองอังกลิษโน้น! เจ้าของเดิมเปน คนอังกลิษ มายล้อร์ดที่ดื่มเบียดื่มบรั่นดียังกะดื่มน้ำท่า มั่งมีพิลึก-โอ-มั่งมีพิลึก! แต่อ้ายห่าจิกไปกินเสียแล้ว; เขาว่ามันด่าเปนโขมง เรียกกินบรั่นดีไม่หยุดปาก. ฮา ฮา ตายดี—ตายดี! ตาคนที่บ้านตาเอาเสื้อสำรับนี้แหละมาขายให้ข้าเปนเงินสามแฟรงค์—หนึ่ง, สอง, สาม,—แต่ต้องให้ข้าหกแฟรงค์ หกแฟรงค์ หกแฟรงค์ เห็นกำไรไหม ? หกแฟรงค์มันต้องอย่างนั้น ข้ามันคนจนและแก่นักแล้วด้วย ต้องทำอะไรบ้างพอเลี้ยงชีวิต.”

ข้าพเจ้าเหวี่ยงมัดเสื้อที่ตาเจ้าของร้านส่งให้นั้นเสีย และว่า “ฉันไม่เกลียดไม่กลัวไม่รังเกียจตัวโรคดอก แต่รังเกียจอ้ายเสื้อที่ชุ่มไปด้วยกลิ่นบรั่นดีวิสกี้ ซื้อไปใส่หน่อยได้กลิ่นจะหงษ์เซซัด ๆ ไปไม่ตรงรู่ตรงทาง ถ้าไม่มีอะไรอย่างอื่นเลย เสื้อตลกที่เขาแต่งในคารนิวาลก็เอาเถิด จะดีเสียกว่าเจ้าเสือหงษ์นี่.”

“อ้าๆ ดีๆ !” ตาเถ้านั้นว่า “ยังงั้นซีข้าชอบ ข้าชอบ! อ้ายแกถึงจะแก่จะเถ้าก็ยังสนุกสนานดี ข้าชอบอย่างนั้น เกิดมาเปนคน ถึงจะยากจะจนจะแก่จะเถ้า อย่าทำหน้างอคอเง้าาหน้าบูดบู้บี้ สนุกมันไว้ หัวร่อมันไปจึงจะนับว่าดี ดูแต่คนตายยังหัวเราะ ง่า ง่า—เคยเห็นหัวกระโหลกผีบ้างไหม มันยังยิงฟันหัวเราะอยู่เสมอ.”

ว่าดังนั้นแล้วก็กระชากลิ้นชักออก มีมัดเสื้อมัดกางเกงออกเกลื่อนไป แกหยิบโน่นวางนี่บ่นพึมพำอยู่คนเดียว. ฝ่ายข้าพเจ้ายืนนิ่ง รำพึงถึงคำที่ตาเจ้าของร้านแกว่า “อ้ายแกถึงจะแก่จะเถ้า ก็ยังสนุกสนานดี” ที่เขาว่าข้าพเจ้าแก่เถ้านั้นเขาแปลความว่ากระไรกัน? ชะดีชะร้ายตาเถ้านี่จะตาบอด หรือมิฉนั้นฟ่าฟาง. ในทันใดนั้นแกแหงนหน้าขึ้นมามอง.

“เมื่อพูดถึงอ้ายตัวห่า.” แก่พูด “มันไม่ทำสิ่งที่ดีเสมอไปแท้ เช่นกับเมื่อวานนี้เองมันบ้าบอระยำใหญ่ มันมาจิกเอาเศรษฐีใหญ่ในหมู่นี้ไปเสียคนหนึ่งได้ โถน่าสมเพช ให้ตกกะรกซีทั้งหนุ่มทั้งแน่น ทั้งแขงทั้งแรง ทั้งกล้าทั้งหาญ ดูไม่น่าจะตายเลย อ้ายตัวห่ามันจองในเวลาเช้า ก่อนอาทิตย์ตกซิเอาลงโลงตีตะปูปังปัง หามไปฝังในห้องซุ้ยของปู่ย่า แล้วพอข้าได้ทราบข่าวเข้าก็ต่อว่า มาโดนา ทีเดียว ว่าแกเปนหญิงกาลีร้ายกาจมากไม่รู้จักสิ่งผิดสิ่งถูก คนดีคนชั่ว ว่าเสียใหญ่เทียว. ดูเถอะแกเอ๋ย! ข้าเปนเกลอกับพระเจ้าก็เปน และเปนเกลอกับตัวห่าก็เปน แต่ทั้งสองเกลอแหละมันบ้าน่าเคืองแท้ๆ ดูดู๋ มาฉวยเอาเคานต์ฟาบีโอ โรมานีไปได้”

ข้าพเจ้าสดุ้งเยือก แต่สกดใจไว้เปนกลางทำเฉยๆ ไว้ แล้วว่า “จริงหรือขาตา ท่านผู้นั้นหน้ะคือใครค้ะ ทำไมคนอื่นถึงตายได้ และท่านผู้นั้นถึงจะไม่ควรตาย วิเศษวิโศอย่างไร?”

“ตาเถ้านั้นว่า” ไม่รู้ว่าเปนใครหรือ ? ไม่รู้หรือ ? อ้า เฮ้อ! อ้ายแกหน้ะไม่รู้อะไรในเมืองเนเปิลซ์เสียเลย. ไม่เคยได้ยินชื่อท่านเศรษฐโรมานีบ้างเทียวหรือ? คอยฟัง เหตุไรข้าถึงไม่อยากให้ท่าน ตาย. ท่านฉลาดกล้าหาญชาญไชยพิลึก—กะคนจนละดีนัก ผ่าเถอะ ทำบุญทำทานตะละทีๆ ตั้งร้อยๆ แฟรงค์ ข้าได้เห็นท่านเนืองๆ—เห็นท่านแต่งงานเมีย” พอถึงตอนนี้หน้าตาเถ้านั้นย่นขมวดเหมือนกับโกรธแค้นมาก “พ่ะ! ข้าเกลียดอีนังเมียแท้—รูปร่างสะสรวยยังกะงูเผือก! ข้าคอยสังเกตดูเสมอ ว่าจะลงเอวังจบแหล่กันอย่างไร ข้างไหนจะชนะ. โดยความสัตย์ความจริง ข้าอยากให้ข้างผัวชนะ อยากจะช่วยผัวเอาชีวิตนังเมียเสีย จริง ๆ นาผ่าซี ? แต่เทพยดาฟ้าและดินทำผิดคราวนี้ผิดมากผิดมาย มาผลาญชีวิตท่านผัวเสียปล่อยให้นางเปรตสวรรค์สบายใจใหญ่. เออ ผ่าเถอะนา อ้ายเกลอ พระเจ้ากับตัวห่าทำผิดแท้ๆ ผิดใหญ่ผิดโต”

ข้าพเจ้ายืนนิ่งฟังออกนึกแค้นใจเปนอย่างยิ่ง แต่ก็นึกปลาดใจมากเหมือนกัน ว่าเหตุใดอีตาเถ้าจัณทาลนี้ถึงตั้งหน้าตั้งตาเกลียดภรรยาข้าพเจ้านัก. หรือจะเปนเพราะแกอิจฉาความหนุ่มความสวยความงามก็จะเปนได้. อนึ่ง ถ้าตานี่เห็นข้าพเจ้าเนืองๆ แกคงจะจำหน้าได้ นี่ยังไรกันหนอ แก่ถึงจำไม่ได้เอาเสียเลย เมื่อคิดดังนั้นแล้ว ข้าพเจ้าก็พูดดังออกไปว่า

“เคานต์โรมานี ของตานั่นรูปร่างเปนอย่างไร ? ตาว่าเขาสวยเก๋—สูงต่ำดำขาวประการใด ขาตา ?”

ตาเถ้าตอบว่า สวยเก๋มากแต่ก็นึกปลาดใจ โอ๊ย ดูไม่เสียสายตาเปล่าแต่ก็นึกปลาดใจ ตัวตรงเหมือนยังแกนี่แหละ—สูงก็เท่าแก—ผึ่งผายก็เหมือนแก แต่ไนย์ตาของอ้ายแกหน้ะมันโหลลอย—ของท่านหน้ะเต็มใหญ่วาว—หน้าของแกมันสลดซีด—ของท่านหรือเปล่งปลั่งสีเลือดสีฝาดขึ้น ผมก็ดำเนินมันขลับราวกับขนกาน้ำ—อา! เกลอเอ๋ย ของอ้ายแกมันขาวราวกะสำลี!”

คำสุดทำเอาข้าพเจ้าสดุ้งเสมอกับถูกสายไฟฟ้า! เปลี่ยนแปลงถึงอย่างนั้นเทียวหรือ! ความน่ากลัวในเวลากลางคืนในห้องซุ้ยจะแปลงรูปมนุษย์ไปได้ถึงอย่างนั้นทีเดียวหรือ? แกว่าผมข้าพเจ้าขาวผมข้าพเจ้า ? ไม่น่าเชื่อ. ถ้าเปนอย่างนั้นจริงไหนเลยแม่นีนนาจะจำข้าพเจ้าได้—เห็นเข้าคงจะตกใจร้องวิดว้ายไป—ถึงกีโดก็คงจะสงไสย ที่ว่าข้าพเจ้าเปนข้าพเจ้า. ข้อนั้นยกไว้ อ้างพยานให้สมได้ว่าข้าพเจ้าคือ ฟาบีโอ โรมานี—โลงก็เปนพยาน ห้องซุ้ยก็เปนพยาน กำลังข้าพเจ้าคิดตรอง ตาเถ้านั่นเอ่ยขึ้นมาท่ำกลางอีกแล้วว่า:

“เออ ท่านสวยจริง งามจริง รูปร่างแข็งแรง. ข้าชอบคนแรงๆ ถ้าท่านจะจับคอนางเมียนั้นบิดให้ขาดก็ได้อย่างสบาย! บิดเสียแล้วจะได้ไม่มีหน้ามาลอยตอแหลตอกั่นได้อีก. ข้าอยากให้ท่านจับคอบิดแท้—ตั้งตาคอยดูตั้งหูคอยฟังอยู่ว่าเมื่อไรหนอจะบิดเมื่อไรหนอจะบิด ถ้าพระยามัจจุราชไม่เอาท่านไปเสียท่านคงบิดจริง ชะชะเสียดายท่านมาตายเสียก่อน.”

ข้าพเจ้าสกดใจนิ่งกลืนโทโษไว้เบื้องใน ทำท่าขรึมพูดดีกับอ้ายเดียรฉานเถ้าว่า : “เหตุใดตาจึงเกลียดชังเคานเตสโรมานีนัก ท่านทำอะไรให้ตาหรือ ?”

ตาเถ้าตอบว่า คอยฟัง! ว่าเหตุใดข้าจึงเกลียดชังมันนัก—เออ เออ—จะเล่าให้ฟัง เพราะอ้ายแกเปนผู้ชายและทั้งเปนคนแข็งคนแรง ข้าชอบคนแรง—บางทีคนแรงๆ ก็ถูกกลอีผู้หญิง จริงนา—แต่ไม่เปนไรมีเรี่ยวแรงพอแก้เผ็ดมันได้. แต่ก่อนนี้ข้าก็แข็งแรงนักเหมือนกัน แต่เดี๋ยวนี้ไม่ไหว ไม่ไหวเสียแล้ว. แต่อ้ายแกหน้ะ- - ถึงแก่—แต่ชอบตลกคนอง—เข้าใจไหม. นางผู้หญิงโรมานีมิได้ทำให้ข้าเจ็บแค้นแสนสาอะไร เปนแต่หัวเราะเยาะ—ครั้งหนึ่ง. หัวเราะเมื่อคราวขับรถมาโดนข้าล้มขว้ำเข้าเม่าลงกลิ้งกลางถนนเจ็บอยู่—ข้าเห็นริมฝีปากแดงแย้มเห็นรายฟันขาว—หัวเราะเหมือนเด็ก ๆ—เอาเถอะ ถ้าไปถามใครเขา เขาคงบอกว่าหล่อนดี—ไม่เดียวสา! มีคนเขาพยุงข้าขึ้น—รถก็ขับเลยไป—ท่านผัวไม่ได้มาด้วย—ท่านมาคงเปนอย่างอื่น. อ้ายข้อที่โดนล้มไม่เปนอะไรดอก แต่จะบอกให้อ้ายข้อหัวเราะนั่นและมันช่างเหมือน—”

“เหมือนอะไร หนะขา เหมือนอะไรหน้ะ ตาเจ้าของร้านตอบว่า “เหมือนเมียข้าหน้ะซีอะไรเสียอีกเล่า” ว่าดังนั้นแล้วแกเพ่งตาถมึงทึง หน้าโกรธดุขึ้นกว่าแต่ก่อน “โอ ข้าเคยรู้รศรักแล้วว่ามันเปรี้ยวเค็มหวานมันปร่ากร่อยอย่างไร เคยรู้รศเคยรู้ ข้าก็เคยมีเมียกับเขาเหมือนกันนาอย่าดูถูก สวยงามเลิศประเสริฐหาที่ติมิได้ ด้วยพูดจาแช่มช้อยหงิมหงอยนี่กระไร ใครเห็นแล้วไม่มีที่จะว่าไม่ดีที่ตรงไหน ผมดำตาดำคิ้วดำคมขำเหลือใจ วันหนึ่งข้าไปเที่ยวไม่อยู่ ดูดู๋มันพาชู้เข้ามานอนได้ อ้ายชู้ใช่คนดิบคนดีอะไร อ้ายตะพายแมนโดลีนเที่ยวดีดขอทานตามถนนนี่เอง แต่มันสวย มันกล้ายังกะสิงห์โต ข้าเปิดประตูเข้าไปเจอะกำลังนอนเคลียคลอประจ๋อประแจ๋กันอยู่ทีเดียว แกเอ๊ย พออ้ายชู้มันเห็นข้าเข้า แม้ มันเต้นเร้าเข้ามาเทียว ข้ากำลังโกรธเกรี้ยว เอามือเหนี่ยวตีนกระหวัดวัดล้มลงไปหงายทำตาแจ๋วแหววอยู่กลางเรือน. ข้ามองดูหน้าแล้วพูดว่า ข้าจะไม่ทำอันตรายเอ็งดอก ถ้าอีเมียข้ามันไม่เปนใจ เอ็งก็ทำอะไรไม่ได้ ขอแต่ให้นอนนิ่งอยู่สักประเดียว ? ว่าแล้วข้าก็เอาเชือกมามัดตีนมัดมือเปนมัดหมู. ที่นี้ข้าก็ชักมีดเดินตรงไปที่นางตัวดี ถึงจะอ้อนวอนขอโทษสักเพียงไรข้าก็ไม่ฟังน้ำเสียง เอามีดแทงฉัวะเข้าตรงหัวใจตรงใจร้ายใจดำ เลือดหัวใจพุ่งฉุดออกมาเปื้อนเสื้อขาวออกแดงฉาด ดิ้นชักยกมือขึ้นแล้วก็ขาดใจตาย. ครั้นข้าจะฆ่าอ้ายชายชู้ให้ตายไปด้วยกัน ตามลักษณกฏบทพระอัยการ ‘จับผู้หญิงร้ายชายชู้ได้กลางคัน ฆ่าเสียให้ตายทั้งสองคนแล้ว ชายเจ้าเมียไม่มีความผิด’ หรือก็มานึกว่า ถ้าอีหญิงแพศยาไม่เปนใจกระดิกกระดี้รี่ ไหนอ้ายผู้ชายจะล่วงประเวณีได้ ข้าตรองดีแล้วก็แก้เชือกปล่อยอ้ายผู้ชายไปโดยชื่นตา แม้, อ้ายแกเอ๋ย พอมันลุกได้มันทัพฮ่อไปราวกะอ้ายบ้า วิ่งไปบอกโปลิศให้มาจับข้าไปทีเดียว เขามัดเอาข้าไปศาลหาว่าทำร้ายแก่ชีวิตด้วยความตั้งใจ. หาไม่ข้าป่านนี้ก็ไม่ได้มาพูดกะอ้ายแก หากว่าไปโดนตระลาการยุติธรรมแท้เข้า ท่านเคยมีเมียท่านรู้ธรรมชาติของเมีย ท่านเข้าใจเหตุผลต้นปลายดีว่าทำไมถึงเกิดเหตุ ทำไมถึงมีผล โดยความยุติธรรมของท่าน ท่านโปโลโปเลรวม ๆ อย่างใดไม่รู้ ข้าเลยหลุดมาได้ เจ้าประคุ้ณ ขอให้ท่านเจริญยิ่ง ๆ ขึ้นไปเถิด ท่านยุติธรรมแท้ๆ. เพราะอย่างนี้แหละข้าถึงเกลียดนางคนสวยเพ็ชร์พราวบ้านนั้นนัก. ดูมันแบบเดียวกันกับอีนางคนของข้าเที่ยว—อีคนที่ต้องแหวะอกเสีย—จะซ้ำอีกครั้งว่า ข้าเสียดายนักที่ท่านผัวตายเสียเร็ว—ไม่รู้ว่าอย่างไร ยิ่งคิดยิ่งร้อนใจเอามาเปนกี้เปนการของตัวเอง. ถ้าท่านไม่ตายและ ท่านคงฆ่ามันเสียจริงด้วยนา เปนทายไม่ผิดเออ นี่ !”

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ