๓
ฤดูชุนเทียนของดอกเถา และฤดูตงเทียนของหิมะซึ่งผลัดเปลี่ยนกันมาเยือนจีนเหนือหลายครั้งหลายคราว ในยุคที่ ระพินทร์ พรเลิศ เร่ร่อนอยู่ในนครปักกิ่ง ได้เปิดฉากแห่งความสลดใจขึ้นหลายฉากหลายตอน ละครเหล่านี้ข้าพเจ้าถือว่าเป็นเรื่องที่เกิดมาแล้ว แม้ในสมัยของโรมและเอเธนส์ มันเป็นเรื่องละครของความเจ็บช้ำ–ละครของการต่อสู้เพื่อความเสมอภาค ตลอดจนเพื่อที่จะมีชีวิตอยู่ตามสิทธิของมนุษย์ที่จะพึงมี ข้าพเจ้าได้ดูละครเรื่องเหล่านี้ด้วยจิตใจอันเต้นระทึก–ด้วยความรู้สึกที่บางคราวก็ร้อนแรงไปด้วย ในฐานที่เป็นมนุษย์คนหนึ่งที่เคยนึกอยากจะถือศาสนาของมนุษยชาติ ข้าพเจ้าเห็นใจชาวจีนทั้งปวงที่ต้องติ้นรนต่อสู้ เพื่อชาติจีนจะได้มีชีวิตอยู่ด้วยอิสรภาพและอธิปไตยอันสมบูรณ์ ข้าพเจ้าเข้าใจดีว่าทำไมจีนจึงต้องยืนขึ้นอย่างองอาจไม่กลัวตาย–ข้าพเจ้าเข้าใจดีว่าทำไมจีนบางพวกจึงต้องใส่เชิ้ตสีเทา มันเป็นเรื่องของการต่อสู้ตามสิทธิอันชอบธรรมที่มนุษย์จะพึงมี แม้ว่าการต่อสู้นั้นจะเป็นการหว่านเมล็ดพืชแห่งความอลหม่านไว้ก็ตาม ข้าพเจ้าขอชี้แจงไว้ว่า ข้าพเจ้าไม่มีเหตุผลอันใดที่จะตำหนิติเตียนคณะเชิ้ตสีเทาคณะนี้ ข้าพเจ้าถือว่ากำเนิดของเชิ้ตสีเทาเป็นเพียงผลสะท้อนของการกระทำอันกดขี่ทารุณที่ต่างประเทศได้ประพฤติต่อชนชาติจีนมาเป็นเวลานานปี อนึ่ง ข้าพเจ้ามีความพอใจคณะเชิ้ตสีเทาเป็นพิเศษอยู่ข้อหนึ่ง นั้นคือคณะรักชาติคณะนี้มิได้มีนโยบายแบบจักรพรรดินิยมอย่างคณะเชิ้ตสีดำในอิตาลีหรือคณะเชิ้ตสีน้ำตาลในเยอรมนีสมัยหนึ่ง ความทะเยอทะยานที่จะเป็นใหญ่ หรือความมุ่งมั่นที่จะรุกรานผู้อื่นแบบฟาสซิสต์และนาซี มิได้มีอยู่ในชีวิตวิญญาณของพรรคเชิ้ตสีเทานี้เลย สิ่งที่คณะรักชาติคณะนี้ต้องการก็คือ เอกราชอันสมบูรณ์ของชาติจีน ไม่ต้องการสิ่งใดที่มิได้เป็นของจีน ข้าพเจ้าคิดว่า นี่เป็นผลสะท้อนของแนวปรัชญากลุ่มขงจื๊อ ซึ่งแทรกซึมอยู่ในชีวิตจิตใจของชาวจีน ๔๐๐ ล้าน–คือแนวปรัชญาที่อิ่มอาบไปด้วยความรู้สึกในมนุษยธรรมอันสูง
ท่านผู้เจริญทั้งหลาย เมื่อท่านอ่านมาถึงตรงนี้ ท่านคงจะยังคะเนไม่ได้ว่าข้าพเจ้าจะชวนท่านไปทางไหนข้าพเจ้าขอชี้แจงไว้ว่า ข้าพเจ้าเขียนเรื่องนี้ด้วยจิตเจตนาอันสุจริตที่จะนำคดีสำคัญคดีหนึ่ง ขึ้นเสนอให้ชาวโลกทั้งปวงวินิจฉัย โดยไม่เลือกชาติ ศาสนา และชั้นวรรณะ คดีเรื่องนี้เป็นคดีที่เกี่ยวกับความเป็นความตายของชาติมนุษย์—เป็นคดีที่คนดีผู้หนึ่งได้เอาชีวิตของเขาเข้าทดลอง และก็ได้สิ้นชีวิตไปเพราะการทดลองอันแกล้วกล้านั้น ข้าพเจ้าต้องการจะเสนอให้ท่านวินิจฉัยว่า ทุกวันนี้ท่านกับข้าพเจ้าควรจะเลือกเดินทางไหน เราจะฉุดกระชากลากกันเข้ารกเข้าพงต่อไปอีกโดยไม่รู้ทิศรู้ทาง หรือว่าเราจะชวนกันหยุดพินิจพิจารณาสัก ๕ นาทีก่อนจะออกเดินทางสืบต่อไป สงครามไกเซอร์ได้ปลิดชีวิตมนุษย์ไปอย่างน้อย ๔๐ ล้านชีวิต สงครามฮิตเลอร์คราวนี้ได้ปลิดชีวิตมนุษย์ไปมากกว่านั้นหลายเท่า เพราะนักวิทยาศาสตร์ผู้มีจิตใจที่เจริญแล้ว มีความสามารถมากขึ้นในการผลิตเครื่องประหารและเครื่องทำลาย ข้าพเจ้าเชื่อว่าสงครามมหาประลัยจะต้องเกิดขึ้นอีกก่อนที่เราจะตาย และสงครามครั้งนี้–อย่าได้สงสัยเลย–แน่นอนที่สุดที่การอุ้มลูกจูงหลานอพยพกันออกไปตามบางพลี บางใหญ่ บางบัวทอง ฯลฯ ย่อมจะหาประโยชน์อันใดมิได้
ท่านผู้เจริญ ข้าพเจ้าขอเสนอคดีของผู้เสียสละต่อท่าน เพื่อให้ท่านวินิจฉัย ณ บัดนี้—