ตอนที่ ๑
ฉาก: ดงอาร์เด็น |
|
เจ้านครผู้ถูกเนรเทศ ออก, พร้อมด้วยขุนนางอีกสองหรือสามนาย, ล้วนแต่งกายเปนชาวป่า. |
|
เจ้า. | ดูก่อนสหายเราผู้เพื่อนยาก จากนครเคหาสโมสร, เมื่อเราอยู่คุ้นแล้วในแนวดอน ไม่เปนสุขกว่าก่อนหรือฉันใด ? อันดงนี้มีภัยอัประลักษณ์ น้อยกว่าราชสำนักหรือหาไม่? ในที่นี้ไม่มีทุกข์อย่างใด นอกจากเปลี่ยนแปลงในฤดูกาล; ยามลมหนาวพัดกล้ามาอู้ๆ กระทบหูคำรนดลประหาร, ถูกกายาฃ้าร้าวหนาวสท้าน, ก็วิจารณ์รำพึงคำนึงใน: “นี่มิใช่สอพลอขอกอดบาท: นี่อำมาตย์เตือนสติของเราให้ รู้สึกว่าตัวเราผู้นี้ไซร้ ก็มิได้ผิดแผกแปลกมนุษ.” ความยากเข็ญนี้เห็นว่าดีแท้ แม้คางคกน่าชังเปนที่สุด และพิษร้าย, ใครเห็นก็ฃากทุด ก็ยังมีพลอยผุดในหัวมัน: และฐานะของเราที่นี้ไซร้ ซึ่งห่างไกลผู้คนเที่ยวผายผัน, ก็ยินเสียงพึงใจในรุกขะพรรณ, อ่านเห็นกาพย์กลอนสรรพ์ในลำธาร, อีกแลเห็นคติในศิลา ทุกๆสิ่งโสภานักหนาท่าน. เราไม่อยากเคลื่อนไคลจากไพรสาณฑ์ จริงหนอท่าน. |
อาเมียงส์. | พระองค์ทรงขันตี. อุตส่าห์ข่มหฤทัยในยามเข็ญ ให้เล็งเห็นดีงามอร่ามสี, ทรงสันโดษตัดโกรธเสียอย่างดี, มิได้มีพยาบาทอาฆาฏใคร. |
เจ้า. | เราเฃ้าป่าล่าเนื้อกันบ้างฤๅ? แต่ก็อือ, เราจะชอบหรือไฉน? นึกสงสารกวางดาวในราวไพร, เพราะมันไซร้อยู่ถิ่นนี้เดิมมา; เรามาอยู่อาศัยในถิ่นมัน กลับชวนกันไล่เล่นและเข่นฆ่า, มันจะต้องถูกศรรอนชีวา ในแนวป่าอันที่สำนักมัน, ดูกระไรอยู่หนอ. |
ขุนนางที่ ๑. | ในข้อนี้ ยาคส์ผู้มีจิตเหงาเฝ้าโศกศัลย์, และบ่นว่าพระองค์ทรงแย่งมัน ยิ่งกว่าพระน้องนั้นแย่งเวียงชัย. วันนี้ท่านอาเมียงส์กับตูฃ้า ได้พากันแอบเฃ้าหลังเฃาได้, เมื่อยามเฃานอนอยู่ใต้ร่มไม้ โอ๊กต้นใหญ่รากโผล่ที่ริมธาร ซึ่งไหลเชี่ยวลดเลี้ยวในป่านี้: อันเปนที่กวางซึ่งถูกประหาร โดยได้ถูกลูกศรของนายพราน, ซัดเซมา, น่าสงสารมันเหลือใจ; มันครางครวญรวนร้าวราวชีวิต จะปลดปลิดจากร่างมันลงได้, และน้ำตาพราก ๆ ก็หลากไหล หลั่งลงไปแทบปลายจมูกมัน; ดังนี้สัตว์เคราะห์ร้าย, ซึ่งนายยาคส์ เพ่งพิศอยู่, ดูลำบากแทบอกลั่น, ยืนแทบฝั่งธารา, น้ำตามัน เหมือนไหลหลั่นลงไปปนชลาลัย. |
เจ้า. | ยาคส์เฃากล่าวฉันใดในบัดนี้ ? ไม่พาทีเปรียบเทียบหรือไฉน ? |
ขุนนางที่ ๑. | เฃาเปรียบเทียบหลายอย่างพลางบ่นไป. หนึ่งนั้นไซร้กล่าวถึงมฤคี, อันน้ำตาไหลพรากหลากเพราะเศร้า, ว่า “เออเจ้ากวางไพรไฉนนี่, เอาเยี่ยงคนทรัพย์น้อยมิค่อยมี ที่จวนตายหมายทำพินัยกรรม์ ประสาทยกมฤดกเพิ่มเติมให้ คนมั่งมีแล้วกระไร, ช่างน่าขัน.” ครั้นกวางอยู่เอกีณที่นั้น, เพราะพวกมันทอดทิ้งวิ่งพ้นไป. เฃากล่าวว่า: “ฉนี้นาเปนถูกต้อง, ยามอับจนหม่นหมองไม่ผ่องใส เพื่อนก็หน่ายสหายหนีหลบลี้ไป ดังนี้ไซร้ย่อมเปนธรรมดา.” ครั้นฝูงหนึ่งซึ่งกินมาอิ่มแล้ว, วิ่งผ่านแผลวไม่ยั้งอยู่ดูหน้า เพื่อนที่จวนจะตายวายชีวา, ยาคส์ก็ว่า: “ถูกละเจ้าผู้พ่วงพี; พวกเจ้าทำถูกเยี่ยงนรชน: เหลียวดูคนยากไร้ทำไมนี่ ?” เฃากล่าวเทียบเปรียบเปรยเผยพาที ถึงประเทศ, ธานี, ราชสำนัก, อีกทั้งเปรียบกิริยาอัชฌาสัย แห่งกวางไพรกับคณอัประลักษณ์; เฃาว่าคนทั้งหลายชั่วร้ายนัก, เห็นประจักษ์แม่นมั่นอันธพาล; เหมือนผู้ชิงไอศวรรย์อันร้ายกาจ, เหมือนผู้ใช้อำนาจผจนผลาญ, นำเอาภัยพิบัติประหัดราญ มายังสัตว์เดียรัจฉานในแนวไพร; มาฆ่าสัตว์ทั้งผองเจ้าของถิ่น, จะถวิลถึงทุกข์ก็หาไม่. |
เจ้า. | เมื่อท่านจากนายยาคส์มานั้นไซร้, เฃายังใฝ่รำพึงหรือเช่นนั้น ? |
ขุนนางที่ ๒. | เมื่อพวกฃ้าหลีกมานั้นเห็นเฃา ยังโศกเศร้าแทนมฤคที่โศกศัลย์. |
เจ้า. | ท่านจงพาฃ้าไปในฉับพลัน ในที่นั้น, เพราะฃ้านี้พึงใจ ที่จะพูดกับเฃายามเศร้าจิต, รู้จริตพูดกันพอกันได้. |
ขุนนางที่ ๑. | ฃ้าจะนำพระองค์เสด็จไป ถึงกลางไพรที่ฃ้าได้ทูลมา. [พากันเฃ้าโรง.] |