ขอไวพจน์
๏ แต่นี่จะแจกเค้า | ขอไว พจน์เฮย |
ตั้งแต่แม่กนไป | จวบท้าย |
นับหมวดตรวจตามใน | แบบฉบับ เดิมนา |
เปนกาพย์ยานีย้าย | ยักเบื้องบทฉบัง ๚ะ |
๑๑ ยานี๏ จะร่ำคำเปลี่ียนแปลก สำเนียงแยกแตกสารา เรียกนามตามสมญา ขอไวพจน์กำหนดจำ
ขัน๏ แต่ขอแม่กนนี้ ไทยพาทีมีแม่นยำ แขงขันกวดขันทำ ตลกรำดูขันๆ ๏ ขันทองพานรองรับ ดูงามสรรพสาระพรรณ์ ขันเงินขันนาคปัน เปนหลั่น ๆ มีหลากหลาย ๏ ราตรีที่สำเหนียก ไก่ขันเพรียกเปนเครื่องหมาย เวลาสามยามปลาย ไก่กระชั้นขันเซาเซา ๏ คำขันเช่นฉันว่า เปนภาษาสยามเรา นอนิลไม่ต้องเดา ใส่สกดบทขันไทย ๏ ขันธะคำมคธ จงกำหนดคำใส่ใจ จะแปลเปนความไทย ท่านว่ากองตรองตฤกดู ๏ เช่นว่าเบ็ญจะขันธ์ ท่านเทศธรรม์ออกแส้หู แปลว่าห้ากองชู ชี้เชิดชัดอธิบาย ๏ ตระเตรียมพลขันธ์ นี่สนั่นกองพลหลาย คำขันธ์เช่นบรรยาย สกดนอธอการันต์ ๏ พระแสงสำหรับทรง องค์กระษัตริย์เรียกพระขรรค์ สกดตัวรอหัน คอการันต์สรรเสริมลง ๏ หุ้มแพรในเวรศักดิ์ พระจอมจักรโปรดปรานทรง ตั้งแต่งแห่งจำนง นามพิปรายนายไชยขรรค์ ๏ สีมาอาณาเขตร ที่วิเศศโปรดปักปัน แดสงฆ์ผู้ทรงธรรม์ เรียกว่าฃัณฑสีมา ๏ สกดตัวณอใหญ่ ฑอไพรฑูริย์เพิ่มท้ายนา พวกขันสรรวาจา สกดแยกแปลกๆกัน ๚ะ
ขาน๏ พวกขานกำหนดไว้ ขานคำไทยเรียกขานพลัน จัดเปนคำสามัญ นอสกดบทคำตรง ๏ ไขขานแลว่าขาน คำบรรหารสามัญคง นอเด็กสกดลง ย่าพะวงเปนอื่นไป ๏ ปีขานอ่านมามาก เห็นเปนพากย์ภาษาไทย
แต่บางอาจาริย์ไข ว่าเปนคำกำพูชา ๏ คือขลาแปลว่าเสือ สำเนียงเจือเปนขาลมา กัมพุชะภาษา เสียงเปนขลาว่าลงฅอ ๏ ของเก่าก่อนจำเนียร เขามักเขียนสกดลอ เรื่องนี้ก็ไม่พอ ที่จะเถียงเกี่ยงเลี่ยงกัน ๏ นอลอก็ตามเถิด เห็นไม่เกิดซึ่งโทษทัณฑ์ ว่าไรว่าตามกัน ได้เงินพันทองถึงแสน ๏ บริกขารบรรหารเหตุ แนะนิเทศเปนเขตรแดน เครื่องใช้มากฤๅแคลน ทุกสิ่งเรียกบริกขาร ๏ มักใช้ในของพระ เรียกอัฐะแปดประการ ไตรย์บาตรมีดใช้งาน ตัดนะขาผ่าสีฟัน ๏ อีกเข็มบริสา วะนะผ้ากรองน้ำฉัน รัดเอวกายะพันธน์ ครบถ้วนจัดอัฐบริกขาร ๏ ต้องเขียนรอสกด โดยมคธบทเบาราณ จะแปลโดยโวหาร ว่าเครื่องทำรอบคอบควร ๏ หนึ่งคำว่าสังขาร ซึ่งบรรหารในจำนวน คำแปลได้สอบสวน มีอัดถ์สายหลายยุบล ๏ โวหารพนาเปนวัด ฟังไม่ชัดข้องข้ดสน จะเผยจะผ่อนปรน ต้องยืดยาวกล่าวบรรยาย ๏ บุญบาปหากชุมนุม ชักประชุมเกิดร่างกาย คำแปลแลธิบาย ว่ากรรม์สร้างปรุงแต่งสรร ๏ จึ่งเรียกว่าสังขาร โดยโวหารอเนกนันต์ ผู้ได้ฟังเทศธรรม์ ยอมเข้าใจในสังขาร ๏ ว่าย่อพอได้เห็น แต่พอเป็นบันทัดฐาน จะกล่าวพิศดาร จะเนิ่นช้าน่าเบื่อฟัง ๏ หมวดขานประมาณใช้ เช่นแจกไว้มาแต่หลัง รวมเปนห้าคำทั้ง ไทยมคธหมดคำไข ๚ะ
ขอน๏ คำขอนกลอนยานี จัดไว้มีต่างเลศไนย คือขอนภาษาไทย ว่าท่อนไม้แลคู่ขอน ๏ ไม่ต้องอธิบาย รู้แพร่หลายขจายจร อีกคำว่าทูตขร มักเป็นบทสกดรอ ๏ อย่างไรก็ไม่ทราบ รู้อยาบ ๆ เท่านั้นหนอ เห็นใช้สกดรอ ก็อือออว่าตามไป ๏ ปะฏิสังขรณ์นี้ คำบาฬีอย่าสงไสย แปลมาภาษาไทย ว่าสร้างเสริมเติมเปลี่ยนแปลง ๏ เขียนต้องสกดรอ กับตัวณอเติมท้ายแฝง เพื่อจะมิให้แคลง รู้ชัดๆ อัถถ์คดี ๚ะ
เข็ด๏ ด้วยเข็ดแลหลาบเข็ด ตามเขบ็จคำไทยมี ไต่คู้ชักวาที ให้กระชั้นสั้นสำเนียง ๏ เฃตรแดนอาณาเฃตร สำแดงเหตุแห่งคำเคียง ไวพจน์กำหนดเสียง คล้าย ๆ กันด้วยสั้นยาว ๏ เฃตระแปลว่าแดน กับไร่นาท่านก็กล่าว อีกกาลกำหนดคราว กล่าวว่าเขตรเลศวาที ๏ เฃตรนาในท้องทุ่ง คลองผดุงเฃตรกรุงศรี คำพระวิไนยมี กาลสังเกตเฃตรกระฐิน ๏ ข้างไทยใช้ว่าแขวง คือสำแดงเฃตรบูริน บ้านแป้งแขวงเมืองอินท์ ในเสาหินเฃตรนคร ๏ เฃตรบ้านแลเฃตรวัด ให้เห็นชัดอุทาหรณ์ กาลที่ปันเปนตอน ต้องว่าเฃตรเลศวาจา ๏ เท่านี้พอเปนอย่าง เปนที่อ้างทางศึกษา คำเฃตรเช่นว่ามา สกดตอรอเติมปลาย ๏ เฃตรนี้มีกำหนด พากย์มคธบทบรรยาย ควรจำคำพิปราย ขอไวพจน์หมดระบิล ๚ะ
๏ หมวดขอไวพจน์สิ้น | สารสนอง |
ย้ายแยกแจกละบอง | บ่อนใช้ |
เพียรเรียนเร่งตฤกตรอง | ไตรตรวจ ดูพ่อ |
กำหนดจดจำให้ | แม่นถ้อยทางสอน ๚ะ |