(๑)

๑๑

ฝนตกตั้งแต่ตีสี่ ฟ้าคะนองประสานกับเสียงกบเขียดและอึ่งอ่างอีกด้วย เมื่อถึงกลางฤดูฝนเช่นกลางเดือนกรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๘๙ ฝนจะตกทั่วเมืองไทยทุกแห่งสัตว์มีเสียงที่เคยซ่อนอยู่ในดินก็โผล่ออกมาส่งเสียงทั่วผืนแผ่นดินไทยทุกแห่ง

กลางฤดูฝนเช่นนี้ พายุและฟ้าคะนองไม่แสดงอิทธิฤทธิ์มากเหมือนต้นฤดู มีแต่น้ำฝนถั่งเทเท่านั้น คูรอบบ้านและในบ้าน ซึ่งต่อคลองมีน้ำเปี่ยมไปหมด ไม้ดอกไม้ผลสดสะอาดและชุ่มชื่นเช่นเคย

ยังอีก! ยังมีมุมชื้นแฉะและมืดมัวเหมือนกัน พื้นที่ระหว่างสามเสนกับพญาไทที่ยังไม่ได้ถมนั้นลุ่มลึกเหลือเกิน ฤดูน้ำนองหรือฤดูฝนน้ำก็ท่วมถึงทุกแห่ง หน้าห้องแถวคนไทยจน ๆ จะเห็นน้ำปริ่มมีคราบโคลนเลนและเศษขยะอยู่ด้วย มีคนจีนแทรกซึมอยู่ในหมู่เรือนเล็ก ๆ เหล่านี้...โดยเฉพาะริมถนนใหญ่ จีนพวกนี้ก็อยู่ในที่คับแคบ สกปรกรุงรัง ชื้นแฉะและมืดมัวเหมือนกัน แต่หน้าตาท่าทางกระตือรือร้นถึงความมุ่งหมายมากกว่าไทย เขามีงานทำทุกคน ขณะที่คนไทยส่วนมากมีอาชีพที่ไม่แน่นอน และหน้าตาเฉื่อยแฉะเช่นเคย เขาเลือกงานและเขาใจเย็นอยู่เสมอ

สองโมงเช้าแล้ว ฝนยังไม่มีท่าทางว่าจะหยุดตก ฟ้าไม่แลบหรือคะนองหรือมีลมกระโชกกระชั้นอีก แต่ฝนก็ตกอยู่เรื่อย ๆ รถยนต์เล็กสีเหลืองหม่นที่กำลังแล่นออกมาซอยสามบ้าน จึงดูเหมือนจะส่งเสียงดังแต่ไกล เพราะเครื่องคร่ำคร่าของมัน ชายคนขับในเครื่องแบบลำลองข้าราชการพลเรือนสีกากีแกมเหลืองรีบเบรครถ เมื่อมันตามไปทันร่างในเสื้อฝนสีฟ้า ภายใต้ร่มกระดาษคันใหม่ที่เดินอยู่คนละฟากซอยอย่างไม่เหลียวซ้ายและขวาคนเดียว

“น้องดา! ทำไมไม่คอยขึ้นรถ?”

ข้างในเสื้อฝนและภายใต้ร่มกระดาษหันมาทางรถและเสียงขุ่น ๆ ของผู้ถาม ผมของหล่อนถูกหมวกเสื้อฝนคลุมมิดชิด ดวงหน้าขาวจัดจนดูซูบเซียวจึงดูเหมือนรูปหินอ่อนที่ปราศจากชีวิตชีวายิ่งกว่าเก่า ฝ่ายชายคิดว่าถ้าหล่อนใช้ชาดทาปากให้เข้มขึ้นสักนิด นัยน์ตาโตดำก็จะคมคายขึ้นด้วยแทนที่จะโหลลอยเหลือเกิน

“ออกไปแค่หน้าบ้านเท่านี้ แล้วก็น้องไม่เคยขึ้นรถนี่คะ”

“แต่เช้านี้ฝนตก บางวันพี่เคยเห็นเธอนั่งรถคุณพี่ผดุงหรือจนชั้นรถนายเผด็จ แต่กลับไม่เคยนั่งรถของคนที่นั่งกินข้าวด้วยกันทั้งเช้าทั้งเย็นอย่างพี่! เพราะอะไร?

หล่อนยิ้มพลางยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดู

“เดี๋ยวสายค่ะ...ถ้าขืนตอบคำถามที่ไม่มีอะไรจะตอบตามเคย รีบไปเสียเถอะค่ะ น้องเดินอีกไม่กี่ก้าวก็ถึงแล้ว”

วิชัยรู้ว่าไม่มีประโยชน์ที่จะเอาชนะกานดาเดี๋ยวนี้ นับแต่วันที่หล่อนและเขาได้มีส่วนล่วงรู้ความจริงจากมารดาเรื่องกำเนิดของจิตรี ตลอดจนเรื่องสมรสของจิตรีกับเผด็จซึ่งต่างก็มี ‘หลังฉาก’ อันยุ่งเหยิงอยู่ด้วยกันแล้ว ก็ดูเหมือนกานดาจะได้เปลี่ยนแปลงความนึกคิดของหล่อนราวกับกินว่านวิเศษสักอย่าง ร่างกายที่บอบบางและซูบเซียวมิได้เข้มแข็งขึ้นเหมือนคนกินว่านวิเศษตามเรื่อง “ท่านอภินิหาริย์” พื้น ๆ พวกนั้น แต่ในด้านจิตใจแล้ว กานดาได้เปลี่ยนไปอย่างหนึ่ง นั่นคือหล่อนเข้มแข็งขึ้นมาก หรือไม่ก็เป็นเพียงแข็งกร้าวกว่าเดิม แต่จะเข้มแข็งหรือแข็งกระด้าง ก็เป็นลักษณะที่วิชัยไม่พึงปรารถนาสักนิด เพราะมันทำให้กานดาขัดขืนเขาเสมอ เมื่อเขาต้องการจะแสดงความมีอำนาจเหนือหล่อนโดยสิ้นเชิงเช่นแต่ก่อน กานดามิได้เป็นลูกคอเขาอีกแล้ว ไม่ประหลาดเลยสำหรับจิตรีผู้เคยโต้แย้งอยู่เสมอ แต่เมื่อผู้ละมุนละม่อมเหมือนกานดาจะพลอยเปลี่ยนแปลงไปดังนั้น วิชัยถือว่าเขาเป็นคนเคราะห์ร้ายเหลือเกิน พอขาดคำของหญิงสาว วิชัยก็ปล่อยรถแล่นปรื๋อไปตามอารมณ์ขุ่นเข้มของตน

“ตามใจ–!”

กานดาได้ยินเพียงคำสุดท้ายเท่านั้น น้ำโคลนจากล้อรถของวิชัยก็สาดกระจายจากถนนขึ้นมาเปรอะแข้งขาของหล่อนซึ่งชายเสื้อฝนคลุมลงไปไม่ถึง กานดารู้สึกเย็นที่หน้าหลายแห่ง หล่อนเอากระเป๋าหนังสือคล้องแขนข้างที่ถือร่มคันใหญ่อยู่แล้ว เมื่อล้วงผ้าเช็ดหน้าออกซับตามรอยเย็น ๆ อย่างนั้น กานดาจึงทำได้ด้วยท่าทางทุลักทุลีเหลือเกิน ยายแก่กับหลานเล็ก ๆ ที่ห้องแถวริมคลองหน้าบ้านมองดูคนหนึ่งในหมู่ ‘คุณ ๆ ข้างในซอย’ อย่างพิศวง คนที่อยู่บ้านใหญ่ ๆ ห่างถนนและฝุ่นละอองหรือความชื้นแฉะเช่นนี้ ก็ยังมีโอกาสกรำฝนและหน้าตาเปื้อนโคลนคะมุกคะมอมเหมือนกัน! ยายแก่ตะโกนบอก

“คุณ! โคลนจากล้อรถคุณผู้ชายยังติดหัวคิ้วคุณอีกเยอะ! แย่หน่อยนะคะ–คุณท่านขับรถเหลือเกิน!”

กานดาได้แต่อมยิ้มอย่างฝืน ๆ

“ฝนแฉะนักนี่ยาย! อุ๊ย–!” หล่อนเบียดตัวกับสะพานข้ามคูหาหน้าซอย และพลั้งปากออกมาด้วยความตกใจ เมื่อรถเก๋งคันใหญ่หักหัวพุ่งปร๊าดขึ้นสะพานมาอย่างไม่มีสุ้มเสียงสักนิด น้ำฝนปนน้ำโคลนแตกกระจายจากล้ออีก กานดาทันเห็นใบหน้าคมขำ ของหญิงสาวซึ่งนั่งอยู่ข้างหลังรถแวบหนึ่ง...วันวิภา!

“หมู่นี้พวกบ้านเทเวศดูเหมือนจะมีธุระอะไรต่ออะไรมาให้คุณชัยต้องไปช่วยยุ่งเหยิงอยู่เสมอ มาตามตัวแต่เช้าเชียวนะ” กานดาเช็ดโคลนที่หน้าพลางครุ่นคิดคนเดียว “ดูคุณชัยสนิทสนมกับพวกข้างพ่อขึ้นมากคุณป้าจะคิดยังไงหนอ? นี่เราเป็นบ้าคิดคนเดียวทำไม? ธุระอะไรของเราที่คุณนายประภาหรือลูกสาวจะผลัดกันมาอยู่ยามญาติของเขา น่าเสียใจแทนวันวิภาที่มาไม่ทันพี่ชัย ทั้งยังเช้าตรู่เต็มที แต่ไม่ว่าใครจะผ่านไปด้วยรถยนต์อย่างนี้–หน้าเราต่างหากที่ต้องเปื้อนโคลนเขลอะขละคนเดียว! ดีหน่อยที่วันวิภาไม่ทันเห็นเรา”

รถเมล์ขาวไล่มาข้างหลัง กานดาได้ยินน้ำฝนบนพื้นถนนลาดยางโต้ล้อรถแตกซู่ ๆ เสียด้วย! กานดาหลบลงไปริมคูข้างป้ายจอดรถ รองเท้ายางขาวโปร่งก็คะมุกคะมอมมากขึ้น

“ใครใช้ให้เดินฝันกลางฝนล่ะ!” หล่อนสมน้ำหน้าตัวเอง “คนอย่างเราต้องคิดถึงเรื่องทำมาหากินเฉพาะหน้าไม่ใช่เรื่องเทวดาคนใดแถวเทเวศหรือเรื่องยุ่ง ๆ อย่างอื่น

ถึงกระนั้นกานดาก็เกือบเดินเข้าไปชนท้ายรถยนต์อีกคันหนึ่ง ซึ่งแล่นไล่หลังหล่อนมาและไปหยุดเอาเงียบ ๆ ข้างหน้าหล่อน ผู้ขับเปิดประตูรถและเอื้อมมือออกมาดึงคันร่มหล่อนด้วย

“ดีจริง! อยากจะพบอยู่แล้ว หุบร่มขึ้นรถเร็วเถอะ! โยนเสื้อฝนเข้าไปข้างหลังรถได้”

กานดาไม่มีโอกาสปฏิเสธ เสียงเผด็จมีกังวานขบขันกึ่งร้อนรนเล็กน้อย หล่อนนั่งข้างญาติชายซึ่งหล่อนไม่เคยรู้สึกเป็นกันเอง และออกตัวอ้อมแอ้มอีกบ้าง

“อาเผด็จพลอยเปื้อนไปด้วยละค่ะ”

เขาพารถผ่านสี่แยกราชเทวีไปได้ แล้วจึงพูดอย่างอิดโรยเล็กน้อย

“ง่วงนอนจัง!” เมื่อคืนจิตรีเตรียมการสอนอะไรไม่รู้จนดึก ได้ยินเสียงกุกกักก็เลยพลอยตาเริดไปด้วย คุณดาหมั่นไปคุยกับเขาขึ้นอีกนิดเถอะ ถ้ามีโอกาสก็เตือนเสียบ้างซิ! การสอนภาษาไทยให้ฝรั่งหรือเจ๊ก จำทำ–ง่า!–คงไม่เหมาะ–ง่า–กับเด็ก–”

กานดานึกไม่ออกอยู่นานว่าใครคือ ‘เด็ก’ ครั้นแล้วหล่อนก็หน้าแดงด้วยสะเทือนใจ เผด็จเป็นกังวลถึงลูกในท้องจิตรีซึ่งมีอายุเพียงสามสี่เดือนเท่านั้น เขาปรารภต่อไป

“สุขภาพของเขาคงไม่ทนทานเท่าไหร่หรอก ถ้าขืนกินน้อยนอนน้อยแล้วก็ทำงานสมบุกสมบันแบบนี้ เขานึกหรือเปล่าถ้าเขาทรุดโทรมสักนิด–เด็ก–เอ้อ!–ลูกของอาก็จะพลอยเจ็บป่วยไปกับเขา คุณดาช่วยถามที่ซิ! หมู่นี้หายหน้าไปเสียนาน”

น่าชัง! กานดาฉุกคิดคนเดียวอีก ทุกสิ่งทุกอย่างผิดแปลกไปหมดก็เพราะการขับเคี่ยวของชาย กานดากับสมาชิกครอบครัวภายในซอยสามบ้านไม่กล้าเข้าไปยุ่งเหยิงอย่างเก่ามาก ก็เพราะเผด็จดันทุรังเอาแต่ความนึกคิดของตัว ถ้าเขาไม่รีบฮุบเหยื่อที่จิตรีล่อเขาในยามคับขันของหล่อน เหตุการณ์ก็คงไม่ยุ่งเหยิงอย่างนี้เลย หล่อนกับจิตรีก็จะยังอยู่ด้วยกันตามเดิม จิตรีคงหันไปขอความช่วยเหลือจากพี่สาวพี่เขย และอ่อนน้อมยอมเป็นเด็กดีภายในการควบคุมของผู้ใหญ่ จิตรีและกานดาจะไม่มีวันถูกหักโหมให้รู้ระแคะระคายถึงความขื่นขมของชีวิตและความรักอย่างฉุกเฉินเช่นนี้ แต่เผด็จทำการเอาตามความใคร่คิดของชายชีวิตของหญิงอย่างจิตรีและกานดาจึงดูเหมือนจะยิ่งจมลงไปในหลุมลึกอันมืดมัวมากขึ้น ครั้นแล้วเขาก็ไม่พอใจเมื่อเห็นผู้หญิงอยู่ในภาวะกระดักกระแด้เดี๋ยวนี้ เขานึกถึงแต่ผลประโยชน์ที่เชื่อมโยงอยู่กับความใคร่คิดของตัว เผด็จหรือวิชัยก็ไม่แตกต่างอะไรกันเลย เมื่อเปรียบเทียบด้วยกามกิเลสที่ทารุณอย่างเลือดเย็นอย่างนี้ น่าชัง! วิชัยไม่กล้าขอแต่งงานกับกานดาเป็นหลักฐาน เพราะยังไม่กล้าแสดงตัวเป็นลูกเขยของพี่สาว แต่เขาเรียกร้องตักตวงตามชอบใจตลอดมา แม้มันอาจจะเป็นราคีอันพึงรังเกียจแก่กานดาเมื่อหล่อนฝ่าฝืนเขาสักนิด เพื่อให้เหตุการณ์เปิดเผยและมั่นคงขึ้นบ้าง วิชัยกลับเกรี้ยวกราดหล่อนอีกคล้ายจะเกี่ยงให้หญิงไล่จับเขา

“เล่นตัว!” หรือ “หยุมหยิม!”

วิชัยชอบปรักปรำกานดาทุกโอกาสด้วยวาจายอกแสยงอย่างนี้ กานดาก็ถูกเพิกเฉยชั่วคราวอยู่กับความปวดร้าวระทมเท่านั้น ในเมื่อหล่อนไม่รู้จักไล่จับชาย

น่าชัง! เผด็จรู้ดีว่าจิตรีต้องการชื่อเสียงกับฐานะของเขา เป็นป้อมปราการอันมั่นคงของหล่อน จิตรีปล่อยตัวให้แก่ความใคร่ของเผด็จโดยสิ้นเชิง แล้วหล่อนก็ได้เห็นผลแห่งการเป็นสาวที่ไม่เล่นตัวหรือหยุมหยิมอย่างใด จิตรีเสียความรักแรกและประโยชน์อันใหญ่ยิ่งอย่างอื่น หล่อนไม่มีเกียรติยศอยู่เลย–เป็นลูกหลงพ่อ เป็นเมียที่ไม่มีผัว ถ้าความจริงจะเปิดเผยจนอื้ออึงออกมา! แต่ถึงจิตรีจะต่ำช้าเช่นไร หล่อนก็มีฐานะอันเต็มไปด้วยเกียรติยศใหญ่ยิ่งอย่างหนึ่ง นั่นคือความเป็น ‘แม่คน’ ของหล่อน ไม่มีใครจะสามารถบังคับขับไสจิตรีออกไปจากตำแหน่ง ‘แม่’ อันมีเกียรติยศยิ่งนัก ชีวิตหนึ่งได้อุบัติขึ้นจากเลือดเนื้อหล่อน ชีวิตใหม่ที่ยังไม่ได้แสดงตัวต่อโลกและกะจิดริดเหลือเกินกลับกลายเป็นที่พึ่งพำนักอันมั่นคงของจิตรี ผัวผิดกฎหมายซึ่งถือหล่อนเป็นเพียงผู้บำรุงบำเรอความใคร่ของตน ก็ต้องอนาทรถึงหล่อน อย่างไรก็ตาม กานดาอดชังเผด็จไม่ได้เมื่อเขาแสดงความไม่พอใจเรื่องจิตรีอีก ทั้งที่มันเป็นผลแห่งการกระทำของเขาเอง

“อาเผด็จพูดกับคุณจิตรีเรอะยังคะ?”

เขาเลี้ยวรถเข้าไปจอดถึงประตูชั้นในหน้าตึกเรือนและถือโอกาสเบียดเบียนเวลาอันจำกัดจำเขี่ยของหล่อนอีก

“อาพูดไม่ได้น่ะซิ ถึงต้องดักจับคุณดาให้ไปช่วย”

นั่นหมายความว่ากานดาคือคนที่ใช้ได้ง่าย

“จะเป็นการยืมจมูกกระมังคะ คุณป้ากับคุณใหญ่ยังไม่กล้า–เอ้อ! อาเผด็จขอความเห็นท่านผู้ใหญ่ไม่ดีกว่าดาเรอะคะ?”

“ใครเห็นดีด้วยบ้าง เมื่ออากับจิตรีจะแต่งงานกัน?” เผด็จย้อนเสียเยาะ “คุณวิชัยเกือบจะตั๊นหน้าอาอยู่แล้ว คุณจรวยละยิ่งไม่รับรู้เลยทีเดียว ทั้งที่อาสงสัยว่าคุณจรวยน่ะแหละเป็นต้นคิดขึ้นก่อน กราบละ–” เขาเปลี่ยนเสียงเป็นร้อนรนอย่างเก่า แม้จะมิได้ลงมือกราบหลานหญิงอย่างคำพูด “ช่วยยื่นจมูกเข้าไปที่บ้านอีกทีเถอะนะ ไหน ๆ ก็เคยยื่นอยู่แล้ว เมื่อเขาคลั่งคราวนั้นก็ได้อาศัยคุณดาน่ะซิ”

หญิงสาวรีบหันไปหยิบเสื้อฝนกับร่มลงจากรถ เรื่องคลุ้มคลั่งของจิตรีเมื่อแรกตั้งครรภ์ ทำให้กานดาได้พลอยรู้เห็นเรื่องราวหลายอย่าง ซึ่งหล่อนไม่อยากมีอยู่ในห้วงคิดของตนเอง มันทำให้ศรัทธาในชีวิตความรักและการสมรสปั่นป่วนไปหมด มันทำให้หล่อนต้องขัดใจกับวิชัย เพราะได้พลอยรู้เรื่องกำเนิดลับของจิตรีจากมารดาของเขา หล่อนจึงเป็นบุคคลเดียว นอกจากมารดาของวิชัยที่จะดูหมิ่นเกียรติของสกุลเก่าแก่ก็ได้–โดยเฉพาะเกียรติของหญิงซึ่งวิชัยยกย่องอยู่ตลอดมาแม่บังเกิดเกล้าของเขา! กานดาแน่ใจขึ้นทุกวันว่าวิชัยระแวงความนึกคิดของหล่อนมาก วิชัยจึงไม่ใคร่ประพฤติต่อหล่อนอย่างสนิทสนมและอ่อนโยนอย่างเก่า กานดาจะกลายเป็นผู้แทรกแซงเสียแล้ว เมื่อเผยความลับซึ่งมีอายุเท่ากับหล่อนและจิตรี นางจำรัสมีเจตนาจะแก้บาปที่ทำไว้แก่ลูกหญิงในคราวคับแค้นของลูกและเพื่อขอความเมตตาต่อลูกชายกับกานดา ซึ่งเธอแน่ใจว่าจะต้องเป็นบุคคลสำคัญในครอบครัวของเธอด้วย นางจำรัสเจตนาจะให้ความรู้เรื่องของเธอ ระหว่างวิชัยกับกานดา เป็นเครื่องกระชับสายสัมพันธ์คนทั้งคู่ให้มั่นคงขึ้นอีก แต่เรื่องกลายเป็นว่า มันกลับทำให้วิชัยกับกานดามีเรื่องกินใจและห่างเหินกันกว่าเก่า กานดาถูกทอดทิ้งให้อยู่กับความว้าเหว่อันร้าวระทมเท่านั้น...นอกจากความลับในห้วงคิดของตน! นี่คือสาเหตุที่กานดาไม่อยากได้ยินใครกล่าวขวัญถึงเรื่องคลุ้มคลั่ง และเรื่องป่วยไข้ของจิตรีเมื่อสามเดือนมาแล้ว หล่อนรีบลงจากรถเผด็จพลางบอกเขาด้วยสีหน้าและน้ำเสียงอ่อนระอาอีกใหม่

“เอาเถอะค่ะ! ดาจะทำเท่าที่ทำได้แต่อาเผด็จก็น่าจะรู้นานแล้วว่า ดาไม่เคยทำอะไรในบ้านนี้สำเร็จแล้วก็จัดว่าเป็นคนอื่นที่–ใคร ๆ เขาเข็ดความเซ่อเซอะเสียแล้ว”

“นายวิชัยคงไม่ยอมเห็นด้วย” เผด็จให้ข้อสังเกตด้วยอารมณ์ขันอย่างเก่า และไม่เฉลียวถึงสาเหตุที่ทำให้กานดาขยักขย่อนยิ่งขึ้น “นายคนนั้นคงไม่ยอมให้คุณดาเป็นคนอื่นแน่นอน ถึงเขาคงจะต้องการให้คุณดาเซ่อเซอะสักหน่อยตามนิสัยผู้ชาย ช่วยเรื่องจิตรีเถอะ! ถ้าวิชัยไม่ตรงต่อหลานสาว อาจะตั๊นหน้าเขาอย่างน้อยก็เพื่อแก้แค้นครั้งโน้น ทีน้องสาวของตัวละหวงเป็นเสือ แตะเข้าไปหน่อยพ่อก็พาโลจะฟาดปากไม่เว้นแต่ละวันจนแต่งงานรู้แล้วรู้รอดไป ถึงทีหลานสาวของนายเผด็จบ้างพ่อวิชัยก็ตั้งตัวเป็นเจ้าเข้าเจ้าของคนเดียว ขืนโยกโย้ยังไงละก้อ–อาเผด็จยิงทิ้งเทียวนา! นี่แน่ะ! เช้านี้น้องสาวเขาทางโขยงเทเวศร์–คุณวันวิภาน่ะ นั่งเก๋งมาสำออยอีกแล้ว ระวังนา! ผู้ชายส่วนมากไม่ชอบผู้หญิงวางกับดักให้รู้ตัว แต่ก็อดไม่ได้ ถ้าโดนออเซาะสักหน่อย”

น่าชัง–ผู้ชายชอบลงโทษผู้หญิงอยู่เสมอ แม้ตัวจะเป็นต้นเหตุให้ผู้หญิงต้องมีมารยาอยู่เสมอ แต่กานดาไม่มีความจัดเจนพอจะโต้แย้งอย่างใด หล่อนวิ่งเข้าประตูโรงเรียนด้วยความรู้สึกยอกแสยงยิ่งขึ้น

----------------------------

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ