๑๘
ควรจะกล่าวไว้ด้วยว่าข้าพเจ้ารู้จักเอนนา เจียงได้อย่างไร
ข้าพเจ้าไปถึงปักกิ่งพร้อมด้วยจางหลินและออสมียา เมื่อต้นฤดูเหมันต์ที่แล้ว (ค.ศ. ๑๙๓๐) จางหลินเป็นผู้นำทางข้าพเจ้าเกือบตลอดทาง เขาได้ช่วยแนะนำให้ข้าพเจ้าได้รู้จักกับสุภาพบุรุษสุภาพสตรีชาวจีนหลายคนในปักกิ่ง คนหนึ่งคือ ดร. เจียงกวอไข แพทย์สุภาพสตรีแห่งโรงพยาบาล พี.ยู.เอ็ม.ซี. (Peiping Union Medical College) ซึ่งเป็นโรงพยาบาลที่มีชื่อเสียงในปักกิ่งและในตะวันออก ดร. เจียงเป็นสตรีอายุไม่เกิน ๓๐ เพิ่งสำเร็จเป็นแพทย์ปริญญาก่อนหน้าข้าพเจ้าขึ้นไปถึงปักกิ่งไม่กี่ปี เธอเป็นธิดาของ ดร. เจียงเจิ้นหวา นักปรัชญาและนักกฎหมายผู้มีชื่อเสียงยิ่งผู้หนึ่งของประชาชาติจีน ดร. เจียงผู้ธิดาเป็นสตรีรูปร่างสูงใหญ่ วงหน้ากลม สวมแว่นตากรอบกระ ดวงตาที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังกระจกเต็มไปด้วยความกล้าแข็งเจือปนด้วยความเมตตากรุณา แพทย์สตรีผู้นี้เมื่อรู้จักกับข้าพเจ้าในวันแรก ก็บอกอย่างเปิดเผยว่าเธอพอใจในอัธยาศัยของข้าพเจ้า อากัปกิริยาที่เปิดเผยและสุจริต ตลอดจนแววตาที่บอกความดีในหัวใจ ทำให้ข้าพเจ้าเริ่มสนใจในตัวเธอเป็นพิเศษ และเมื่อได้ติดต่อกันบ่อยครั้งเข้าในตอนหลัง ๆ ข้าพเจ้าก็รู้ว่าเราสามารถจะเป็นมิตรที่รักใคร่กันได้อย่างสนิท ชีวิตของ ดร. เจียงเป็นชีวิตของนักต่อสู้ผู้หนึ่ง สตรีผู้นี้ได้ทำให้ข้าพเจ้ารู้จักผู้หญิงดีขึ้นอีก คือรู้ว่าผู้หญิงไม่จำเป็นจะต้องอ่อนแอ ผู้หญิงเข้มแข็งกว่าผู้ชายมือยู่เป็นอันมาก สามารถทำงานอันหนักทั้งในทางกำลังกายและกำลังใจได้ไม่แพ้ผู้ชาย ดร. เจียงเป็นแพทย์ผู้มีฝีมือเอกในการผ่าตัดแห่งโรงพยาบาล พี.ยู.เอ็ม.ซี. เธอมีประวัติของความทรหดอดทนมาแล้วระหว่างสงครามสมัยเฟงยุกเสียง เธอได้สมัครเข้าเป็นแพทย์ประจำในแนวรบระหว่างจีนเหนือกับจีนใต้ มีชีวิตคลุกอยู่กับเลือดและลูกระเบิด คาวเลือดและตินระเบิดไม่ทำให้เธอสะดุ้งสะเทือนแต่อย่างใด ชีวิตของมนุษย์ย่อมอยู่เหนือสิ่งอื่นใด–ชีวิตที่ ดร. เจียงไม่ยอมปล่อยให้หลุดลอยออกจากร่างโดยปราศจากการเยียวยารักษาอย่างเต็มสติกำลังและสุดความสามารถ ข้าพเจ้าพอใจในสตรีผู้นี้ เธอเป็นผู้ที่เห็นแก่มนุษยชาติ เธอรักชีวิตทุกชีวิตที่ได้เอากำเนิดมาแล้วในโลก เธอต้องการให้ชีวิตเหล่านี้–ชีวิตที่ไม่จำกัดผิว ไม่จำกัดชั้น ไม่จำกัดชาติ–ให้คงอยู่เพื่อความก้าวหน้าแห่งสังคมของชาติมนุษย์ สำหรับ ดร. เจียง ชีวิตเป็นสิ่งที่ตีราคาไม่ได้–ไม่มีอัตราใดในโลกมาวัดราคาของชีวิตได้ ชีวิตเป็นสิ่งที่ศักดิ์สิทธิ์ และเธอจะต้องเคารพและถนอม “เธอเกิดมาสำหรับเป็น ดร. เจียง” ข้าพเจ้าบอกเธอในวันหนึ่ง “ถ้าเธอมีเงินพอ ฉันจะสร้างอนุสาวรีย์ของเธอไว้ให้ใหญ่ที่สุดกว่าอนุสาวรีย์ใด ๆ ในโลก!”
จากมิตรผู้น่ารักอย่าง ดร. เจียง แอนนาเจียงก็ผ่านเข้ามาในชีวิตของข้าพเจ้าอีกคนหนึ่ง ดร. เจียงได้แนะนำให้ข้าพเจ้ารู้จักกับเธอที่ออดิทอเรียมของ พี.ยู.เอ็ม.ซี. แอนนาไม่มีหน้าสวยเหมือนจวนฟาง แต่ดวงหน้าของเธอก็มีเสน่ห์พอที่จะทำให้ผู้ที่ได้เห็นไม่สามารถจะลืมได้ง่าย ๆ เธอเป็นคนร่างอวบ แต่ไม่ใช่อ้วนและไม่สูงใหญ่เหมือน ดร. เจียงผู้พี่สาว แอนนาเป็นคนร่างสมบูรณ์ ผิวพรรณผุดผ่องเปล่งปลั่งอยู่เสมอ เธอเป็นดารานักว่ายน้ำของจีนเหนือ เมื่อเธออยู่ในน้ำ เธอแคล่วคล่องว่องไวเหมือนปลา เธอแข็งแรงกว่าจวนฟางมาก เธอเป็นคนเปิดเผยเหมือนพี่สาว แต่ระมัดระวังคำพูดมากกว่า เป็นคนชอบคิดและเก็บความรู้สึกได้เก่งเมื่อถึงคราวจำเป็น อย่างไรก็ดี แอนนาเป็นมิตรประเสริฐของข้าพเจ้าอีกผู้หนึ่ง ความน่ารักของเธอในวัย ๒๑ ปี ทำให้ข้าพเจ้าคิดว่าโลกนี้เป็นโลกที่สวยงามและร่มเย็น จนเกินที่จะบรรยายออกมาเป็นลายลักษณ์อักษรได้
แอนนา เจียง เป็นคนดี ข้าพเจ้ากล้าออกประกาศนียบัตรเป็นรางวัลให้เธอได้ ทั้ง ๆ ที่รู้จักกันไม่กี่เดือน เธอพอใจจะสนทนากับข้าพเจ้าทุกครั้งที่เราได้พบกัน เธอชอบฟังข้าพเจ้าเล่าเรื่องเมืองไทย ชอบชวนข้าพเจ้าคุยเรื่องกีฬาว่ายน้ำซึ่งเธอโปรดปราน ดูเหมือนเธอมีความสนใจในตัวข้าพเจ้าเป็นพิเศษกว่าคนอื่นๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่ข้าพเจ้ายากที่จะเข้าใจได้ แอนนาเป็นมิตรสนิทผู้หนึ่งของจวนฟาง เธอเป็นเพื่อนร่วมชั้นของจวนฟางในสมัยที่อยู่ในมหาวิทยาลัยเยียนจิง เธอรู้จักดุสิตดี สำหรับจางหลิน–นั่นไม่ต้องพูดถึง เพื่อนของจวนฟางดูเหมือนจะไม่มีใครที่ไม่รู้จักนักบุญผู้นี้