๒๐

แอนนา เจียงกับหมู่ของหล่อนได้อำลากลับไปเมื่อพระอาทิตย์ใกล้จะตกดิน ข้าพเจ้าเดินไปส่งหล่อนที่ประตูทิศใต้ ต่อจากนั้นก็เตร็ดเตร่ไปตามหวางฝูจิ่งต้าเจียซึ่งเป็นถนนที่คับคั่งไปด้วยแสงและเสียง

ที่ร้านกาแฟหยิ่นปิงซื่อตรงข้ามจุงหยวนกำปะนีถนนหวางฝูจิ่งมีคนค่อนข้างจะคับคั่ง ข้าพเจ้าผ่านเข้าไปเลือกโต๊ะตรงมุมห้องได้โต๊ะหนึ่ง เมื่อทรุดตัวลงนั่งได้เพียงอึดใจ บุรุษสองนายก็เดินผ่านมาและหยุดชะงักลงข้าง ๆ ข้าพเจ้า

ผู้ที่ยืนยิ้มอยู่คือจางหลิน อีกผู้หนึ่งเป็นคนรูปร่างเตี้ยล่ำ แต่งกายสากล มีหนวดบางๆ ที่ริมฝีปาก มองเพียงแวบเดียวก็รู้ว่าเขาเป็นชาวญี่ปุ่น

ข้าพเจ้าลุกขึ้นต้อนรับผู้ที่มาใหม่ จางหลินถือโอกาสแนะนำทันที จากการแนะนำของเขา ข้าพเจ้าก็สะดุ้งใจ เพราะบุรุษเตี้ยล่ำผู้นั้นชื่อทามูรา เป็นนายห้างร้านถ่ายรูปที่ข้างโฮเต็ลเดอเปอแกง ชื่อทามูรานี้ข้าพเจ้าระลึกได้อย่างแม่นยำ ว่าเคยได้ยินมาแล้ว ๒ คราวที่มหาวิทยาลัยเยียนจิง ภาพของนิสิตกลุ่มหนึ่งที่เดินผ่านขอบบึงที่ข้าพเจ้ากับจวนฟางนั่งอยู่ในคืนวันนั้น ได้กลับมาสู่ความทรงจำอีก และต่อจากนั้นภาพในห้องหอนอนในคืนเดียวกันนั้นเองก็ติดตามมาอีกภาพหนึ่ง “ไอ้ทามูรา... ไอ้จารบุรุษ...” ถ้อยคำเหล่านี้แว่วมาในหูของข้าพเจ้าทันที นี่หรือคือทามูราที่ดุสิตกับพวกของเขาได้พูดถึงในคืนวันนั้น ทามูรามีอยู่หลายแสนหลายล้านคนในญี่ปุ่นและนอกญี่ปุ่น จำเป็นด้วยหรือที่จะต้องเป็นทามูราคนนี้? ข้าพเจ้าลองพิศดูรูปร่างหน้าตาตลอดจนกิริยาท่าทางของเขาอย่างละเอียด หลังจากที่เราได้จับมือกันด้วยกิริยาอันสุภาพอย่างยิ่งแล้ว ทามูรานายห้างร้านถ่ายรูปเป็นคนค่อนข้างจะเยือกเย็น จะพูดอะไรแต่ละคำดูเหมือนจะได้ไตร่ตรองอย่างละเอียดประณีตแล้ว เขาเป็นคนระวังมาก ระวังแม้แต่จะลุกจะนั่ง ก่อนที่เขาจะนั่งเก้าอี้ตัวที่อยู่ตรงหน้าข้าพเจ้าตามคำเชิญ เขาได้ใช้มือปัดเปลือกเม็ดแตง ๒-๓ เปลือกไปเสียก่อน แล้วจึงนั่งลงด้วยท่าทางอันเต็มไปด้วยความสำรวม เขาแสดงความสนใจในตัวข้าพเจ้ามาก เราสนทนาปราศรัยกันด้วยดวงจิตอันผุดผ่อง แม้ว่าเรื่องของทามูราตามความเห็นของดุสิตและพรรคพวกของเขาจะยังกรุ่นอยู่ในใจ แต่ข้าพเจ้าก็ไม่อาจจะเห็นคล้อยตามคนเหล่านั้นได้ในเวลาอันสั้น ว่าชายผู้มีชื่อว่าทามูราผู้นี้เป็นจารบุรุษผู้เต็มไปด้วยการโกหกพกลม ในแววตาของเขาข้าพเจ้าแลเห็นความซื่อสัตย์สุจริตซึ่งไม่น่าจะเป็นเพียงเกราะซึ่งเขาพรางเอาไว้ คนเราโกหกกันไม่ได้ด้วยแววตา ข้าพเจ้าเชื่อเช่นนี้ แววตาเป็นประตูแห่งวิญญาณ แววตาย่อมบอกลักษณะอันชั่วร้ายและลักษณะอันดีเลิศของดวงวิญญาณซึ่งสำแดงตัวออกมาไม่ได้ แววดานี่แหละเป็นป้ายบอกว่าคนผู้นี้สมควรจะคบค้าสมาคมได้เพียงไร แววตาของทามูราเป็นแววตาซึ่งบอกถึงความจริงใจ เมตตากรุณา ข้าพเจ้าไม่อยากด่วนตัดสินว่าเขาเป็นผู้ร้ายที่กำลังปล้นชาติของผู้อื่น ข้าพเจ้ายังต้องการจะให้ความยุติธรรมแก่เขา เขาเป็นชาวญี่ปุ่น แต่จำเป็นด้วยหรือที่เขาจะต้องเป็นซามูไรที่ต้องการจะสร้างความเป็นทาสให้แก่ผู้อื่น? ความเป็นชาวญี่ปุ่นของเขาไม่จำเป็นจะต้องทำให้เขาเป็นซามูไรชนิดนั้น ข้าพเจ้าได้เคยทราบเรื่องราวของชาวญี่ปุ่นเป็นอันมาก ที่ต่อสู้เพื่อความเป็นธรรมและความเสมอภาคของชาติมนุษย์ จนกระทั่งตนเองต้องเป็นเหยื่อของคุกตะรางและเพชฌฆาต ทามูราจะเป็นชาวญี่ปุ่นชนิดนี้บ้างไม่ได้เจียวหรือ? ข้าพเจ้าไม่ต้องการจะใช้เวลาเพียง ๕ นาทีเพื่อตัดสินคนในแง่ร้าย แต่ข้าพเจ้าก็ไม่ลืมว่าข้าพเจ้าเกือบจะต้องล่มจมมานับครั้งไม่ถ้วน เพราะการมองคนในแง่ดี

เราทั้งสามสนทนากันด้วยเรื่องดินฟ้าอากาศโดยใช้ภาษาอังกฤษเป็นสื่อ ซึ่งทามูราพูดได้ดีพอใช้ สักครู่จางหลินเอ่ยขึ้นว่า

“ทามูราต้องการเรียนภาษาไทย ฉันเคยเล่าให้ฟังถึงเรื่องของเธอ เขาสนใจมาก”

ข้าพเจ้าหันไปทางเพื่อนชาวญี่ปุ่นหน้าใหม่คนนั้น

“ฉันยินดีจะช่วยทุกทาง โปรดกำหนดเวลามาเถิด ภาษาไทยเรียนไม่ยาก ฉันอาจจะทำให้ท่านอ่านและพูดคำง่าย ๆ ได้ในไม่กี่เดือนโดยวิธีสอนแบบใหม่”

“ขอบใจท่านมากทีเดียว” ทามูราพูดพร้อมกับก้มศีรษะหลายครั้ง “ฉันอยากไปประเทศไทยบ้าง คงจะได้ไปในไม่ช้านี้ เพราะฉะนั้นจึงอยากเรียนไว้บ้าง”

ข้าพเจ้ารู้สึกทึ่งขึ้นมาทันที ทามูราไปประเทศไทย เขาต้องการจะไปเป็นจารบุรุษอย่างพวกของดุสิตกล่าวหาเขาเช่นนั้นหรือ?

จางหลินสังเกตเห็นความรู้สึกใหม่ๆ ในสีหน้าข้าพเจ้าได้ถนัด จึงรีบชี้แจงว่า

“มิสเตอร์ทามูราเป็นนักท่องเที่ยว มีฮอบบีในการถ่ายภาพ เคยไปอเมริกาและยุโรปมาแล้ว มีภาพใส่สมุดไว้มากมาย เธอไม่ควรแปลกใจถ้าเขาต้องการจะไปเมืองไทย”

ข้าพเจ้านึกไปถึงชาวญี่ปุ่นคนหนึ่งที่เคยเข้าไปขายขนมปังในโรงเรียนเทพศิรินทร์สมัยที่ข้าพเจ้าเป็นนักเรียนอยู่ และต่อมาภายหลังปรากฏว่าเขาเคยเป็นนายพันตรีแห่งกองทัพบกญี่ปุ่น

แต่ข้าพเจ้าต้องการมองคนในแง่ดีเสมอ ข้าพเจ้ายังไม่อยากจะคิดว่าทามูราผู้นี้เป็นจารบุรุษ ในเมื่อข้าพเจ้ายังไม่มีหลักฐานจะช่วยให้คิดเช่นนั้น

“อ้อ ดีทีเดียว” ข้าพเจ้ารีบพูดออกไปคล้าย ๆ กับจะพยายามขอโทษเขา “ท่านคงจะต้องการไปถ่ายภาพเมืองไทยกระมัง?”

ทามูราก้มศีรษะรับอย่างนอบน้อมตามเคย

“ถูกแล้ว มิสเตอร์ซู” เขาเรียกชื่อภาษาจีนของข้าพเจ้าตามคำแนะนำของจางหลิน “ฉันอยากได้ภาพเมืองไทย ได้เคยเห็นในแมกกาซีนต่าง ๆ มีชีวิตของพวกเราชาวตะวันออกอย่างบริบูรณ์ทีเดียว ฉันเชื่อว่าคงจะเพลิดเพลินมาก”

“ฉันคิดว่าเรามีอะไรหลายอย่างทั้ง ๆ ที่บ้านเมืองของเราไม่ใหญ่โตอะไรนัก” ข้าพเจ้าพูดอย่างตรึกตรอง “ท่านจะต้องชอบวัดพระแก้วในพระราชวังหลวง เมืองไทยเป็นเมืองพระพุทธศาสนา ฉันเชื่อว่าท่านจะได้อะไร ๆ เกี่ยวกับพุทธศาสนามาก เพื่อจะได้เทียบเคียงกับพุทธศาสนาในประเทศของท่าน”

“ฉันก็คิดเช่นนั้น” ทามูรารับรองโดยเร็ว ที่จริงเราก็เป็นประเทศพุทธศาสนาด้วยกัน จะผิดกันเพียงนิกายก็ดูไม่สำคัญนัก ฉันชอบพุทธศาสนาในเมืองไทย ดูเป็นระเบียบแบบแผนเป็นปึกแผ่นดี”

“ท่านคิดว่าจะออกเดินทางเมื่อไหร่?” ข้าพเจ้าถาม

เขาหัวเราะยิงฟันขาว ขยับแว่นตาแล้วตอบว่า

“อ๋อ ยังอีกนาน ยังไม่ใช่วันนี้พรุ่งนี้ดอก สำหรับเวลานี้ก็อยากจะเรียนภาษาไทยไว้ก่อน”

จางหลินเอ่ยขึ้นว่า

“มิสเตอร์ทามูรารู้ภาษาหลายภาษา ภาษารัสเซียก็พอไปวัดไปวาได้ เคยผ่านมอสโกหลายคราว”

“รู้หลายภาษา แต่เอาดีไม่ได้สักภาษาเดียว” เขาหัวเราะอย่างใจเย็นตามเคย

“แต่ท่านคงจะพูดภาษาไทยได้ดี” ข้าพเจ้าสอดขึ้น

“ขอบใจ มิสเตอร์ซู ถ้าฉันพูดได้ดี ก็เห็นจะเป็นเพราะได้ครูดี”

เราทั้งสามหัวเราะขึ้นพร้อมกัน

การสนทนาได้วกมาถึงแมนจูเรีย ทามูราบอกว่าเขาเคยไปอยู่ในฮาร์บินและมุกเด็นหลายปี แล้วจึงย้ายลงมาปักกิ่ง ข้าพเจ้าถามถึงชาวญี่ปุ่นในแมนจูเรีย เขาตอบว่า

“พวกเราไปอยู่ที่นั่นกันมาก รัฐบาลมีนโยบายถ่ายพลเมืองออกนอกประเทศ เพราะเกาะญี่ปุ่นแน่นเหลือเกิน”

“ยังงั้นหรือ” ข้าพเจ้ามิได้พูดอะไรมากไปกว่านั้น

“เราเข้าใจความสุจริตใจของเพื่อนชาวญี่ปุ่นส่วนมาก” จางหลินเอ่ยขึ้น “มิสเตอร์ทามูราก็เป็นผู้หนึ่งที่เราเข้าใจดี เกาะญี่ปุ่นคับแคบมาก และอันที่จริงฝ่ายเราก็มิได้รังเกียจที่จะต้อนรับเพื่อนของเราให้เข้ามาช่วยกันก่อสร้างความเจริญร่วมกัน”

ทามูราเม้มริมฝีปากและส่ายหน้าช้า ๆ แววตาของเขาเศร้าและซึม เขาพูดขึ้นเบา ๆ ว่า

“แต่ฉันเสียใจสำหรับหลายสิ่งหลายอย่างที่ได้เกิดแก่ประเทศจีน รัฐบาลของเราได้ทำอะไรหลายอย่างที่ไม่ยุติธรรมต่อประเทศจีน”

ข้าพเจ้ามองหน้าเพื่อนชาวญี่ปุ่นผู้นี้ สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความเคร่งเครียดผิดกลับเมื่อสักครู่ ความไม่สบายใจปรากฏอยู่ในแววตาทั้งคู่ แต่ความเคร่งเครียดที่เกิดขึ้นใหม่ ๆ ไม่ได้ลดความสงบเงียบและความสำรวมลงเลย เขายังคงนั่งนิ่งเหมือนรูปปั้น ไม่หวั่นไหว ไม่สะเทือนไปด้วยความรู้สึก ข้าพเจ้ารู้สึกว่าเขามีลักษณะเข้มแข็งและมั่นคงมาก

จางหลินกับข้าพเจ้าไม่ตอบว่ากระ ไร เพราะเราไม่รู้จะพูดอะไรดี เราไม่อาจจะพูดความจริงซึ่งยังกระเทือนใจเขา ข้าพเจ้ากำลังจะเปลี่ยนเรื่องพูด ก็พอดีทามูราเอ่ยขึ้นอีก

“มิสเตอร์ซูคงจะเพิ่งเข้ามาอยู่ในประเทศจีนไม่นานนัก บางทีท่านจะยังผ่านเหตุการณ์มาน้อย เราอยู่กันหลายปี เราต้องเผชิญกับปัญหาใหญ่ ๆ เสมอ และทุกทีฉันก็ได้แต่นั่งถอนใจใหญ่”

“ไม่เป็นไร ทามูรา เราเข้าใจเธอดีเสมอ” จางหลินพูดแล้วหัวเราะอย่างอารมณ์ดีซึ่งเป็นนิสัยของเขา

“สำหรับฉัน มันเป็นไรเสมอ” เขาตอบเบา ๆ แต่น้ำเสียงเคร่งเครียด “ฉันมีชีวิตอยู่ทุกวันนี้ด้วยความอับอายขายหน้า ฉันรักชาติของฉัน แต่แทบทุกอย่างที่รัฐบาลของฉันได้ประพฤติต่อประเทศจีน ฉันไม่รู้จะพูดอย่างไร ฉันต้องหลบหน้าเพื่อนชาวจีนเหมือนหลบหน้าเจ้าหนี้ ฉันรู้สึกตัวว่าฉันเป็นหนี้ชาวจีนหนักขึ้นทุกวัน และฉันรู้ว่าหนี้ก้อนนี้ฉันจะต้องใช้สักวันหนึ่ง ฉันก็มีแต่ชีวิตเท่านั้นที่จะมอบให้เป็นการใช้หนี้ที่ชาติของฉันได้กระทำต่อประเทศจีน”

จางหลินยิ้มละไม พยายามทำอารมณ์ให้เบาที่สุดเพื่อถ่วงความหนักในน้ำเสียงและสีหน้าของทามูรา

“เราเข้าใจทุกอย่าง ทามูรา เธอเป็นคนบริสุทธิ์” บรรณาธิการของเราพูดพลางตบไหล่เขาเบา ๆ

“ฉันก็เข้าใจท่านดี เพียงแต่ได้ฟังท่านพูดเพียงประโยคสองประโยคเท่านั้น โปรดอย่ากังวลเลย มิสเตอร์ทามูรา” ข้าพเจ้าพูดตะกุกตะกัก เพราะยากที่จะหาถ้อยคำให้เหมาะกับเหตุการณ์เฉพาะหน้าได้

“ฉันยังวิตกอยู่เสมอว่า แม้ในประเทศไทยเราก็จะปิดบังทุกสิ่งทุกอย่างที่ทหารของเราได้กระทำต่อประเทศจีนไม่ได้” เขาพูดแล้วชำเลืองดูข้าพเจ้า

“ฉันกล้ารับรองได้ว่า เราคนไทยมีความรู้สึกดีต่อประเทศของท่านเสมอ” ข้าพเจ้ารู้ว่าได้กล่าวคำปลอบใจบุรุษผู้นี้มากไป แต่มันช่วยไม่ได้ในฐานะเช่นนั้น

“ฉันต้องการจะพูดถึงเรื่องของรัฐบาลของฉันก่อนเสมอไม่ว่าที่ไหน” ทามูรายังคงเคร่งเครียดอยู่ “ฉันทนไม่ได้ที่จะไม่พูด ถ้าฉันสามารถหนีหน้าคนอื่น ๆ ไปอยู่เสียที่ขั้วโลกได้ ฉันก็จะไม่พูดเลย แต่เมื่อหนีไปไหนไม่พ้นฉันก็ต้องพูดความจริง ฉันขอบใจเพื่อนชาวจีนหลายคนที่เข้าใจฉัน และฉันจะไม่ประหลาดใจหรือเสียใจเลยถ้ามีเพื่อนชาวจีนอีกหลายคนไม่เข้าใจฉัน ฉันเป็นชาวญี่ปุ่น ย่อมจะต้องมีอะไรเหมือนๆ กับพวกทหารญี่ปุ่น ฉันจะห้ามความคิดของคนอื่น ๆ ไม่ได้ ที่จะคิดว่าฉันคงจะต้องคิดอย่างทหารญี่ปุ่นคิด มันเป็นเรื่องที่ฉันจะต้องร่วมรับผิดชอบด้วยในฐานะที่เป็นชาวญี่ปุ่นคนหนึ่ง”

 

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ