ยุคน้ำมัน

เราได้เคยกล่าวในหนังสือแล้วว่า เวลานี้เป็นยุคน้ำมัน (เปโตรเลียม) น้ำมันเป็นเครื่องใช้สำคัญ ในการหมุนเครื่องจักร จนเป็นข้อที่ต้องคิดมากในความคิดต่อรัฐประศาสโนบายระหว่างประเทศ แลในสมัยนี้ เมื่อทัพเรือใช้น้ำมันแทนถ่าน ทัพบกใช้น้ำมันหมุนเครื่องจักรคือรถรบเป็นต้น แลทัพฟ้าเหาะขึ้นฟ้าได้ด้วยน้ำมันฉะนี้ น้ำมันจึงเป็นของสำคัญนักในเวลาสงคราม ในเวลานี้ถ้าจะพูดแต่ประเทศที่ใหญ่ ๆ ก็มีแต่สหรัฐอเมริกากับรัสเซียเท่านั้น ที่มีบ่อน้ำมันในอาณาเขตของตน ประเทศนอกนั้นจะมีบ้างก็น้อย เหตุฉะนี้ถ้าปรากฏว่ามีน้ำมันขึ้นที่ไหน ก็มีผู้คะเย้อเขย่งจะเข้าถือเอาเป็นเจ้าของ จนถึงไมตรีระหว่างประเทศขึ้นไปก็มี น้ำมันมีเกี่ยวข้องไม่น้อยในรัฐประศาสโนบายระหว่างสหรัฐอเมริกากับประเทศรีปับลิกอเมริกาใต้ ในรัฐประศาสโนบายของอังกฤษในพม่า แลระหว่างอังกฤษกับฮอลันดาในมหาสมุทรแปซิฟิก อีกทั้งความติดต่อระหว่างประเทศในภูมิภาคที่อังกฤษเรียก “ตะวันออกไกล”

ในเวลานี้มีกลุ่มบริษัทใหญ่ ๆ ซึ่งบังคับการน้ำมันไปในภาคต่าง ๆ ในโลก เป็นต้นว่า กลุ่มบริษัทที่เรียกว่า “รอยัลดัชเชลล” นั้น ในเวลานี้ใหญ่กว่ากลุ่มบริษัทอื่นๆ ทั้งนั้น กลุ่มบริษัทกลุ่มนี้ได้น้ำมันไว้ในมือกว่าหนึ่งในสิบของน้ำมันทั้งหมดในโลกที่ขึ้นมาจากดิน มีบ่อของตนเองอยู่ในแหล่งน้ำมันที่สำคัญ ๆ ทุกแห่ง รวมทั้งในสหรัฐอเมริกาด้วย มีโรงกลั่นน้ำมันในประเทศหลายประเทศ มีกำปั่นขนน้ำมันมากมาย แลมีที่เก็บน้ำมันแทบทั่วโลก

อุตสาหกรรมน้ำมันเปโตรเลียมนี้ มีการแยงกันทำอย่างไม่มีกฏมีเกณฑ์อะไร จึงเกิดความยุ่งยากเสมอ เป็นต้นว่า ราคาก็ขึ้น ๆ ลง ๆ ไม่เสมออยู่ได้ แลความเปลืองไปเปล่า ก็มีมาก

น้ำมันขี้โล้นั้นอยู่ในแอ่งใต้ดิน แอ่งใหญ่บ้าง ไม่สู้ใหญ่บ้าง น้ำมันนั้นปรากฏว่าเกิดมาเดิมจากต้นไม้แลสัตว์ซึ่งฝังอยู่ในทะเลน้ำเค็มบรมโบราณ เมื่อมีความบีบอันเหมาะแก่ที่ สิ่งเหล่านั้นจะเปลี่ยนเป็นน้ำมัน น้ำมันก็เกิดอยู่ใต้ดิน แลถ้าที่ใดมีหินกั้นไว้รอบ ก็เกิดเป็นแอ่งน้ำมันขึ้น น้ำมันนั้นฝังอยู่ในอ่างหิน แลมักจะมีน้ำแลเกลือแลแก๊ส ถ้าคนเจาะรูจากพื้นดินลึกลงไปในดินจนถึงแอ่งน้ำมัน ก็มีแก๊ส (หรือบางทีน้ำ) ดันน้ำมันพุ่งออกมาทางท่อที่ใช้เจาะลงไป น้ำมันที่พุ่งออกมาเช่นนี้ นานเข้าหน่อยก็หยุด แลเมื่อมันไม่พุ่งเองแล้ว ก็ต้องใช้สูบ ๆ ขึ้นมา โสหุ้ยก็สูงขึ้นไปทุกที ยิ่งลึกโสหุ้ยยิ่งมาก ตามวิธีดีที่สุด ที่ทำกันอยู่เดี๋ยวนี้ ก็ไม่ได้น้ำมันขึ้นมาจากแอ่งกว่าหนึ่งในสี่ที่มีอยู่ เขากำลังเพียรหาวิธีที่จะเอาน้ำมันขึ้นมาให้ได้มากกว่าเดี๋ยวนี้ แต่ยังไม่มีใครหาพบ แลคิดกันว่า ถึงพบก็จะแพง จึงยังไม่มีใครคิดทำจริง ๆ จัง ๆ ในเวลาที่ยังหาแอ่งน้ำมันที่พุ่งขึ้นมาเองได้อยู่เสมอ ๆ

เมื่อได้น้ำมันขี้โล้ขึ้นมาแล้ว ก็กลั่นเป็นเครื่องใช้ได้หลายอย่าง โรงกลั่นนั้นตั้งห่างบ่อน้ำมันหลาย ๆ ร้อยไมล์ จึงต้องมีท่อฝังใต้ดินจากบ่อไปถึงโรงกลั่น ในสหรัฐอเมริกามีท่อฝังใต้ดินเช่นนี้เจ็ดหมื่นห้าพันไมล์เศษ การกลั่นน้ำมันนั้น มีวิธีทำดีขึ้นดีขึ้นเป็นต้นว่า เมื่อสามสิบปีมาแล้ว น้ำมันที่กลั่นออกมาได้ดีที่สุด ก็คือน้ำมันที่เราใช้จุดตะเกียงนี้เอง สมัยนี้น้ำมันสำคัญที่สุด ที่กลั่นได้นั้นคือเบนซีน นอกจากนั้นยังมีน้ำมันข้นสำหรับเป็นเชื้อไฟเดินเครื่องจักร แลน้ำมันที่ทำแก๊ส น้ำมันหยอดเครื่องเป็นต้น ยังสิ่งอื่น ๆ เช่นสีสวรรค์แลขี้ผึ้งเป็นตัวอย่าง น้ำมันหยอดเครื่องเป็นน้ำมันสำคัญนัก เพราะเครื่องจักรหมุนเร็วที่ใช้กันในสมัยนี้ ถ้าไม่มีน้ำมันหยอดเครื่องอย่างดี ก็ใช้ไม่ได้ น้ำมันเบนซินที่กลั่นสำเร็จแล้วนั้น ต้องขนทางรถไฟแลทางถนน หรือมีทอฝังไปใต้ดิน จนถึงท่าเรือ แล้วมีเรือพิเศษขนข้ามทะเล ไปเก็บเข้าถังใหญ่ในประเทศต่าง ๆ ซึ่งมีทั่ว ๆ ไปในโลก ประเทศอังกฤษมีถังใหญ่เช่นที่ว่านี้ประมาณพันห้าร้อยถัง

ในบรรดาประเทศที่มีน้ำมันในโลกนี้ สหรัฐอเมริกาเป็นที่หนึ่ง ได้น้ำมันจากใต้ดินประมาณหนึ่งในสามของน้ำมันทั้งหมดที่ได้ในปีหนึ่ง ๆ ทั่วโลก ส่วนประเทศอื่น ๆ นั้น ในยี่สิบห้าปีนี้มักจะขึ้น ๆ ลง ๆ ประเทศนี้ขึ้นหน้าประเทศนั้น แล้วก็กลับไปอยู่ข้างหลัง แต่ถ้าจะพูดเฉพาะเดี๋ยวนี้ ประเทศที่มีน้ำมันมากไปหาน้อย มีลำดับดังต่อไปนี้คือ รัสเซีย เวนิซูลา รูเมเนีย เปอร์เซีย เม็กซิโก อินเดีย ตะวันออกของฮอลันดา ประเทศในอเมริกาใต้ นอกจากนี้มีที่โน่นนิดที่นี่หน่อย เช่นพม่า อินเดีย (ในปันจาบ) แลดูเหมือนจะมีในสยามด้วย หากยังไม่ทราบแน่น การทำน้ำมันนั้นมีความขึ้น ๆ ลง ๆ มากนัก หาความแน่นอนยาก เป็นต้นว่า ราคาก็เปลี่ยนขึ้น ๆ ลง ๆ มาก ๆ น้ำมันที่ขึ้นมาจากดิน ก็มากบ้างน้อยบ้าง แลวิธีการที่ใช้ก็เปลี่ยนไปร่ำไป

ที่เป็นดังนี้ ข้อต้นเป็นเพราะว่า การพบน้ำมันใต้ดินนั้น ไม่มีทางจะรู้ล่วงหน้าได้ ถ้าเคราะห์ดีก็รวย ถ้าเคราะห์ไม่ดีก็ขาดทุนเท่านั้นเอง จริงดอกในสมัยนี้คนมีความรู้ ซึ่งทำให้ต้องเดาน้อยกว่าแต่ก่อน แต่ก็ยังรู้ไม่ได้อยู่นั่นเองว่า แอ่งน้ำมันมีอยู่ที่ไหนบ้าง เหตุดังนี้ การหาน้ำมันจึงเป็นไปในทางที่เจาะเดาหากันเรื่อย ๆ ไป โดยมากไม่พบน้ำมันก็ขาดทุนเปล่า เป็นต้นว่า ในหกแคว้นในสหรัฐอเมริกา เมื่อ ค.ศ. ๑๙๒๘ ได้ขุดหาแอ่งน้ำมันไม่ได้ผล สิ้นเงินไปเปล่า ๆ ถึง ๙๐,๐๐๐,๐๐๐ เหรียญ ความขาดทุนก็ตกอยู่แก่ผู้หาทั้งนั้น แต่เมื่อขุดหาหนักเข้า ๆ นาน ๆ ก็ไปพบแอ่งเข้าแอ่งหนึ่ง ก็เป็นอันว่าได้ขยายการทำน้ำมันออกไปอีก นี้เป็นข้อต้นในความไม่แน่ คือไม่ทราบว่าจะพบแอ่งใหม่เมื่อไร แลแอ่งที่พบแล้วอาจจะเปลี่ยนมากเป็นน้อยไปเมื่อไรก็ได้

เมื่อพบแอ่งน้ำมันเข้าใหม่นั้น การทำน้ำมันก็ย่อมจะเปลืองโสหุ้ยน้อยเพราะว่ามันยังอยู่ตื้นแลแก๊สยังมีมาก น้ำมันก็พุ่งขึ้นมาเอง ไม่ต้องสูบให้เสียโสหุ้ยมาก ต่อไปเมื่อน้ำมันหยุดพุ่งแล้ว ก็ต้องใช้สูบ เปลืองโสหุ้ยหนักเข้าทุกที เหตุฉะนี้ ถ้าพบแอ่งน้ำมันเข้าใหม่เมื่อไร ราคาน้ำมันก็ตกไปทันที บางทีตกจนบ่อเก่า ๆ สู้ไม่ได้ บ่อน้ำมันที่พุ่งขึ้นมานั้น นานเข้าก็หยุดพุ่ง แต่ไม่มีใครจะประมาณได้ว่าเมื่อไรจะหยุด อาจจะพุ่งไปอีกนานก็ได้ หรืออาจจะหยุดทันทีก็ได้ นี้เป็นเหตุให้ต้องขุดหาน้ำมันกันอยู่เสมอ ๆ

ในบางประเทศ ถ้าพบน้ำมันใต้ดิน น้ำมันนั้นก็เป็นทรัพย์แผ่นดินตามกฎหมาย คือรัฐบาลเข้ายึดเอาเป็นเจ้าของ รัฐบาลจะให้บริษัทเช่าไปทำก็ได้ แต่รัฐบาลจะกำหนดว่า ให้ทำเมื่อไร ให้หยุดเมื่อไรก็ได้ ในสหรัฐอเมริกาไม่เป็นเช่นนั้น ในประเทศนั้น ใครเป็นเจ้าของที่ดิน ถ้าเจาะพบน้ำมันใต้ดิน เจ้าของที่ดินที่เป็นเจ้าของน้ำมัน เพราะฉะนั้น ถ้าใครพบน้ำมันเข้าคนหนึ่ง พวกที่เป็นเจ้าของที่ดินใกล้เคียง ก็ต่างคนต่างขุดในที่ของตน เพราะรู้ว่าแอ่งน้ำมันคงจะกว้างใหญ่ไปรอบ ๆ ข้าง แลรู้ว่า ถ้ามีน้ำมันอยู่ใต้ที่ดินของตนไซร้ ถ้าไม่รีบขุดเสีย น้ำมันก็จะไปขึ้นทางบ่อของคนอื่นเสียหมด หรือถ้าไม่หมด ก็ทำให้น้อยลงไป ฉะนี้ย่อมเห็นได้ว่า เป็นการแย่งกันรอบด้าน ก็คือทำให้ราคาน้ำมันขึ้น ๆ ลง ๆ ร่ำไป แลตามที่เป็นมาแล้ว ทำให้น้ำมันมีเหลือใช้ แลคงจะเก็บไว้ตั้งหกปีเจ็ดปีก็มาก การที่เป็นเช่นนี้ในอเมริกาก์คือว่าขี่รถยนต์ไม่ต้องเสียโสหุ้ยมาก แต่ผู้มีบ่อน้ำมันเก่านั้น ก็ได้ความเดือดร้อน เพราะเงินที่ลงทุนไป จะเป็นเงินที่เปลืองไปเปล่า อนึ่ง การที่เจาะน้ำมันทั่ว ๆ ไปนั้น เป็นการปล่อยแก๊สออกมาจากใต้ดิน ก็คือว่ามีแก๊สที่จะดันให้น้ำมันพุ่งขึ้นมานั้นน้อยเข้า เป็นการเปลืองไปเปล่าอีกทางหนึ่ง เหตุฉะนี้แอ่งน้ำมันใดที่ทำช้า ๆ ก็ย่อมจะทำได้ถูกอยู่นานกว่าแอ่งที่รีบทำ จึงมีความเห็นกันในอเมริกาว่า ถ้าบังคับอย่าให้เอาน้ำมันขึ้นจากดินเร็วนัก จะเป็นการทุ่นโสหุ้ยได้มาก ๆ แลอุบายที่คิดจะทำในอเมริกาเวลานี้ ก็เป็นเช่นว่านี้ แต่ทำไม่ได้ง่ายนัก เพราะในสหรัฐอเมริกา ต่างแคว้นก็ต่างมีกฎหมายของตนเอง แลรัฐบาลกลางจะเข้าไปบังคับบัญชานักก็ไม่ได้ ความคิดในประเทศนั้น เวลานี้มี ๒ ทาง ทางหนึ่งคือว่า ควรจะสงวนน้ำมันใต้แผ่นดินไว้ให้ใช้ได้นาน ๆ เพราะวิธีที่ทำอยู่ในเวลานี้ ทำให้เปลืองไปเปล่า ๆ มาก ทางที่สองคือว่า ควรจะช่วยอุดหนุนเจ้าของบ่อที่ใช้โสหุ้ยแรง มิให้ต้องขาดทุน หรือล้มเลิกไปโดยความขันแข่งของเจ้าของบ่อที่มีโสหุ้ยน้อย

เราไม่นำเอาความ ๒ ข้อนี้มากล่าวละเอียด เพราะไม่สู้เกี่ยวกับประเทศเรามากนัก ที่เกี่ยวกับเรามีอยู่แต่ว่า ถ้าเราพบแอ่งน้ำมันใต้แผ่นดินสยาม จะควรจัดอย่างไร จึงจะป้องกันการเปลืองไปเปล่า หรือทำผิดอย่างที่ประเทศอื่นเขาผิดกันมาแล้วได้ บางทีเราจะดูตัวอย่างที่เขาพลาดกันมาแล้วในประเทศอื่น เป็นประโยชน์แก่เราได้บ้างกระมัง

 

  1. ๑. ประมวญมารค ฉบับที่ ๒๗ หน้า ๑๓ ปีที่ ๒ ศุกรที่ ๓ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๘

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ