๑๑. กังเก๊ก

ครั้งราชวงศ์อ่าวฮั้น ที่เมืองลิ่มจือ มีชายคนหนึ่งชื่อกังเก๊ก เป็นคนกำพร้าบิดามาแต่เยาว์ มารดายังอยู่ มีทรัพย์สินมั่งคั่งไร่นาสาโทก็มาก มารดาจัดให้กังเก๊กเรียนหนังสือในสำนักอาจารย์ กังเก๊กเป็นคนมีสติปัญญาเฉียบแหลมคมคาย และหมั่นเล่าเรียนไม่ท้อถอย เรียนอยู่ไม่กี่ปีก็สำเร็จ แล้วกังเก๊กกลับไปอยู่บ้านปรนนิบัติมารดาด้วยความเอื้อเฟื้อและเอาใจใส่เป็นอย่างดี เมื่อคนอื่น ๆ ได้ทราบว่ากังเก๊กเรียนหนังสือสำเร็จมีความรู้กว้างขวาง ก็มีผู้มาสมัครเป็นษิษย์ขอศึกษาด้วยกังเก๊กเป็นอันมาก ขณะนั้นที่เมื่องลิ่มจือมีโจรผู้ร้ายเที่ยวปล้นสดมภ์ชุกชุมหลายแห่งหลายตำบล ราษฎรได้รับความเดือดร้อนระส่ำระสาย ต้องทิ้งถิ่นฐานบ้านเรือนของตน ๆพากันอพยพหนีโจรภัยไปอยู่ที่อื่น ฝ่ายกังเก๊กให้มารดาขึ้นขี่หลังตน ตามคนทั้งปวงที่อพยพไปนั้น พวกโจรไล่ติดตามจับกุมพวกอพยพ ต่างก็แตกกระจัดกระจายแยกย้ายหลบหนีกันไป พวกโจรจับกังเก๊กได้จะคุมเอาตัวไป กังเก๊กมิรู้ที่จะทำประการใด ได้แต่ร้องไห้วิงวอนโจรด้วยความสงสารมารดาว่า มารดาข้าพเจ้าแก่เฒ่าเดินไม่ไหว ถ้าท่านจับตัวข้าพเจ้าไปเสีย ก็เท่ากับฆ่าผู้เฒ่าให้ตายเปล่าอีกคนหนึ่ง หากท่านกรุณาปล่อยข้าพเจ้าให้อยู่ปรนนิบัติมารดา ก็เหมือนท่านให้ชีวิตแก่คนสองคน ขอท่านจงกรุณาแก่ข้าพเจ้าด้วยเถิด ฝ่ายพวกโจรได้ฟังดังนั้นก็เกิดความสงสาร จึงยอมปล่อยกังเก๊กกับมารดา แล้วเที่ยวต้อนจับคนอื่นๆต่อไปอีก เมื่อกังเก๊กรอดจากมือโจรไปแล้ว แต่ยังไปไม่ทันตลอดก็ถูกจับอีกเล่า พวกโจรได้ทราบความจริงใจของกังเก๊กแล้วยอมกรุณาปล่อยเสียทุกครั้ง ครั้นกองทัพหลวงออกปราบปรามโจรผู้ร้ายราบคาบแล้ว กังเก๊กจึงพามารดากลับไปอยู่ที่บ้านเดิมของตน คนทั้งหลายได้ทราบเรื่องของกังเก๊กแล้ว ต่างยกย่องกังเก๊กว่าเป็นผู้มีความกตัญญูกตเวทีต่อมารดาอย่างแรงกล้า อยู่มาไม่นานมารดากังเก๊กก็ถึงแก่กรรมลง กังเก๊กร้องไห้รำพันถึงความหลังครั้งอพยพหนีโจร ได้ความลำบากยากแค้นแทบปางตาย เมื่อรอดมาได้ควรจะอยู่เป็นสุขสบาย ก็มาถึงแก่กรรมลง ทิ้งลูกไว้ให้อยู่โดยเฉพาะไม่มีบิดามารดาเป็นที่เคารพ ไหนเลยจะมีความสุขสำราญร่มเย็น คนทั้งหลายได้ยินคำกังเก๊กโอดครวญต่าง ๆ ก็พลอยสงสาร แทบจะกลั้นน้ำตาไว้มิได้ ครั้นกังเก๊กวายโศกแล้ว ก็จัดการเส้นไหว้ศพมารดาตามธรรมเนียม และเชิญศพไปฝังไว้ ณ ที่สมควรแห่งหนึ่ง อยู่เฝ้าหลุมศพจนครบกำหนดตามนิยมแล้วจึงกลับบ้าน คนทั้งหลายมีความนับถือกังเก๊ก ในส่วนที่กตัญญูนั้นตลอดมา แล้วพร้อมกันทำหนังสือยกย่องกังเก๊กว่าเป็นคนมีความกตัญญูกตเวที และสรรเสริญว่าเป็นคนมีสติปัญญาลึกซึ้งควรเป็นเฮาเหลียม ทำราชการที่ในเมืองหลวง จึงนำหนังสือยกย่องนั้นไปยื่นต่อเจ้าเมืองกรมการประจำท้องถิ่น เพื่อขอให้ส่งเสนอไปยังเมืองหลวงตามระเบียบ เจ้าเมืองกรมการก็จัดทำตามคำขอส่งเสนอไปยังเมืองหลวง ครั้นต่อมาทางเมืองหลวงอนุมัติแล้ว เจ้าเมืองกรมการก็นำเอาหนังสือเมืองหลวงมาแจ้งแก่คนเหล่านั้น สั่งให้กังเก๊กไปรับราชการ ณ เมืองหลวง กังเก๊กก็ไปตามคำสั่ง อยู่ต่อมากังเก๊กเข้าสอบไล่ที่เมืองหลวงได้เป็นกือเหียนเลี้ยงฮวงเจี่ย กังเก๊กอุตส่าห์ทำราชการไม่บกพร่องในหน้าที่ จนมีความชอบชื่อเสียงปรากฏ ได้เลื่อนยศขึ้นเป็นกั่งงี้ไต้ฮู แปลว่าอำมาตย์ผู้มีหน้าที่ถวายโอวาทแด่พระเจ้าแผ่นดิน

ตามความเห็นของคนทั้งหลายว่า การที่กังเก๊กได้เป็นขุนนางผู้ใหญ่มีศักดิสูงเช่นนั้น ก็เพราะความที่ตนเป็นคนกตัญญูกตเวทีมั่นคง จึงมีผลสนองให้ได้รับยศศักดิศฤงคารมากมาย สมควรที่คนทั้งหลายจะนิยมในความกตัญญูกตเวที ต่อบิดามารดาและผู้มีพระเดชพระคุณทั่วไป จะได้อยู่เย็นเป็นสุข แต่มีความเจริญยิ่งๆ ขึ้นตามสมควร.

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ