- คำนำ
- ประวัติพระยาสุริยเดชวิเศษฤทธิ์ ฯ
- นิทานเรื่องนำ
- ๑ นิทานเรื่องกาแต่งงารกับหงส์
- ๒ นิทานเรื่องหงส์หามเต่า
- ๓ นิทานเรื่องกาวิดน้ำทเล
- ๔ นิทานเรื่องปุโรหิตผูกเวรกา
- ๕ นิทานเรื่องกาขออาศัยนกกระทุงพัก
- ๖ นิทานเรื่องนกแขกเต้าอาสาไปเอามะม่วงหิมพานต์
- ๗ นิทานเรื่องนกแขกเต้ากับมาณพอกตัญญู
- ๘ นิทานเรื่องฤษีทุศีลติดใจแกงนกพิราบ
- ๙ นิทานเรื่องมาณพชาวชนบททำคุณแก่งูเห่า
- ๑๐ นิทานเรื่องนกกระทาเปนครู
- ๑๑ นิทานเรื่องฤษีปลอมกินนกกระทา
- ๑๒ นิทานเรื่องตั้งแร้งเปนพระยา
- ๑๓ นิทานเรื่องแมวจำศีล
- ๑๔ นิทานเรื่องทำชอบเปนผิด
- ๑๕ นิทานเรื่องทำคุณเปนโทษ
- ๑๖ นิทานเรื่องโปรดสัตว์ได้บาป
- ๑๗ นิทานเรื่องทำดีเปนคุณ
- ๑๘ นิทานเรื่องวิชาเสื่อมเพราะโกหก
- ๑๙ นิทานเรื่องนกกางเขนตกฟองที่หาดทราย
- ๒๐ นิทานเรื่องนกไส้กับช้าง
- ๒๑ นิทานเรื่องแร้งแต่งงารกับนกไส้
- ๒๒ นิทานเรื่องเทวพรหมากับโลกพรหมา
- ๒๓ นิทานเรื่องคนใช้ของรัตนเศรษฐี
- ๒๔ นิทานเรื่องนกมูลไถกับเหยี่ยว
๗ นิทานเรื่องนกแขกเต้ากับมาณพอกตัญญู
ณะกาลก่อนยังมีนกแขกเต้าตัว ๑ ชื่อตุลดิน อาศัยอยู่โพรงไม้ แทบประตูป่า อันจะไปยังบ้านปัจจันตประเทศ นกแขกเต้านั้นได้เปนสหายแก่เสือโคร่งตัว ๑ ซึ่งเลี้ยงบิดาเสียจักษุอยู่ในถ้ำแห่ง ๑
ยังมีมาณพอกตัญญูผู้ ๑ ซึ่งเปนราชบุรุษพระเจ้าพาราณสี แลมาณพนั้นเกียจคร้านในราชการ แลมีใจอันกระด้างดื้อดึง พระเจ้าพาราณสีรับสั่งให้ขับเสีย มาณพนั้นจึงออกจากเมืองพาราณสี เพื่อจะไปสู่บ้านบิดามารดาแห่งตนก็หลงทางไป จึงพบนกแขกเต้าอยู่แทบประตูป่า นกแขกเต้าเห็นมาณพมีใจกรุณาว่าแก่มาณพว่า เวลานี้ค่ำแล้วท่านจงหยุดอยู่ ให้ได้เพื่อนมนุษย์หลายคนด้วยกันก่อนจึงค่อยไป มาณพมีใจกล้าแขงจึงว่า แน่ะนกแขกเต้า ทางนี้เราเคยเดิรมิได้กลัวอันใด ครั้นนกแขกเต้ารู้ว่ามาณพมิได้ฟังคำแล้วจึงสั่งว่าแม้นท่านไปปะเสือโคร่งแล้ว จงบอกว่าท่านเปนมิตรสหายกับเราเสือโคร่งก็จะไม่ทำอันตรายแก่ท่าน นกแขกเต้าบอกด้วยใจกรุณา แล้วก็บินไปใกล้พาลมาณพ ๆ นั้นเห็นนกแขกเต้าเข้ามาใกล้ก็จับฟัดนกแขกเต้าตาย มาณพทรชนก็กินเปนอาหารเสีย ครั้นเดิรต่อไปก็พบเสือโคร่ง มาณพก็บอกตามนกแขกเต้าสั่ง ว่าเรานี้เปนมิตรสหายกันกับนกแขกเต้าอันชื่อตุลดินอันเปนสหายแห่งท่าน เสือโคร่งได้ฟังมาณพบอกชื่อสหายดังนั้นก็ยินดีนัก จึงนำมาณพไปยังถ้ำอันเปนที่อยู่แห่งตนแลที่บิดาเสียจักษุอยู่ ครั้นเสือโคร่งออกไปป่าแสวงหาอาหาร มาณพกับเสือโคร่งบิดาอันอยู่ในถ้ำด้วยกัน จึงบอกกับเสือโคร่งบิดาว่า นกแขกเต้าชื่อดุลดินซึ่งเปนสหายของลูกท่านนั้นเราฆ่ากินเสียแล้ว ครั้นเสือโคร่งลูกชายกลับมา เสือบิดาก็เล่าความให้ฟังว่า มาณพบอกว่านกแขกเต้าซึ่งเปนสหายของเจ้านั้น มาณพจับกินเปนอาหารเสียแล้ว เสือโคร่งลูกชายได้ฟังดังนั้นมีความโทมนัสเสียใจนัก จึงไปหานกแขกเต้าถึงประตูป่าร้องเรียกหาก็ไม่เห็น ๆ แต่ขนตกเรี่ยรายอยู่ จึงรู้ว่าสหายของตนมาณพใจบาปฆ่ากินเปนอาหารแน่แล้ว เสือโคร่งก็ร้องไห้ถึงนกแขกเต้าผู้เปนสหายเปนอันมาก มาณพอกตัญญูไม่รู้คุณท่าน มีความโกรธแค้นบิดาว่าเอาความซั่วที่ตนบอกแก่ลูกชาย มาณพทรชนก็เอาก้อนศิลาประหารศีร์ษะเสือแก่ก็ตายในที่นั้น มาณพใจบาปก็หนีออกจากถ้ำ พบเสือโคร่งลูกชายที่กลางทางมิอาจจะปิดความไว้ได้ จึงเข้าไปกราบลงที่เท้าแล้วร้องขอชีวิตว่า ข้าแต่ท่านผู้มีอานุภาพใหญ่ จงให้ชีวิตข้าพเจ้าเถิด เสือโคร่งก็รงับจิตต์ไว้มิได้ทำอันตราย เพราะเปนแต่ความโกรธด้วยนกแขกเต้าเท่านั้น อนึ่งจะรีบไปบอกความแก่บิดาว่าสหายตายเสียแล้ว ครั้นเสือโคร่งไปถึงถ้ำก็เห็นบิดาตายในที่นั้น เสือโคร่งมีความโศกเปนกำลังก็ร้องไห้ถึงบิดา แลนกแขกเต้าที่เปนสหายต่าง ๆ นี่แลท่านทั้งหลาย อันว่านกแขกเต้าหาปัญญามิได้ มาทำคุณแก่คนพาลจนตัวต้องเปนอาหารแห่งมาณพ
ณะกาลนั้นนกยูงตัวหนึ่งจึงกล่าวว่า แน่ะท่านทั้งหลาย นกกระทารู้ศิลปศาสตร์วิทยาคุณอันวิเศษดังฤษี ควรจะเปนพระยาแห่งนกทั้งหลายได้
เหยี่ยวตัวหนึ่งก็ว่า นกกระทามีความรู้ดุจดังฤษี และเกลือกจะเปนฤษีกินนกพิราบทั้งเปนกระมัง
นกทั้งหลายจึงถามเหยี่ยวว่า ฤษีกินนกพิราบทั้งเปนมีธรรมเนียมฉันใด
เหยี่ยวจึงเล่านิยายให้นกทั้งหลายฟังดังนี้