๑๐ นิทานเรื่องนกกระทาเปนครู

ณะกาลก่อนยังมีอาจารย์ทิศาปาโมกข์คามนิคมอัน ๑ ซึ่งเปนแว่นแคว้นเมืองพาราณสี ได้เปนอาจารย์สั่งสอนศิลปศาสตร์แก่ศิษย์ ๕๐๐ ซึ่งเรียนวิทยาคุณยังไม่สำเร็จ จึงว่าแก่ศิษย์ทั้งปวง ในสถานที่นี้ประกอบด้วยกังวลห่วงใยมากนัก เราพากันไปแสวงหาที่วิเวกเงียบสงัดตำบลใดตำบลหนึ่ง ที่พอจะเล่าเรียนสาธยายมนต์ได้ ครั้นว่าดังนั้นแล้ว อาจารย์ทิศาปาโมกข์ก็ให้ศิษย์ขนเข้าของเสบียงบรรทุกเกวียนเสร็จแล้วก็พากันไปยังป่าหิมวันตประเทศ สร้างอาศรมศาลาอาศัยอยู่ในประเทศที่นั้น ก็ในตำบลนั้นมีนกกระทาตัวหนึ่งประกอบไปด้วยปัญญาอาศัยอยู่ด้วย ครั้นได้ยินอาจารย์สั่งสอนศิษย์ให้เรียนมนต์ นกกระทาก็จำไว้ได้ทุกประการ อยู่มาอาจารย์ทิศาปาโมกข์เกิดโรคอาพาธลง ศิษย์ทั้งหลายช่วยกันพยาบาลรักษาไม่หาย โรคนั้นกำเริบกล้าขึ้นอาจารยก็ถึงแก่ความตาย มาณพทั้งหลายก็ทำการฌาปนกิจเผาศพอาจารย์เสร็จแล้ว จึงก่อเจดีย์บรรจุอัฐิไว้ที่ควรแห่งหนึ่ง มาณพทั้งหลายไม่ทรงศิลปศาสตร์ที่ตนเล่าเรียนนั้นไว้ได้ ก็พากันร้องไห้เพราะความเสียใจ นกกระทาเห็นอาการดังนั้น จึงถามว่าท่านทั้งหลายมีทุกข์ด้วยเหตุอันใด มาณพจึงบอกว่า เราปราศจากอาจารย์ หาผู้ใดจะสั่งสอนศิลปศาสตร์มิได้ เราจึงร้องไห้ดังนี้ นกกระทาจึงว่า แน่ะท่านทั้งหลาย อย่าทุกข์เลยในการศิลปศาสตร์ทั้งปวง เราจะช่วยบอกให้มาณพทั้งปวงจึงให้โอกาศแก่นกกระทาแล้ว จึงเอานกกระทาเปนอาจารย์ นกกระทาก็บอกศิลปศาสตร์ให้แก่มาณพทุกประการ มาณพก็ให้นกกระทาอยู่ในอาศรมศาลา แล้วทำสักการบูชาโดยเคารพ เพราะเหตุดังนี้แล เราจึงว่านกกระทามีปัญญารู้ศิลปศาสตร์ ควรจะเอานกกระทาเปนพระยาแก่นกทั้งหลาย

มีเหยี่ยวตัว ๑ ปราถนามิให้นกกระทาเปนพระยา จึงว่าแน่ะท่านทั้งหลาย ซึ่งจะเอานกกระทาตั้งเปนพระยาเราไม่ยอมด้วย นกกระทาหาปัญญามิได้ มิรู้สึกตัวจนฤษีอาธรรม์ฆ่าเสีย

นกทั้งหลายจึงถามว่า นกกระทาหาปัญญามิได้ มิรู้สึกตัวฤษีอาธรรม์เอาเปนอาหารเสียนั้น มีธรรมเนียมฉันใด

เหยี่ยวจึงเล่านิยายให้นกทั้งหลายฟังดังนี้ว่า

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ