หอไวพจน์

๏ จักเสริมเติมต่อตั้ง ตัวบท
ในหมวดหอไวพจน์ ภาคนี้
พิจารณ์อ่านจำจด จงจัด เจนพ่อ
ไนยแนะนิเทศชี้ เช่นอ้างอย่างเขียน ๚ะ

๑๖ จักแจกจำแนกแนะนำ พจน์พากย์หลากคำ แลข้องด้วยพ้องสำเนียง ๏ ในหมวดตัวหอต่อเคียง ลำดับนับเรียง ตั้งต้นแต่หนพจมาน ๏ เรียกหอไวพจน์พิจารณ์ นานาประการ ประกอบให้ชอบเชิงเรียน ๏ สำหรับกุมารอ่านเขียน เพื่อผู้มีเพียร ศึกษาอุส่าห์จดจำ ๏ แต่หนต้นข้อเค้าคำ แจกเรียงโดยลำ ดับนับบ่สับสนกัน ๏ คำหนคนไทยจำนัน สังเกตเหตุปัน เป็นสองโดยคลองคดี ๏ ว่าประเทศทางวิถี คราวครั้งก็มี มักใช้ว่าได้หลายหน ๏ หนใต้หนเหนือเจือปน หนน้ำลำชล หนบกก็ยกเจรจา ๏ ผินภักตร์ฝ่ายหนบุรพา บำบวงเทศา เดินหนให้ดลบันดาล ๏ ไม่รู้แห่งหนอนธกาณ หนทางทุระฐาน ณหนไศลไพรแวง ๏ ต้นหนคนท้ายเข้มแขง รู้เจนจบแขวง ในแควชลาสาคร ๏ เดินด้นกลางหนหาสมร ไป่พบบังอร ก็สุดวิโยคโศกศัลย์ ๏ ผู้วิเศศทางเวทมนต์ขยัน ล่องหนหายพลัน ทุกคนบอยลกายา ๏ คระหนคระหายส่ายหา บ่พบพนิดา ในแดยิ่งเดือดอาดูร ๏ หนไหนใครจักเกื้อกูล คุณยิ่งประยูร แลญาติอันอาจยาใจ ๏ คิดค้นหนข้างคำไทย ตามเหตุเลศไนย ที่ใช้สยามภาษา ๏ รวมเสร็จสิบเจ็ดวาจา พูดอยู่อัตรา บพักต้องแก้แปลความ ๏ พวกพหลพลมากเหลือหลาม พหลแปลตาม ทั้งไทยที่ใช้หนั่นหนา ๏ อีกคำหนึ่งคือโกลา หลเป็นคำบา ฬีว่าเอิกเกริกวุ่นวาย ๏ กาหลคำแปลพิปราย ว่าแตรทั้งหลาย เสียงหลากแลมากสัณฐาน ๏ หนสามคำนี้บรรหาร สกดพจมาน ตัวลอวิลาศคงควร ๏ เชาเกาะสิงหฬมากมวล มั่วสุมชุมชวน กันเชิญแลชมบูชา ๏ พระทันตธาตุสาศดา ในเกาะลังกา เกษมแลเปรมปรีดี ๏ บังคับสิงหฬวาที ตัวฬอบาฬี สกดเช่นบทจักรวาฬ ๏ คำหนประดนพิจารณ์ ไทยขอมประมาณ ประมวญไว้ครบสิบสาม ๚ะ

หัน ถัดถั่นคำหันเห็นความ ใช้ในสยาม ว่าหันว่าเหเปรไป ๏ อีกกังหันหมุนกวัดไกว หันหน้าหาใคร จะได้อาหารจังหัน ๏ นั่งล้อมโต๊ะรอบเรียงกัน สุกรหันหั่น แลปันไปทั่วตัวคน ๏ ไม้กระทังหันเห็นชอบกล ตรงเปลายาวยล เยี่ยงหันทำดังเวฬู ๏ คำไทยใช้หันสรรดู เห็นใช้เชิดชู ดังชักมาร่ำรำพัน ๏ บาฬีมีว่ามหันต์ ตัวตอการันต์ นี่แปลว่าใหญ่ใช้ชุม ๏ โมหันธการปกคลุม มืดโมหะรุม รันทำให้จิตรมืดมัว ๏ ที่ควรจะกลัวบมิกลัว ที่ประโยชน์ตัว ก็ต่อยประหารราญรอน ๏ องค์พระอรหันต์ปันถอน กิเลศมอดมรณ์ ดัวยมรรคประจักษ์สัตยา ๏ ทรงนามพระอระหา แลอรหันตา ไตรยวัฏท่านตัดสิ้นสูญ ๏ เขียนใช้ให้ถูกเค้ามูล ตอการันต์พูล เพิ่มท้ายที่หมายแม่นยำ ๏ รูปสัตวช่างปั้นเขียนทำ มาตั้งประจำ ที่เชิงพระเมรุเกณฑ์กัน ๏ คนไทยใช้เรียกออระหัน คำสองพ้องกัน สำคัญตัวตอบมี ๏ มหัณณะวะบาฬี แปลงตามวิธี เอาวอเป็นพอรอหัน ๏ เป็นมหรรณพครบครัน คำนี้ใช้กัน ว่าท้องทะเลสาคร ๏ หรรษาภิรมย์ชมอร แอบเคล้าคลึงสมร หื่นหรรษ์กระสันสู่สม ๏ หรรษะแปลว่าชื่นชม ษอบอนิยม ตามอย่างที่อ้างเบาราณ ๏ หรรสรรสิบเอ็จคำขาน ไว้เป็นประมาณ ประมาทก็คลาศคำเขียน ๏ อย่าให้เสียศักดิ์นักเรียน จงหมั่นระเมียน ระมัดประหญัดิอย่าเบา ๚ะ

หาน หมวดหานขานคำสำเนา เด็กอ่อนหย่อนเยาว์ อย่าอยาบจงทราบแบบบรรพ์ ๏ กล้าหาญคำไทยใช้กัน อาจหาญประชัน นี่ใช้สกดตัวญอ ๏ ฉันใดไป่ทราบต้นตอ ใช้มาเพียงพอ ก็ลัดก็เลียนเขียนตาม ๏ เป็นที่สังเกตเหตุความ บให้ปนปาม แลปันให้แยกแปลกดี ๏ ห้วยละหานลำธารวารี หนึ่งนามธานี ก็มีว่าเมืองหนองหาน ๏ นอนิลสกดพจมาน เช่นคำสาธารณ์ ไป่มีพิเศศเหตุผล ๏ ทวยหาญว่าหมู่กล้าชน หักหาญประจน ว่าหักด้วยกล้าราวี ๏ รอสกดบทหารบาฬี มากหลายวาที คดีล้วนต่างห่างกัน ๏ คือว่าอาหารสารพัน เข้าปลาเผือกมัน แลมูลผลาผลผอง ๏ อาหารว่านำมาครอง ชีวายุปอง บำรุงชีวิตินทรีย์ ๏ ประหารแปลว่าทุบตี บริหารมี คำแปลว่าแก้ปลดความ ๏ คือเฉลยไขแก้คำถาม เรียกโดยคู่ความ ก็คือจำเลยอัฏรา ๏ ไนยหนึ่งแปลว่ารักษา เช่นอย่างสมญา พระราษฎรบริหาร ๏ เป็นชื่อผู้ว่าราชการ เมืองมลาวสฐาน ประเทศกะมะลาไสย ๏ มีพระราชบริหารไข คำนี้มีไนย ว่าตรัสบังคับสั่งการ ๏ บางทีเป็นราชบรรหาร คำนี้เบาราณ มักใช้ญอใหญ่สกด ๏ แต่เห็นแทนบริหารบท ควรรอสกด บริท่านแผลงเป็นบรร ๏ สังหารว่านำพร้อมพลัน แต่ที่ใช้กัน ก็ใช้ว่าฆ่าราวี ๏ คือหมายเอาว่าความชี วิตรวอดวายลี ลาลดแลปลดปลงชนม์ ๏ ทหารคำนี้แบบยล ท่านแปลว่าคน ที่หนุ่มแลชุ่มมันแรง ๏ คำเดิมทะหะระท่านแผลง เสียงสั้นยาวแปลง ที่คำหะระเป็นหาร ๏ เรื่องนี้พระบาทมหิบาล ที่สี่รัชกาล ประทานเป็นแบบบรรยาย ๏ โวหารคำนี้พิปราย ว่าคำพูดหมาย เป็นคำที่เรียกร้องกัน ๏ แต่คำที่ใช้ทุกวัน ผู้ที่กล้ากลั่น เจรจานั้นว่าโวหาร ๏ เช่นพระเทศนาวาการ เปรื่องปราดฉาดฉาน ก็ว่าโวหารท่านดี ๏ อภินิหารขานคำบาฬี ว่าบุญบารมี จะนำออกให้ยิ่งยง ๏ กฤดาภินิหารแปลตรง ว่าบุญจำนง ท่านได้ก่อสร้างปางบรรพ์ ๏ สร้างโบสถ์วิหารคู่กัน คำในโคลงฉันท์ ท่านมักแผลงใช้ไพหาร ๏ เอาอิเป็นไอไขขาน เช่นกับไพศาล เอาวะเป็นพะหารคง ๏ วิหารว่าที่อยู่สงฆ์ จะแปลให้ตรง ว่าวัดที่ชัดคำไทย ๏ วิหาระธรรมอีกไนย ที่อยู่ของใจ คือธรรมที่เป็นอารมณ์ ๏ ดังธรรมที่อยู่นิยม แห่งใจหมู่พรหม มีชื่อก็ชัดนามขนาน ๏ เรียกว่าจตุพรหมวิหาร หนึ่งแปลคำขาน ที่อยู่ประเสริฐเลิศคุณ ๏ เมดตากรุณาเจือจุน มุทิตาละมุน จิตรอ่อนอีกอุเบกขา ๏ ธรรมที่นี้นามสมญา พรหมวิหารรา เรียกใช้ในคำเทศธรรม์ ๏ อะวะหารไม่ใคร่ใช้กัน มีแต่ในบัญ ญัติข้อสิกขาบทสงฆ์ ๏ อวหารว่านำต่ำลง พูดคำไทยตรง ว่าลักว่าฉ้อเบียดบัง ๏ สมาหารแปลในพจนัง โดยเนื้อความหวัง ว่าชักว่านำเอามา ๏ เช่นบทบุญบารมีตา สมาหารวา จกนี้ก็มีเป็นพยาน ๏ ว่าบุญบารมีอาจหาญ ชักนำเสวตรสาร มาสู่สมโพธิสมพอง ๏ ว่าหารเลขตั้งโดยปอง แปลตามทำนอง ว่านำว่าลดเลขเดิม ๏ คำนี้เป็นสองควรเสริม หานนอนิลเติม ท่านใช้ในคำคูณหาน ๏ แปลว่าลดเลขตามการ สูตรเป็นประมาณ จะหมดจะลดเท่าใด ๏ ประหานนอนิลนี้ไข ว่าละเลยไคล คือเว้นแลว่างห่างหาย ๏ เหมือนคำในธรรมบรรยาย พระเทศมากหลาย ว่าสมุจเฉทประหาน ๏ คือละตัดเหล่าเกลศมาร ขาดจากสันดาน ประดุจหนึ่งขุดรากโคน ๏ รำงับบมิกลับพิโดร จิตรหน่วงน้อมโอน ในอำฤตยรศธรรม์ ๏ หนึ่งไนยหนึ่งว่ามหันต์ หากทีฆะสรร เป็นศับท์มหานต์ก็มี ๏ คำร่ายยวนพ่ายพาที กลอนจัดวะจี ว่ามหานตาธยาไศรย์ ๏ สังเกตโดยเหตุเลศไนย ประจักษ์แจ่มใส ให้เจนให้จัดชัดคำ แม้นจักสวดอ่านลำนำ ฤๅจะแต่งคำ สิ่งใดก็ได้เรวพลัน ๏ หมวดหานพิจารณ์จัดปัน นับรวบรวมกัน กำหนดสิบเก้าวาจา ๚ะ

หิน เสาหินเรียกเสาศิลา แผ่นหินภูผา เรียกแผ่นศิลาเพราะดี ๏ หินอ้างอย่างไทยพาที กับหินบาฬี พ้องบทสกดนอนิล ๏ นฤเบศร์มเหศวรมหินทร์ พระเจ้าแผ่นดิน เป็นใหญ่แลใหญ่ยิ่งยง ๏ มหินทรศักดิ์ธำรง แปลว่าผู้ทรง ซึ่งศักดิ์แห่งเจ้าธรณินทร์ ๏ เรียกแต่เจ้าพระยามหินทร์ บได้ระบิล ระบอบประกอบความไทย ๏ ทมิฬหินชาติคนใจ ดำต่ำช้าใคร จะเสพยก็เสียราษี ๏ หินะในคำบาฬี ไทยใช้กันมี บางทีก็ว่าโหดหืน ๏ บ้างว่าหินโหดกลมกลืน ไทยใช้บยืน เป็นอย่างที่อ้างคำคง ๏ หินมคธสกดนอตรง ที่ควรจะลง ทรก็ต่อการันต์ ๏ คำขอมทั้งคำสามัญ นับรวบรวมกัน เบ็ดเสร็จเป็นสิบวาจา ๚ะ

หุน หุนหลีมีในภาษา จีนใช้เจรจา นี่จัดว่าหุนสามัญ ๏ มหุรดิวารสำคัญ ตามฤกษแบ่งปัน เป็นยามโฉลกโชคไชย ๏ คำเดิมมหุดิมีใน บาฬีบไพ เราะเพิ่มท่านเติมรอลง ๚ะ

โหน ห้อยโหนคำไทยใช้คง เขียนโหนตรงๆ นอนิลสกดหมดความ ๏ หมอโหรมิใช่คำสยยาม แต่ไทยใช้ตาม ติดบทมคธภาษา ๏ แปลว่าคนรู้ตำรา วิธีบูชา พระเคราะห์จำเภาะเดือนปี ๏ คู่กับโหรดาจาริย์มี กรมพราหมณ์พิธี อันรู้ตำหรับเวทางค์ ๚ะ

เหียน คลื่นเหียนหันเหียนคำกลาง อีกบังเหียนวาง ไว้แบบว่าเหียนคำไทย ๏ พาหิระมคธแผลงไป เป็นพาเหียรไว พจน์พวกกับคำเหียนหัน ๏ แปลว่าภายนอกยืนยัน ใช่คำสามัญ แต่ไทยก็ใช้ชัดเจน ๏ ว่านมหาหงหักเอน หงษ์บินบากเบน ดังรูปที่ปลายเสาหงษ์ ๏ มหาหิงคำไทยใช้ตรง ฝูงมหิงษ์ลง ในเลนนี่ว่ากระบือ ๚ะ

หัด ฝึกหัดอีกว่าหัดปรือ โรคหัดนี้คือ โรคผิวพิการกายา ระหัดวิดน้ำเข้านา ระหัศภาษา ในศับท์มคธบทมี ๏ ท่านแปลว่าความลับลี้ แปลกไทยพาที ศอคอสกดบทขอม ๏ สาหัศมคธแปลงปลอม เป็นไทยก็ยอม สกดยังเกี่ยวศอคอ ๏ สาหัศว่ารวดเรวพอ บรั้งรีรอ ระแหกระเหิดเปิดเปิง ๏ โจรร้ายสาหัศแรงเริง ฉกาจกลเพลิง อันลวกแลลามป่าดง ๏ สหัศว่าสิบร้อยคง เช่นนามท้าวองค์ สหัศเนตรตาพัน ๏ สหัศไนยแปลเช่นกัน บุตรท้าวกุมภัณฑ์ นั้นเรียกสหัศกุมาร ๏ นามดวงตาวันชัชวาลย์ มคธคำขาน เรียกว่าสหัศรังษี ๏ พระแสงแผดแผ่นพันทวี สบทั่วธาตรี นับโยชน์ก็ยิ่งเกินพัน ๏ คหัฐคฤหัฐเช่นกัน ท่านหากแปรผัน ให้ผิดให้แผกแปลกคำ ๏ แปลว่าตั้งอยู่ประจำ ในเย่าเรือนสำ นักนิ์เป็นหลักแหล่งลำเนา ๏ เพศพรรณแต่งตนเพริศเพรา คหัฐพวกเรา เพศผิดกับพวกบรรพชา ๏ พระหัดถ์ว่ามือซ้ายขวา คำสูงราชา ศับท์ใช้แต่ในเจ้านาย ๏ พระหัดถ์ดอสกดหมาย ถอการันต์ปลาย ถูกแยบในแบบบาฬี ๏ เขียนลดถอสกดก็มี รอหันวาที ก็ใช้กันคละปะปน ๏ มหัศจรรย์กุลาหล ประหลาดวิกล คือการแลของแปลกใจ ๏ ศอคอสกดบทไข มหัศคำใน นั้นแปลว่าใหญ่ยิ่งทวี ๏ หนึ่งว่าวันพฤหัศบดี ชื่อดาวราษี ซึ่งมีในฟ้าฝ่ายบน ๏ จัดนับเป็นวันเวียนวน ใช้ทั่วสากล ทุกเขตรประเทศบ้านเมือง ๏ คำหัดจัดเทียบประเทือง พอเป็นทางเรือง ปัญญาได้อ้างอย่างดู ๏ สิบสามคำชัดเชิดชู โดยแบบบรรพบู ราณบทได้จดประจำ ๚ะ

หิด ไทยพูดคำหิดจงสำ เหนียกให้แม่นยำ เช่นนกกระหิดเหดหัน ๏ คนเป็นโรคหิดให้คัน เกาคะเยอยัน จนยับจนย่อยรอยแผล ๏ นิคหิตบต้องอัดถ์แปล รู้โดยกระแส ว่าจุดข้างบนวงกลม ๏ อาไศรยสามสระนิยม อาอิอุสม มตอ่านว่าอำอึอุํ ๏ เสียงแทนงอมอมีชุม เช่นกับพระจุ พลชัดแลชุํนุํกัน ๏ แผลงตามสกฏะจำนัน นฤคหิตบรร จบจัดนิทัศน์ทางมา ๏ มหิตสกดตอตรา แปลว่าบูชา มักใช้ในบทกลอนมี ๏ หลวงหิทธิมหาโยธี มหิทธิฤทธิ์แรงดี คำนี้สกดทอธอ ๏ อุณหิศสกดศอคอ อุณสกดณอ ใหญ่นับว่าศับท์บาฬี ๏ แปลว่ากรอบหน้างามดี แปลอีกอย่างมี ว่าหมวกว่ามงกุฎกาญจน์ ๏ ว่าชั้นบันไดก็มาน คติเบาราณ มักใช้แต่กรอบภักตร์ชุม ๏ เป็นคำล้ำฦกปกคลุม ชักมารวบรุม ให้รู้ว่าหิศคำขอม ๏ มหิศศวรสมญาแห่งจอม ไกรลาศพนอม พนมณพื้นหิมพานต์ ๏ มหิศศรพระนามขนาน แห่งเจ้าจอมปราณ กระษัตริย์ในรัฐมณฑล ๏ คำหิดคิดเค้ายุบล ไทยขอมระคน คำนวนไว้เก้าวาจา ๚ะ

เหด เห็ดโคนคำคนเจรจา จัดเป็นภาษา สำหรับประชามากมูล ๏ ถ้าจะใช้คำพิดทูล ราชพงษ์ประยูร ต้องเปลี่ยนว่าเห็ดปลวกแปลง ๏ เพื่อหลีกคำโดยแสดง เบื้องแยบแอบแฝง พวกลบพวกล้ำคำโดน ๏ ต้นเหตุนายจั่นเป็นโจร ซัดถึงนายโทน นายต่ายเป็นปลายเหตุความ ๏ เหตุนี้มิใช่คำสยาม คนไทยใช้ตาม แต่บทมคธบาฬี ๏ พูดกันมาหลายร้อยปี เข้าใจกันดี เดี๋ยวน่ี้ก็เป็นไทยตรง ๏ แต่ตุสกดยังคง พอให้เห็นลง ว่าเดิมมิใช่ไทยจริง ๏ เห็ดเหตุคำพูดประวิง ตัวอย่างอ้างอิง เป็นพจน์กำหนดคำเคียง ๏ ละม้ายคล้ายโดยสำเนียง ยาวสั้นสรรเสียง สำเนียงที่เรียงเจรจา ๏ เครื่องเหมสามยอดรจนา นี่เหมภาษา สยามเนื้อความตรง ๆ ๏ หงษ์เหมเปรมปรีดีลง ในสระบุษบง ก็แส่ก็ไซ้สินธู ๏ คำนี้พินิจคิดดู แต่ต้นคำครู ชรอยประสงค์หงษ์ทอง ๏ เหมะบาฬีละบอง แปดโดยทำนอง ว่าทองที่ลาวเรียกคำ ๏ แสงเหมหิรัญเรื่ออัม พรเพลากำ หนดได้ว่าใกล้รุ่งราง ๏ พระเหมสมาหารจางวาง ส่วยทองขุนนาง นครราชสีห์มาเมือง ๏ เหมมณเฑียรทองประเทือง ไพโรจรุ่งเรือง นามศาลสถิตย์เทวา ๏ เทิดตั้งริมฝั่งคงคา เป็นที่บูชา ณบางปอินถิ่นกรุง ๏ สายัณห์คนอยู่หมู่มุง โหมเพลิงสุมยุง แลเร่งลครโหมโรง ๏ ลูกนี่หลบหนีตะโพง เจ้านี่ตะโกรง ทันทวงดังโหมเรือไชย ๏ พวกกระบวนทวนธงไสว แห่โหมกันไป ครคฤกครโครมโหมหรรษ์ ๏ ผักโหมมีมากหลายพรรณ์ ใบต้นต่างกัน กำหนดในโหมคำไทย ๏ ชุมโหมโดยพิธีไสย พราหมณบูชาไฟ นี่จัดว่าโหมคำพราหมณ์ ๏ โอ่งไหๆเคลือบๆงาม ไหคำสยาม ควรใช้แต่ไม้มลาย ๏ หะยะมคธคำขยาย แปลว่าม้าหลาย ศรีอย่างแลต่างสัณฐาน ๏ เขียนใช้ในทุกวันวาร แปลงไปตามกาล เป็นคำมลายตัวยอ ๏ โคลงฉันท์ท่านใช้มาพอ เป็นเค้าเหล่ากอ คดีที่อ้างอย่างยล ๏ พลไหยไหยะร่าเริงรณ ไหยะรถคชพล ล้วนพวกที่กล้ากลางสนาม เจ้าพระยาม้าต้นสูงงาม โปรดให้ขนานนาม มหาไหยรัตโนดม ๏ ว่าพระยาม้าแก้วใหญ่สม บูระณะพึงชม ทั้งเชื่องแลเชิงกิริยา ๏ หิรัญแปลว่าเงินตรา สะกะฏะภาษา ท่านแผลงท่านใช้ไหรญ ๏ สกดญอญาติยังยล ตามเค้ายุบล บเปลี่ยนบเพี้ยนพาที ๏ หิรัญว่าทองก็มี โดยข้อคดี ที่ย้ายที่แยกแปลกความ ๏ นักเรียนเพียรพยายาม ย่อมจักรู้ความ คดีที่สอนกลอนเกลา ๚ะ

๏ หอไวพจน์พากย์พ้อง รำพัน
จบเสร็จสิ้นสารสรร สุดถ้อย
กำหนดบทแบ่งปัน เป็นหมวด หมายแฮ
สำหรับหนูน้อยๆ นึกข้อคำเคียง ๚ะ

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ