๒๗

หลังจากวันนั้น ข้าพเจ้าไม่ได้พบจางหลินหลายวัน เหตุการณ์ในสำนักงานหนังสือพิมพ์เป่ผิงฉือป้าวยังคงฝังใจข้าพเจ้าอยู่ ถ้อยคำของทามูราเจ้าของร้านทามูราโฟโต้ ทำให้ข้าพเจ้าเกิดความรู้สึกว่า อย่างน้อยมนุษยธรรมก็ยังพอจะหวังได้จากน้ำใจของคนญี่ปุ่นผู้บูชาชาติตนเหนือชาติอื่น ในท่ามกลางลัทธิชาตินิยมอย่างรุนแรงที่เราเรียกว่า Chauvinism อันเป็นมูลเหตุสำคัญแบบหนึ่งที่ทำให้เกิดการนองเลือดในตะวันออกไกลนี้ ข้าพเจ้าเคยคิดว่าโลกจะต้องมืดไปอีกนาน ข้าพเจ้าไม่เชื่อว่าโลกจะสว่างได้ ถ้าลัทธิชาตินิยมที่ฝังรากลีกอยู่ในจิตใจมนุษย์ ผู้กระหายอำนาจยังอาละวาดอยู่อย่างนี้ แต่คำพูดของทามูราทำให้ข้าพเจ้าอบอุ่นใจขึ้นนิดหน่อย เขาทำให้ข้าพเจ้ามองเห็นแสงสว่างดวงเล็ก ๆ ในความมืดของโลก แสงสว่างดวงน้อยนี้อาจไม่มีความหมายเลยเมื่อพูดถึงความรอดพ้นของชาติมนุษย์ แต่มันก็ควรเป็นจุดตั้งต้นของยุคแห่งการตื่นจากหลับของมนุษยชาติ มนุษย์อาจจะได้เริ่มตื่นขึ้นแล้ว ทีละคน กว่าจะตื่นได้หมดทั้งโลกอาจต้องใช้เวลานานมาก แต่มันก็ยังดึกว่าที่จะไม่มีคนตื่นเอาเสียเลย

วันหนึ่งขณะที่ข้าพเจ้านั่งรถลากไปตามถนนฉางอันเจีย พอผ่านหน้าโฮเด็ลเดอเปอแกงซึ่งเป็นโฮเต็ลที่หรูที่สุด ใหญ่ที่สุดในปักกิ่ง ก็เห็นบัวเดินคู่มากับสตรีสาวผู้หนึ่ง รูปร่างผอมบาง แต่งตัวด้วยกระโปรงสีแดงเลือดนก ข้าพเจ้าจำกระโปรงตัวนี้ได้ดี เพราะเมื่อวันเสาร์สัปดาห์ที่แล้วมานี่เอง ผู้หญิงคนนี้ซึ่งอยู่ในชุดกระโปรงตัวนี้เข้าไปเต้นรำอยู่กับบัวที่นิวเวิลด์ คืนนั้นข้าพเจ้าไปกับแอลเลนนักหนังสือพิมพ์ชาวอเมริกัน ซึ่งกำลังล่าข่าวสงครามอยู่ในปักกิ่ง แอลเลนบอกข้าพเจ้าว่า ผู้หญิงคนนี้ชื่อซูซี่หวาง เคยเป็นนางบำเรอของนายพลจางโซหลินเมื่อสมัยมีอำนาจอยู่ในปักกิ่ง ก่อนจะไปถูกระเบิดตายบนรถไฟที่มุกเด็นเมื่อสามปีก่อน ซูซี่หวางเป็นผู้หญิงสวยมาก แอลเลนเคยใช้เป็นสื่อสำหรับหาข่าวของพวกนายพลที่กุมอำนาจการเมืองอยู่ในจีนเหนือขณะนั้น “เป็นผู้หญิงคบง่าย” แอลเลนบอกข้าพเจ้า “ใจบุญ มองชีวิตอย่างมาตาฮารี ฉันเรียกเธอว่ามาตาฮารีของเมืองจีน เธอควรจะลองคบเธอดูบ้าง”

คำพูดของแอลเลนทำให้ข้าพเจ้าเกิดความสนใจ แต่คืนวันนั้นข้าพเจ้าไม่มีโอกาสรู้จักซูซี่หวาง เพราะบัวพาเธอหายตัวออกไปจากนิวเวิลด์เสียก่อน

แต่วันนี้ข้าพเจ้าก็พบซูซี่หวางกับบัวอีก ข้าพเจ้าเหลียวหลังดูจนคนทั้งสองหายเข้าไปในประตูใหญ่ของโฮเต็ลเดอเปอแกง

การพบโดยบังเอิญกับหญิงสาวในชุดกระโปรงสีแดงครั้งที่สอง ได้ยั่วยุให้ข้าพเจ้าเกิดความสนใจยิ่งขึ้น ข้าพเจ้าไม่เอาใจใส่กับความสวยงามของเธอ สิ่งที่ข้าพเจ้าต้องการก็คือ เรื่องราวของเธอที่เกี่ยวกับนายพลจางโซหลินซึ่งกุมแมนจูเรียทั้งภาค เป็นขวากหนามขัดขวางไม่ให้ญี่ปุ่นเข้าครองแมนจูเรียมานานปี ในบัดนี้จางโซหลินถูกระเบิดลึกลับสิ้นชีวิตไปแล้ว ประตูแมนจูเรียเปิดกว้าง กองทัพอาทิตย์อุทัยกำลังเดินแถวเข้ามา จางโซเหลียงลูกชายของจางโซหลินอ่อนแอเกินไปที่จะขวางทางขบวนซามูไรญี่ปุ่นไว้ได้

ข้าพเจ้าพบบัวเย็นวันนั้น ที่ห้องอาหารในโรงเรียนหวาเหวิน ชั้นล่างของตึกเวสต์บิลดิง เราคุยกันถึงเรื่องผู้หญิงเกาหลีในย่านฮาตะเหมิน ซึ่งเป็นแดนสุขาวดีของบัว ตอนหนึ่งข้าพเจ้าก็พูดถึงซูซี่หวาง บัวยิ้มอย่างร่าเริง พูดอย่างไม่ต้องคิดว่า

“คุณสนใจหรือ? เอาซี จะแนะนำให้”

“อย่าคิดว่าผมชอบเธอนะ บัว ผมไม่มีเวลาจะไปชอบเธอได้หรอก แล้วก็–คุณก็กำลังมีนัดกับเธออยู่แทบทุกคืนไม่ใช่หรือ?”

บัวหัวเราะอย่างขบขัน

“คุณไม่ชอบ คุณถามทำไม? ผมไม่หวงหรอกน่า คุณก็รู้ดีว่าผมเป็นคนใจกว้าง”

ข้าพเจ้าหัวเราะบ้าง

“รู้มานานแล้ว แต่ผมไม่มีความรู้สึกเรื่องชอบหรือไม่ชอปหรอก ผมสนใจที่เธอรู้จักจางโซหลินดีเท่านั้นเอง”

“คุณต้องการอะไรจากเธอ?”

“ผมอยากฟังเรื่องจางโซหลิน”

“ง่ายนิดเดียว ผมจะนัดให้ เอาที่ไหนดีล่ะ” บัวขยับตัวแสดงท่าทางจริงจัง

“ที่นิวเวิลด์ก็ได้” ข้าพเจ้าตอบภายหลังที่นิ่งคิดนิดหนึ่ง

บัวจัดการเรียบร้อย เราพบกันที่นิวเวิลด์คืนวันรุ่งขึ้น ซูซี่หวางเป็นคนเปิดเผย แสดงความตื่นเต้นที่ได้รู้จักข้าพเจ้า เธอเป็นผู้หญิงรูปงาม สูงชะลูด หวีผมเรียบ ชอบแต่งตัวแบบชาวตะวันตก เราคุยกันอยู่เกือบสามชั่วโมง ข้าพเจ้ารู้สึกว่าเราได้คุ้นเคยกันอย่างรวดเร็ว เราเสร็จการกินอาหาร–๒๑ นาฬิกาเศษ ข้าพเจ้าขอตัวกลับที่พัก โดยไม่อยากจะขัดคอบัว เขาพาซูซี่หวางไปโดยหยางเชอที่วิ่งเหมือนลูกธนู บอกว่าจะไปที่หลานซิงไนต์คลับแห่งใหม่ที่ถนนหวางฝูจิ่ง

ข้าพเจ้าได้พบซูซี่หวางอีกในสัปดาห์ต่อมา ข้าพเจ้าเชิญเธอกินอาหารกลางวันที่ซีเฉิงโหลว ภัตตาคารชั้นดีทางฮาตะเหมิน ในปักกิ่งมีภัดตาคารมากมาย มีอาหารนานาชนิดโดยมากเป็นอาหารจีน มีรสต่าง ๆ กันตามสังกัดของเจ้าของร้าน เช่นรสกวางตุ้ง เสฉวน ฝูโจว เซี่ยงไฮ้ ตลอดจนซินเกียง ซึ่งเป็นอาหารพวกหุยฮุ่ยหรือมุสลิม ในประเทศจีนมีพวกมุสลิมจำนวนไม่น้อย เป็นคนจีนผิวคล้ำ เคร่งครัดในประเพณีคือไม่กินหมู

ซูซี่หวางให้ความสนิทสนมกับข้าพเจ้าอย่างรวดเร็ว ข้าพเจ้ารู้สึกคล้ายกับว่าเราได้รู้จักกันมานานปี ข้าพเจ้าคุยกับเธอด้วยความสบายใจ รู้สึกว่าเธอเป็นคนง่าย ๆ ไม่มีพิธี ตรงไปตรงมา

“ฉันเคยทราบว่าเธอรู้จักจางโซหลินดี” ข้าพเจ้าเอ่ยขึ้นในตอนหนึ่ง “ฉันกำลังศึกษาประวัติคนสำคัญของเมืองจีน อยากฟังจากปากเธอบ้างว่าจางโซหลินเป็นคนอย่างไร ทำไมจึงมีอำนาจมากมายในจีนเหนือ”

“ใครบอกเธอว่าฉันรู้จักคนใหญ่คนนี้?” ซูซี่หวางถามอย่างแปลกใจ

“หลายคนบอกฉัน”

“เธอเป็นคนซอกแซกเก่งพอใช้ เธอจะให้ฉันเล่าเรื่องอะไร?”

“ฉันอยากรู้จักจางโซหลิน”

“ท่านตายไปแล้ว”

“ฉันรู้ จางโซหลินตายก่อนฉันมาถึงปักกิ่งสามปี ฉันเคยรู้เรื่องจางโซหลินมาบ้างแล้วจากจางหลิน เธอคงรู้จักจางหลิน บรรณาธิการหนังสือพิมพ์เป่ผิงฉือป้าว?”

ซูซี่หวางพยักหน้าอย่างอารมณ์ดี

“จางหลินเป็นคนในอุดมคติของฉัน ฉันชอบเขามาก”

“เธอชอบจางหลิน!”

“มากทีเดียว เขาเป็นวิญญาณของจางโซหลิน”

“วิญญาณ? หมายความว่ากระไร?” ข้าพเจ้าซักด้วยความประหลาดใจ

“วิญญาณของผู้เสียสละอย่างไรเล่า”

“ผู้เสียสละ...”

“จางโซหลินเป็นผู้เสียสละ” ซูซี่หวางพูดต่อไป สีหน้าเคร่งขรึม “คนบางคนว่าจางโซหลินเป็นทหารใจเหี้ยม เป็นพวกวอร์ลอร์ด แต่ฉันรู้จักท่านดี ท่านเป็นคนที่มีเมตตาสูง ช่วยทุกข์คนจน พวกคนมีไม่ชอบเพราะท่านเคยปล้นคนมีมาให้คนไม่มี”

“ยังงั้นหรือ?”

“จางโซหลินเป็นคนมีอุดมคติคล้ายจางหลิน แซ่จางเหมือนกัน ชื่อก็ใกล้เคียงกัน แต่จางหลินมีอายุคราวลูกของท่าน ฉันก็คราวลูกท่าน แต่เธอก็คงเข้าใจดีว่าฉันเป็นเมียท่าน”

ข้าพเจ้าพยักหน้า ไม่กล้าตอบออกมาเป็นถ้อยคำ ซูซี่หวางเห็นดังนั้นก็หัวเราะอย่างขบขัน

“มันไม่ใช่ความลับ” เธอพูดอย่างเปิดเผย น้ำเสียงสดใส่ “ฉันเป็นเมียอายุน้อยที่สุดของท่าน ท่านรักฉันมากนะ ท่านตายบนรถไฟ ถ้าไม่ใช่เรื่องของโชค ฉันก็ควรจะตายไปกับท่านเสียแล้วในคืนวันนั้น ท่านฆ่าคนมามาก ผลที่สุดท่านก็ถูกเขาฆ่า”

“ใคร?”

“ยังคงลึกลับอยู่จนเดี๋ยวนี้ บางคนก็ว่าญี่ปุ่นวางแผนระเบิดรถไฟ เพราะรถไฟถูกระเบิดอยู่ในเขตที่ญี่ปุ่นยึดครอง บางคนก็ว่าพวกนายพลลูกน้องท่านเองวางระเบิด สงสัยกันว่าจะเป็นนายพลหยางยู่ถิงกับนายพลจางยินหวาย สองคนนี้กินเงินคอร์รัปชันกันปีละร้อย ๆ ล้านเหรียญ เป็นคนมักใหญ่ใฝ่สูง อยากจะเป็นใหญ่ในแมนจูเรียแทนจางโซหลิน แต่คนทรยศก็ต้องตายเพราะความทรยศ จางโซเหลียงลูกชายจางโซหลินล่อเอาสองคนนี้มายิงทิ้งเสียในบ้านภายหลังที่จางโซหลินตายแล้วไม่กี่เดือน”

“เรื่องของกรรม” ข้าพเจ้าพึมพำ“เธอว่าจางโซหลินมีอะไรคล้ายๆ จางหลินบรรณาธิการหนังสือพิมพ์เป่ผิงฉือป้าว เธอเคยคิดบ้างไหมว่า จางหลินก็อาจจะต้องตายอย่างจางโซหลิน?”

ซูซี่หวางมองหน้าข้าพเจ้าอย่างใช้ความคิด

“ฉันรู้เรื่องจางหลินดี ฉันไม่คิดว่าเขาจะตายดี”

“หมายความว่ากระไร?” ข้าพเจ้าถามอย่างเร่งรัด

ซูซี่หวางถอนใจเบา ๆ ท่าทางของเธอทำให้ข้าพเจ้าคิดว่า เธอคงจะรู้เรื่องจางหลินดีพอใช้ เพราะเธอเป็นคนกว้างขวางอยู่ในวงการตำรวจและทหาร

“ฉันเคยคุยกับจางหลิน” เธอเอ่ยขึ้นช้า ๆ “เขาเป็นคนดี แต่คนดีในสมัยอย่างนี้มักอยู่ไม่ได้นาน เขาใช้ความซื่อโดยที่เขายังไม่มีอำนาจ ความซื่อจะฆ่าเขา”

“เธอคิดอย่างนั้นหรือ ซูซี่?” ข้าพเจ้าใจเต้นเล็กน้อย เพราะคำพูดของสตรีผู้นี้ ข้าพเจ้าได้เคยพูดมาแล้วกับบัว เมื่อซูซี่หวางพูดตรงกับใจ ข้าพเจ้าก็ห่วงชีวิตของจางหลินมากขึ้น

“จางหลินผิดกับจางโซหลินก็ตรงที่เขาไม่มีอำนาจ” สตรีผู้ผ่านชีวิตมาอย่างโชกโชนพูดช้าๆ ตามจังหวะเดิม “จางโซหลินเกิดมาเพื่อจะมีอำนาจ แต่ก็ต้องตายเพราะอำนาจ จางโซหลินเกิดในตระกูลยากจน จึงมีความเห็นใจคนจนมาก ท่านขาดพ่อตั้งแต่เล็ก ไม่เคยเข้าโรงเรียน ชีวิตระเหเร่ร่อนอยู่ในป่าในเขา เอาแต่ขี่ม้ากับยิงปืน จึงกลายเป็นโจรไป เรียกกันว่าโจรหนวดแดง จางโซหลินเป็นโจรที่ซื่อสัตย์ มีสัจจะมาก คนรัก จึงซ่องสุมผู้คนได้มากมาย มีกำลังคนนับหมื่น เมื่อตั้งตัวเป็นนายพล ก็มีทหารเป็นแสน สามารถยึดครองแมนจูเรียและจีนเหนือไว้ได้เป็นเวลานาน หลังเกิดการปฏิวัติเมื่อ ค.ศ. ๑๙๑๑ ก่อนปฏิวัติ ๗ ปี จางโซหลินช่วยญี่ปุ่นรบรัสเซียจนชนะ ท่านเป็นมิตรของญี่ปุ่น แต่ก็ไม่วายถูกญี่ปุ่นรังแกเมื่อใกล้จะหมดวาสนา ญี่ปุ่นรู้จักท่านดี มีความเกรงกลัวท่านมาก เพราะเห็นฝีมือมาตั้งแต่สมัยรบรัสเซีย ญี่ปุ่นชนะรัสเซียแล้วก็พยายามจะเข้าครองแมนจูเรียและจีนเหนือ แต่กีดจางโซหลินคอยเป็นก้างขวางคอ จึงคิดกำจัดจางโซหลินอยู่เรื่อยมา ญี่ปุ่นพยายามกำจัดจางโซหลินอยู่ถึง ๒๔ ปี จางโซหลินจึงถูกระเบิดตาย คนเป็นอันมากจึงเชื่อว่าญี่ปุ่นเป็นคนฆ่า แต่หลายคนก็ว่านายพลหยางผู่ถิงเป็นคนฆ่า จางหลินที่เธอถาม ฉันว่าน่าจะมีชะตากรรมเหมือนจางโซหลิน จางหลินคบญี่ปุ่นก็คงจะตายเพราะญี่ปุ่น”

“ทำไม?” ข้าพเจ้าถามอย่างข้องใจ “เธอคงไม่เข้าใจว่าจางหลินขายชาติ”

“คนอย่างจางหลินไม่ขายชาติ” ซูซี่หวางพูดเสียงหนักด้วยความมั่นใจ “จางหลินเป็นคนประเสริฐ เขาประเสริฐมากไปจนคนไม่เข้าใจ เขาคบญี่ปุ่นก็เพราะเชื่อว่าเขาสามารถจะเอาญี่ปุ่นมาร่วมแนวราษฎร ไม่ต้องการสงคราม เพราะราษฎรทุกคนไม่อยากตาย ถ้าโลกมีแนวราษฎร สงครามจะลดน้อยลงได้มาก นักการเมืองแต่ละชาติจะปั่นหัวราษฎรให้รบกัน เหมือนปั่นหัวจิ้งหรีดให้กัดกันนั้นจะมีทางสำเร็จได้ยาก แต่จางหลินก็ไม่ใช่คนไม่มีชาติ เขารักชาติไม่ยิ่งหย่อนกว่าจางโซหลิน เขาจะตายก็เพราะเขารักชาติจีนมากเกินไป”

“เธอเข้าใจจางหลินถูกแล้ว” ข้าพเจ้าพูดอย่างเบาใจ “ฉันรู้จักจางหลินดี จางหลินคบญี่ปุ่นเพื่อจะไม่ให้ญี่ปุ่นรุกเมืองจีน ไม่ใช่ช่วยญี่ปุ่นให้ยึดเมืองจีน”

“แต่คนเป็นอันมากเข้าใจว่าจางหลินช่วยญี่ปุ่น เพื่อเขาจะได้เป็นใหญ่ในเมืองจีน เมื่อรัฐบาลจีนคว่ำแล้ว”

“เข้าใจผิดมาก จางหลินไม่ใช่คนทรยศ” ข้าพเจ้าโคลงศีรษะไปมา “ฉันเห็นใจจางหลินที่สุดที่ต้องถูกเกลียดชัง เพราะคิดก้าวหน้ามากเกินไป ฉันเชื่อว่าจางหลินคิดถูกแล้วที่จะตั้งแนวราษฎรขึ้น มันเป็นความคิดที่ใหม่มากสำหรับโลกมนุษย์ มันเป็นการปฏิวัติโลกที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ยิ่งใหญ่กว่าพวกคอมมิวนิสต์–พวกเทิร์ดอินเตอร์แนชะแนล–พวกผลาญชาติมนุษย์”

“เธอเป็นพวกจางหลินเต็มตัว” ซูซี่หวางหรี่ตามองข้าพเจ้าอย่างมีความหมาย “หวังว่าเธอคงไม่เอาลัทธิจางหลินไปใช้ในเมืองไทย”

ข้าพเจ้าหัวเราะ

“ลัทธิแอนตี้สงครามไม่เห็นจะมีภัยแก่ใคร” ข้าพเจ้าพูดอย่างมั่นใจ “ไทยเป็นประเทศเล็ก เราอยู่ได้เพราะโลกว่างสงคราม คนไทยทุกคนไม่ต้องการสงคราม ไม่ว่าชาติไหนก็ไม่ต้องการสงคราม เพราะฉะนั้นลัทธิแอนตี้สงครามจึงเป็นลัทธิที่ใคร ๆ ก็ต้องสนับสนุน ฉันตั้งใจไว้แล้วว่า กลับเมืองไทยฉันจะแอนตี้สงคราม แอนตี้พวกเผด็จการ แอนตี้ฮิตเลอร์ แอนตี้สตาลิน”

“แต่สงครามมักเกิดเพราะปัญหาเศรษฐกิจ เธอไม่ชอบสงคราม เธอก็ต้องแก้ปัญหาเศรษฐกิจให้ได้เสียก่อน” ซูซี่หวางพูดเป็นเชิงค้าน

“เราจะแก้ แต่ไม่ใช่ด้วยวิธีคอมมิวนิสต์” ข้าพเจ้ายืนยัน

คอนคิวไบน์ของจางโซหลินยิ้มน้อย ๆ นิ่งคล้ายกับจะหาเรื่องถามต่อไป ในที่สุดเธอก็พูดเพียงสั้น ๆ ว่า

“เธอจะแก้อย่างไร?”

“ตัดการกินแรงออกไป แต่ทุกคนต้องเป็นอิสรเสรี”

“กินแรง?” หญิงสาวจ้องข้าพเจ้าตาเป็นประกาย

“การกินแรงทำให้คนยากจน ความยากจนทำลายความสงบในชาติมนุษย์ทั่วโลก ถ้าเราจะให้โลกสงบ เราก็ต้องกำจัดความยากจนเสียให้หมด เมื่อทุกคนสบายก็ไม่มีใครจะคิดฆ่ากัน สงครามจะน้อยไปเอง”

“เธอตั้งใจดีเกินไป ระพินทร์” ซูซี่หวางสบตาข้าพเจ้าอย่างเห็นใจ “ความตั้งใจของเธอสำเร็จยาก เธอกำลังฝัน”

ข้าพเจ้าหัวเราะคล้ายกับจะเยาะตัวเอง

“จริงของเธอ ซูซี่ ฉันกำลังฝัน แต่ฉันฝันดี”

 

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ