คำปรารภของผู้เขียน

ปีใหม่ผ่านมาอีกปีหนึ่ง ข้าพเจ้ายังอยู่และยังทำงานได้ด้วยหัวใจอันผ่องแผ้วเพิ่มขึ้น ยังมีผู้ต้องการและสนับสนุนงานของข้าพเจ้า ไมตรีจากผู้อ่านและผู้สนับสนุนทั้งหลายเป็นส่วนหนึ่งหรือส่วนใหญ่ของพลังงานและชีวิตของข้าพเจ้าในปัจจุบัน ข้าพเจ้าหรือผู้ไม่มีอะไรเลยจะมองจากแง่ของวัสดุอื่น ๆ แต่ถ้ามองในด้านไมตรีจิตมิตรภาพแล้ว ข้าพเจ้าถือเสมอว่าข้าพเจ้าเป็นคนมั่งมีพอตัว ความมั่งมีของข้าพเจ้าในด้านไมตรีจิต เกิดจากการทำงานเขียนหนังสือเป็นส่วนใหญ่ เพราะงานเขียนของข้าพเจ้าก็เหมือนงานเขียนของนักเขียนทั้งหลาย คือสามารถเข้าถึงความรู้สึกนึกคิดของท่านผู้อ่านหรือ เพื่อนมนุษย์ด้วยกันได้มากกว่าอย่างอื่น ไม่ว่าการเข้าถึงนั้นจะก่อให้เกิดกุศลจิตหรืออกุศลจิตก็ตาม

เรื่อง หลุมศพวาสิฏฐี เป็นเรื่องคนธรรมดา เขียนด้วยคนธรรมดา เพื่อคนธรรมดา เคยได้รับการต้อนรับสนับสนุนอย่างพึงใจจากผู้อ่าน แต่มิได้โฆษณาเหมือนกับการโฆษณาของบางท่าน ที่หวังประโยชน์จากการทับถมผู้อื่น เพื่อความสูงเด่นของตน และพรรคพวก หรือเพราะความสะเพร่าที่เกิดจากการทะนงตนว่า ‘รู้มาก’ เกินไป จนไม่คำนึงถึงข้อเท็จจริง และเกียรติยศซึ่งย่อมจะเอาเป็นหลักฐานไม่ได้เลย จากคำ ‘เขาว่า’ (ซึ่งเป็นคำปรักปรำโจมตีของนักโฆษณาต่อหลุมศพวาสิฏฐี)

หลุมศพวาสิฏฐี ได้รับการโฆษณารุนแรงเกี่ยวกับเรื่องส่วนตัวผู้เขียนในด้านเดียวดังกล่าวแล้ว จนมีผู้อ่านหวังดีเตือนมาว่า เหตุใดข้าพเจ้าจึงปล่อยให้นักโฆษณาจำพวกโจมตีเอาง่าย ๆ นัก ในเมื่อ การโจมตีนั้นไม่เกี่ยวกับหนังสือเลย การเป็นผู้ดีแบบใจกว้างและอ่อนโยนอย่างเก่านั้น ย่อมไม่เหมาะกับสมัยฉวยโอกาสและแย่งชิงเช่นนี้ ข้าพเจ้ามิได้ตอบท่านที่หวังดีเหล่านั้นอย่างไร จนเวลาล่วงเลยมานานพอที่จะให้ทุกฝ่ายได้เห็นว่า ถ้าข้าพเจ้าได้ตอบคำโฆษณาโจมตีและคำเตือนเพราะหวังดีและห่วงใยอย่างนั้น ข้าพเจ้ามิได้ทำเพราะความฉุนเฉียว หรือสะเพร่าเพียงเพื่อจะเป็นการตีโต้หรือแก้ตัวแต่ประการใด ข้าพเจ้าพิมพ์หนังสือมามากเล่มในระยะเวลาการเขียนอันสั้นนี้ โดยมิได้เขียนคำนำ คำแถลงเลย แม้ท่านผู้พิมพ์เคยขอให้เขียน ข้าพเจ้าถือว่างานของข้าพเจ้าเป็นสมบัติของประชาชน เหตุใดข้าพเจ้าจึงมากล่าวถึงฝ่ายเดียว แม้ข้าพเจ้าได้สร้างงานนั้นขึ้นเอง เพราะหากข้าพเจ้ามิได้เขียนด้วยอาศัยมาตรฐานความต้องการของประชาชน และประชาชนไม่รับรองงานนี้แล้ว ข้าพเจ้าก็ย่อมจะเขียนอยู่ไม่ได้จนบัดนี้

แต่คราวนี้ จำต้องเขียนบอกเล่าเป็นครั้งแรกเพราะถือว่าประชาชนที่ต้อนรับงานของข้าพเจ้าควรจะได้รับทราบข้อเท็จจริงบางประการที่เกี่ยวกับสมบัติของเขา เมื่อมีเหตุข้องใจผิดปรกติ หลุมศพวาสิฏฐี เป็นเพียงชื่อ ‘ภาค ๒’ ของเรื่องขนาดยาว เราลิขิต แต่ต้องพิมพ์รวมเป็นภาคบริบูรณ์ในนาม หลุมศพวาสิฏฐี ครั้งนี้ เนื่องจากเหตุผลตามที่แถลงไว้ในสยามสมัยรายสัปดาห์ (ได้นำลงในเล่มนี้ด้วย) และเพื่อให้สอดคล้องกับการโจมตีของนักโฆษณาที่ได้กระทำแก่เรื่องนี้ในชื่อนี้ ข้าพเจ้าเพียงแต่แถลงข้อเท็จจริง เช่น ชื่อเรื่อง ไม่ใช่การตอบโต้หรือตีโต้การโจมตีโดยปราศจากความจริง ข้าพเจ้าไม่โต้ตอบแต่ต้นจนบัดนี้ เนื่องจากข้าพเจ้าเป็นพุทธศาสนิกชน มิใช่เป็นนักเขียนเท่านั้น ข้าพเจ้าเชื่อในพุทธโอวาทที่ว่า

ผู้ทำร้ายเขาพึงละอาย แต่ผู้ทำร้ายตอบเขาพึงละอายยิ่งกว่า

ในโอกาสอันเป็นมงคลที่ผู้มีไมตรีจิต และชื่นชมในงานของข้าพเจ้าได้ขอพิมพ์เรื่องนี้ขึ้น ข้าพเจ้าจึงสนองไมตรีจิตด้วยการมอบเรื่อง หลุมศพวาสิฏฐี แก่สำนักพิมพ์แห่งนี้ เป็นการร่วมมือกันสร้างงานที่เราคิดว่าเป็นประโยชน์บริการ ซึ่งมีแก่ประชาชนมากกว่าคิดถึงเรื่องอื่นใด

ดังนั้นข้าพเจ้าขอมอบเรื่องคนธรรมดา ที่เขียนขึ้นด้วยมือคนธรรมดา เพื่อประชาชนคนธรรมดา แก่ประชาชนเป็นที่ระลึกในปี พ.ศ. ๒๔๙๖ นี้ เพื่อชีวิตอันบริสุทธิ์สะอาดและบันเทิงสุขในความรัก และไมตรีจิตอันยรรยงยิ่งขึ้น

ร. จันทพิมพะ

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ