๑๕

ทุ่มโมงวันคืนเดินเร็วไม่น้อย - ประเดี๋ยวเดือนหนึ่ง, เดือนครึ่งล่วงไปแล้ว ข้าพเจ้าตั้งตัวเปนคนโตในเมืองเนเปิลซ์ -โตเพราะสมบัติและเพราะวิธีที่อยู่. รถสวยม้าเทียมก็งาม กลางคืนเชิญคนโน้นคนนี้ ไปนั่งบ๊อกซ์ที่โรงลครออเปอราเนืองนิตย์ เรือใบสำหรับแล่นเล่นก็มี เครื่องประดับในเรือหรูหราเปนที่พึงใจของบุรุษสัตรีที่ลงไปในลำยิ่งนัก เวลากลางคืนเดือนหงายจ้างเครื่องสายดี ๆ วงหนึ่งลงไปเล่นในเรือ เรือก็แล่นเฉื่อยไปตามลมทวนขึ้นทวนล่องอยู่ในอ่าวนั้น. ในชั่วเวลาไม่กี่มากน้อยข้าพเจ้ารู้จักคนที่สมควรจะรู้จักด้วยในเมืองเนเปิลซ์จนหมด ไม่ว่าในที่แห่งใดสถานใดมีแต่ผู้กล่าวขวัญถึงข้าพเจ้า จะกระดิกตัวไปข้างไหนสักหน่อย ทำอะไรสักนิดคงต้องมีในหนังสือพิมพ์. ความโอบอ้อมอารีที่ได้เผื่อแผ่ไปนั้น พูดซ้ำซากอยู่กับปากมนุษย์ คนนี้พูดแล้วคนนั้นแล้วคนโน้นและคนหนึ่งคนหนึ่งมิใช่จะพูดครั้งคราวเดียว ชื่อเสียงดังเสียยิ่งกว่าปืนยิงเที่ยงหลายเท่า. พวกพ่อค้านายห้างแอบมาถวายลูกกวาด (พูดตามภาษาคลังต้องว่า ‘ขาหมู ขนมเปีย วุ้นเส้น’) แก่วินเช็นโซคนใช้นับรายไม่ถ้วน โดยความประสงค์ที่จะเอาไว้เปนเจ้าจำนำกับข้าพเจ้า, “ลูกกวาด” นั้นเมื่อมาถึงมือแล้ววินเช็นโซก็มิได้ปฏิเสธให้เจ้าของต้องเสียใจกลับหิ้วไปเลยแต่สักรายเดียว แต่เขาเปนคนตรงมากรับรายไหนไว้แล้วต้อง มาขยายให้นายทราบ. บอกชื่อบอกตำบลร้านที่ตั้งถูกต้องและมักจะต่อท้ายเปนฟอร์มอย่างนี้ “อีตานั่นแกจะขายของดีหรือไม่ดีนั้นผีสางเทวดาย่อมทราบ โดยที่แท้เขาให้กระผมสามสิบแฟรงค์เปนค่าให้เรียนใต้เท้าว่าเขามีของขาย. ตามที่กระผมทราบแล้ว ทราบว่าเปนคนซื่อ ถ้าคนโกงเปนยังโง้นยังงี้ที่ไหนผมจะกล้ามากราบเรียนได้!”

ยังมีอีก ยังมีพวกแม่ ๆ ที่อยากหาผัวให้ลูกสาว. แว่นตาดำที่ข้าพเจ้าใส่อยู่เสมอนั้นมิได้เปนรั้วกั้นพวกแม่ ๆ เหล่านี้เลย โดยเล่ห์กะเท่ห์ต่าง ๆ ชักนำจะให้ข้าพเจ้าเปนบุตรเขย, ช่างเถอะ! อาการหนัก; พวกผู้หญิงสาวพรมจารีย์ล้วนอายุแต่สิบกับเศษปีโดยมาก ถูกชักนำให้ข้าพเจ้ารู้จัก. ถึงจะยังรุ่นและท่าทางหงิมอายอย่างไรก็ดี แต่ละคนทายได้ว่าในใจนั้นมีสมอยู่ในใจมากหลาย ตรองที่จะได้เปนอิศระแก่ตัว จะได้มีความศุขความเพลิดเพลิน จะได้เปนเคานเตสโอลิวา เปนภรรยาของตาคนบ้าที่ใส่แว่นตาดำ ช่างเถอะ ยกไว้เสียที ไม่จำเปนต้องกล่าวว่าแปลนที่ต่างคิดมาตั้งร้อยตั้งพันนั้นล้มละลายหมด ถึงกระนั้นข้าพเจ้ายังชอบดูกลต่าง ๆ ที่เขาจะทำให้หลง. เออไนย์ตาที่ชายมาช่างหวานคมนี่กระไร;—ประเดี๋ยวยินกระซิบชมว่า “ผมขาวสวยแท้ๆ” แต่งจริตให้ชอบใจต่าง ๆ เวลาเย็น ๆ ลงแล่นเรือเล่น ในอ่าวกับแม่เจ้าประคุณเหล่านี้คราวละสองละสามเนือง ๆ อะไรก็เปล่าดอก, ชอบนิ่งดูไนย์ตาอันวาววับจับแสงจันทร์ เมื่อใจตรองไปต่าง ๆ ว่าทำอย่างไรหนอจึงจะเอาข่ายแห่งความรักดักตามหาเศรษฐีเถ้าคนนี้ได้. ถึงข้าพเจ้าจะเอามือจับแขนอันขาวประดุจหยกอันมีค่าก็ไม่ต้องถูกสบัด หรือจะจับข้อมือไว้นานสักเท่าไร ก็ไม่ได้รับคำที่ระคายหู—เปนได้ทั้งนี้ ก็เพราะอำนาจของสมบัติ. เออ แก้ว สารพัดนึก!

ส่วนที่บ้านเดิมข้าพเจ้านั้น ข้าพเจ้าจะไปมาเมื่อไรก็ได้. อนุญาต. จะไปนั่งอ่านหนังสืออะไรๆ ของข้าพเจ้าเองในห้องสมุดก็ได้อนุญาต. อนุญาตทั้งสิ้น จนบ้านนั้นเกือบจะว่าได้ว่าเปนบ้านของเจ้าอย่างเดิม เว้นแต่ข้าพเจ้าไม่อยู่ใต้ชายคาตลอดคืนเท่านั้น. เว้นแต่ข้าพเจ้าไม่อยู่ใต้ชายคาตลอดคืนเท่านั้น ระวังแต้มวางท่าให้ขรึมเปนตาเถ้าไว้ ระวังเวลาไหนไม่เท่าเวลาที่จะวางต่อภรรยาข้าพเจ้าในต่อหน้ากีโด. ในต่อหน้าข้าพเจ้าวางท่าเหมือนผู้ใหญ่คราวพ่อคราวแม่ ฝ่ายเจ้าหล่อนก็ไหวเร็วเหมือนกัน ชาติลูกหม้อ ว่าข้าพเจ้าทำอย่างนั้นหน้ะเพื่อประสงค์อย่างไร. พอเฟอร์รารีให้หลัง หล่อนก็เล่นตาก็ยิ้ม ๆ เปนเชิงเยาะหน่อย ๆ ยั่วนิดๆ. ไม่ใช่หน้าที่ของข้าพเจ้าที่จะเปิดความลับของหล่อน—เมื่อถือสมบัติผู้ดีแล้ว ไม่เห็นจำเปนจะต้องบอกให้เฟอร์รารีทราบว่าหล่อนให้สาวใช้เอาผลไม้มาส่งยังโฮเต็ลและถามข่าวคราวทุกเวลาเช้า หรือจำเปนจะบอกว่าวินเช็นโซคนใช้ของข้าพเจ้าได้นำของตอบแทนและข่าวคราวไปส่งหล่อนเหมือนกัน. ในต้นเดือนพฤศจิกายนเปนเริ่มที่ข้าพเจ้าถูกภรรยาข้าพเจ้าตั้งต้นเกี้ยว. เฟอร์รารีไม่รู้หามิได้ เขาเคยพูดถึงข้าพเจ้าแต่ก่อนว่า “ฟาบีโอมันเปนบ้าถูกหลอกได้ง่าย ๆ” แต่ไม่ “ถูกหลอกง่าย ๆ” ไปกว่าตัวของเขาเอง. ข้าพเจ้าอยากนัก อยากจะทำให้เขาไม่วางใจให้เขาแสดงตนเปนสัตรู อยากนักอยากหนา แต่ไม่กล้าบอก เขาไว้ใจข้าพเจ้า ไว้ใจจริงอย่างที่ข้าพเจ้าไว้ใจเขาในสมัยโน้น นี่แหละกำเกวียนกงเกวียน.

ตลอดเวลาที่ไปที่บ้านเนือง ๆ นั้น เปนโอกาศที่ได้เจอะแม่ดาราน้อยบ่อย ๆ.

เด็กมีความรักข้าพเจ้ามากขึ้น ความรักเปนธรรมชาติแห่งนิสัย. แอสซันตาผู้เปนพี่เลี้ยงได้พามาเล่นยังโฮเต็ลเนืองๆ การที่พามาฉนั้นทำให้เด็กมีความศุขสนุกสบายมาก ความศุขขึ้นสูงที่สุดคือในขณะที่อุ้มขึ้นนั่งบนเขาและเล่านิทานต่าง ๆ ให้ฟัง—แต่เรื่องที่ชอบมากนั้นคือเรื่องเด็กหญิงเล็กดีคนหนึ่งวันหนึ่งบิดาอยู่ ๆ ก็หายไปเฉย ๆ และเด็กคนนั้นมีความเศร้าโศกร้องไห้ร้องห่มไม่รู้จักหยุดจักหย่อน จนร้อนถึงพระอินทร์ ทิพย์อาศน์เคยอ่อนแต่ก่อนมากระด้างดังสีลาประหลาดใจ ก็เล็งทิพย์ญาณลงมาจึงทราบเหตุตลอดต้นไปจนปลาย แล้วพระอินทร์ก็มีความกรุณาพาให้บุตรีกับบิดาได้พบกัน. ครั้นวันในเดือนพฤศจิกายนค่อย ๆ เลื่อนตามกันไป ข้าพเจ้าสังเกตเห็นว่าแม่ดาราน้อยมีสีหน้าอันซีดเหลือง และกิริยาอ่อนเปียกไป ไนย์ตาดูโรยบอกอาการว่าไม่สบาย ข้าพเจ้าจึงบอกแก่แอสซันตาว่าให้หมั่นระวังระไวเด็กให้จงหนัก แอสซันตาตอบว่าแกได้บอกกับแมดามแล้ว แต่แมดามดูไม่ใคร่จะแยแสอะไรนัก ภายหลังข้าพเจ้าจึงพูดกับแม่นีนนาเองด้วยเรื่องเด็กหน้าจ๋อยไป หล่อนกลับยิ้มแล้วว่า—

“จริง ท่านคอนเต้ ขอบพระเดชพระคุณท่านที่ตักเตือน แต่แม่ดาราน้อยนั้นไม่เปนกระไรดอก หล่อนสบายดีอยู่ เห็นจะเปนที่รับประทานบ็องบ็อง (ของหวานมีผลไม้เคลือบน้ำตาลเปนต้น) มากจึงโตเร็วเกินเวลาไป ก้อเท่านั้น รับประกันได้ว่าไม่ได้เจ็บไขอะไรดอก.”

ข้าพเจ้าไม่ไว้วางใจเลย แต่จำเปนระงับความกระวนกระวายไว้ในใจ.

ล่วงกลางเดือนพฤศจิกายนไป การที่จะเที่ยวโก๋ในเรือก็ยุติกันที เพราะเหตุที่เริ่มจับหนาวเยือกเย็นขึ้นทุกวัน จึงประชุมคนอย่างวิธีอื่น คือมีการดินเนอร์และเต้นรำเปนต้น พอบ่ายวันหนึ่งเฟอร์รารีพรวดเข้ามาในห้องข้าพเจ้าโดยมิได้ให้สุ้งให้เสียงบอกเล่าทิ้งตัวลงบนเก้าอี้และมีสีหน้าอันบอกว่ามีทุกข์ร้อนในใจ.

“เปนไรไปหรึ๊ ?” ข้าพเจ้าถามไปเฉย ๆ “เกี่ยวข้องเรื่องเงินทองอะไรหรือ ? ขัดขวางอย่างไรขอให้บอก จะยินดีรับธุระเปนนายธนาคารให้!”

เขายิ้มแห้งๆ แต่ท่าแสดงว่ากตัญญู.

“ขอบใจ คอนเต้ ไม่ใช่เรื่องเงินทองดอกง่า - ง่า - ผ้าเทอนา ช่างเคราะห์ร้ายระยำหมาเสียจริงๆ”

“เชื่อว่า” พูดสอดเข้ามากลางคัน “เชื่อว่าแม่เคานเตสคนสวยจะไม่บิดใบเอาท่าน ? ยังไงเขาไม่ยอมเปนเมียหละหรือ ?”

กีโดหัวเราะ. “อ้ายข้อนั้นหน้ะไม่มีวันเสียหละท่านไม่กล้าหร็อก บิดใบที่ไหนได้.”

“ไม่กล้า อ้อไม่กล้า! คำนั้นจะแรงไปละกระมังท่านเอ๋ย” ว่าดังนั้นแล้วข้าพเจ้าก็เอามือลูบหนวดและจ้องดูกีโด. เขารู้สึกตัวว่าพูดเลยออกไปเปนมั่นเปนเหมาะเกินไป—หน้าแดงและพูดว่า

“โอ๊ย ไม่หมายมั่นอย่างนั้นทีเดียวนัก—หล่อนเปนอิศระแก่ตัวหล่อน หล่อนจะทำอย่างไร ๆ ก็ได้ไม่มีใครบังคับ แต่ตามความเห็น ฉันนึกว่าหล่อนคงไม่กล้าจะปัดเมื่อได้เอื้อเฟื้อมามากถึงเพียงนี้แล้ว”

“คงไม่กล้าแน่เทียว ข้าพเจ้าว่า “เว้นแต่จะเปนเจ้าชู้เหลือเกิน ถ้าเช่นนั้นก็เปนหญิงไม่มีราคา! ไม่คู่ควร! ก็ท่านทราบซึ่งความดีและความบริสุทธิ์ของหล่อนเลอียดลออ ไม่ควรที่จะมีความกลัวว่าจะเปนอื่นไปได้; ถ้าไม่ใช่เรื่องเงินไม่ใช่เรื่องรัก ก็ท่านมีทุกข์ด้วยเรื่องอะไรเล่า ทุกข์มากด้วย สีหน้าบอก.”

เฟอร์รารีพลิกแหวนวงที่ข้าพเจ้าได้ให้เขาเล่นอยู่นานก่อนที่จะตอบออกมาได้

“อื้อ เรื่องมันเปนยังงี้ อ่า—ฉันจะต้องไป—ต้องไปจากเมืองเนเปิลซ์ชั่วคราว.”

หัวใจข้าพเจ้าเต้นด้วยความพอใจ. ไปให้พ้น! ซ้าธุ! ไปจากเมืองเนเปิลซ์!—ถอยไปจากสนามรบยอมให้ข้าพเจ้าอยู่มีไชยชำนะ! พระเคราะห์เข้าข้างข้าพเจ้า แต่แกล้งตอบว่า,

“จะไปเสีย! คงไม่หมายจะพูดฉนั้น ทำไมไป ทำไมๆ ไปไหน ?”

“ลุงฉันเจ็บหนักอยู่ที่กรุงโรม” เขาตอบ “ท่านทำพินัยกรรมยกมรฎกให้ฉันหมด จึงเปนข้อจำเปนที่จะต้องไปเห็นใจเสียหน่อย. ไปปฤกษาพวกหมอความเขาแล้ว เขาพากันว่าต้องไปหาไม่ประเดี๋ยว คนไข้เกิดบ้าขึ้นมามอบสมบัติพัสถานให้คนอื่น ฉีกพินัยกรรมทิ้งเสียหมด ก็จะเกิดความใหญ่ลาซี งามหน้าแล้ว. หวังใจว่าจะไม่ไปอยู่นานนัก อย่างมากเพียงครึ่งเดือน—และในชั่วเวลานั้น”....

ที่ตรงนี้เขาหยุดและมองดูด้วยความร้อนใจมาก.

“ต่อไปให้จบ คาโรมีโอ ขอให้จบเรื่อง” ข้าพเจ้าพูด “ถ้าเห็นว่าฉันจะรับธุระอะไรได้ในชั่วเวลาที่ท่านไม่อยู่แล้วขอให้สั่งเถิด”

เฟอร์รารีลุกขึ้นจากเข้าเดินไปที่หน้าต่างที่ข้าพเจ้านั่งอยู่ ลากเอาเก้าอี้ตามนั้นมานั่งลงใกล้แล้ว เอามือจับข้อมือข้าพเจ้าว่า “เห็นมีแต่ท่านคนเดียวที่จะไว้วางใจได้ ขอให้คุ้มขังหล่อนสักหน่อยไม่มีใครอีกแล้ว หล่อนทั้งสวยทั้งสาวและเลินเล่อจัดด้วย ท่านป้องกันหล่อนได้—อายุของท่าน ยศของท่าน หน้าที่ของท่าน ว่าโดยที่แท้ท่านเปนเพื่อนเก่าแก่ของแฟมิลีนี้—สิ่งเหล่านี้ให้อำนาจท่านที่จะป้องกันรักษามิให้ชายหนุ่มมาเกาะแกะเคาะแคะได้.”

“ถ้าใครสามารถ” ข้าพเจ้าพูดดัง ๆ และลุกยืนขึ้นกระทำกริยาเย้ย. “คอยดูน้ะ ฉันจะไม่อยู่เปนศุขได้ จนเอากายผู้นั้นเปนฝักดาบได้สมปราดถนา.”

แล้วข้าพเจ้าหัวเราะดังก้องห้อง เอามือตบไหล่กีโด. คำที่ได้พูดไปนั้น เปนคำต่อคำที่เขาพูดเองที่ข้าพเจ้าได้ยินพูดกับภรรยาข้าพเจ้าในสวนคืนวันนั้น. ส่วนกีโดนั้นดูเหมือนจะนึกได้ว่าเคยได้ยินคำเช่นนี้ที่ไหนหนอ นั่งนิ่งนึกอยู่. เมื่อเห็นฉน ข้าพเจ้าก็ชิงเปลี่ยนใบ สงบความรื่นเริงทันที วางหน้าเคร่งครัดขึ้น

“ไม่เช่นนั้น ไม่เช่นนั้น! ขอโทษ ขอโทษ ของพรรณนี้ไม่ใช่สิ่งที่จะมาติดตลกเล่น ผิดกาละไป! ขอบอกให้ท่านทราบ ท่านเฟอร์รารีของฉัน ฉันจะพยายามรักษา ไม่เปนอันกินอันนอนอย่างกับพี่รักษาน้อง. เปนข้อที่ฝืนนิสัยของฉันอยู่หน่อย ไม่หน่อยละ มากทีเดียวแหละ เพราะนิสัยของฉันเกลียดผู้หญิง นี่ไม่ใช่ท่านแล้วก็ไม่รับอาศาเปนอันขาด กระทำเพื่อจะให้ชอบใจท่าน ท่านจะได้ไปจากเมืองเนเปิลซ์ด้วยใจเบา” ตรงนี้ข้าพเจ้าจับมือเขาสั่นอย่างสนิทสนม “ฉันจะปฏิญาณให้ว่าจะเปนคนซื่อและเปนที่วางใจของท่าน เช่นกับท่านได้ซื่อตรงต่อและเปนที่ไว้วางใจของฟาบีโอเพื่อนท่านที่ตาย!”

เขาสดุ้งทั้งตัวราวกับถูกมอตะมอยต่อย. โลหิตที่หน้ามีกี่หยด ๆ หนีกลับลงไปกายหมด เหลือแต่หน้าซีดยังกับหน้าคนตาย หันหน้ามามองด้วยอย่างปลาดใจและสงไสย แต่ข้าพเจ้าทำไก๋วางท่าซื่อไว้ริมฝีปากเขาเต้นเหมือนกับจะพูดอะไรแต่ก็ไม่พูด นิ่งสกดใจระงับตนอยู่นานภายหลังจึงพูดว่า

“ขอบใจท่าน นั้นทราบแล้วว่าจะเชื่อออนเน่อร์ท่านได้.”

“ได้!” ข้าพเจ้าพูด “ได้อย่างที่ท่านเชื่อออนเนอร์ของท่านเอง” เขาทำตากระปริบ ๆ อีก ดูประหนึ่งถูกผีเฆี่ยน. วางมือเขาลงแล้วจึงถามว่า—

“ต้องไปเมื่อไร ท่าน ?”

“เคราะห์ร้ายต้องไปเร็ว. ไปรถเช้าพรุ่งนี้.” เขาตอบ.

“ดีใจที่รู้เสียทัน. เอาเถอะฉันจะไม่หรูหราโครมครามจนกว่าท่านจะกลับมา.” ข้าพเจ้าพูด.

“จริงหรึ๊ ? เอื้อเฟื้อพิลึก มีความเสียใจที่จะขัดขวางด้วยแปลนของท่าน….”

“อย่าเอย อย่าเอ่ยเลย! เพื่อนเอ๋ย” ข้าพเจ้าพูดสอด “อะไร ๆ หมดคอยจนท่านกลับได้ทั้งนั้น. นี่ท่านคงเปนห่วงที่แมดามจะเหงาตลอดเวลาที่ไปเสียจาก.”

“ฉันก็ไม่อยากให้หลอนเหงาดอกหนา!” เขาชิงพูด.

“โอไม่เหงา !” ข้าพเจ้าพูด ยิ้มเยาะความเซอะให้ในใจราวกับหล่อน—แม่นีนนา!—หล่อนจะยอมเหงาหละ ช่างเถอะ; “ข้อนั้นไว้พนักงานฉันเอง มีกุ๊ก ๆ กิ๊ก ๆ เล็ก ๆ น้อย ๆ มีขับรถเล่นบ้าง—มีดนตรีเพราะบ้างก็แล้วกัน. เรื่องนี้เข้าใจซึมดียกไว้เปนพนักงานฉัน! เรื่องเต้นรำ ดินเน่อร์ และหรูหราโครมติ๊โครมครามต่าง ๆ ต้องรอไว้จนท่านกลับ.”

หน้าตาชื่นขึ้นทันทีและตอบว่า “ท่านนี้ดีเหลือเกิน ดีพ้นธรรมดา. ขอบใจท่านอย่างที่สุดที่แล้ว ถึงจะขอบใจสักเท่าไรก็ยังไม่คุ้มแก่ความดีของท่าน.”

“ฉันจะต้องให้ท่านใช้แรงแทนคุณจนคุ้มสักวันหนึ่ง” ข้าพเจ้าตอบ “รีบไปจัดเข้าของลงหีบก็จะดี อย่าเปนห่วงเปนใยเลย เช้าฉันจะไปส่งท่านที่สเตชั่นรถไฟ.”

แล้วกีโดก็ลากลับไป. ในวันนั้นไม่ได้เห็นหน้าค่าจมูกเลย แต่จะให้ทายว่าอยู่ที่ไหนนั้น ทายได้งายกว่าจะทายว่าสองกับสองเปนเท่าไร จะอยู่ที่ไหนมี ก็ไปขลุกอยู่กับภรรยาข้าพเจ้าเท่านั้น. ไม่ต้องสงไสย คงไปให้หล่อนสบถสาบาลอย่างสาหัสสากรรจ์ ตามแต่เขาจะนึกหรือคิดแต่งขึ้นได้ว่าให้ซื่อตรงต่อเขา—ซื่ออย่างที่ได้คดต่อข้าพเจ้า. มองในใจ. แม้เห็นกำลังกอดกันกลม จูบกันฟอด ๆ ไม่รู้จักจืด พูดอ้อนวอนขอให้ซื่อต่อตัวทั้งกลางวันและกลางคืน ทั้งนอนยืนนั่งเดิน จนกว่าจะกลับมาเมือง. เมื่อมองในใจเห็นอย่างนั้นนึกอดยิ้มเยาะในใจไม่ได้, อา กีโด เชิญพ่อเชิญ เชิญให้อิ่มให้พอใจในคราวนี้ ครั้งนี้จะเปนครั้งที่สุด จะไม่ได้พบอีก เชิญเสียให้พอ หล่อนคงว่า “หล่อนจะซื่อตรงต่อเจ้า” เจ้าต้องเชื่อหล่อน กีโด เชื่อดังข้าเชื่อเจ้า—ไปจากหล่อน—ไปไม่มีเวลาจะคืนพบ.

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ