- คำนำ
- คำชี้แจง
- คำนำในการจัดพิมพ์ครั้งแรก
- คำปรารภ
- GENERAL PREFACE
- พระราชประวัติพญาลิไทย
- สังเขปประวัติวรรณคดีไทย
- เตภูมิกถา รตนตยปณามคาถา
- คำแปล
- ความนำ
- บทนำ
- บทที่ ๑ แดนนรก
- บทที่ ๒ แดนของสัตว์เดรัจฉาน
- บทที่ ๓ แดนเปรต
- บทที่ ๔ แดนอสุรกาย
- บทที่ ๕ แดนมนุษย์
- บทที่ ๖ แดนสวรรค์ชั้นฉกามาพจร
- บทที่ ๗ รูปาวจรภูมิ
- บทที่ ๘ อรูปาวจรภูมิ
- บทที่ ๙ อวินิโภครูป
- บทที่ ๑๐ ความพินาศและการเกิดของโลก
- บทที่ ๑๑ นิพพาน
- อวสานพจน์
- ภาคผนวก ๑ คัมภีร์ที่กล่าวอ้างไว้ในไตรภูมิกถา (ไตรภูมิพระร่วง)
- ภาคผนวก ๒ รายชื่อคัมภีร์ที่ผู้รจนาไตรภูมิใช้เป็นหนังสืออุเทศ
- ภาคผนวก ๓ แผนภูมิโครงสร้างไตรภูมิ
- ภาคผนวก ๔ ภาพลายเส้นไตรภูมิ
- ภาคผนวก ๕ เส้นทางเดินพระอาทิตย์
- ภาคผนวก ๖ เนื้อหาสาระในแดนต่าง ๆ
- ภาคผนวก ๗ อธิบายเหตุแห่งมรณะ ๔
- ภาคผนวก ๘ ทศพิธราชธรรม
- บรรณานุกรม
- รายนามคณะทำงาน โครงการวรรณกรรมอาเซียน
บทที่ ๓ แดนเปรต
เปรตมีการเกิด ๔ แบบ ดังกล่าวแล้ว เปรตเหล่านี้อยู่รอบ ๆ เมืองราชคฤห์ ภายนอกเมืองราชคฤห์เป็นถิ่นที่อยู่ของพวกเปรต เรียกเปรตยมโลก ซึ่งมีเปรตอยู่มาก นอกจากนั้นเปรตบางจำพวกอยู่ในมหาสมุทร บางจำพวกอยู่บนยอดเขา บางจำพวกอยู่ตามไหล่เขา เปรต ๓ จำพวกนี้ ได้แก่ เปรตที่ถือกำเนิดจากเหตุ ๒[๑] เปรตที่ถือกำเนิดด้วยเหตุ ๓[๒] และเปรตที่ถือกำเนิดโดยไม่มีเหตุ[๓] เปรตบางจำพวกโชคดีได้อยู่ปราสาทแก้ว มีกำแพงแก้วและคูแก้วล้อมรอบ ดูงามมาก เปรตบางจำพวกมีช้างม้าข้าทาส มียวดยานคานหามทองขี่เที่ยวไปในอากาศ แต่เปรตเหล่านี้แม้จะโชคดีมียศศักดิ์เพียงใดก็ไม่อาจเทียบกับเทวดาในสวรรค์ได้ เปรตบางจำพวกมีลักษณะดังกล่าวมานานนักแล้ว
เปรตบางจำพวกเวลาข้างแรมเป็นเปรต เวลาข้างขึ้นเป็นเทวดา เปรตบางจำพวกเวลาข้างขึ้นเป็นเปรต เวลาข้างแรมเป็นเทวดา เปรตบางจำพวกเป็นเปรตตลอดกาลนาน ชั่วระยะเวลาที่โลกไม่มีพระพุทธเจ้ามาเกิด เปรตที่ถือกำเนิดด้วยเหตุ ๓ สามารถรู้อริยสัจ ๔ เปรตบางจำพวกสิงอยู่ในต้นไม้ใหญ่ เปรตบางจำพวกอยู่บริเวณที่ราบ และกินอาหารแถวที่ราบเลี้ยงชีวิต เปรตบางจำพวกอยู่ปราสาททิพย์ มีอาหารทิพย์กินเหมือนเป็นเทวดา
ผีเสื้อบางจำพวกอยู่ในต้นไม้และกินข้าวเป็นอาหาร บรรดาผีเสื้อที่ถือกำเนิดด้วยเหตุ ๓ สามารถรู้อริยสัจ ๔ และฝูงผีปีศาจซ่อนตนอยู่ในแผ่นดิน แม้ว่ามับแอบอยู่หลังต้นไม้แม้ต้นเล็กนิดเดียว คนทั้งหลายก็จะมองไม่เห็นมัน
ฝูงเปรตและฝูงผีเสื้อทั้งหลาย เมื่อตายแล้วจะเกิดเป็นมดตะนอยดำ บางครั้งเป็นตะเข็บ แมลงป่อง และแมงเม่า บางครั้งเป็นตั๊กแตน เป็นหนอน บางครั้งเป็นเนื้อ เป็นนกเล็กน้อย เช่น นกกระจิบ นกกระจาบ บางครั้งเกิดเป็นเนื้อป่า ถ้ามันตายไป มันจะเกิดเป็นดังนั้นทุกครั้ง
เปรตบางจำพวกอายุยืน ๑๐๐ ปี บางจำพวก ๑,๐๐๐ ปี บางจำพวกชั่วพุทธันดรกัลป์หนึ่ง แม้ข้าวสักเม็ดหนึ่ง น้ำสักหยดหนึ่งจะเข้าถึงปากถึงคอมันเป็นอันไม่มีเลย
เปรตบางจำพวกตัวใหญ่ แต่ปากเล็กเท่ารูเข็ม บางจำพวกผอมมากเพราะหาอาหารกินไม่ได้ แม้จะขอดเอาเนื้อน้อยหนึ่งก็ดี เลือดหยดหนึ่งก็ดี ก็ไม่ได้เลย มีแต่กระดูกและหนังหุ้มกระดูกอยู่เท่านั้น หนังที่อกเหี่ยวอยู่ติดกระดูกสันหลัง ตาลึกและกลวงเหมือนถูกควักออก ผมยุ่งรุ่ยร่ายลงมาคลุมปาก แม้ผ้าขี้ริ้วผืนน้อยก็ไม่มีปิดกาย เปรตจำพวกนี้เปลือยกายอยู่ตลอดชีวิต ตัวเหม็นสาบน่าเกลียด มีทุกข์ระทมทั้งกายใจ ร้องไห้คร่ำครวญตลอดเวลาด้วยความหิว เปรตเหล่านี้ไม่มีเรี่ยวแรงจึงนอนหงายอยู่ มักจะได้ยินเสียงเหมือนคนมาร้องเรียกว่า เจ้าทั้งหลายเอ๋ย จงมากินข้าว กินน้ำ เมื่อได้ยินดังนั้น เปรตทั้งหลายก็คิดว่ามีข้าวและน้ำให้กินจึงลุกขึ้นไปกิน แต่ไม่มีแรง ช่วยกันลุกขึ้น แล้วต่างก็ล้มลง บ้างล้มคว่ำ บ้างล้มหงาย ทนทุกข์อยู่เช่นนั้นเป็นเวลานาน เปรตเหล่านี้ล้มกลิ้งไปมากกว่าจะลุกขึ้นได้ และได้ยินเสียงเรียกซ้ำซากนั้นนานนับพันปี ตราบเท่าที่มีชีวิตอยู่ หูย่อมได้ยินเสียงเรียกดังนั้น พอลุกขึ้นได้แล้วก็จะเอามือพาดเหนือหัววิ่งไปตามเสียงเรียกนั้นด้วยความดีใจ รีบไปหาข้าวและน้ำตามที่ต่าง ๆ แต่ไม่พบ จึงร้องไห้รำพันเสียงดังเป็นทุกข์ยิ่งนัก แล้วล้มลงนอนบนพื้น เปรตเหล่านี้สามารถวิ่งได้ไกลมาก เมื่อเกิดเป็นคนมักอิจฉาริษยาผู้อื่น เห็นผู้อื่นมั่งมีจะทนไม่ได้ เห็นผู้อื่นยากไร้จะดูแคลน เห็นผู้อื่นมั่งมีก็อยากจะได้ทรัพย์สินของเขา มักจะคิดหากลอุบายที่จะเอาทรัพย์สินผู้อื่นมาเป็นของตน เป็นคนตระหนี่ ไม่ให้ทาน เมื่อเห็นผู้อื่นจะให้ทานก็ห้ามปราม นอกจากนี้ยังโกงทรัพย์สินของสงฆ์มาไว้เป็นประโยชน์ของตน คนจำพวกนี้ตายไปแล้วจะเกิดเป็นเปรตร้าย
เปรตจำพวกหนึ่งมีกายดังท้าวมหาพรหม และงามดั่งทอง แต่มีปากเหมือนปากหมู อดอยากนักหนาหาอะไรกินไม่ได้เลยสักสิ่งเดียว เขามีกายงามดังทองเพราะเหตุใด เพราะชาติก่อนเขาได้บวชเป็นชีถือศีลบริสุทธิ์ แต่มีปากเหมือนปากหมูเพราะเขาดูถูกและกล่าวร้าย ติเตียนครูบาอาจารย์และพระสงฆ์ผู้มีศีล เปรตจำพวกหนึ่งมีกายงามดังทอง แต่ปากเหม็นนักหนา มีหนอนเต็มปาก หนอนนั้นเจาะกินปากเขาอยู่ เจาะกินหน้าตาเขาอยู่ เหตุที่เขามีกายงามดังทองนั้นเพราะเขาได้รักษาศีลในชาติปางก่อน แต่ที่ปากเขาเหม็นมีหนอนเจาะกินอยู่เพราะเขาติเตียน ยุยงพระสงฆ์ให้ผิดใจกัน
เปรตผู้หญิงจำพวกหนึ่งเปลือยกายตลอดเวลา และตัวเหม็นมาก มีแมลงวันตอมจำนวนมากกินตัว ร่างกายผอมหาเนื้อไม่ได้เลยสักนิด มีแต่เอ็นและหนังหุ้มกระดูกอยู่ เปรตเหล่านี้อดอยากมาก หาอะไรกินไม่ได้เลย และเมื่อเปรตผู้หญิงจะคลอดลูก มักจะคลอดครั้งละ ๗ ตน แล้วกินเนื้อลูกตน แต่ก็ไม่อิ่ม เป็นอยู่เช่นนี้ซ้ำ ๆ กัน เหตุที่เขากินเนื้อลูกตนเองนั้นเพราะอยากกินมากอดใจไม่ได้ เปรตจำพวกนี้เมื่อเป็นคนเคยให้ยาแก่ผู้หญิงมีครรภ์กินเพื่อให้แท้งลูก และได้สาบานว่าถ้าฉันให้ยาผู้หญิงกินและทำให้แท้งลูก ขอให้ฉันเป็นเปรตมีเนื้อตัวเหม็น มีแมลงวันตอม เจาะกินอยู่ตลอดเวลา ให้ฉันคลอดลูกเช้า ๗ คน (เย็น ๗ คน) ทุกวัน แล้วให้ฉันกินเนื้อลูกตัวเองทุกวันตลอดไป เพราะบาปเกิดจากการที่เขาให้ยาผู้หญิงมีครรภ์กิน และทำให้แท้งลูก และได้สบถสาบานไว้ ดังนั้นเขาจึงต้องเปลือยกายอยู่และมีแมลงวันตอมเจาะกินตัว เขาผอมมากไม่มีเนื้อเลย และจิกกินเนื้อลูกของตนทุกวัน วันละ ๑๔ ตน ตลอดเวลาเพราะเหตุนั้น
เปรตผู้หญิงจำพวกนี้เปลือยกายตลอดเวลา ไม่งามสักแห่ง อดอยากยากไร้มาก เมื่อเห็นข้าวและน้ำอยู่ตรงหน้าก็จะหยิบมากิน แต่ข้าวและน้ำนั้นจะกลายเป็นอาจมเป็นเลือดเป็นหนอง เมื่อเขาเห็นผ้าอยู่ตรงหน้าก็จะเอาผ้านั้นมาห่ม แต่ผ้านั้นจะกลายเป็นแผ่นเหล็กแดงลุกไหม้ตลอดตัว เปรตจำพวกนี้เมื่อสามีของเขาให้ข้าว น้ำ และผ้าเป็นทานแก่สงฆ์ กลับโกรธเคืองด่าทอสามีว่า มึงทำบุญให้ทานข้าว น้ำ ผ้าผ่อน ทั้งหมดนี้แก่พระสงฆ์ จงกลายเป็นลามกอาจม เป็นเลือด เป็นหนอง ให้มึงกินทุกคำเถิด และผ้าผ่อนนั้นจงกลายเป็นเหล็กแดงไหม้มึงทุกแห่งเถิด เพราะบาปกรรมที่เขาได้ด่าว่าสาปแช่งสามีเขาดังนั้น ทำให้เขาเป็นเปรตเพราะเหตุนั้น
เปรตจำพวกหนึ่งมีร่างกายสูงใหญ่เท่าต้นตาล เส้นผมหยาบมาก ตัวเหม็นมากหาที่ดีไม่ได้สักแห่ง อดอยากยากไร้นักหนา แม้ข้าวเมล็ดหนึ่ง น้ำหยดหนึ่งก็มิได้ตกถึงท้องเขาเลย เปรตจำพวกนี้ในชาติก่อนเป็นคนตระหนี่มาก ไม่เคยทำบุญให้ทานเลย เห็นผู้อื่นทำบุญให้ทานห้ามปราม ด้วยบาปกรรมที่เขาตระหนี่และไม่เคยทำบุญให้ทานเลยดังกล่าวนั้น ทำให้เขาเป็นเปรตอดอยากนักหนา หาอาหารกินไม่ได้เลย เพราะบาปกรรมที่เขาได้ทำไม่ดีนั้น
เปรตจำพวกหนึ่งเขาย่อมเอาสองมือกอบเอาข้าวลีบลุกเป็นไฟมาใส่ศีรษะตนเองตลอดเวลา เปรตจำพวกนี้เมื่อเขาเกิดในปางก่อน เขาเอาข้าวลีบปนข้าวดีแล้วเอาไปหลอกขาย ด้วยบาปกรรมดังกล่าว เขาจึงเอามือกอบข้าวลีบลุกเป็นไฟใส่ศีรษะเขาเอง และไฟไหม้ศีรษะเขาตลอดเวลา เพราะบาปกรรมที่เขาได้กระทำ เขาจึงทนทุกข์ทรมานดังนี้อยู่เช่นนี้
เปรตจำพวกหนึ่งเอาค้อนเหล็กแดงตีตัวเองตลอดเวลา เปรตจำพวกนี้เมื่อชาติก่อน เขาเคยตีศีรษะบิดามารดาเขาด้วยมือ หรือด้วยไม้ หรือด้วยเชือก เพราะบาปกรรมดังกล่าวจึงทำให้เขาเอาค้อนเหล็กแดงตีศีรษะตัวเองตลอดเวลา
เปรตจำพวกหนึ่งอดอยากมาก เห็นข้าวและน้ำที่มีรสอร่อยจึงเอามากิน เมื่อกินแล้ว ข้าวนั้นก็กลายเป็นลามกอาจม เน่าเป็นหนอน เหม็นมากอยู่ตลอดเวลา แต่ด้วยบาปกรรมของเขาเอง เมื่อชาติก่อนเมื่อมีคนมาขอทานข้าว เขามีข้าวอยู่ แต่หลอกว่าไม่มี คนขอทานขอซ้ำอีก แต่ก็ไม่ไห้ และสาบานว่าถ้าฉันมีข้าว แต่บอกว่าไม่มีก็ขอให้ฉันกินลามกอาจมที่เน่าหนอนเหม็นนักหนานั้นเถิด ด้วยบาปกรรมดังกล่าว เมื่อตายแล้วเขาก็เกิดเป็นเปรต ทนทุกข์ทรมานกินแต่ลามกอาจมปนหนอนเน่าเหม็นนักหนาอยู่เช่นนี้ตลอดเวลา
เปรตผู้หญิงจำพวกหนึ่งมีเล็บมือใหญ่ยาวคมดั่งมีดกรด ขุดเนื้อและหนังตัวเองกินตลอดเวลา เปรตฝูงนี้ในชาติก่อนเขาขโมยเนื้อของคนอื่นมากิน เมื่อเจ้าของถามเขาไม่รับ พูดแต่ว่าไม่ได้ขโมยของท่าน เขาสบถสาบานว่าถ้าข้าได้ขโมยเนื้อของท่านกินจริง ๆ ก็ขอให้ข้าเอาเล็บมือขูดเนื้อหนังของข้ากินเองเถิด เพราะบาปกรรมดังกล่าว เมื่อเขาตายไปจึงเกิดเป็นเปรตเอาเล็บมือขูดเนื้อหนังตัวเองกินตลอดเวลา
เปรตจำพวกหนึ่ง เวลากลางวันเขาถูกยิง ตี ฆ่า และแทง แล้วยังมีหมาตัวใหญ่เท่าช้างไล่กัดกินเนื้อเขา ทนทุกข์เวทนาดังนี้ตลอดเวลา เวลากลางคืนเขาเป็นเทวดา มีนางฟ้าจำนวนมากเป็นบริวาร และได้เสวยสมบัติทิพย์ดังเทวดา เขาเป็นดังนี้ทุกวันทุกเดือนจนสิ้นบาปกรรม เปรตฝูงนี้ในชาติก่อนเป็นพราน กลางวันเข้าป่าล่าเนื้อ กลางคืนรักษาศีล ด้วยบาปกรรมดังกล่าว เขาจึงถูกฆ่า ตี แทง และถูกหมาตัวเท่าช้างไล่กัดกินเนื้อเขา เพราะเปรตพวกนี้ทำบาปไว้เวลากลางวัน เขาจึงทนทุกข์เฉพาะเวลากลางวัน และด้วยผลบุญที่เขารักษาศีลเวลากลางคืน เขาจึงได้เกิดเป็นเทวดา มีนางฟ้ามากมายเป็นบริวาร เสวยสมบัติเวลากลางคืนทุกคืน
เปรตจำพวกหนึ่งมีวิมานเหมือนเทวดา มีเครื่องประดับทำด้วยเงิน ทอง แก้ว เครื่องประดับบางอย่างเป็นแก้ว ๗ ประการ มีนางฟ้าหมื่นหนึ่งห้อมล้อมเป็นบริวาร แต่ได้รับความลำบากเพราะไม่มีอาหารจะกิน จึงเอาเล็บมือคมดังมีดกรดข่วนขูดเนื้อหนังตัวเองกินต่างอาหาร เปรตจำพวกนี้ในชาติก่อนเขาเกิดเป็นนายเมือง ตัดสินความราษฎรโดยกินสินบน คนถูกเขาตัดสินว่าผิด คนผิดเขาตัดสินว่าถูก เขาไม่ตัดสินตามทำนองคลองธรรม หาความยุติธรรมมิได้
วันหนึ่งเป็นวันรักษาศีล พระยาผู้เป็นเจ้าเมืองทรงรักษาศีล ๘ พร้อมทั้งบรรดาขุนนางทั้งหลาย ส่วนนายเมืองนั้นไม่รักษาศีล ขณะเฝ้าพระยาผู้เป็นเจ้าเมืองได้ตรัสถามว่าเจ้ารักษาศีลหรือไม่ นายเมืองนั้นไม่ได้รักษาศีลรู้สึกละอายคนทั้งหลาย จึงกราบทูลพระยาว่าข้าพเจ้ารักษาศีลอยู่ เพื่อนของเขาคนหนึ่งซึ่งอยู่ใกล้ ๆ รู้ว่าเขาไม่ได้รักษาศีล ไม่ทำบุญ ไม่ปฏิบัติธรรม จึงค่อยเลียบเคียงถามเขาว่า เพื่อนเอ๋ย เพื่อนจำศีลหรือ เขาบอกเพื่อนตามจริงว่าข้าโกหก เพื่อนเขาจึงบอกเขาว่า ถ้าเช่นนั้นตั้งแต่นี้เป็นต้นไป ตอนกลางคืนท่านอย่ากินข้าวเย็นเลย ท่านจงอดข้าวเย็นจนถึงรุ่งเช้าแล้วจึงกิน แล้วจะได้บุญ นอกจากนี้ท่านก็ได้กราบทูลพระยาแล้วว่าท่านได้รักษาศีลเหมือนคนทั้งหลาย คนทั้งหลายจะว่าท่านว่าหลอกลวงเจ้านาย นายเมืองเห็นด้วยกับความที่เพื่อนบอก คืนวันนั้นเขาจึงเริ่มอดข้าวเย็น แต่เพราะเขามิเคยอดข้าวเย็นมาก่อน เมื่อเข้านอนก็เป็นลมตายในคืนนั้นเอง เพราะบาปกรรมของเขาขณะที่เป็นนายเมือง กินสินบนและตัดสินความโดยไม่เป็นธรรม เขาจึงเกิดเป็นเปรตลำบากยากไร้นักหนา อาหารกินไม่ได้เลยสักนิดเดียว และเอาเล็บมือคมดังมีดกรดแล่ขูดเนื้อหนังตัวเองกินตลอดเวลา แต่เพราะผลบุญที่ได้ฟังคำตักเตือนของเพื่อน ได้รักษาศีลและอดข้าวเย็นจนตาย ดังนั้นเขาจึงมีวิมานและเครื่องประดับทำด้วยแก้ว ๗ ประการ มีนางฟ้าหมื่นหนึ่งเป็นบริวาร
เปรตจำพวกหนึ่งกินเสลดอาหารที่อาเจียนออกมา น้ำลาย เหงื่อไคล น้ำเน่า น้ำหนอง และลามกอาจมเน่าเหม็นตลอดเวลา เปรตจำพวกนี้ในชาติก่อนได้เอาข้าวน้ำและอาหารที่เหลือเดนถวายพระสงฆ์ผู้ทรงศีล ด้วยบาปกรรมดังกล่าว เมื่อเขาตายไปจึงเกิดเป็นเปรตกินแต่เสลด อาหารที่อาเจียนออกมา น้ำลาย น้ำเน่า น้ำหนองลามกอาจมเน่าเหม็นเป็นอาหารตลอดเวลา
เปรตจำพวกหนึ่งกินแต่น้ำหนองและหมาเน่าขึ้นอืดพองที่เขาทิ้งในป่าช้าตลอดเวลา เปรตจำพวกนี้ในชาติก่อนได้ปิดบังอำพรางเอาเนื้อช้าง เนื้อหมา และเนื้อสัตว์ทั้งหลายทั้งที่มีเล็บ และไม่มีเล็บ ซึ่งในพระวินัยพระพุทธเจ้าบัญญัติไว้มิให้พระสงฆ์ฉันไปให้พระสงฆ์ฉัน ครั้นตายไป จึงเกิดเป็นเปรตจำพวกนี้ เพราะบาปกรรมดังกล่าว เขาจึงกินแต่น้ำเลือด น้ำหนอง หมาเน่าขึ้นอืดพองเป็นอาหารตลอดเวลา
เปรตจำพวกหนึ่งมีเปลวไฟพุ่งออกจากอก ลิ้น ปาก แล้วลามไหม้ตัวเองทุกแห่ง เปรตจำพวกนี้ในชาติก่อนได้ด่าสบประมาท และกล่าวคำเท็จต่อพระสงฆ์ผู้ใหญ่ผู้มีศีล เมื่อตายไปจึงเกิดเป็นเปรต เพราะบาปกรรมดังกล่าวจึงมีเปลวไฟพุ่งออกจากอก ปาก และลิ้นของเขา และไหม้ลามทั่วตัวเขา
เปรตจำพวกหนึ่งน่าเกลียดมาก หาน้ำดื่มไม่ได้สักหยด กระหายน้ำมากราวจะขาดใจ จึงวิ่งไปทางซ้ายทางขวาเพื่อจะหาน้ำดื่ม เมื่อเห็นน้ำใสสะอาดก็เอามือกอบน้ำนั้นมาดื่ม น้ำนั้นกลายเป็นไฟไหม้เขาทั้งตัว เขาเกลือกไปเกลือกมาและตายในไฟนั้นเป็นเช่นนี้เป็นเวลานาน เปรตจำพวกนื้ในชาติก่อนเคยข่มเหงคนยากไร้เข็ญใจ ไม่มีความกรุณาปรานี อยากได้สิ่งของและทรัพย์สินของผู้อื่นมาเป็นของตน ใส่ความผู้ไม่มีความผิด ครั้นตายไปจึงเกิดเป็นเปรตอยู่เป็นเวลานานเพราะบาปกรรมดังกล่าว เปรตพวกนั้นผอมบางน่าเกลียดมาก หาอะไรกินไม่ได้เลย อดอยากมากเหมือนใจจะขาด เมื่อเขาเห็นน้ำใสและกอบจะเอามากิน น้ำนั้นจะกลายเป็นไฟไหม้เขาทั้งตัว เขาก็กลิ้งเกลือกตายในไฟนั้นเป็นเวลานานมาก
เปรตจำพวกหนึ่งมีตัวเปื่อยเน่าและผอมมาก หลังโกง มือเน่า ตีนเปื่อย เขาเอาไฟคลอกตัวเองตลอดเวลา ตัวเขาเหมือนขอนไม้กลิ้งอยู่กลางไร่ เขากลิ้งไปกลิ้งมาทนทุกข์เวทนาเช่นนั้นเป็นเวลานานมาก เปรตพวกนี้ในชาติก่อนเขาเผาป่า สรรพสัตว์ที่หนีไม่ทันจึงถูกไฟคลอกตาย
เปรตจำพวกหนึ่งตัวใหญ่เท่าภูเขา มีขนยาวแหลมมาก เล็บตีนเล็บมือใหญ่ เล็บนั้นคมดังมีดกรดและหอกดาบ เมื่อเล็บตีนเล็บมือและขนของเขากระทบกับเมื่อใด จะเกิดเสียงดังเหมือนฟ้าผ่า เกิดเป็นไฟลุกไหม้ตัวเอง และบาดตัวเหมือนดังขวานฟ้าผ่าตัวเขาทุกแห่ง เปรตฝูงนี้ในชาติก่อนเกิดเป็นนายเมือง และตัดสินความโดยไม่ชอบธรรม เห็นแก่สินบนไม่วางตัวเป็นกลาง คนถูกว่าผิด คนผิดว่าถูก เพราะบาปกรรมดังกล่าวตัดสิน เมื่อตายไปจึงเกิดเป็นเปรต มีตัวใหญ่เท่าภูเขา มีขน เล็บตีน เล็บมือใหญ่ยาว คมดั่งมีดกรดและหอกดาบ เมื่อกระทบกับจะเกิดเสียงเหมือนฟ้าผ่า ขนและเล็บตีนเล็บมือเขาจะลุกเป็นเปลวไฟแทงตัวเขาตลอดเวลา
จบบทที่ ๓ เรื่องสัตว์ที่เกิดในแดนเปรต โดยสังเขปแต่เพียงนี้
[๑] เหตุ ๒ ได้แก่ อโลภเหตุ อโทสเหตุ
[๒] เหตุ ๓ ได้แก่ อโลภเหตุ อโทสเหตุ อโมหเหตุ
[๓] ไม่มีเหตุ คือ ปราศจากเหตุทั้ง ๓ นั้น