๖
“เห็นไหมล่า ความจำของข้าหละแม่นยำนัก ดูซีหลายปีแล้วยังจำมาเล่าได้เปนต้อยเปนติ่ง คนเราถ้ามีอะไรคิดมากนักจะนอนก็ไม่ใคร่จะหลับ มันระยำที่ตรงนี้นางตัวดีนั่นมายืนให้เห็นทุกคื้นทุกคืน มายืนบิดมือไปบิดมือมา แล้วเพ่งตามองถมึงทึง เสียงครางละได้ยินกะหูชั้ดชัดมันช่างมาได้ ตายแล้วยังมีหน้ามาเย้ยได้ มาทุกคืน ทุกคืน!” ถึงตรงนี้ตาเถ้านั่นหยุด เอามือลูบหน้าเสยผมเหมือนกับคนพึ่งตื่นนอน ใหม่ ๆ มองดูข้าพเจ้าเหมือนดังพึ่งจะเห็นข้าพเจ้าเปนครั้งแรก แล้วก็หัวเราะก้าก.
“ดูเอาเถอะ ดูเอาเถอะ ความจำ! แปล๊ก แปลก! ขอให้ดู ข้าจำความเก่าความแก่ได้หมด จำจนลืมแก! ข้าจำได้ดอกน่าว่าอ้ายแกต้องการอะไร—ต้องการเสื้อกางเกง—จริงซีนา อ้ายแกต้องการผ้า อ้ายข้าต้องการเงิน หา หา หา หา! เสื้อมายล้อร์ดอิงกะลิษนี่ก็ไม่เอา! เข้าใจ เข้าใจจะหาดีๆ ให้ใหม่—คอยประเดี๋ยว พ่อเหย ประเดี๋ยวได้ซีน่ามีถมไป โถม!”
พูดดังนั้นแล้ว ตาเถ้าเจ้าของบ้านก็ไปเที่ยวค้นมัดเสื้อกางเกง ง่วนบ่นอะไรต่ออะไรพึมพำ ๆ คนเดียว ดูรูปร่างแกในขณะก้มๆเงยๆ หยิบนั่นฉวยนี่ ช่างคล้ายกับแร้งแก่เมื่อขณะจิกศพกินนี่กระไร แต่ถึงกระนั้นก็ดียังมีเครื่องทำให้ออกเวทนาอยู่บ้าง เวทนาที่ชีวิตของแกทรมานอยู่ด้วยความทุกข์ตั้งแต่หนุ่มจนแก่ เมื่อจะเปรียบความทุกข์ของแกกับของข้าพเจ้าดูมันช่างไกลกัน ข้าพเจ้าทนทุกข์ทรมานชั่วคืนเดียวยังรู้สึกถึงเพียงนี้ นี่แกทนทุกข์ทรมานมานมนานชั่วกัลปก็เปนของไม่ใช่เล่น แกเกลียดแม่นีนนาเพราะความเลินเล่อของหล่อนที่ขับรถไปโดน หรือมิฉนั้นคงไม่ใช่แต่หล่อนคนเดียวที่แกไม่ชอบ ขึ้นชื่อว่าผู้หญิงสวยที่แกรู้จัก แกเห็นจะเกลียดทั้งหมด ค่าที่เปนแซ่เดียวกับนางเมียของแก. ข้าพเจ้ายืนดูแกค้นของ ประเดี๋ยวแกหันหน้ามาทำท่ากึ๊กกั๊ก.
“เจอะแล้ว!” แกร้องพูด “นี่แหละเหมาะแท้. ถ้าเจ้าเปนพวกหาปะการัง เจ้าคงชอบสำรับนี้ นี่แน่ะ ผ้าคาดพุงแดงกระแฮม หมวกแก๊ปและอะไรๆ พร้อมเสร็จ—สวยเข้าที เจ้าของเดิมสูงต่ำสันทัดแกนี่แหละ—คงได้ตัวกันปับราวกะตัดเทียว! อ้ายตัวห่าไม่มีในนี้ ไม่มี ไม่มี มันแช่อยู่กับน้ำเค็มไม่เชื่อก็ดมดูซี ยังหอมกลิ่นทรายกลิ่นสวะอยู่กรุ่น ๆ.”
แล้วตาเถ้านั้นกางเสื้อกางเกงออกให้ข้าพเจ้าดู ข้าพเจ้ายิ้มและถามว่า “เจ้าของเก่าฆ่าเมียด้วยหรือตา!”
ตาเถ้าเจ้าของขรัวสั่นศีร์ษะและว่า “เปล่า มันบ้า มันฆ่าตัวตายเอง.”
“เรื่องราวมันอย่างไร ? ฆ่าโดยความตั้งใจหรือโดยแอกซิเด็นต์ ?”
“จะเรียกว่าแอกซิเด็นต์ยังไงได้ เรื่องคือเจ้าหนุ่มนั้นเขามีนางหวานใจสวยคนหนึ่ง เจ้าหนุ่มนั้นไปทะเลได้ปะการังดี ๆ หรือไข่มุกงามๆ ก็เอามาประเคนป้อยอแม่เจ้าประคุณอยู่เสมอๆ วันหนึ่งเจ้าหนุ่มนั่นนำเอาของมาป้อยอตามเคย นางหวานใจไม่รับ เหวี่ยงของลงกลางถนนและบอกว่า ‘ข้าเบื่อเจ้านักแล้ว.’ ไม่อยากคบค้าสมาคมกับเจ้าอีก ไป! ไปไหนก็ไป ไปไป่ ไป อย่ามาให้ข้าเห็นหน้าเห็นตาอีกต่อไป. ข้าอยู่นั่นด้วยได้เห็นแก่ตาเทียว อ้ายเจ้าหนุ่มนั้นยืนยัน หน้าซีด ริมฝีปากสั่น หึ้ดหั้ดหันหน้ากลับได้ วิ่งไปถึงท่าน้ำ กระโจนโครมลงไปกลางลูกคลื่นดิ่งหายสูญไป เพราะว่าเขากอดมือกอดตีนเสียไม่ว่าย จะอะไรเสียอีกเล่าก็ถึงหายไปเท่านั้น. รุ่งขึ้นเขาได้ศพบนหาดทราย ข้าก็ขอซื้อเอาเสื้อสำรับนี้แหละมาเปนราคาสองแฟรงค์ ถ้าแกอยากได้ ข้าก็จะขายให้สี่แฟรงค์.”
“ก้อนางหวานใจนั่น หล้ะคะตา ?” ข้าพเจ้าถาม
“โอ๊ย นางนั่นหน้ะ! มันก็หัวเราะแฉ่งกะแดะกะแดแหรไปวันยังค่ำ ๆ มีชู้รักใหม่ทุกอาทิตย์. มันจะทุกข์ร้อนอะไรกะอีหญิงแพศยาพรรณนั้น!”
ข้าพเจ้าควักถุงเงินออกมา “ฉันจะซื้อสำรับนี้แหละ ตาบอกขายสี่แฟรงค์ เอ้า ฉันให้หกแฟรงค์ อีกสองแฟรงค์นั้นเปนค่าเช่าห้องมิดชิดขอแต่งตัว”
“อา อา ได้ได้” ตาเถ้านั้นรับเงินด้วยความปลื้มจนมือสั่นเทาๆ “ห้องที่ข้านอนและมิดชิดดี ไม่สู้มีอะไรนัก ในนั้นขอบอกเสียก่อนว่า มีแต่กระจก กระจกของอีนางนั่นมัน—ทั้งเนื้อทั้งตัวเก็บเอาของมันไว้สิ่งเดียวเท่านั้น มาทางนี้ซี มาทางนี้ทางนี้”
แกพาข้าพเจ้าบุกดงผ้าเสื้อกางเกงเก่า เข้าในห้องเหม็นอับๆ ดีๆ มีที่นอนสกปรกราวกะที่เขาทิ้งไว้ตามป่าช้าอันหนึ่ง เก้าอี้หักตัวหนึ่ง กระจกหน้าต่างก็แตกร้าวเปื้อนมัว ข้างหน้าต่างมีกระจกส่องบานใหญ่แขวนอยู่บานหนึ่ง กรอบทำด้วยเงินสลักเสลาเปนลวดลายอย่างเก่าใครเห็นรู้ได้ว่าเปนของมีราคา
ตาเถ้าชี้ที่ตรงประตู แล้วว่า “ใส่กลอนข้างในได้. กลอนนั่นข้าทำด้วยมือเอง ดูซีเรียบร้อยแขงแรงเบาหรือ ก่อนนี้อ้ายการช่างพรรณและก้อมือขวา—ชำนาญนัก—ตั้งแต่อีวันเจอะนังแม่เจ้าประคุณ กับอ้ายคนร้องเพลงเข้าวันนั้น อ้ายสรรพวิชาน่าที่เคยรู้เคยชำนาญไม่รู้ว่าหนีกลับไปเข้าตู้ยังไงได้ มันลืมเอาดิบเอาที่สิ้นไส้สิ้นพุงจริง ๆ จัง นี่เสื้อสำรับคนหาปลาที่แกซื้อ อย่ารีบอย่าร้อน จะแต่งนานสักกี่มากน้อยก็ได้ แต่งให้จนสวยพริ้ง- -ปิดประตูเทอซี - -แต่งตามสบายเทอพ่อ”
ข้าพเจ้าปิดประตูลั่นกลอน แล้วเดินไปที่หน้ากระจกส่องจะดูรูปโฉมของตัว พอเห็นรูปของตัวเข้าใจหายวาบเสียวในหัวใจราวกับถูกยิง. ตาอีตาเถ้าเจ้าของร้านแกไม่เสีย แกพูดของแกจริง ข้าพเจ้าแก่เสียแล้ว ถ้าโดยปรกติแล้วอายุข้าพเจ้าจะล่วงไปอีกสักยี่สิบปีก็จะดูไม่แก่เถ้าเหมือนเดี๋ยวนี้ ความเจ็บไข้ทำให้หน้าซีดสลดและซูบไป และมีรอยเปนริ้ว ๆ ย่นตามหน้าบ้าง ไนย์ตาจมลึกเข้าไปในกะโหลกศีร์ษะ ซ้ำร้ายกว่าทั้งสิ้นคือผมกลับขาวเปนสำลี มาบัดนี้จึงได้รู้ว่า เหตุใดตาชายขายผลองุ่นจึงได้ตกใจกลัวเอานักเอาหนา—อย่าว่าตาเถ้านั้นเลย ใคร ๆ เห็นความเปลี่ยนแปลงในส่วนตัวข้าพเจ้าแล้ว จะต้องตกใจทุกคน. แต่ข้าพเจ้าเองเจ้าตัวของตัวเองยังไม่ใคร่จะได้ ก็ภรรยาข้าพเจ้าละ—ก็กีโดละจะจำได้หรือ ? ออกสงไสยอยู่ เมื่อคิดขึ้นมาอย่างนั้นแล้ว น้ำตาก็ซึมออกมาขังเต็มหน่วย ซึ่งข้าพเจ้ารีบเช็ดโดยตลีตลาน.
“น่าอายจริง ฟาบีโอเอ๋ย ทำตัวให้เปนผู้ชายซีนา” นึกโกรธตัวของตัวเอง “ผมขาวหรือผมดำจะเปนไรไป? หน้าตาจะเปลี่ยนแปลกไปก็จะเปนไรไป ถ้าน้ำใจยังตรงอยู่ ? ในชั้นต้นมาบางทีความรักจะจางไปสักหน่อย แต่พอหล่อนทราบซึ่งความลำบากของเจ้าเข้าจะไม่ทำให้หล่อนรักเจ้าหนักขึ้นหรือ เนื้ออันนิ่มตาอันยิ้มปากอันแย้มจะไม่ทำให้เจ้าลืมความทุกข์ที่ล่วงแล้วไป และนึกว่าตัวยังเปนหนุ่มฟ้ออยู่แล้วหรือ ?”
ครั้นนึกหักอารมณ์ได้ดังนั้นแล้ว ข้าพเจ้าก็หยิบเครื่องแต่งตัวสำรับนั้นขึ้นแต่ง. กางเกงอยู่ข้อนข้างหลวมมาก กะเป๋าทั้งสองข้างก็เปนถุงลึกยาว ราวกับทำสำหรับไว้สอดถุงทองกับถุงเพ็ชรพลอยฉนั้น สรวมเสื้อกางเกงเสร็จแล้ว ข้าพเจ้าลักมองกระจกเงานั้นอีกครั้งหนึ่ง คราวนี้ยิ้มออกได้หน่อย. ถึงสังขารได้เปลี่ยนแปลงไปมากก็จริงอยู่ แต่ทว่าไม่ทำให้ดูเสียหายอย่างไรนัก เครื่องแต่งตัวของคนหาปลานี้ ช่างเหมาะเจาะกับสังขารพอใช้ เจ้าหมวกแก๊ปแดงกับผมขาวดูก็รับรองกันดี ดูราวกับทับทิมอยู่กลางมงคลเพ็ชร์, ผมขาวโดยความตกใจเช่นนี้บางที่จะกลับคืนดำอย่างเดิมได้ แต่นั่นแหละ ถึงจะไม่กลับดำ จะคงขาวอยู่อย่างนี้ก็ตามทีมัน แต่มีคนถมไปที่ชอบผมคนแก่มาก เท่ากับชอบหน้าคนหนุ่ม.
แต่งตัวเสร็จสรรพแล้ว ข้าพเจ้าก็เลื่อนดานเปิดประตูเรียกตาเถ้าเจ้าของร้านมาดู, แกเดินงุ่มง่ามเข้ามาใกล้พอเห็นหน้ายกมือขึ้น ทั้งด้วยปลาดใจและร้องว่า :
“ซันติสสิมา มาโดนา! เออ งาม งาม งาม งาม—งามจริง! เอ; เอ! โยเสฟ สักสิทธิ์! ช่างสูงสวยพึ่งผายนี่กระไร! เสียอย่างเดียว—เสียที่แก่ เมื่อหนุ่ม ๆ เห็นจะแข็งแรงพิลึก”
ข้าพเจ้าถลกแขนเสื้อขึ้นถึงไหล่ให้ดูกล้ามเนื้อที่แขน เพื่อเล่นตลกหน่อย ๆ อวดดีนิด ๆ แล้วว่า
“แน่ะ ตา เรื่องแรงนะหรือเดี๋ยวนี้ก็ยังมีถมไป ดูซี” เบ็งกล้ามเนื้ออวด.
ตาเจ้าของร้านเพ่งมอง แล้วเลิกคิ้วหลิ่วตาทำหน้าอย่างพิศวง และว่า “เออ อย่างนี้! สิน่า อย่างนี้สิน่า ถึงจะเรียกว่าเก่ง เออ—แข็งเหมือนเหล็กจริง ๆ อย่างนี้ละก้อทุบใครปั่บเดียวเปนไม่มีคืนรัง เมื่อก่อนนี้ข้าก้อไม่เลวเหมือนกันนา แพรอย่างเหนียว ๆ นี่และทบกันเข้าถึงเจ็ดทบ ข้าเอาดาบพันปุ๋ยเดียวขาดเนียนยังกะอะไรดี เนียนยังกะเอามีดตัดเนย ข้าเชื่อดีว่าแกทำอย่างนั้นก็ได้เหมือนกัน สบถลงทุนให้เสียด้วย ผ่าซี เอ้าข้อลำอย่างนี้ละจะกลัวใคร คนเก่งกล้าหาญชาญไชยก็อาไศรยแขน ถ้าแขนเปล่าก็เปล่าเหมือนกัน.”
ข้าพเจ้าไม่อยากจะพูดกับตาเถ้านั้นร่ำไร จึงหันหน้าไปทางเสื้อกางเกงเก่าที่ถอดกองไว้นั้น ว่า “ของเหล่านี้ฉันให้ตา ถึงจะเปนของไม่มีราคาราคาอะไรก็เอาเถอะ เผื่อใครเขาจะต้องการซื้อบ้าง แล้วนี่แน่ะ เอ้านี่เงินอีกสามแฟรงค์ให้ตา ตาไปหาถุงเท้ารองเท้าพอใช้ได้ มาให้ฉันอย่างละคู่เถอะ ของตาคงมีดอกน่าที่จะพอดี ๆ สักหน่อย”
แกดีใจตัวสั่นงันงก รับเงินค่าถุงเท้ารองเท้าอย่างที่มิได้นึกได้ฝันเลยว่าจะได้ บ่นพึมพำขอบอกขอบใจ แล้ววิ่งไปค้นมาให้ข้าพเจ้า เลือกเอาตามชอบใจ ครั้นสรวมสอดถุงเท้ารองเท้าแล้วเปนอันพร้อมที่จะกลับเข้าบ้านเมื่อไรก็ได้ หวนนึกขึ้นมาอีกทีหนึ่งว่า รูปร่างสังขารก็เปลี่ยนแปลงมาก อย่ากลับบ้านในเวลากลางวันเลยจะดีกว่า หาไม่จะทำให้ภรรยาข้าพเจ้าตกใจทันที ด้วยธรรมดาผู้หญิงย่อมอ่อนแอวิ้ดว้าย—ถ้าหล่อนมาเห็นรูปร่าง เปนไปอย่างที่มิได้นึกได้ฝันถึงไว้ก่อนแล้ว ก็จะตกใจเปนลมเลยเกิดความใหญ่, ข้าพเจ้าจะคอยให้พลบค่ำ แล้วจึงลอบไปทางหลังบ้าน พยายามที่จะเรียกบ่าวสักคนหนึ่งมาพูดมาจาเลียบเคียงเสียก่อน หรือถ้าพบกีโดได้ก็ดี จะได้ใช้สายให้เข้าไปพูด ค่อยเลียบค่อยเคียงผ่อนเล่าเนื้อความที่ข้าพเจ้ากลับมา และรูปร่างเปลี่ยนแปลงไปให้แม่นีนนาฟังที่ละน้อย จนหล่อนสามารถที่จะพบข้าพเจ้าจังหน้าได้. กำลังสมองข้าพเจ้าคิดอะไรต่ออะไรอยู่ อีตาเจ้าของร้านสอดวาจาเข้ามาอีกว่า
“แกจะไปทางไกลอยู่หรือ ?”
ข้าพเจ้าตอบห้วน ๆ ว่า “ไกลตา ไกลลิบเทียว”
“นี่แน่ะ นี่แน ง่า—แกรีบพูด “บอกข้าตามจริงเถอะ—ง่า ข้าไม่บอกไม่เล่าใครหร็อก. แก—แกจะไปหาผู้หญิงหรือ ?”
ข้าพเจ้าตอบโดยอดสนุกไม่ได้ “คา จะไปหาผู้หญิง ก็ตาจะทำไมเล่า ?” ว่าดังนั้นแล้วก็เดินออกจากร้าน.
ได้ยินตาเถ้านั่นแกพูด “จะไปหาผู้หญิง! ฮา ฮา ฮา! แกไม่ใช่คนแรกเริ่มริ และไม่ใช่คนที่สุดที่จะไป! ไปหาผู้หญิง! ไปเถอะดีแล้ว! แกแข็งแรงมากไม่เปนไร! ไปถึงลาก้อ สืบต้นสายปลายเหตุให้ดี ถ้า ยังไงลาอย่าไว้มันเลย—ฆ่ามันเสีย! ไม่ยากไม่ง่ายอะไร ไปเถอะ ไปฆ่ามันเสีย.
ข้าพเจ้าหันหน้าไปร้องลาแกว่า “ไปก่อนละตา”
แกตะโกนตอบมาว่า “ไปเถอะ ไปดีไปดี ขอเตือนอย่างเดียว ว่าถ้าพลาดท่าพลาดทางยังไง ลาก้ออย่าไว้มันหนา!”
เมื่อข้าพเจ้าเดินไปตามทางได้ยินแว่วๆคำของตาเถ้าเจ้าของร้าน ว่า “อย่าไว้มันหนา ฆ่ามันเสีย” อยู่ร่ำไปๆ, จะคิดลืมอย่างไรก็ไม่ลืมได้ จำเปนต้องปล่อยมันก้องอยู่ในแก้วหูนั้นไปตามเพลงมันที.