ผู้ไม่เสียสละ

ข้าพเจ้าได้ทอดทิ้งจางหลิน ดุสิต และจวนฟางไว้ในเรื่อง ผู้เสียสละ ด้วยความมุ่งหมายจะทำให้เรื่องนั้นเป็นเรื่องของผู้เสียสละจริงๆ ผู้เสียสละ ของจางหลินได้ลงพิมพ์ใน รุ่งอรุณ มาอย่างยืดยาว ซึ่งจำเป็นจะต้องไปจบลงในเล่มใหญ่กระดาษดี เพราะ รุ่งอรุณ ได้เปลี่ยนกำหนดออกจากรายสัปดาห์เป็นรายเดือน ซึ่งไม่เหมาะที่จะลงเรื่องยาว เพราะผู้อ่านจะต้องรอถึง ๔ สัปดาห์จึงจะได้อ่านต่อ ซึ่งเกือบจะหาประโยชน์อะไรไม่ได้เลย

แต่ว่า ระพินทร์ พรเลิศ ยังจะต้องเล่าชีวิตของจางหลินและเพื่อนร่วมชาติของเขาต่อไปจนจบ เพราะชีวิตของคนเหล่านี้ เป็นกระจกบานหนึ่งที่ส่องให้เห็นมุมหนึ่งของชีวิตชาวจีน ผู้มีการศึกษาและผู้รักชาติบ้านเมืองของเขา เช่นเดียวกับที่ทุกคนควรจะรักบ้านเกิดเมืองนอนของตน ชีวิตของจางหลินก็ดี ของดุสิตก็ดี ของทามูราก็ดี ล้วนเป็นหลังฉากสำคัญยิ่งของสงครามปรมาณูที่ควรจะเกิดขึ้นในไม่ช้าตามความประสงค์ของมนุษย์ผู้เจริญ น้ำเนื้อของการเขียนเรื่อง ผู้เสียสละ มีอยู่เช่นนี้ เพราะฉะนั้นแม้ว่าจะไม่สามารถลงต่อไปได้ใน รุ่งอรุณ เนื่องจาก รุ่งอรุณ เปลี่ยนกำหนดออก แต่ก็จำจะต้องหาทางออกมาในเล่มหนังสือ ก่อนที่ผู้แต่งจะเขียนหนังสือไม่ได้ ความดีความเลวของหนังสือเล่มนี้ ผู้แต่งขออุทิศให้แก่อนาคตที่ไม่มีตัวตนของสังคมมนุษย์ เพราะไม่มีใครจะสามารถพยากรณ์ให้ถูกต้องได้ว่าจะเป็นไปเช่นไร

จะอย่างไรก็ตามเถิด ผู้เขียนเรื่อง ผู้เสียสละ ได้เขียนเรื่อง ผู้เสียสละ ด้วยความเข้าใจอันถ่องแท้ว่า โลกนี้เป็นโลกของ ผู้ไม่เสียสละ ทำไมจึงพูดเช่นนี้? ท่านเข้าใจว่าอย่างไร

ทุกวันนี้เรากำลังมีชีวิตอยู่ในโลกอันแปลกประหลาดพิสดาร–โลกที่บอกเราว่าในไม่ช้าชาติมนุษย์จะสูญพันธุ์ หรือมิฉะนั้นเราก็จะต้องกลับไปอยู่ตามถ้ำตามรูอีกครั้งหนึ่ง ในโลกอันประหลาดพิสดารนี้ วิญญาณของมนุษย์ผู้เจริญได้ดับไปแล้ว สิ่งที่เหลืออยู่ก็คือเวทีของการต่อสู้ที่ไม่มีกติกาอะไรเลย เรากำลังจูงมือกันเดิน (หรือมิฉะนั้นก็ผลักดันคนข้างหน้าให้เดิน) ออกไปสู่ความตกต่ำของชีวิต ซึ่งเวลา ๔,๐๐๐ ปีได้พยายามยกขึ้นสูงกว่าชีวิตของสิ่งที่มีชีวิตทั้งหลายในป่าดงพงพี ทุกสิ่งทุกอย่างตั้งแต่การบ้านไปจนถึงการเมือง ได้บ่งชัดว่าถนนของสันติสุขยังคงปิดตายอยู่ มนุษย์ยังคงต้องการสงครามอยู่ตามเดิม เพราะสัญชาตญาณของเขายังมิได้แปรรูปไปแต่อย่างใด

ข้าพเจ้าไม่คิดว่า ความมืดมัวที่ปกคลุมโลกอยู่ในขณะนี้ จะคลี่คลายลงได้ประการใด เราได้ฆ่ากันมาเป็นเวลาเกือบสิบปี และเราก็ยังคงต้องการจะฆ่ากันต่อไปอีก โลกในสภาพที่เป็นอยู่เดี๋ยวนี้ไม่ได้ทำให้เราพอใจอย่างใดเลย เรามีความรู้สึกอย่างที่บอกไม่ได้ ที่บอกไม่ได้ก็เพราะว่าเราไม่เข้าใจว่าเราได้เข้ามาอยู่ในโลกนี้ได้อย่างไร และเหตุใดเราจึงมิได้แม้แต่ยกนิ้วก้อยของเราขึ้นเลย ทั้งๆ ที่โลกนี้เป็นของเรา และเราต้องการด้วยความจริงใจที่จะเห็นโลกนี้อบอวลไปด้วยกลิ่นอายของสันติสุข ในความเห็นของข้าพเจ้า สงครามเกิดขึ้นจากชนกลุ่มน้อย–เกิดขึ้นจากนักการเมืองที่ต้องการจะสร้างอนุสาวรีย์ของเขาเองขึ้นตามสี่แยกถนนใหญ่ ชนกลุ่มน้อยเหล่านี้ควรจะมีสิทธิน้อยกว่าเราในการประกาศสงครามและสร้างสงคราม แต่ตั้งแต่บัดนั้นจนบัดนี้ ชนกลุ่มน้อยก็เป็นผู้สร้างสงครามและประกาศสงคราม เราไม่เข้าใจตัวของเราเองเลย!

ข้าพเจ้าไม่คิดว่าในภาวะอันละมุนละไมของจิตใจแห่งประชาชนส่วนใหญ่ผู้เป็นเจ้าของโลกเวลานี้ จะสามารถมีอำนาจอะไรมาหยุดอสุรสงครามได้ ข้าพเจ้ายังเชื่อเสมอว่าสงครามจะต้องเกิดอีก เวลาเท่านั้นที่จะเป็นผู้บอก

เมื่อหวนนึกถึงภัยของสงครามและสิ่งที่ตามหลังสงคราม ข้าพเจ้าก็อดที่จะคิดไม่ได้ โลกนี้ยังไม่อิ่มดอกท่านในเรื่องความพินาศของศีลธรรมจรรยาภายหลังสงคราม โลกนี้ยังไม่อิ่มดอกท่านในเรื่องความโสมมทั้งปวงที่ผู้มีอำนาจและก๊กอั้งยี่ได้พยายามสร้างขึ้นเพื่อกระเป๋าของเขาหลังจากสงครามได้สงบแล้ว เราไม่มีใครที่กล้าเสียสละ เพราะผู้เสียสละเป็นคนบ้า ๕๐๐ จำพวกดีๆนี่เอง เรามีแต่ผู้ไม่เสียสละ ซึ่งมีความคิดเห็นว่าใครเสียสละก่อนคนนั้นเป็นคนอวดดี–เป็นตัวงิ้วที่เต้นอยู่บนเวทีแต่ผู้เดียว–เป็นคนบ้าที่ควรจะไปอยู่ในโรงพยาบาลหลังคาแดง ข้าพเจ้าคิดว่า เมื่อไฟกำลังไหม้บ้าน เราต้องการผู้เสียสละ ซึ่งสามารถฝ่าอันตรายเข้าไปดับไฟ ถ้าทฤษฎีที่ว่า “ผู้เสียสละเป็นคนบ้า” ทำให้มีผู้ไม่ต้องการจะเสียสละมากขึ้นได้เสมอไปแล้ว ไฟจะไหม้บ้านแน่นอน และจะดับลงก็ต่อเมื่อบ้านนั้นได้มอดเป็นเถ้าไปแล้ว

ผู้ไม่เสียสละเป็นตัวละครสำคัญที่มีบทสำคัญภายหลังสงคราม เช่นเดียวกับที่ผู้เสียสละได้เป็นตัวละครสำคัญที่มีบทสำคัญก่อนจะเกิดสงคราม สงครามได้เหลือสิ่งปฏิกูลไว้ตามซอกมุมต่าง ๆ ทั่วโลก จิตใจของมนุษย์เป็นอันมากซี่งรอดชีวิตมาจากสงคราม ได้เกรอะกรังไปด้วยความเบื่อหน่ายต่อทุกสิ่งทุกอย่างที่มีแบบฉบับ มีหลักเกณฑ์ มีทฤษฎี คนเหล่านี้ต้องการอากาศบริสุทธิ์ที่ไม่มีควันดินปืน ต้องการยิ้มหัวเราะ ต้องการความง่ายและความสะดวก เขาไม่ต้องการจะบรรทุกอะไรไว้ในสมองอีก เขาเอือมความเก่า เขาไม่ต้องการความซ้ำซากของแบบแห่งศิลปะและวัฒนธรรม เขาต้องการสิ่งที่เคลื่อนไหวไปมาได้รวดเร็วและใหม่เสมอ เพื่อเปลี่ยนอารมณ์ที่ถูกตรึงอยู่ต่อสิ่ง ๆ เดียวตลอดเวลาเกือบสิบปี นั่นคือความยากแค้นที่เกิดจากสงคราม

เราไม่ควรประหลาดใจต่อชีวิตจิตใจเช่นนี้ เพราะมันเป็นของธรรมดาเหลือเกิน สิ่งที่เราควรประหลาดใจก็คือ ความไม่เสียสละของผู้ที่มีเกียรติยศ และหน้าที่ควรจะบังคับให้เขาเสียสละ คนพวกนี้ได้ลั่นวาจาที่เขาคิดว่าเป็นวาจาสัตย์ออกมาว่า เขาจะมีชีวิตอยู่เพื่อประโยชน์ส่วนรวม แต่จนกระทั่งบัดนี้ สิ่งที่ได้พิสูจน์แล้วสำหรับคนเหล่านี้ก็คือ การกระทำที่มุ่งต่อประโยชน์ส่วนตัวของเขาและครอบครัวของเขา ตลอดจนของก๊กอั้งยี่ของเขา มันเป็นเรื่องของประโยชน์ส่วนตัว เรื่องของวงศาคณาญาติ เรื่องของเพื่อนฝูง และเรื่องของก๊กอั้งยี่ นี่คือชีวิตของตัวละครสำคัญที่มีบทสำคัญภายหลังสงคราม–คือผู้ไม่เสียสละ

ข้าพเจ้าคิดว่าคงจะจบเรื่อง ผู้เสียสละ ได้ในลักษณะหลายเล่มสมุดไทย และข้าพเจ้าคงมีความสุขใจคล้ายกับได้ไปตากอากาศชายทะเลหรือตามยอดเขา ถ้าข้าพเจ้าจะได้แต่งเรื่อง ผู้ไม่เสียสละ ขึ้นอีกเรื่องหนึ่ง โดยใช้ตัวละครเป็นคนไทย และเปิดฉากขึ้นในเมืองไทย อย่างไรก็ดี ข้าพเจ้าไม่ทราบว่าข้าพเจ้าจะเขียนเรื่องนี้ได้หรือไม่ ในเมื่อข้าพเจ้ารู้จักเมืองไทยดีเท่ากับท่าน ท่านคิดหรือว่าข้าพเจ้าจะเขียนเรื่องนี้ได้และพิมพ์ออกมาเป็นเล่มได้?

เมืองไทย–คนไทย! ข้าพเจ้ามีอายุครบ ๔๐ ปีปีนี้ แต่ยังมีบทเรียนอีกมากที่ข้าพเจ้าจะต้องเรียน

ผู้ไม่เสียสละ–ผู้ซึ่งกลืนกินน้ำลายที่เขาได้ถ่มออกมาแล้ว–ขอให้เราจงปรบมือให้แก่ความสำเร็จอันงตงามของเขาและก๊กของเขา!

พญาไท

๒๗ เมย. ๙๐

 

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ