ชีวิตของจางหลิน ข้าพเจ้าเข้าใจเอาอย่างโง่ ๆ ว่าเป็นชีวิตตัวอย่างสำหรับมนุษย์ในศตวรรษบัจจุบัน–คือตัวอย่างของความดีที่มองไม่เห็น–ความดีที่ซ่อนอยู่ในมุมมืด–ความดีที่หมกอยู่ในห้องขัง และคุกตะราง–ความดีที่จมอยู่ในกองเลือดใต้หลักกางเขน ต่อหน้ากระบอกปืนของเพชณฆาต

ข้าพเจ้าได้พบจางหลินก่อนหน้าดุสิต ข้าพเจ้าคุ้นกับความรู้สึกในด้านมนุษยชาติของเขามากกว่าความรู้สึกอันร้อนแรงเรื่องชาติของนักกีฬาหนุ่มผู้มีเลือดจีน-ไทย จางหลินรักชาติของเขาไม่น้อยกว่าพลเมืองดีในประเทศอื่นจะพึงรักชาติของตน แต่ความรักชาติของคนผู้นี้ไม่ได้ทำให้เขาหมดความรักในมนุษยชาติ เขามีความเห็นว่า มนุษยชาติเป็นแม่ของชาติ ถ้าเราหมดความรักในแม่ของเราแล้ว โลกก็จะกลายเป็นป่าดงพงพี ซึ่งเต็มไปด้วยลัทธิใครดีใครได้ทีใครทีมัน

ชุนเทียนของดอกไม้และตัวผึ้ง–ฤดูแห่งสีของดอกเถาและเพลงของนกเจื้อกู (นกเขา)—มันเป็นวันอันสวยสดงดงามที่ข้าพเจ้าได้พบเป็นครั้งแรกในปักกิ่ง

แต่ในวันสวยงามเหล่านั้น ข้าพเจ้าต้องเผชิญหน้ากับความยากใจหลายประการ ข้าพเจ้าต้องคิดเรื่องอุดมคติของจางหลินและดุสิต ข้าพเจ้าต้องพยายามเข้าใจความปรารถนาอันสุจริตของจวนฟาง–สตรีสาวสวยผู้มีบทบาทอันสำคัญยิ่งในเกมการต่อสู้ระหว่างแนวชาติกับแนวมนุษยชาติ

ระหว่างจวนฟางกับจางหลิน ข้าพเจ้าอาจเข้าใจหรือไม่เข้าใจว่า ความสัมพันธ์กันทางจิตใจของคนทั้งสองได้เป็นไปอย่างล้ำลึกเพียงใดและอย่างไร ข้าพเจ้ารู้สึกแต่เพียงว่า จางหลินบูชาจวนฟางเหมือนเทพธิดาที่สถิตอยู่เหนือกลีบดอกยู่หลานในเวลาเช้าตรู่ และจวนฟางก็บูชาตัวชายผู้นี้เหมือนบูชานักบุญที่ประจงลูบปอยผมของหล่อนด้วยมืออันอ่อนนุ่มปราศจากราคีของบาป

นั่นคือภาพของจางหลินและจวนฟางที่ข้าพเจ้ารู้สึก ข้าพเจ้าเข้าใจว่าหญิงชายคู่นี้ควรจะเป็นบุคคลที่มีความสุขที่สุดในโลก

แต่ว่า—เหตุการณ์ในเช้าวันนั้นทำให้ข้าพเจ้าตกตะลึงจังงัง คล้ายกับว่าโลกอันสวยงามเพราะสีดอกไม้และเสียงเพลงนกร้องได้กำลังจะพังทลาย—

ข้าพเจ้าเดินเข้าไปในมหาวิทยาลัยเยียนจิงซึ่งตั้งอยู่นอกกำแพงเมืองทางทิศตะวันตกของกรุงปักกิ่งในเช้าวันนั้น ด้วยความหวังจะได้พบตัวดุสิต นักกีฬาผู้มีชื่อเสียงโด่งดังในจีนเหนือ ข้าพเจ้าต้องการพบเขา เพราะทราบว่าเขามีบ้านอยู่ในเมืองไทย ดุสิตคงจะพอใจที่จะได้คุยกับข้าพเจ้า เขาคงจะต้องถามถึงเยาวราชและเจริญกรุงตลอดจนสำเพ็ง และข้าพเจ้าก็คงจะบอกเขาว่าเหตุการณ์ปรกติ เพราะคนไทยกับคนจีนควรจะเป็นพี่น้องกันได้ดีกว่าชนชาติอื่น ๆ

แต่แทนที่ข้าพเจ้าจะได้พบดุสิตก่อน ข้าพเจ้ากลับได้พบจวนฟาง–บุคคลผู้ซึ่งข้าพเจ้าไม่นึกว่าจะได้พบในที่นั้น

จวนฟางมาทำอะไรที่นี่? ถ้อยคำของออสมียาขณะที่นั่งสนทนากันมาในรถบัสคันใหญ่ในเช้าวันนั้น ทำให้ข้าพเจ้าใจหายวาบ

ข้าพเจ้านึกถึงจางหลิน–นักบุญของจวนฟาง นึกถึงอุดมคติที่ไม่มีวันแปรเปลี่ยนของเขา–นึกถึงสายตาอันซื่อสัตย์สุจริตที่เขาได้ลอบมองดูหล่อน

การเผชิญหน้ากับจวนฟางโดยมิได้ตั้งใจที่ตึกเจ่เมโหลวในวันนั้น ทำให้ข้าพเจ้าคิดไปไกล หล่อนมีพิรุธบางอย่างที่เห็นได้ถนัด

เรื่องราวของจวนฟางเป็นเรื่องที่ข้าพเจ้าลืมได้ยาก เช่นเดียวกับเรื่องของวารยา ราเนฟสกายา คนทั้งสองนี้เป็นผู้หญิงที่มีความคล้ายคลึงกันอยู่อย่างหนึ่ง นั่นคือ–ความดีที่มนุษย์ควรจะดีได้–ความดีที่ควรจะมีอยู่ในตัวของผู้ที่เรียกตัวเองว่าผู้เจริญ เช่นในตัวท่านนักการเมืองผู้เจริญที่วิ่งเต้นโฆษณาตัวเองไปทุกหนทุกแห่งว่าเขาจะรักษาประโยชน์ของราษฎร–จะไม่เล่นโกงชาติโกงราษฎรอย่างท่านนักการเมืองหลาย ๆ ท่านที่ได้เคยโกงมาแล้วในสมัยก่อนๆ ความดีของจวนฟางและวารยา เป็นความดีที่มิได้ปรุงแต่งขึ้น–มิได้บีบจริตอย่างที่คนที่ข้าพเจ้ารู้จักบางคนพยายามบีบ ความดีของสตรีคู่นี้เป็นรางวัลอันบริสุทธิ์สะอาดที่ธรรมชาติได้มอบให้มาแต่กำเนิด ความดีเป็นคำกว้างขวาง เกินที่จะจำแนกแยกแยะออกไปให้ถี่ถ้วนได้ เมื่อพูดถึงความดีของจวนฟางและวารยา ข้าพเจ้าจึงสรุปได้แต่เพียงว่า คนทั้งสองเป็นคนใจสะอาด คบได้โดยไม่ต้องระวังตัว ไม่เป็นภัยต่อสังคมหรือต่อผู้ใดทั้งสิ้น คนใจสะอาดที่ผู้อื่นคบได้โดยไม่ต้องระวังตัวนี้ ข้าพเจ้าถือว่าเป็นคนดีพอสำหรับโลกมนุษย์ ข้าพเจ้าต้องการคนดีเพียงเท่านี้ ไม้ต้องการเลิศลอยจนกระทั่งถึงกับเป็นเทวดา แต่คนดีที่คบได้โดยไม่เป็นภัยนี้ มีอยู่สักกี่คน? ๔๐ ปี ในโลกนี้บอกข้าพเจ้าว่ามีอยู่นับตัวได้

ชีวิตของจวนฟางเป็นชีวิตที่บริสุทธิ์ผุดผ่องเหมือนกลีบดอกไม้ในเวลาเช้าตรู่–เหมือนพื้นน้ำในทะเลสาบคุนหมิงหูที่ใสสะอาดเรียบราบดังแผ่นกระจก หล่อนควรจะมีความสุขเพราะความผุดผ่องแห่งชีวิตที่ห่างไกลต่อความโสมมทั้งปวง แต่ก็เพราะความผุดผ่องไม่เคยชินต่อความอลเวงแห่งชีวิตของสัตว์โลกนั่นเอง ที่ทำให้หล่อนต้องมองโลกด้วยความอกสั่นขวัญหาย จากพื้นน้ำอันราบเรียบใสสะอาดดั่งยวงเงินแห่งคุนหมิงหู ไปหาพื้นทะเลใหญ่เวลาเกิดไต้ฝุ่น—จากหยาดน้ำค้างบนกลีบดอกเถาในเวลาเช้าไปหาหยดเลือดใต้ไม้กางเขน—มันรวดเร็วและแตกต่างกันจนเกินที่ใครจะกลับตัวได้ทัน เร็วเกินไป และโหดร้ายเกินไป!

จวนฟางเป็นนักเรียนเก่าของมหาวิทยาลัยเยียนจิง เพิ่งสำเร็จได้ปริญญาเมื่อก่อนข้าพเจ้าไปถึงปักกิ่งไม่นานนัก หล่อนเป็นคนกว้างขวางอยู่ในวงการสมาคมของนักศึกษา ตลอดเวลาที่อยู่ในมหาวิทยาลัย จวนฟางได้กลายเป็นคนมีชื่อเสียงโด่งดังเพราะการกีฬาและความงามที่หล่อนได้มาโดยธรรมชาติ หล่อนเป็นผู้ชนะเลิศของกีฬาเทนนิสฝ่ายสตรีในจีนเหนือ และเป็นคู่ดับเบิลของดุสิต (หลิวจิงหวน) ซึ่งเคยชนะเลิศในปักกิ่ง และถูกส่งเป็นผู้แทนฝ่ายเทนนิสไปแข่งขันที่เซี่ยงไฮ้คราวหนึ่ง ในทางความงาม จวนฟางได้รับเลือกเป็น Miss Yenching ในปีแรกที่หล่อนเข้าไปเป็นนักศึกษา ตำแหน่ง Miss Yenching เป็นตำแหน่งที่มีเกียรติสูงของมหาวิทยาลัย ฉะนั้นผู้ที่ได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งนี้ จึงสามารถมีชื่อเสียงได้อย่างรวดเร็ว

สี่ปีในมหาวิทยาลัยได้สร้างความสำคัญให้แก่สตรีผู้นี้อีกอย่างหนึ่ง หล่อนกลายเป็นนักเขียนนวนิยายที่นักอ่านรู้จักทั่วประเทศจีน ชื่อเสียงของจวนฟางในด้านการประพันธ์โด่งดังไม่แพ้ติงหลิง และเซียปิงซีนจางหลินได้ชื่อว่าเป็นผู้หนึ่งที่สร้างจวนฟางขึ้นสู่ความมีชื่อเสียงที่หล่อนภาคภูมิใจไม่น้อยกว่าความมีชื่อเสียงในกีฬาเทนนิส ซึ่งดุสิตเป็นผู้โคชให้ตลอดเวลาสี่ปีในเยียนจิง ชีวิตของจวนฟางเป็นชีวิตที่แย้มบานเหมือนดอกไม้ในฤดูสปริง แววดาของหล่อนเปล่งแสงแห่งความสุขใจสว่างสุกใสอยู่เสมอ–เป็นแววตาที่อิ่มไปด้วยชีวิตที่สวยงาม–แววตาที่บอกความเป็นสาวและความสดชื่นในสิ่งที่ชีวิตต้องการ

ข้าพเจ้ารู้จักจวนฟางที่บ้านจางหลิน หลังจากที่ได้เดินทางถึงปักกิ่งเพียงไม่กี่สัปดาห์ หล่อนดูเหมือนจะเป็นสตรีคนแรกที่ข้าพเจ้าคุ้นเคยด้วย ข้าพเจ้าไม่ได้พบเล็บสีแดงและริมฝีปากที่แดงจัด–ไม่ได้เห็นเสื้อซึ่งผ่าขึ้นมาเกือบถึงตะโพกแบบเซี่ยงไฮ้ จวนฟางมีชีวิตอยู่ในความเรียบร้อยนุ่มนวล มั่นคงอยู่ในขนบธรรมเนียมประเพณี แม้แต่ผมก็มิได้ดัด แต่เกล้าไว้แบบจีนแท้ ความสวยงามโดยธรรมชาติที่ใบหน้า ทรวดทรงและอากัปกิริยาตลอดจนความบริสุทธิ์ในชีวิตวิญญาณเป็นอาภรณ์ไม่มีใครจะแย่งหล่อนได้ ข้าพเจ้าเห็นจวนฟางก่อนใคร ๆ ขณะที่หล่อนอยู่ในหมู่คน ไม่ใช่เพราะว่าข้าพเจ้าสนใจในตัวหล่อนจนเกินไป แต่เป็นเพราะเธอมีอะไรบางอย่างในสีหน้าและแววตามีอานุภาพซึ่งข้าพเจ้าไม่อาจจะเข้าใจได้

ข้าพเจ้าคิดว่าคนในโลกนี้ควรจะดี ข้าพเจ้าพบจวนฟางข้าพเจ้าก็คิดอีกว่าหล่อนควรจะเป็นคนดี ความคิดของข้าพเจ้าได้กลายเป็นความเชื่อและความพอใจ ข้าพเจ้าคงจะไม่ผิดหวังในมิตรภาพของจวนฟาง แต่ข้าพเจ้าก็ระวังตัวว่าจะต้องไม่ไปหลงรักจวนฟางเข้า หล่อนเกิดมาสำหรับคนบางคนที่ข้าพเจ้ารักและเห็นใจ–คนที่เกิดเป็นคนจีน ข้าพเจ้าเป็นแต่ชาวต่างประเทศที่ผ่านเข้ามาในชีวิตของหล่อนเพียงแวบเดียว ไม่ช้าเราก็จะต้องจากกัน มีประโยชน์อะไรที่ข้าพเจ้าจะหลงรักหล่อน และที่สำคัญที่สุดก็คือ จวนฟางจะรักข้าพเจ้าไม่ได้ เราจะเป็นเพียงเพื่อนที่ดีต่อกันเท่านั้น

 

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ