- คำของผู้รวบรวม
- คำนำของสำนักพิมพ์
- ๑. กลถอนกล
- ๒. แข่งอูฐในประเทศสุด่าน
- ๓. กลแก้กัน
- ๔. หนังสือแลคำพูด
- ๕. สักรวามืด
- ๖. แบ่งทรัพย์กัน
- ๗. ป้าเกตกับกวีนวิกตอเรีย
- ๘. คุกใหม่ของอเมริกา
- ๙. ยุคน้ำมัน
- ๑๐. เทศบาลเกาะหิน ใน พ.ศ. ๒๔๙๘
- ๑๑. รู้ใจคน
- ๑๒. พระมเหสีพระเจ้านโปเลียนที่ ๓
- ๑๓. เรื่องเศรษฐีพิษณุโลก
- ๑๔. มหาภารตะ
- ๑๕. หัสการ
- ๑๖. ปเกียรณการมภ์
- ๑๗. วิธีของหัวหน้าคน
- ๑๘. เรื่องของกองสอดแนมที่กรุงปารีส
- ๑๙.การค้าทาสในเวลานี้
- ๒๐. คำตัดสินของปารีส
- ๒๑. ลอกร่องน้ำสันดอน และ ขยายท่ากรุงเทพ ฯ
- ๒๒. เรื่องแจวเรือจ้าง
การค้าทาสในเวลานี้
๑ย่อจากหนังสือพิมพ์ “เคอร์เร็นต์ฮีสตอรี”
ผู้เขียนในหนังสือพิมพ์ที่ออกชื่อข้างบนนี้เล่าว่า ได้เคยไปยืนดูที่ตลาดแห่งหนึ่งในประเทศมอรอคโค เป็นที่มีกำแพงดินล้อม ได้เห็นขายเลหลังทาสชายหญิงทั้งผู้ใหญ่และเด็ก เหมือนเลหลังสัตว์ การเลหลังวันนั้น มีผู้ร้องขาย ๗ คน ขึ้นต้นผู้ร้องยืนอยู่บนที่สูง กุมมือโยกตัวสวดมนต์ ขอให้พระผู้เป็น เจ้าประทานความสำเร็จแก่การขายเลหลังวันนั้น
ในบริเวณตลาดมีชายหลายร้อยคน แต่งตัวโอ่โถง ยืนบ้างนั่งบ้างอยู่รอบ ผู้ชายคนหนึ่งจูงมือทาสชายนิโกรคนหนึ่ง ทาสหญิงชาติมัวร์คนหนึ่ง เดินไปรอบ ๆ ร้องว่า “พระเจ้าย่อมเป็นใหญ่ ท่านทั้งหลายจงดูชายมีกำลังแลหญิงงามเลิศของทะเลทราย ท่านจะให้เท่าไร” คนดูคนหนึ่งกวักมือเข้าไปดูทาสหญิง แล้วว่า “สามร้อย” ผู้ชายก็จูงทาสเดินต่อไปอีก ตะโกนว่า “นางงามนี้สามร้อยเท่านั้นเอง ใครจะขึ้นราคาบ้าง” ในที่สุดก็มีผู้รับซื้อราคาสูงกว่าที่คนอื่นให้ มีโต๊ะตัวหนึ่งตั้งอยู่กลางตลาด ที่โต๊ะนั้นมีเสมียนนั่งคอยรับเงินแลเขียนสารกรมธรรม์ให้ผู้ซื้อเป็นสำคัญ
ในสมัยนี้ ยังมีการขายทางในประเทศ ๑๕ ประเทศ บางประเทศที่เป็นสมาชิกของสันนิบาตชาติ เช่น อบิซซีเนีย เป็นต้น ในประเทศอบิซซีเนีย ประเพณีซื้อขายทาสเปนประเพณีโบราณ ซึ่งยังยึดรากมั่นอยู่ เมื่ออบิซซีเนียเข้าเป็นสมาชิกสันนิบาตชาตินั้น ต้องให้สัญญาว่าจะเลิกทาสฉะนั้น เจ้าแผ่นดินอบิซซีเนียเวลานี้เป็นบุคคลซึ่งน้อมไปในวิถีความเจริญอย่างใหม่ ๆ ทรงเพียรที่จะจัดให้เป็นไปตามสัญญา แต่ในเวลานี้ยังมีทาสอยู่ในดินแดนของพระองค์อย่างน้อย ๒ ล้านคน ล้วนเป็นทาสซึ่งมีคนไปเที่ยวล้อมจับมาจากที่ต่าง ๆ ลึกเข้าไปในแอฟริกา บางทมีชายถือปืนแลหอกตั้งพันคนด้อมเข้าไปล้อมหมู่บ้านไว้รอบ พอได้ยินเสียงหัวหน้าให้สัญญาก็ทำเอะอะโห่ร้องยิงปืนแลเป่าเขาสัตว์ ทำให้ชาวบ้านตกใจแตกตื่น แลเอาไฟเผากระท่อมให้คนออกมา คนแก่หรือคนไม่มีกำลังก็ฆ่าเสีย คนบาดเจ็บก็ปล่อยไว้ให้ตายไปเอง หรือให้สัตว์ร้ายกิน ต้อนเอาแต่หนุ่มสาวแลเด็กไปรวมกันเข้า ล่ามโซ่ติดกันเป็นพวงหรือเป็นสาย พาไปเดินขายตามเมืองที่เป็นตลาด ทางเดินเป็นทางไกลกันดาร ล้มตายกันไปกลางทางมาก เขาว่าการทำเช่นนี้บางทีได้ทาสตั้ง ๘๐๐๐ คนก็มี
เรื่องร้ายกว่าการล้อมจับมาขายเป็นทาสจากลึก ๆ เข้าไปในแอฟริกา ก็คือทำเช่นเดียวกับในดินแดนอังกฤษที่อยู่ต่อกับอบิซซิเนีย พวก “โจรปล้นคน” ก็คือชาวอบิซซีเนีย ซึ่งรัฐบาลบังคับไปไม่ถึง ในสามสี่ปีนี้มีรายงานว่า ดินแดนอังกฤษถูกปล้นคนเช่นนั้นเกือบ ๒๐๐ ครั้ง ในเก็นยา (แดนอังกฤษ) กับโสมาลีแลนด์ (ที่ราบลงมาจากอบิซซีเนีย) ก็ถูกปล้นอย่างเดียวกัน เจ้าแผ่นดินอบิซซีเนียออกกฎหมายลงโทษพวกโจรอย่างหนัก แลตั้งกรมปราบการค้าทาส ซึ่งพากเพียรดีที่สุดที่จะทำได้ แต่การที่จัดปราบปรามเช่นนั้น ก็มีผลเพียงให้ปล้นเอาคนไปเป็นทาสอย่างเปิดเผยไม่ได้ แต่ทาสก็ไม่หมดไป เพราะยังไม่ได้เลิกทาส การปล้นเอาคนมาเป็นทาสผิดกฎหมาย แต่การมีทาสยังไม่ผิดกฎหมาย เป็นประเพณีโบราณ ซึ่งจะเลิกเร็ว ๆ ไม่ได้ ถ้าด่วนเลิกการทำมาหากินจะยุ่งเหยิงกันหมด
การใช้แรงทาสในสมัยนี้ ยังเป็นที่นิยมกันอยู่ในประเทศหลายประเทศ แต่มีลักษณะต่างกัน เช่นทาสเป็นสมบัติของเจ้าของเหมือนวัวเหมือนควาย เช่นในอารเบีย (ประเทศอาหรับ) หรือเป็นอย่างเลขมีสังกัดขึ้นต่อนาย บังคับใช้งานได้ อย่างในอเมริกาใต้ (ไม่ใช่สหรัฐอเมริกา) แลในเมืองขึ้นของโปรตุเกศเป็นต้น ในเมืองจีนการซื้อทาสขายทาส แม้ไม่เคยหมดไปเลย แม้ในมณฑลที่จำเริญไปมากแล้ว ก็ยังมีทาสอยู่มาก แลในมณฑลไกล ๆ ซึ่งใครไปไม่ค่อยถึงนั้น คงจะมีมากขึ้นอีก
แต่สำนักใหญ่ของการค้าทาสนั้น คือ แอฟริกา ในอบิซซีเนียภาคที่ยังเป็นเดือนอยู่นั้น อาจได้คนมาเป็นทาสโดยเจรจากันก็ได้ เป็นต้นว่า หมู่บ้านที่จน บางทีจัดพวกลูกบ้านขายไปเป็นทาสก็มี หมู่บ้านบางแห่งไม่มีเงินเสียภาษี หรือไม่ต้องการเสียภาษีด้วยเบี้ยตรา มีพวกพ่อค้าทาสเสียแทน แล้วรับเอาทาสไปเป็นเครื่องแลก เมื่อได้ทาสไปแล้ว ก็พาไปฝากไว้ในหมู่บ้านหว่างช่องเขาที่เข้าออกยาก แล้วจ้างพวกหมู่บ้านให้รักษาพวกทาสไว้ไม่ให้หนี จนกว่าจะพาไปขายตามเมืองที่เป็นตลาด
ครั้งหนึ่งมีฝรั่งเป็นผู้แทนหนังสือพิมพ์ “มาแต็ง” (ฝรั่งเศส) ได้ไปดูที่เก็บทาสโดยที่พวกเจ้าของพาไปดู ทางเดินเข้าไปมีกำแพงทึบ ๒ ข้าง เดินเข้าไปจนถึงลานที่ว่างมีคนถืออาวุธคอยเฝ้าอยู่หน้าประตูห้องขังทาส ผู้เฝ้าคนหนึ่งเปิดกระดานให้ฝรั่งดู ฝรั่งมองตามช่องเห็นหญิงนอนเฉยอยู่ ๔ คน อีกห้องหนึ่งเห็นหญิงอีก ๓ คน อีกห้องหนึ่งเห็นชาย ๔ คน คนเหล่านั้นนอนนิ่งไม่กระดิกตัวเลย ผู้ดูเข้าใจว่าคงจะบอบช้ำมาก
อาหรับคนหนึ่งบอกว่า “เราจะออกเดินทางพาพวกนี้ไปคืนนี้ เราเดินทางกลางคืนเสมอ เพราะเสฟกว่า”
ฝรั่งคนนั้นตามไปด้วย ตามไปจนถึงเกาะห่างฝั่งโสมาลีแลนด์ตอนที่เป็นเขตของอิตาลี ได้ขายทาสกันที่นั่น เพื่อจะได้เดินทางกันสะดวก เจ้าของทาสซื้อหนังสือเดินทางจากอบิซซีเนีย แลพาทาสลงเรือใบชนิดที่แล่นเร็ว แล่นออกทะเลไป ปรากฏตามหนังสือเดินทางว่า ทาสพวกนั้นจะไปไหว้พระที่เมืองเม็กกะ
การขนทาสตามทะเลนี้ เรือรบฝรั่งเพียรจะจับอยู่เสมอ เรือรบอังกฤษ เรือรบฝรั่งเศส เรือรบอิตาเลียน ช่วยกันคอยตระเวนดูอยู่ในทะเลแดง ซึ่งเป็นทางเดินของสินค้าทาส เรียกกันว่า “งาดำ” (งาคืองาช้าง)
นายทหารเรืออังกฤษคนหนึ่ง ประจำอยู่ที่เมืองเอเด็น กล่าวว่า “เราจับเรือบรรทุกทาสได้บ้างนาน ๆ ที แต่เรือเหล่านั้นแล่นเร็วว่องไวมาก พวกค้าทาสมีวิธีสืบความลับของตัวเอง แลมีที่ซ่อนแอบหินในที่ตื้น ๆ ซึ่งเราตามเข้าไปค้นไม่ได้ ต้นหนเรือเหล่านั้น แต่ละคนเป็นคนกล้าแลชำนาญทะเล แล่นเรือไปมืด ๆ ไม่มีไฟเลย แล่นชิด ๆ ฝั่งเฉียด ๆ ไปตามหว่างหินโสโครก ซึ่งเรืออื่นไปไม่ได้ ถ้าเราจับได้สักลำหนึ่งก็คงจะรอดไปได้ทั้ง ๑๒ ลำ ไปจอดส่งสินค้า “งาดำ” ที่ฝั่งอาเรเบีย แล้วเดินบกไปตลาดใหญ่ ๒ แห่ง คือ เม็กกะกับไตฟ์”
ครั้งหนึ่งกัปตันเรือค้าขายอังกฤษ เห็นเรือบรรทุกทาสแล่นไปในทะเลแดง เห็นคนนั่งแน่นลำ เข้าใจว่าจะล่ามเท้าไว้กับท้องเรือทั้งนั้น พวกทาสนั้งตามกว้างของเรือเรียง ๑๒ คนถึง ๑๔ คน ที่อยู่ข้างล่างต่างหาก ประมาณว่าในเรือนั้นมีทาส ๒๐๐ ถึง ๓๐๐ คน กัปตันเรืออังกฤษทำอะไรไม่ได้ ได้แต่ส่องกล้องดูแล้ว ส่งวิทยุกระจายเสียงไปให้พวกเรือตระเวนทราบ
สัญญาเรื่องทาสที่สันนิบาตชาตินั้น มีประเทศต่าง ๆ ลงชื่อ ๔๐ ประเทศ แต่จะทำอะไรมากก็ไม่ได้ เซอร์ออสตินเชมเบอร์เลน (อังกฤษ) เสนอความเห็นว่า ควรบัญญัติว่า การค้าทาสมีโทษเสมอโจรสลัด ถ้าจับได้ควรลงโทษประหารชีวิตแขวนคอหรือถ่วงน้ำ แต่ไม่มีใครเอาจริงเอาจังกันนัก แลผลในเวลานี้ก็คือว่า เมื่อการทำมาค้าขายในอาเรเบียดีขึ้น การค้าทาสก็ยิ่งจำเริญขึ้นตามกันไป เจ้าพนักงานอังกฤษคนหนึ่งประมาณว่า ในปีหนึ่ง ได้มีผู้พาทาสลอบข้ามทะเลแดงไป ๕๐๐๐ คน จากเขตแดนอังกฤษเอง
เขากล่าวกันว่า ทาสที่มีผู้ซื้อเลหลังไปแล้วนั้น นายก็มักจะเลี้ยงโดยกรุณาในเมืองเม็กกะ ทาสหญิงมักได้นักเรียนศาสนาเป็นผัว ถ้ามีลูก ๆ เป็นทาสของนายแม่ พระราชาในประเทศอาหรับก็เซ็นสัญญาเลิกทาส แต่ก็จัดไปยังไม่ได้มาก เพราะคัมภีรศาสนาบัญญัติว่า ถ้าคนอยากมีทาสก็มีได้ เพราะดังนั้น ในเมืองเม็กกะจึงมีร้านขายทาสทั้งชายหญิงเด็กผู้ใหญ่ นั่งให้คนดูเหมือนสินค้าอื่น ๆ
-
๑. ประมวญมารค ฉบับที่ ๔๑ หน้า ๒๑ ปีที่ ๒ ศุกรที่ ๙ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๗๘ ↩