๕
ยังมีเพื่อนอีกบางคนซึ่งข้าพเจ้าได้สำนึกในตอนนี้ว่า เราได้จากกันแล้วจนตลอดชีวิตที่ท่าบอร์เนียวในบ่ายวันนั้น เพื่อนบางคนประเภทนี้ไม่จำเป็นต้องมีเงิน เขากับข้าพเจ้าอาจมีฐานะเท่ากัน แต่เราก็คบกันไม่ได้
ทำไม?
ข้าพเจ้านึกไปถึงจางหลินกับดุสิต—นึกไปถึงเมาเซตุง (เหมาเจื้อตุง) กับเจียงไคเช็ก—นึกไปถึงทรอตสกีและสตาลิน—นึกไปถึงคนอีกหลายล้านคนในโลกที่จะคบกันไม่ได้ เพราะมีความคิดความเห็นไม่เหมือนกัน
มันเป็นเรื่องน่าอนาถใจ ถ้าเราคิดว่า เพียงแต่เรื่องความคิดความเห็นไม่ตรงกันเท่านั้นดอกหรือ ที่ทำให้เราไม่สามารถจะเป็นญาติมิตรกันอีกได้? คนในโลกนี้ ถ้าแม้จะให้เห็นตรงกันไปเสียทุกอย่างแล้ว เราก็คงไม่มีของใหม่ของแปลก เราจำเป็นจะต้องมีความคิดความเห็นแตกต่างกันบ้างเป็นธรรมดา และถ้าเรามีหัวใจเป็นนักประชาธิปไตยที่แท้แล้ว การต่างความคิดนั้นก็ไม่ควรจะกลายเป็นชนวนของความเป็นปรปักษ์หรือเป็นศัตรูต่อกัน แต่นักประชาธิปไตยที่แท้มีอยู่เป็นอันมากแล้วหรือ? เราได้อบรมนิสัยสันดานกันดีพอแล้วหรือ ที่จะเล่นเกมของความคิดความเห็นอย่างมีกติกาและอย่างลูกผู้ชายใจนักเลง ?
ข้าพเจ้าได้จากเพื่อนเก่าบางคนที่ท่าบอร์เนียววันนั้นอย่างชนิดจากตาย ข้าพเจ้าไม่เคยนึกว่าอีกหลาย ๆ ปีข้างหน้า เราจะมีความคิดความเห็นแตกต่างกัน จนต้องเป็นฝ่ายตรงกันข้าม ข้าพเจ้าไม่เคยคิดว่า การแสดงความเห็นของข้าพเจ้า จะทำให้เพื่อนเก่าบางคนเหล่านี้จดบัญชีลงไปในสมุดปกดำของเขาว่า ข้าพเจ้าได้พ้นตำแหน่งมิตรเก่าของเขาไปแล้ว
ความคิดเห็นที่สุจริตไม่มีประโยชน์ส่วนตัว บางครั้งก็เป็นอันตราย
ทั้งนี้เพราะว่าความเห็นชนิดนั้นย่อมจะขัดกับประโยชน์ส่วนตัวของคนหลายคน—ขัดต่อแผนการที่จะเป็นใหญ่เป็นโตด้วยวิธีการประจบสอพลอ ยอมขายเกียรติยศ อิสรภาพ และความเป็นตัวตนของตนเอง เพื่อลาภยศและสรรเสริญ ความคิดของเราต่างกันมาก—ไกลกันสุดขอบหล้าฟ้าเขียว ข้าพเจ้าคิดอย่างโง่ ๆ ว่า หลักการ สำคัญกว่า บุคคล แต่เขาคิดอย่างฉลาดแหลมว่า บุคคล สำคัญกว่า หลักการ เขามีเหตุผลว่า บุคคล สามารถทำให้เขาเป็นใหญ่เป็นโตได้—สามารถช่วยให้เขาร่ำรวยเป็นเศรษฐีได้—สามารถฉุดเขาให้ขึ้นไปนั่งอยู่บนหัวของคนอื่น ๆ ได้ แต่ หลักการ นั้นบางครั้งมันกลับส่งเขาไปบางขวางและเมืองนรก!
หลักการ กับ บุคคล—อนิจจา!