๑๕. เล็กเจ้ะ

ในสมัยสามก๊ก รัชชกาลพระเจ้าเล่นเต้ ราชวงศ์อ่าวฮั้นราวพุทธศักราช ๗๑๑ เกิดยุคเข็ญขึ้นในเมืองจีน เหตุด้วยโจรโพกผ้าเหลืองซ่องสุมกำลังมีมากเที่ยวข่มขี่ตีปล้นเมืองใหญ่เมืองน้อยเป็นจลาจลอลหม่าน ราษฎรชาวเมืองได้รับความเดือดร้อนอยู่ทั่วไป กองทัพเมืองหลวงออกปราบปรามโจรผู้ร้ายราบคาบลง แต่ราชการงานเมืองยังระส่ำระสายซุดโซม ดูเหมือนจะถูกดินฟ้าอากาศพลอยดลบรรดาลาให้เป็นไปดังนั้น หัวเมืองต่าง ๆ พากันแข็งเมืองและแย่งชิงกันเป็นใหญ่ เหตุการณ์ร้าวฉานตลอดมาจนสิ้นรัชชกาลพระเจ้าเหี้ยนเต้ ในปีกุน พุทธศักราช ๗๖๒ ต่อจากนั้นมาเมืองจีนก็แบ่งแยกกันเป็นสามก๊กอยู่ ๔๕ ปี นับแต่พุทธศักราช ๗๖๓ ถึง ๘๐๒ ในระหว่างนั้นที่เมืองโหงว มีเด็กชายคนหนึ่งชื่อเล็กเจ้ะ กำพร้าบิดามาแต่เยาว์ คราวนั้นอ้วนสุด น้องอ้วนเสี้ยว เป็นเจ้าเมืองเกากัง บรรดาเจ้าเมืองน้อยๆ และหัวหน้าแขวงที่ขึ้นต่อเมืองเกากังต่างก็แต่งผู้คนนำสิ่งของทองเงินไปนอบน้อมเจ้าเมืองตามประเพณี ขณะนั้นเล็กเจ้ะอายุได้หกขวบเพิ่งเล่าเรียนหนังสือ เล็กเจ้ะมีสติปัญญาเฉียบแหลม เอาใจใส่ในการต่าง ๆ ที่ควรจะรู้ไว้ เป็นต้นว่าขนบธรรมเนียมพื้นบ้านพื้นเมืองและอื่น ๆ คนทั้งหลายจึงแต่งเล็กเจ้ะให้นำสิ่งของไปคำนับอ้วนสุดเจ้าเมืองเกากัง อ้วนสุดให้จัดสุราอาหารเลี้ยงแขกทั้งปวง บรรดาที่ไปคำนับตามธรรมเนียมนั้น แขกทั้งหลายรวมทั้งเล็กเจ้ะก็เข้าร่วมโต๊ะกินอาหารเป็นที่สบาย ในกระบวนอาหารที่เลี้ยงนั้น มีส้มอยู่โต๊ะละหลาย ๆ ผล เล็กเจ้ะแลเห็นส้มเข้าก็คิดถึงมารดาของตน เพราะมารดาชอบกินส้ม เล็กเจ้ะจึงหยิบเอาส้มสามผลซ่อนไว้ในเสื้อ เมื่อคนทั้งหลายกินอาหารอิ่มแล้วต่างก็ลากลับ ฝ่ายเล็กเจ้ะก้มจะคำนับลาอ้วนสุด บังเอิญส้มตกจากเสื้อสองผล อ้วนสุดแลไปเห็นดังนั้นก็หัวเราะพลางพูดสัพยอกว่า เล็กหนึ่งเป็นแขกมาในงานนี้ยังเอาส้มที่เลี้ยงแขกไปด้วยหรือ เล็กเจ้ะได้ยินคำอ้วนสุดล้อดังนั้น ก็คุกเข่าลงคำนับแล้วตอบว่า มารดาข้าพเจ้าชอบกินส้มอย่างนี้จริงๆ บังเอิญท่านเลี้ยงแขกวันนี้มีส้มอยู่ด้วย เมื่อข้าพเจ้าเห็นส้มก็คิดถึงมารดา จึงขอรับประทานส้มสามผลเก็บไว้ในเสื้อเพื่อนำไปฝากมารดา ถ้ามารดาข้าพเจ้าได้กินส้มสามผลนี้ ก็นับว่าท่านได้เลี้ยงแขกเพิ่มขึ้นอีกคนหนึ่ง อ้วนสุดได้ฟังน้ำคำของเล็กเจ้ะก็นึกชมในใจว่าเด็กคนนี้พูดจาคมคาย ทั้งมีความกตัญญูกตเวทีต่อมารดาอย่างเด็ดเดี่ยว วันหน้าต่อไปคงจะได้เป็นขุนนางมีชื่อเสียงปรากฏ คิดแล้วจึงเอาส้มเพิ่มให้แก่เล็กเจ้ะอีก เล็กเจ้ะก็รับด้วยความอ่อนน้อม แล้วคำนับลาอ้วนสุดกลับไปบ้าน เมื่อถึงบ้านก็นำเอาส้มนั้นให้มารดารับประทานด้วยความยินดี

เล็กเจ้ะอุตส่าห์ศึกษาเล่าเรียนอยู่หลายปี เมื่อเชี่ยวชาญในวิทยาการเพียงพอแล้ว ลาอาจารย์กลับไปอยู่บ้าน เอาใจใส่ปรนนิบัติมารดาเป็นอย่างดี และตนก็มีศิษย์มาศึกษาวิชาด้วยเป็นอันมาก ครั้งนั้นซุ่นกวนได้เป็นใหญ่ทางภาคกังตั๋ง ทราบกิติศัพท์ว่าเล็กเจ้ะมีสติปัญญาสามารถ ความรู้วิทยาการกว้างขวาง ก็ให้คนนำสิ่งของไปให้เล็กเจ้ะ และเกลี้ยกล่อมไปทำราชการด้วย ฝ่ายเล็กเจ้ะมีความชำนาญทางโหราศาสตร์ จึงคำนวณดูชาตาซุ่นกวนกับชาตาเมืองเห็นเป็นสิริมงคลต่อกัน จึงแจ้งให้มารดาทราบ มารดาเล็กเจ้ะก็ว่าลักษณะของซุ่นกวนแสดงว่ามีบุญ ราชวงศ์อ่าวฮั้นคงจะสูญสิ้นในไม่ช้า ซุ่นกวนคงได้เป็นเทียนจื๊อกษัตริย์แห่งภาคกังตั๋ง เจ้าจะไปทำราชการอยู่กับซุ่นกวนก็ไปเถิด เล็กเจ้ะได้ฟังคำมารดาแนะนำเช่นนั้นก็มีความยินดี สั่งเสียภรรยาให้เอาใจใส่ปรนนิบัติมารดาอย่าให้เดือดร้อนรำคาญแต่อย่างใดอย่างหนึ่ง แล้วคำนับลามารดาไปหาซุ่นกวน ฝ่ายซุ่นกวนต้อนรับเล็กเจ้ะด้วยความพอใจ และตั้งเล็กเจ้ะให้เป็นที่ปรึกษาราชการ เล็กเจ้ะเป็นคนพูดจาตรง ๆ ไม่เอาใจผู้อื่น จึงเป็นเหตุให้ไม่ถูกกับที่ปรึกษาทั้งปวง ซุ่นกวนเห็นการจะไม่เรียบร้อย จึงตั้งเล็กเจ้ะให้ไปเปนเจ้าเมืองอุดหลิม เล็กเจ้ะจึงรับครอบครัวไปอยู่ที่เมืองอุดหลิมนั้นด้วย เมืองอุดหลิมนั้น เมื่อเจ้าเมืองคนเก่าปกครองมีโจรผู้ร้ายชุกชุม เจ้าเมืองไม่สามารถปราบปรามให้สงบราบคาบได้ ราษฎรจึงอพยพหนีโจรภัยพลัดบ้านพลัดเมืองเป็นอลหม่าน ได้รับความเดือดร้อนระส่ำระสายเป็นอันมาก ต้องทิ้งถิ่นฐานบ้านนาเรือกสวน อดอยากกรากกรำอยู่ตามป่าตามดง ความลำบากยากเข็ญของชาวเมืองครั้งนั้นน่าสังเวชยิ่งนัก ครั้นเมื่อเล็กเจ้ะไปเป็นเจ้าเมืองแล้ว ตั้งเกลี้ยกล่อมผู้คนฝึกหัดการทหารตั้งเป็นหมวดเป็นกอง ยกไปปราบปรามโจรผู้ร้ายจับนายโจรและพักพวกโจรโพกผ้าเหลืองที่เหลืออยู่ได้หลายคน ก็ส่งไปให้ซุ่นกวน ยกเว้นแต่ไพร่พลโจร ยอมปล่อยให้กลับบ้านเดิมของเขา ฝ่ายราษฎรเห็นการบ้านเมืองเข้มแข็งขึ้น ก็ชวนกันยกครอบครัวกลับถิ่นฐานของตน ๆ ทำไร่นาอยู่ตามภูมิลำเนาเป็นปกติต่อมา

ฝ่ายซุ่นกวน เมื่อได้รับนายโจรที่เล็กเจ้ะจับส่งไปมอบนั้น ก็ให้ฆ่าเสียทุกคน แล้วจัดเงินทองเสื้อกางเกงส่งไปปูนบำเหน็จเล็กเจ้ะและนายหมวดนายกองตามสมควรแก่ความดีความชอบเป็นอันมาก เล็กเจ้ะเป็นเจ้าเมืองอุดหลิมอยู่หลายปี บ้านเมืองร่มเย็นเป็นสุข ชาวเมืองชื่นชมยินดี เมื่อเล็กเจ้ะถึงแก่กรรมแล้ว ซุ่นกวนคิดถึงเล็กเจ้ะมากจึงบอกแก่ขุนนางทั้งปวงว่า เล็กเจ้ะเคยคำนวณอายุของตนว่าอยู่ไม่ถึงสี่สิบ บัดนี้ก็สมจริงดังคำนวณไว้น่าเสียดายนัก ถึงอายุจะน้อยแต่เล็กเจ้ะเป็นคนดีมีกตัญญูกตเวทีมั่นคง และพยายามทำคุณความดีไว้มาก สมควรได้รับความสรรเสริญอยู่ชั่วฟ้าและดิน.

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ