ย่างเท้าก้าวเข้าไปในคูหาเห็นเจ้าพวกจิ้งจก ตุ๊กแก แย้ กิ้งก่า แมลงมุม ซึ่งเคยอยู่แต่ในที่มืด เห็นแสงไฟเข้ามาพากันวิ่งคลานเลื้อยพ่านเพ่นไปออกเกรียวกราว เสียงนกกระพือปีกและร้องออกก้องคูหา คราวนี้ถึงจะร้องไห้คอแตก กระพือให้ปีกหลุดก็เปนไม่กลัวกัน ค่าที่มีไฟอยู่กับมือทั้งดวงถึงจะดับไม้ขีดก็ยังมีอีกเกือบกล่องจะกลัวอะไรเดี๋ยวนี้. ห้องซุ้ยนั้นเดิมนึกว่าช่างใหญ่โตนี่กระไร พอได้ไฟมาส่องดู ไหนเล่าที่จริงไม่โตกี่มากน้อย เปนห้องสี่เหลี่ยม ฝาผนังก่อหินถือปูน ทุกด้านตามฝาผนังนั้นเปนแอ่งเว้าเข้าไป แล้วก่อเปนแท่น ๆ ขึ้นไว้ สำหรับวางหีบศพ เหนือแท่นขึ้นไปมีเปนชั้น ๆ บรรดาหีบที่วางอยู่ตามเหล่านั้น ล้วนแต่มีกระดูกของบิดา ปู่ ย่า ตา ทวด บูรพชนผู้ตั้งตระกูลโรมานีมา หีบศพตั้งซ้อน ๆ กันขึ้นไปจนเต็มด้านกำแพง แล้วลำดับด้านอื่นต่อไป. ข้าพเจ้าเที่ยวเดินตรวจหีบศพมาจนถึงใบที่ข้าพเจ้าต้องการจะเจอะ—คือโลงของข้าพเจ้าเอง.

โลงนั้นอยู่บนชั้นต่อใบอื่นขึ้นไปสูงพ้นพื้นดินประมาณสามศอกคืบ รอยแตกเปนพยานอ้างว่าข้าพเจ้าได้ดิ้นจะออกอย่างใหญ่ เดินเข้าไปพิจารณาจนใกล้ เห็นว่าฝีมือที่ทำนั้นแบบบางเล็วทรามจริงเหมือนนึก ชั้นแต่กระดาสก็ไม่ได้ปิด เครื่องประดับประดาอะไรก็ไม่มีสักอย่าง - อะไรวาวๆวับๆ อยู่ที่ก้นโลง ส่องไฟลงไปดูเห็นเปนไม้กางเขนไม้ดำดงหุ้มเงินวางอยู่. นี่ท่านบาดหลวงผู้มีพระเดชพระคุณองค์นั้นอีกแล้ว! ท่านสมเพทว่าเขาจะฝังข้าพเจ้าเปล่าๆ ดูไม่เปนการบังควร ต้องมีของในสาสนาเปนสิ่งนำหนทางไปสู่ที่ชอบด้วย บางทีเมื่อสวดมนต์สวดพรส่งวิญญาณข้าพเจ้าแล้ว ท่านจะเอาไม้กาง เขนอันนั้นวางลงบนอก พอข้าพเจ้าฟื้นดินที่จะดันออกมา, ไม้กางเขนนั้นจึงได้ไพล่พลัดลงไปอยู่เบื้องล่าง. หยิบเอาไม้กางเขนขึ้นจูบด้วยความนับถือ และตั้งใจว่าต่อไปข้างหน้าถ้าพบท่านบาทหลวงองค์นั้นแล้ว จะเล่าเรื่องให้ท่านฟัง สมณาคุณความดีของท่าน มาตรว่าท่านไม่เชื่อในถ้อยคำที่เล่าบอกก็ดี เอาไม้กางเขนนี้ให้ท่านดู ท่านคงจะจำได้และเชื่อ. เขาได้จารึกชื่อบนโลงหรือเปล่า ? ออกสงไสย เดินเอาไฟส่องดูตามข้างๆ อ้อ, จารึก-ฝีมือเขียนเลว ๆ ด้วยน้ำมันดินว่า “ฟาบีโอ โรมานี” -ถัดลงมาข้างล่างบอกวันคืนปีเกิด ถัดลงมาเขียนเปนภาษาแลติน บอกว่าข้าพเจ้าตายด้วยอหิวาตะกะโรค ณ วันที่ ๑๕ สิงหาคม ค.ศ. ๑๘๘๔. นั่นคือเมื่อวานนี้—เมื่อวานนี้เอง! แต่รู้สึกดูช่างนาน นานราวกับสักร้อยปีมาแล้ว

เมื่อพิจารณาดูโลงของข้าพเจ้าเองแล้ว ข้าพเจ้าเดินไปยังหีบศพบิดาและมารดาซึ่งวางเคียงคู่กันอยู่ คุกเข่าลงกระทำคำนับและอ้อนวอนขอความรัก และความปกปักรักษาของท่านผู้มีพระเดชพระคุณอย่างล้นพ้นทั้งสองในเวลาที่ไปสู่ประโลกแล้วให้คงมีอยู่แก่ตัวข้าพเจ้า ดังเช่นในเวลาที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ในมนุษย์โลกนี้ ขณะที่คุกเข่าอ้อนวอนอยู่นั้น ข้าพเจ้าเห็นอะไรต้องแสงไฟแวววับจับตาพราว ครั้นลุกเดินไปดูเห็นขี้เพ็ชร์วางอยู่กลางพื้นเรือนหนึ่ง ตรงกลางเปนไข่มุก รูปชมภู่เมล็ดเขื่อง ประดับล้อมรอบด้วยเพ็ชร์สีชมพูน้ำที่หนึ่ง มีความสนเท่ห์ใจเปนอย่างยิ่ง ที่มาเจอะของชนิดนั้นอยู่ในที่อันใช่ที่ใช่ทางฉนั้น มองตรวจดูทั่วทิศว่าของนั้นจะมาอย่างไรได้ จึงเห็นหีบศพปลาดอันหนึ่งวางตะแคงข้างอยู่กับพื้น; ดูเหมือนจะมีใครดันหรือผลักพลัดตกลงมากลิ้งอยู่ เพราะว่าเห็นปูนและสิลาพังกระจุยกระจายอยู่เกลื่อนกลาด ไปยืนพิจารณาดูเห็นหีบที่แท่นรองโลงข้าพเจ้าอีกชั้นหนึ่งไม่อยู่ที่ และฝาผนังที่ตรงนั้นก็บินพังบุบฉลายมาก ข้าพเจ้า รลึกขึ้นมาได้ว่าเมื่อข้าพเจ้ากระโดดออกจากโลงนั้นได้ยินเสียงอะไร โครมครามลงมาข้าง ๆ อ้ายโครมนั้นคือเจ้านี้เอง—หีบนี้ยาวและ ใหญ่พอใส่ศพคนสูงห้าศอกได้ดี, ข้าพเจ้านึกในใจว่าท่านบรพบรนด์ ของเราผู้นี้ช่างสูงใหญ่จริง นี่เราทำเอาท่านหกขะเมนพื้นที่ทางมา จะ เอาขึ้นคนเดียวก็ไม่ไหว ต้องทิ้งไว้ก่อนแล้วจึงให้คนมาจัดการภายหลัง แต่ของเพ็ชร์ที่อยู่ในมือเดี๋ยวนี้ จะกระเด็นออกมาจากเครื่องแต่งตัว ของท่านบ้างดอกกระมัง?

ความพิศวงในหีบใบนั้นยิ่งแก่กล้าขึ้น ข้าพเจ้าจึงถือเทียนเที่ยวส่องจนรอบหีบ จะดูชื่อท่านผู้นั้นว่าชื่อเรียงเสียงใดก็ไม่เห็นมีชื่อปรากฏ ไม่มีเครื่องหมายแกงไดอะไร นอกจากรูปกริสทาสีแดงป้ายๆ พอเปนรูปอยู่อันหนึ่ง. เกิดเปนปฤษณา! ต้องตีปฤษณานี้ให้แตกจงได้. เอาเทียนตั้งลงบนแท่นศพ วางจี้เพ็ชร์ในกำมือลงเคียงเทียน แล้วสองมือเข้าง้างซีกหีบที่แตกเผยิบอ้าอยู่ข้างหนึ่งด้วยเต็มกำลัง กระดานหีบลั่นเผาะๆ ถุงหนังเล็กกลิ้งออกมาข้างเท้าถุงหนึ่ง หยิบขึ้นแก้ถุงดู-มีทองเต็มถุง! ยิ่งทำให้ข้าพเจ้ามีความปลาดใจและทึ่งมากขึ้น จึงพยายามง้างแผ่นกระดาน แล้วเอาก้อนสิลามายัดเข้าเปนลิ่มไว้ ต่อไปเลือกเอาสิลาก้อนที่เขื่องมาตอกอัดเปนลิ่มอีกชั้น ออกแรงและปัญญาไขลิ่มเบ่งกระดานหีบอยู่สักสิบนาทีได้ กระดานก็ถอนออกทั้งแผ่นสมความปราดถนา.

เปิดขึ้นนึกว่าคงจะได้เห็นสิ่งที่น่ากลัวขนพองสยองเกล้า—กล่าวคือเห็นกระดูกเปนท่อนๆขาวๆ กะโหลกศีร์ษะตั้งอยู่จงโก้ยิงฟันแสยะตากลวงโบ๋ แต่หาเห็นสิ่งเช่นนั้นไม่ แทนสิ่งที่น่ากลัวเหล่านั้นกลายเปนสมบัติล้วนแล้วแต่สิ่งของอันมีค่า คาดคะเนไม่ถ้วนว่าจะมีของสักกี่มากน้อยสิ่ง และราคามากน้อยเท่าใด มากมายก่ายกองเหลือแหล่ ผิว่าพระยามหากระษัตริย์ผู้มีทรัพย์นับโกฏิมาเห็นลาภของข้าพเจ้าเข้าแล้วคงไม่วายที่จะทรงอิจฉา ชั้นบนปากหีบมีถุงหนังใบใหญ่ห้าสิบถุงวางเรียงเปนลำดับ; กว่ายี่สิบห้าถุงมีทองตราที่เขาใช้สรอยกัน ถุงที่เหลือนั้นเต็มด้วยเพ็ชร์พลอยอันมีค่า—มีสังวาลเพ็ชร์ รัดเกล้าเพ็ชร์ กำไลมือเพ็ชร์ นาฬิกา สายสร้อย และเครื่องแต่งตัวผู้หญิงต่าง ๆ สิ่งนี้ก็เพ็ชร์ สิ่งนั้นก็ทับทิม สิ่งโน้นก็มรกฏ ดูแวววาวขาวเขียวแดงล้วนแล้วด้วยก้อนศิลาประเสริฐ นอกจากที่เปนรูปพรรณ ยังมีเพ็ชร์ ทับทิม มรกฎ ไข่มุก โอปอล์เมล็ดโต ๆ น้ำงาม ๆ อีกเอนก ที่เจียรในแล้วก็มี ที่ยังไม่ได้เจียรไนอีกก็มาก. ถัดถุงลงไปถึงผ้าผ่อนอย่างที่เปนม้วนๆ มีผ้าน้ำมันหอกันชื้นอยู่ภายนอก คลี่ออกภายในมีแพรดอกเด่น ๆ งาม กำมหยี่ก็มี ผ้าเยียรบับก็มี มีผ้าลูกไม้อย่างเก่าอย่างมีราคามากอยู่สามทบ ยังบริบูรณ์ไม่ขาดวิ่นเสียหายเลยแต่สักนิด ถัดลงไปมีถาดทองใหญ่สองถาด และมีถ้วยทำด้วยธาตุอย่างเดียวกันอยู่คู่หนึ่ง ของสำหรับกับของอื่น ๆ กระจุกกระจิกกระจุ๋งกระจิ๋งยังมีอีกหลาย เช่นกับรูปผู้หญิงแกะด้วยงาช้างทั้งตัวยืนอยู่บนฐานเงิน เข็มขัดทำด้วยทองตราเกี่ยวๆ กัน พัดด้ามจิ้วด้ามทำด้วยอำพันประดับมูลการเวก กริสเจ็ดคดฝักฝังพลอยต่าง ๆ คันฉ่องกรอบฝังไข่มุกเปนต้น ถึงชั้นล่างชั้นที่สุด จะว่าเปนของเลวก็ไม่ได้ มีกระดาดแบงก์โน้ตหลายม้วน เปนเงินรวมหลายล้านแฟรงค์—สมบัติใหม่อันนี้รวมเข้ามากกว่าสมบัติก่อนที่ข้าพเจ้ามีอยู่ที่บ้านหลายเท่า และสมบัตินี้เปนของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าพบในห้องซุ้ยที่ฝังของข้าพเจ้า…...... ข้าพเจ้ามีกรรมสิทธิที่จะถือเอาว่าเปนสมบัติของข้าพเจ้าได้ หวนนึกว่าสมบัติอันก่ายกองนี้เข้ามาอยู่ในห้องซุ้ยนี้ยังไรได้หนอ ! พวกโจร, โจร! ไม่ต้องสงไสย—ทำไมเมื่อก่อนถึงช่างโง่ไม่นึกถึงพวกโจรเลย ! รูปกริสทาสีฝาหีบนั้นทำให้นึกทายปฤษณานี้ถูก. กริสสีแดงเปนเครื่องหมายของนายโจรกล้าหาญร้ายกาจคนหนึ่ง ชื่อว่า คาร์เมโล เนรี คุมพวกพ้องเที่ยวปล้นสดมภ์ชาวเมืองปาเลอร์โมไม่สู้นานมานักนี้.

“อ้ออย่างนี้เอง” ข้าพเจ้าคิดในใจ “ที่ความคิดอันลอดฟ้าของเจ้าหรือเจ้าคาร์เมโล! เจ้าตัวฉลาด! เจ้าคิดดี—เจ้าคิดว่าคงจะไม่มีใครมารบกวนผู้ที่ตายแล้ว จะไม่มาเที่ยวต่อยโลงค้นทรัพย์, น่าชมสติปัญญาเจ้านัก คาร์เมโลเอ๋ย! แต่ครานี้เจ้าแพ้! คนที่เขาพากันว่าถึงแก่กรรมแล้ว และกลับเปนขึ้นมาได้ฉนี้ ควรจะได้รับรางวัลค่าความลำบากตรากตรำบ้างซี ถ้าข้าไม่เอาเข้าของที่พระเจ้าและอ้ายโจรหาไว้ให้แล้วข้าเปนอ้ายมหาโง่ สมบัติทั้งนี้ล้วนได้มาโดยทุจริต ไม่ต้องสงไสย—ฉนั้นให้ข้าปกปักรักษาเปนเจ้าของดีกว่าเจ้าจะเปนเจ้าคาร์เมโล!”

แล้วตรองคาดเรื่องต่อไปว่าเมื่อพวกโจรตีปล้นได้ทรัพย์แล้วคงจะเอาลงเรือข้ามมาจากเมืองปาเลอร์โมทางทะเล บรรจุลงโลงที่เสร็จแล้ว ก็ให้ลูกสมุนอย่างที่แข็งแรงหามหีบที่สมมุติว่าหีบศพมาตามถนน มีพวกพ้องแต่งดำหรืออะไร ทำหน้าตาโศกเศร้าเจ๋าจ๋อยเดินมาเปนกระบวนแห่ ใครเลยจะสงไสยเปนอื่นเล่า อ้ายพวกโจรเล่านี้เดินแต้มความคิดสูงจัด แต่มันเอาเข้ามาในห้องซุ้ยนี้ยังไรได้ หรือว่ามันมีลูกจุญแจปลอมอีกต่างหาก ? ยังตรองความตรงนี้ไม่ตก

พอเทียนส่องแสงอยู่สว่างดี ๆ แหละผึ้บดับทันทีราวกับถูกลมเวรำพาพัดกระโชก. ไม้ขีดในกระเป๋ามีอยู่ ไม่กลัวไม่ขามอะไรจุดขึ้นใหม่ได้สบาย แต่สงไสยว่าเหตุไฉนไฟถึงดับวุ่บราวกับเป่าด้วยปากเช่นนั้น. มองตรวจไปๆ เห็นแสงสว่างภายนอกส่องลอดช่องเข้ามาได้ตรงมุมแท่นที่ตั้งเทียน ข้าพเจ้าเดินเข้าไปใกล้เห็นรูในกำแพงใหญ่ประมาณสามนิ้วลอดได้ และลมเป่าเข้ามาตามช่องแรงจัด ข้าพเจ้ารีบจุดเทียนใหม่ ถือไปพิจารณาตรวจตราดูช่องนั้นและตามแท่น เห็นเปนรอยถลุงเอาก้อนสิลาใหญ่ที่ลำดับก่อเปนกำแพงหลุดออกไปสี่ก้อน มีท่อนไม้ทั้งต้นมาพาดทับปิดช่องนั้นไว้ ท่อนไม้นั้นไม่ได้ตอกติดกันแน่นหนา แต่เพียงเอามือผลักก็ล้มออกไปได้ทีละท่อน ถัดออกไปข้างนอกเปนขยะพงหญ้าตัดมาสุมๆ ทิ้งเข้าไว้ พอเขี่ยท่อนไม้แลขยะพงหญ้าไปพ้นทางแล้ว เปนช่องโตไม่ว่าใครลอดเข้าออกได้สบาย หัวใจของข้าพเจ้าเต้นหนักด้วยความยินดีที่จะหลุดจากที่ขังได้ ค่อยต่ายลอกออกไป—เหลียวซ้ายเหลียวขวาเหลียวรอบตัว—ขอบพระเดชพระคุณพระเจ้า เห็นทุ่งนาป่าเขา—เห็นฟ้า! ข้าพเจ้าตบมือหัวร่อร่าด้วยความยินดีเหลือเกิน! เปนไทยแล้ว! เปนไทยที่จะกลับคืนมีชีวิตกลับคืนสู่ความรัก กลับคืนสู่วงแขนแม่นีนนาคนสรวย—กลับคืนมาสู่ความศุขในโลก—เปนไทยที่จะลืม ถ้าลืมได้ ลืมความน่ากลัวอย่างยิ่งที่ต้องถูกฝังทั้งเปน. ถ้าแม้คาร์เมโลเนรีได้ยินคำให้พรของข้าพเจ้าแก่เขาแล้ว เขาคงจะนึกว่าตัวเขาเปนเทวดาผู้วิเศษมากกว่าเปนมหาโจรทีเดียว. ลาภผลและความเปนไทยของข้าพเจ้า เปนผลแห่งการที่ตัวมหาโจรเองหรือพวกบริวารขุดเอาของเข้าไปซ่อนไว้ในห้องซุ้ยโรมานี. จะมีคนน้อยคนทีเดียวเกือบว่าได้ว่ามีกตัญญูต่อผู้อุปถัมภ์ของเรา มากกว่าข้าพเจ้าต่อมหาโจรผู้มีชื่อเสียงปร ากฏนี้ รัฐบาลได้บนบานมาหลายเดือนแล้วว่า ถ้าผู้ใดจับตัวมหาโจรผู้นี้มาให้ หรือแต่เพียงบอกตำบลที่ซ่อนให้ได้จะให้รางวัลถึงขนาด. เออรัฐบาลเห็นจะไม่ได้รับความช่วยเหลือจากข้าพเจ้าแล้ว ให้ได้ยินกับหูรู้กับตาว่าอยู่ที่ไหนก็เปนไม่บอกไม่เล่า ต้องการอะไรจะไปประทุษฐร้ายต่อเขา! ถึงโดยจะไม่ปลงใจเขาก็ทำคุณแก่ข้าพเจ้าอย่างที่สหายดีๆ จะทำไม่ได้. เพื่อนที่ไหนให้ไปหาทั้งโลก เมื่อขัดสนจะกอบโกยเอาเงินเอาทองมาให้เปนหนักเปนหนาเปนไม่มีแล้ว หาไม่สุภาสิตท่านจะวางไว้ทำไมว่า

“เพื่อนกิน สินทรัพย์แล้ว แหนงหนี
หาง่าย หลายหมื่นมี มากได้
เพื่อนตาย ถ่ายแทนชี วาอาตม์
หายาก ฝากผีไข้ ยากแท้จักหา”

เพื่อนยากนั้นเกือบจะว่าไม่มีเลยก็ว่าได้ จะมีบ้างก็น้อยเต็มที. ก็แต่ที่นายโจรสงเคราะห์แก่ข้าพเจ้ามากกว่าเพื่อนจะสงเคราะห์ได้ บางทีก็จะเปนเพราะที่เขาไม่ใช่เพื่อน.

ข้าพเจ้ายืนนึกสมบัติบ้ายิ้มใหญ่ยิ้มน้อยอยู่นาน แล้วหวนคิดว่าแม่นีนนากับข้าพเจ้าคงจะรักกันขึ้นมากกว่าแต่ก่อน ด้วยคิดว่าเวลาพรากจากกันไปก็ไม่นานเลย แต่ความน่าแสยงจึงกลัว—ความคิด ฉนี้แหละจะทำให้สวาสดิ์ซึ่งกันและกันขึ้นอีกสักสิบเท่า. และส่วนแม่ดาราน้อย! ทำไม—เย็นวันนี้จะได้ไปไกวชิงช้าให้นั่งใต้ต้นส้มตามเคย จะได้ยินเสียงพูดแจ๋วๆ หัวเราะกิ๊กๆ เย็นวันนี้! เย็นวันนี้จะได้จับบีบมือกีโดด้วยความยินดี อย่างที่ถ้อยคำจะอธิบายเปนภาพไม่พอ ค่ำวันนี้ คำวันนี้ศีร์ษะภรรยาข้าพเจ้าจะมาซบอยู่ที่หน้าอก แก้มปากจะมาซบอยู่ที่ปากข้าพเจ้า ในความเงียบสงัดจะไม่ได้ยินเสียงอะไรนอกจากเสียงจูบฟอด ๆ อา, มันสมองข้าพเจ้าอยู่ข้างจะรู้สึกเวียนวงงงงวยด้วยความปิติยินดีปลื้มมากเหลือล้นพ้น รู้สึกว่ายิ้มเอง หัวเราะเอง พูดเอง เออเอง อยู่คนเดียวราวกะคนหย่อนเต็ง ! พระอาทิตย์ชักรถขึ้นพ้นเหลี่ยมไสลแล้ว ส่องแสงฉายมากระทบน้ำทะเลดูแดงพราวแววรับ ดูเหมือนกับว่าน้ำทะเลในอ่าวเมืองเนเปิลซ์นั้นเปนน้ำไฟ เมื่อหายใจลมอากาศบริสุทธิ์พอใจแล้วก็คลานกลับเข้าห้องซุ้ยใหม่.

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ