ที่นอนผีตายโหง

----------------------------

เจ้าบ่าวเผ่นลงมาจากห้อง ขาแทบหัก เจ้าสาวคนสวยลูกเถ้าแก่ยกสุยกลายเป็นคนบ้าๆ บอๆ ไปจนตาย หูหนวกทั้งสองข้าง และเป็นใบ้ไปทันที พอได้สติจึงรู้สึกตัวว่าผมหงอกไปทั้งหัว และเห็นผ้าสีเขียวไม่ได้ ใครนั่งมาให้เห็นเป็นร้องไห้โฮ แล้วนอนคว่ำหน้าเอาหัวเกลือกดิน ดิ้นชักเหมือนคนเป็นโรคลมบ้าหมู...

----------------------------

หมอนข้างกับหมอนหนุนหัวลุกขึ้นมายืนเก้ๆ กังๆ แล้วโดดโหยง ๆ เข้าตีกัน ถ้ามีใครมาเล่าให้ฟังว่ามีคนตีกัน มันไม่ใช่เรื่องแปลก แต่หมอนข้างกับหมอนหนุนหัวมันไม่มีชีวิตชีวาอะไร มันเป็นนุ่นแท้ๆ เหตุไฉนจะลุกขึ้นยืนได้เหมือนคนยิ่งกว่านั้นยังโดดโหยง ๆ เข้าตีกันเสียอีก เรื่องชนิดนี้ต้องเป็นเรื่องคุยกันเพื่อความขบขันเท่านั้น ไม่ใช่เรื่องจริง

“ดิฉันสาบานได้เจ็ดวัดเจ็ดวาเทียวค่ะ ว่าไม่ใช่เรื่องตอหลดตอแหล ดิฉันได้เห็นเจ้าบ่าวเผ่นลงมาจากห้องนอนขาแทบหัก ส่วนเจ้าสาวคนสวยลูกเถ้าแก่ยกสุยกลายเป็นคนบ้าๆ บอๆ ไปจนตาย หูหนวกทั้งสองข้างและเป็นใบ้ไปทันที พอได้สติจึงรู้สึกตัวว่าผมหงอกไปทั้งหัว และเห็นผ้าสีเขียวไม่ได้ ใครนั่งมาให้เห็นเป็นร้องไห้โฮแล้วนอนคว่ำหน้าเอาหัวเกลือกดิน ดินเหมือนคนเป็นโรคลม บ้าหมู”

หญิงแก่อ้วนราวกับตุ่มสามโคก แต่ดวงตาแจ่มใส บอกชัดถึงความร่าเริงและความซื่อตรงในจิตใจ เป็นผู้เล่าเรื่องประหลาดและน่าขนพองสยองเกล้าให้ข้าพเจ้าฟัง แกชื่อยายนวล ผัวมีอาชีพเป็นนายวงปี่พาทย์ ตัวแกเองเป็นคนรับจ้างเย็บที่นอนขาย

“ที่นอนที่คุณไปซื้อมานอนน่ะ มันมีหลายชนิดนะคะคุณ เขาเอาอะไรไปยัดใส่ไว้ข้างในคุณจะไปรู้หรือรูปร่างมันเหมือนที่นอน ดูข้างนอกพลิกหน้าพลิกหลังมันก็เป็นที่นอน แต่ถ้าคุณเคราะห์ร้ายไปโดนอ้ายที่เขาเอานุ่นจากที่นอนผีตายโหงมายัดไว้ให้ จะต้องถึงกับเสียคนทีเดียว”

ยายนวลว่าคนซื้อที่นอนทุกคนต้องการของถูก แต่ของถูกมันให้คุณในด้านที่หมดเปลืองน้อย แต่ให้โทษอย่างร้ายแรงเพราะไม่เป็นสิริมงคล การแต่งงานเป็นสิ่งสำคัญของคู่ผัวตัวเมียที่ตั้งใจจะอยู่กินด้วยกันเพื่อความมั่งคั่งสถาพร แต่ถ้าเราขืนไปซื้อที่นอนราคาถูกๆ แล้ว ก็เชื่อไม่ได้ว่าตนจะได้รับของที่ดีที่บริสุทธิ์

“ดิฉันรับจ้างเย็บที่นอนมาตั้งแต่ยังเป็นเด็กจนบัดนี้ตาเกือบจะไม่เห็นแล้ว พูดถึงที่นอนหอละก้อ ดิฉันรับรองได้ว่าเคยเย็บมานับร้อยไม่ใช่นับสิบ ดิฉันรับจ้างเย็บด้วยความซื่อตรงเย็บตามราคาที่ตกลงกัน ส่วนนุ่นก็ต้องไปซื้อมาปั่นเอาเอง ไม่ซื้อนุ่นที่เขาทำเป็นรูปสำเร็จไว้ขาย เพราะไม่แน่ใจว่าเป็นนุ่นบริสุทธิ์”

ยายนวลเล่าเรื่องที่เกี่ยวแก่อาชีพรับจ้างเย็บที่นอนของแกให้ข้าพเจ้าฟังว่า ที่นอนคนจน ๆ ที่ป่วยเป็นโรคติดต่อเรื้อรังตายนั้น สัปเหร่อจะยกใส่ก้นโลงเป็นที่รองศพไปด้วยในตัว เพราะยากแก่การที่คนข้างหลังจะต้องทำหน้าที่เผา หรือทำลายให้หมดสิ้นไป คนจนจะเก็บไว้ก็เป็นภาระ จึงยินดีมอบที่นอนให้สัปเหร่อใช้รองศพทั้ง ๆ ที่รู้แก่ใจดีว่า สัปเหร่อคงไม่นำที่นอนนั้นไปเผา พอถึงวัดก็จะเปิดโลงงัดเอาที่นอนออกมาตากแดด ที่พอจะทำความสะอาดได้ก็ปัดถูให้สะอาดดูไม่เป็นที่รังเกียจ ต่อมาเมื่อเห็นว่าไม่มีผู้เอาใจใส่ พ้นจากความรู้เห็นของผู้อื่นแล้ว เมียสัปเหร่อก็จะรับหน้าที่ขนเอาที่นอนกลับบ้านและบอกขาย หากเป็นที่นอนที่สกปรกเก่าคร่ำคร่า หรือมีขี้เหงื่อขี้ไคลติดโสโครกจนเหลือรับ บอกขายราคาถูกๆ ไม่มีผู้ซื้อ เมียสัปเหร่อก็จะกรีดที่นอนควักเอานุ่นออกใส่ปีบตั้งเรียงไว้

“ที่นอนบางอันโสมมไปด้วยน้ำเลือดน้ำหนอง” ยายนวลบอกข้าพเจ้า “คนเจ็บบางคนนอนอยู่บนที่นอนตั้งสองปีโดยลุกไปไหนมาไหนไม่ได้ ยิ่งคนเป็นโรคอัมพาตด้วยแล้ว จะปวดปัสสาวะหรือปวดท้องอึก็ปล่อยออกมาบนที่นอน นุ่นที่อยู่ในที่นอนจึงซับเอาเลือดและหนองตลอดจนสิ่งโสโครกต่างๆ หมักหมมเข้าไว้จนเหนียวเหนอะหนะ เป็นที่น่ารังเกียจอย่างยิ่ง แต่นุ่นจากที่นอนเหล่านี้แหละค่ะคุณ เขาจะเก็บยัดเข้าไว้ในปีบและขายให้เจ๊กไปยัดที่นอนใหม่ขาย”

คนยัดที่นอนขายบางคนเฉพาะที่เป็นคนต่างด้าว มักไม่คำนึงในเรื่องความสะอาดหรือสุขภาพอนามัย เขาต้องการเงินเท่านั้น ที่นอนที่คนเหล่านั้นทำขายมองดูภายนอกสดใสดีเพราะเขาใช้ผ้าใหม่ห่อหุ้ม ยายนวลบอกข้าพเจ้าด้วยเหตุผลตามความรู้สึก ประกอบความชำนิชำนาญในวิชาชีพของแก ส่วนนุ่นภายในนั้นไม่ใช่นุ่นบริสุทธิ์ เป็นนุ่นที่ทำจากที่นอนชนิดรองศพมาในโลงผี เขาจึงขายกันในราคาถูกๆ ผู้ซื้อไม่เคยมีความรู้เรื่องเล่ห์กระเท่ห์ในเชิงการค้ามาก่อน พอรู้สึกว่าถูกก็พอใจ แต่เรื่องที่นอน ไม่ใช่เรื่องของการซื้อก๋วยเตี๋ยวผัด เราไม่ชอบรสร้านนี้ ก็เปลี่ยนไปซื้อร้านใหม่ได้ ที่นอนแต่งงานเป็นเรื่องที่ต้องการความสิริมงคล ต้องการความยั่งยืนสถาพร ที่นอนอันหนึ่ง ๆ เมื่อเย็บทำขึ้นแล้ว ก็หวังที่จะใช้กันเป็นเวลาตั้งสิบกว่าปี คู่ผัวตัวเมียโดยมากปรากฏว่ามีลูก ๕ คนแล้วยังไม่เคยเปลี่ยนที่นอนที่เขานอนมาด้วยกันตั้งแต่ร่วมหอ

เคยมีเรื่องเล่ากันต่อมาว่า ที่นอนหอบางอันที่ผู้ซื้อซื้อมาด้วยราคาถูก ได้ก่อให้เกิดเรื่องอันไม่งดงามขึ้น ภรรยาสาวอายุ ๒๑ ปี สงสัยว่าสามีของเธอคงไม่ได้อาบน้ำ เมื่อมาร่วมรักกับเธอจึงมีกลิ่นเหม็นตุๆ คลุ้งขึ้นบางครั้งบางคราว เธอพยายามรำลึกว่า เมื่อเย็นนี้มีกระเทียมดองจัดมาในสำรับหรือเปล่า จำได้ว่าไม่มีกระเทียมดองเลย ปลาร้าเล่า? คงจะเป็นปลาร้าเสียแล้วละ เดินเข้าไปสำรวจในครัวเพื่อพิสูจน์ความจำของเธอ ก็ได้ความว่าตั้งแต่อยู่กินด้วยกันมาร่วมสองสัปดาห์แล้ว แม่ครัวยังไม่เคยปรุงปลาร้า หรือปลาเจ่าจัดสำรับส่งขึ้นมาเลย อีกประการหนึ่ง จะว่าผัวเป็นคนมีกลิ่นตัวเหม็น หล่อนก็เห็นเขาอาบน้ำชำระกายอยู่เสมอมิได้ขาด

“เขาอาจจะไปรับประทานอะไรมาตั้งแต่ตอนกลางวันแล้วท้องขึ้นก็ได้” หล่อนคิด พอดีกับได้ยินเขาถามว่า “จุรีได้กลิ่นอะไรบ้างหรือเปล่า?”

เจ้าสาวหรือเมียของเขารีบตอบทันทีว่า “จุรีได้กลิ่นเหมือนกันค่ะ เป็นกลิ่นสุนัขเน่า”

“ในที่นอนของเราไม่มีอะไรสกปรกนี่จ๊ะเธอ” ชายผู้ผัวพูดด้วยความคลางแคลงใจเป็นล้นพ้น “หน้าต่างก็ปิดหมดทุกบาน ฉันไม่เชื่อว่าจะมีสุนัขเน่ามาตายอยู่ในบ้านเรา ท้องเธอขึ้นหรือจ๊ะ จุรี?”

ย่อมเป็นธรรมดาที่ฝ่ายหญิงจะต้องนึกอายและนึกเคืองเพราะคำถามของเขาฟังดูราวกับว่าหล่อนเป็นคนไม่ระวังตัวเสียเลย นึกจะทำให้มีกลิ่นเหม็นก็ทำออกมาทั้ง ๆ ที่มีผัวนอนชิดกัน “ที่จริงต้องเป็นเขาแน่ ๆ ที่ทำเช่นนั้น ไม่ใช่เรา มีอย่างที่ไหน มาแกล้งไขสือจะซัดคนอื่น” หล่อนคิด แล้วเรื่องก็สงบไปในไม่ช้า เพราะกลิ่นค่อย ๆ จางลงแล้ว อากาศอันเหม็นคลุ้งได้คืนสู่สภาพปรกติชั่วระยะเวลาหนึ่ง ต่อมาอีกในสัปดาห์ที่สาม ฝนกระหน่ำลงมาจนคนเดินทางแทบจะลืมหูลืมตาไม่ขึ้น ตกกลางคืนผัวเมียคู่นี้เป็นหวัดคัดจมูกไปด้วยกัน เขาจึงหยิบน้ำมันยูคาลิปตัสมาหยดไว้ตามหมอนและตามที่นอน คราวนี้ทั้ง ๆ ที่จมูกยังแน่นด้วยน้ำมูก และกลิ่นน้ำมันที่กล่าวกำลังฟุ้งอยู่ เขาก็ยังได้กลิ่นเหม็นเขียวอย่างแปลก คล้ายกลิ่นเนื้อวัวเน่าที่มีคนนำมาย่างใกล้ ๆ ช่องหน้าต่าง ทำให้เกิดความรู้สึกชวนอาเจียนคลื่นเหียนอย่างถึงขนาด

“นี่มันกลิ่นผีตายนี่เธอ!” ผัวของหล่อนพูดพร้อมกับโดดลุกขึ้นนั่ง เพราะนอนทนดมกลิ่นมหาวินาศนั้นต่อไปไม่ไหว “บ้านเราก็อยู่ห่างจากวัดสระเกศอย่างลิบลับ ป่าช้าเผาผีแถวนี้ก็ไม่เห็นมี นี่มันกลิ่นอะไรกันนะเธอ?”

ทั้งผัวและเมียผู้เป็นเสมือนข้าวใหม่ปลามัน ต่างจ้องหน้ากันและกันด้วยความสงสัย ดูท่าทีจะเกิดไม่ไว้วางใจในกลิ่นตัวของกันและกันขึ้นแล้ว หล่อนตอบว่า “อย่ามาคิดว่าตัวเนื้อฉันเหม็นขนาดนี้นะจะบอกให้ ฉันว่าตัวคุณน่ะแหละแอบไปทำอะไรที่ไหนมา ฉันทนเหม็นอยู่หลายคืนแล้ว คราวนี้จะไม่ยอมทนเป็นอันขาด จะแยกมุ้งกันนอนก็ตามใจ”

ผัวของจุรีสาวสวยเที่ยวเอาจมูกของเขาแนบสูดกลิ่นตามที่ต่างๆ แถว ๆ ขอบที่นอนบ้าง กลางที่นอนและที่หมอนบ้าง กลิ่นที่ว่านั้นบางทีก็หายไป บางทีก็ฉุยขึ้นมาอีก คล้ายกับว่ามีชีวิตจะล้อเล่น เขาจึงลุกขึ้นเปิดมุ้งออกไปผลักบานหน้าต่างกระแทกดังปัง ลมพัดฉิวเข้ามา ไม่มีกลิ่นอะไรเลยแต่พออีกสักครู่หนึ่ง กลิ่นเหม็นเขียวก็โฉ่ขึ้นอีก คราวนี้ร้ายแรงกว่าเดิมตั้งหลายเท่า อันที่จริงเขาไม่รู้ว่าที่นอนของเขาใหม่แต่ผ้าที่หุ้มอยู่ ส่วนนุ่นภายในเป็นรุ่นที่คนยัดที่นอนไปเหมาเอามาถูกๆ จากเมียสัปเหร่อวัดพิเรนทร์ พวกผู้เฒ่าผู้แก่ที่จัดการซื้อที่นอนหมอนมุ้งสำหรับสามีภรรยาคู่นี้เห็นแต่เพียงจะได้ของถูก ลืมนึกถึงความสิริมงคลอันจะมีขึ้นแก่หนุ่มสาว

“ในที่สุดผัวเมียคู่นี้ถึงแก่ต้องแยกกันอยู่” ยายนวลพูดพร้อมกับถอนหายใจยาว มีท่าทีคล้ายกับแสดงความสงสารอยู่ในตัว “ผัวนึกว่าเมียเป็นกาลกิณี เพราะบังเอิญเป็นคราวเคราะห์ต้องออกจากงาน ยิ่งทำงานดีนายยิ่งเกลียด เขาได้รับโชคร้ายมีอันเป็นเพราะนุ่นจากที่นอนคนตายนั้น หรือเคราะห์ร้ายตรงที่ต้องแยกกับเมีย เป็นเรื่องที่ดิฉันเองก็ไม่กล้าจะพูดให้แน่นอนลงไปได้”

เรื่องอันแสนจะประหลาดพิสดารนี้ มันสำคัญอยู่ตรงที่บางวันที่นอนมันก็เหม็น บางวันมันก็ไม่เหม็น แต่ยายนวลอธิบายว่า วันไหนฝนตก อากาศไม่ค่อยโปร่งจึงจะเกิดมีกลิ่นเหม็นอันคลุ้งขึ้น เพราะไม่มีลมช่วยพัดโชยเอากลิ่นไปเสียที่อื่น ส่วนภรรยาสาวจะเกลียดสามีของหล่อนและคิดว่าเขาเป็นที่มาของกลิ่นอันร้ายแรงนั้น ซึ่งต่างคนก็ต่างชัดกัน เมื่อทะเลาะกันบ่อย เมียก็คิดว่าตั้งแต่อยู่กินกับผู้ชายกลิ่นเหม็นโขงคนนี้แล้ว มีแต่ความอัปรีย์จัญไร ทำมาค้าไม่ขึ้น ต้องมีเหตุระหองระแหง ลิ้นกับฟันกระทบกันอยู่เสมอ จึงอยากจะหย่าขาดจากกันเสียที เหตุร้ายแรงดังกล่าว ยายนวลคนยัดที่นอนว่าตัว แกเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่า มีมูลเหตุมาจากที่นอนคนตายนั่นหรือเป็นเรื่องที่ต่างฝ่ายต่างสงสัยในความเหม็นของกันและกัน

ที่นอนบางอันที่ใช้นุ่นไม่บริสุทธิ์มายัด ยายนวลเชื่อว่ามีผีตายโหงมาวนเวียนอยู่ แกว่าที่นอนชนิดนี้แรงนัก พอปูที่นอนจะได้ยินเสียงหมาหอนเย็นยะเยือกทีเดียว เจ้าบ่าวเคยถูกผีเอามือละเลงหัวเล่น เลยโกรธกับเมีย ร้องเอะอะว่าเมียชักจะลามจึงเอามือมาลูบหัวผัว ทำเอาต้องลุกขึ้นทะเลาะกัน และเจ้าสาวต้องร้องไห้ตัดพ้อต่อว่าอยู่ตั้งค่อนคืน

ข้าพเจ้าไม่ค่อยเชื่อยายนวลนัก แต่เรื่องนุ่นที่เมียสัปเหร่อกรีดเอาจากที่นอนคนตายเก็บไว้ขายนั้น มีหลายคนที่เห็นแก่ตามาแล้ว

ผัวเมียคู่หนึ่งอยู่ด้วยกันมาจนมีลูกถึง ๔ คน ผัวมีเงินเดือนก่อนสมัยสงครามเพียงเดือนละ ๕๐ บาท ชีวิตครอบครัวต้องตกระกำลำบากย่ำแย่อยู่แล้ว เขายังอดเที่ยวเตร่ติดพันหญิงรุ่น ๆ คราวลูกคราวหลานไม่ได้ เมียคู่ทุกข์คู่ยากตักเตือนและขอร้องให้ละทิ้งนิสัยเลว ๆ เช่นนี้หลายครั้งหลายหน เห็นเขาไม่เชื่อฟัง น้อยใจขึ้นมาก เลยเอามีดจ้วงอกเสียตายคามือ เลือดไหลสาดกระเซ็นติดเกรอะกรังอยู่ทั่วที่นอน ยายนวลเล่าว่า ที่นอนผีตายโหงอันนี้แหละที่เมียสัปเหร่อวัดสุคันธารามกรีดเอานุ่นขายเจ๊ก ส่วนเจ๊กก็นำไปขายให้แก่คนเย็บที่นอน ซึ่งเป็นคนชาติเดียวกันที่ถนนตีทอง พอดีลูกสาวเถ้าแก่ยกสุยเจ้าของโรงเลื่อยเต็งเอ็งหลงที่สี่แยกมหานาคจะแต่งงาน ให้คนไปว่าทำที่นอนที่ร้านยายนวล แกเรียกเพียงร้อยยี่สิบบาท คิดกำไรเล็กน้อยเพราะใช้นุ่นบริสุทธิ์ซื้อมาปั่นเอง (ราคาก่อนสงคราม) เขาติว่าแพง ขอให้เพียง ๗๕ บาท

“ขอให้คิดดูด้วยฝ่าเท้าเถอะคุณเอ๋ย” ยายนวลพูดกับข้าพเจ้า “เป็นเถ้าแก่โรงเลื่อยใหญ่ๆ โต ๆ จะแต่งงานลูกสาวทั้งที ได้สินสอดทองหมั้นเป็นหีบ ๆ แล้วจะมาทำกระเบียดกระเสียรเรื่องที่นอน มันไม่ใช่เรื่องเล็กน้อยนะคุณขา ดิฉันน่ะรับรองว่า เวลายัดนุ่นจะดูฤกษ์ดูยามให้วันพฤหัสบดีธงชัยจึงจะลงมือ อ้ายวันอุบาทว์หรือโลกาวินาศน่ะมันไม่ได้ความหรอก ขืนยัดเข้าไปเป็นต้องตีกัน นุ่นกระจุยกระจายในคืนวันส่งตัวนั่นเอง นอกจากนั้นก็ยังจะต้องจัดการยัดใบเงินใบทองใบนาคและใบรักให้ด้วย มันจะได้อยู่ดีกินดี ครอบครองกันไปถึงชาติหน้าฟ้าใหม่ แต่เขาว่ามันไม่สำคัญ ขอแต่ให้เย็บเป็นที่นอนแล้วคิดราคาถูก ๆ ก็แล้วกัน ดิฉันเบื่อหน้าอ้ายคนชนิดนี้มามากแล้วจึงบอกเปิดเลย แล้วเขาก็ไปหาพวกเดียวกันจ้างเย็บที่นอนพร้อมด้วยหมอนหนุนสองใบ หมอนข้าง ๒ ใบ ตกลงกันเพียง ๖๐ กว่าบาทเท่านั้น ต่อมาเจ้าคนนั้นยังเดินผ่านหน้าร้านดิฉัน แล้วร้องเย้ยให้เจ็บใจเสียด้วย มันว่าดิฉันหน้าเลือดอยากเป็นเศรษฐียัดที่นอน อีกหน่อยก็คงไม่มีอะไรจะยัดหรอก

“ดิฉันทำเป็นคนอารมณ์ดี ร้องถามมันว่าไปตกลงที่ไหนมันก็บอกชื่อร้านชื่อถนนให้รู้ พอได้ยินก็แทบจะเป็นลม ดิฉันรู้ดีว่าอ้ายคนยัดที่นอนร้านนั้น มันเคยมาแนะนำดิฉันครั้งหนึ่งว่าจะซื้อนุ่นจากเมียสัปเหร่อบ้างไหม ราคาถูกดี มันจะแนะนำให้ ดิฉันรู้เรื่องนี้แล้วรู้สึกสงสารลูกสาวเถ้าแก่ยกสุย เพราะเคยเห็นขึ้นรถผ่านบ้านไปโรงเรียนซินหมินทุกวัน ดูเป็นเด็กดีทั้งสวยทั้งเรียบร้อยเหมือนลูกสาวคนไทย แต่จะทำอย่างไรได้มันเป็นเรื่องของเขา

“ดิฉันจะบอกว่า ที่นอนผีตายโหงที่เมียจวกอกผัวนั่นแหละ มันได้กลายมาเป็นที่นอนในวันร่วมหอลงโรงของลูกสาวเถ้าแก่ยกสุย มันใหม่แต่ผ้าและฝีมือเย็บภายนอกเท่านั้น ส่วนภายในนุ่นตั้งครึ่งเป็นนุ่นที่นอนของผัวผู้ถูกฆ่าตายบนเตียงนอนในขณะกำลังหลับสนิท!”

ข้าพเจ้าได้ทราบจากยายนวลว่า ในวันแต่งงานลูกสาวคนสวยนั้น เถ้าแก่ยกสุยหน้าตาผิดไปกว่าเดิมราวกับคนละคน แกเป็นคนอ้วน แต่ทุกคนทักว่าผอม เพื่อนเก่าคนหนึ่งที่มาในงาน พอเห็นเถ้าแก่ยกสุยก็โคลงศีรษะแล้วว่า “นี่อะไรกันไม่ได้พบกันสองสามปีเท่านั้น ฟันหักเหลือแต่เหงือกเทียวหรือนี่!”

----------------------------

ในวันแต่งงานลูกสาวคนสวย เถ้าแก่หน้าตาผิดไปจากเดิมเป็นคนละคน แกเป็นคนอ้วน แต่ทุกคนทักว่าผอม เพื่อนเก่าคนหนึ่งว่าฟันแกหักเหลือแต่เหงือก เอามือคลำดูก็ยังมีฟันอยู่ ถามเมียว่าหลังค่อม ไปหรือ เมียว่าอ้วนเกือบจะเป็นหมูอยู่แล้ว พุงยื่นออกมาละว่าไม่ถูก ในที่สุดต้องทำเสียกบาลขว้างข้าวสุกข้ามหลังคา ผีตายโหงจึงสงบ

----------------------------

เถ้าแก่ยกสุยนึกว่าสหายเก่าล้อเล่น แต่สหายพูดตามที่มองเห็นด้วยตา นอกจากทักว่าฟันหมดปากแล้ว ยังทักว่าหลังค่อมไปอีกจนดูเกือบจะเหมือนหลวงจีนที่อยู่ในวัดเล่งเน่ยยี่ ซึ่งทำเอาเถ้าแก่ยกสุยต้องคลำดูฟันในปากของตัวบ่อย ๆ เมื่อรู้สึกว่ายังมีอยู่บริบูรณ์ หักไปเพียงซี่สองซี่เท่านั้น ก็เชื่อว่าสหายเก่าเข้าใจผิดมาก เถ้าแก่ได้ไปถามเมียว่าหลังของตัวค่อมไปมากผิดธรรมดาหรือ เมียเถ้าแก่ว่าไม่เห็นผิดปกติอะไรอ้วนจนเกือบจะเป็นหมูอยู่แล้ว พุงยื่นละว่าไม่ถูก

เถ้าแก่แอบย่องเข้าไปดูภาพของตนเองหน้ากระจก ก็ไม่เห็นมีอะไรผิดแปลก จึงกลับออกมาคอยยืนต้อนรับแขกอยู่หน้าประตูโรงเลื่อย แต่แขกทุกคนได้ร้องทักมีใจความคล้าย ๆ กัน ว่าหลังงุ้มไปบ้าง ผอมไปบ้าง แพ้ฟันบ้าง เขารู้สึกรำคาญเพราะเชื่อแน่ว่าตนมิได้เป็นอย่างที่ใคร ๆ ว่า แต่ในวันงานเช่นนี้ก็จำต้องทำเฉยเสียและ แสดงกิริยาคล้ายกับว่าเป็นเรื่องขบขัน เถ้าแก่หาได้รู้ไม่ว่า ทุกคนเขามองดูหน้าตัวเห็นเศร้าหมองซีดเซียว คล้ายคนที่ตายแล้วแต่เดินได้ คือเปรียบเช่นเดียวกับผีนั่นเอง ส่วนคนในบ้านทุกคนเห็นเป็นปกติไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง เรื่องเช่นนั้นยายนวลคนเย็บที่นอนว่าประหลาดนัก ไม่น่าจะเป็นความจริง แต่แขกที่ได้รับเชิญไปในการแต่งงานของเถ้าแก่ยกสุยแลเห็นเช่นนั้นทุกคน

ตามธรรมดา การแต่งงานของชาวจีนซึ่งมาอยู่ในประเทศไทย ก็ย่อมจะมีเลี้ยงอาหารตั้งโต๊ะกันเป็นการใหญ่ มีมโหรีจีนร้องส่งเสียงเอะอะตลอดเวลา แต่ครั้นผู้ได้รับเชิญซึ่งรวมทั้งขุนนางไทยและพ่อค้าจีนได้ลากลับไปหมดแล้ว เจ้าบ่าวกับญาติพี่น้องของเจ้าสาวขึ้นบันไดจากชั้นล่างขึ้นไปตรวจดูห้องนอนซึ่งอยู่ชั้นบนห้องนั้น คือห้องอันโอ่โถงที่เถ้าแก่ยกสุยจัดแจงไว้สำหรับเจ้าบ่าวเจ้าสาวจะได้อยู่กินหลับนอนเป็นสามีภรรยากันตามประเพณี แต่เจ้าบ่าวขึ้นไปดูครั้งแรก ทุกสิ่งทุกอย่างก็เห็นเป็นปรกติไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงผิดประหลาด จึงกล้าลงมาข้างล่าง ต่อจากนั้นเวลาห่างกันประมาณไม่ถึงครึ่งชั่วโมงเจ้าสาวก็ขึ้นไปดูหรือจะขึ้นไปทำอะไรไม่มีใครทราบ ทราบแต่ว่ามีเสียงคล้ายคนหกล้มดังโครมคราม แล้วมีเสียงร้องกรี๊ด เจ้าบ่าวอยู่ข้างล่างตกใจก็ผลุนผลัน วิงขึ้นบันไดไปทันที เกือบในขณะเดียวกันนั้น เขาก็ต้องเผ่นลงมาจากห้องนอนขาแทบหัก ส่วนเจ้าสาวคนสวยลูกเถ้าแก่ยกสุยกลายเป็นคนบ้าๆ บอๆ ไปจนตาย หูหนวกทั้งสองข้าง และกลายเป็นใบ้ไปทันที พอได้สติจึงรู้ตัวว่าผมหงอกไปทั้งหัว และเห็นผ้าสีเขียวไม่ได้ ใครนุ่งมาให้เห็นเป็นร้องไห้โฮ แล้วนอนคว่ำหน้าเอาหัวเกลือกดินดิ้นชักเหมือนคนเป็นโรคลมบ้าหมู

“นั่นมันเรื่องอะไรกันล่ะ?” ข้าพเจ้าถาม

ยายนวลตอบทันทีว่า “มันจะเรื่องอะไรล่ะคะคุณ มันเรื่องผีตายโหงสำแดงเดชนั่นแหละ ลูกสาวเถ้าแก่ยกสุยขึ้นไปเห็นหมอนข้างกับหมอนหนุนหัวที่วางเรียงกันไว้บนที่นอนลุกขึ้นมายืนเก้ๆ กังๆ แล้วโดดโหยง ๆ เข้าตีกันเสียงดังปุบปับราวกับคนมีชีวิต เมื่อเจ้าสาวตกใจล้มสิ้นสติไปแล้ว พอดีเจ้าบ่าวขึ้นไปถึง เขาได้เห็นหมอนหนุนหัวกับหมอนข้างกำลังรีบเดินกลับไปนอนเรียงกันบนเตียงตามเดิม”

“แล้วยังไงต่อไปล่ะป้า?” ข้าพเจ้าถาม รู้สึกสนใจเป็นพิเศษ เพราะถ้าหากเป็นเรื่องเท็จ ก็ต้องนับว่าแกเล่าเรื่องเท็จได้เก่งมากทีเดียว

“มันไม่ยังไงหร็อกค่ะ เขาก็รีบเผ่นลงมาจากบันได หัวฟาดกับเสาเลือดโชกไปเท่านั้น จนกระทั่งเดี๋ยวนี้เขาก็ยังมีชีวิตอยู่ แต่จดจำอะไรไม่ได้เลย สติเสียไปหมด บางเดือนเขาไม่ได้สีฟันทั้งเดือน แต่เขากลับบอกใคร ๆ ว่าเขาสีทุกวัน เขาเป็นหมอฟันมาจากฮ่องกงค่ะคุณ บางวันเขารับประทานอาหารเช้าแล้ว แต่ลืมไปนึกว่ายังไม่ได้รับประทาน กลับสั่งคนใช้ให้ไปยกมารับประทานอีก”

ยายนวลว่า เรื่องจ้างทำที่นอนเรือนหอกันอย่างสุ่มสี่สุ่มห้านั้น เป็นภัยแก่ชีวิตอย่างร้ายแรง เจ้าบ่าวเจ้าสาวควรจะคำนึงในเรื่องเช่นนี้ให้มาก เพราะที่นอนคนตายส่วนมากมักตกไปอยู่กับเมียสัปเหร่อ แกว่าเมื่อเร็ว ๆ นี้ที่บ้านคุณพระอะไรคนหนึ่งไม่ทราบอยู่แถวนางเลิ้ง พอลูกชายตาย ยกศพไปวัดแล้ว มีที่นอนอันใหญ่เต็มโชกไปด้วยน้ำเลือดน้ำหนอง คราวแรกคิดจะทำลายเสีย แล้วเอาไปฝังดิน แต่มีหญิงคนหนึ่งเป็นเมียช่างต่อไฟฟ้ามาขอไว้ว่าจะเอาไปนอนเอง คุณพระก็เลยให้ไป แต่สำหรับรายนั้นไม่มีภัยร้ายแรงอะไรเกิดขึ้น เพราะผู้ตายเป็นคนดี มีศีลมีสัตย์ ไม่ใช่ที่นอนผีตายโหง แต่ถึงกระนั้นก็สกปรกเอาการทีเดียว

ตามประเพณีการยัดที่นอนนั้น เขาจะต้องดูฤกษ์ดูยามให้ดีเสียก่อน ถ้าเป็นวันโลกาวินาศหรือตกวันอุบาทว์เป็นยัดไม่ได้ นอกจากจะต้องมีสิ่งแก้กันและต้องเลือกเอาวันดีคืนดีการยัดที่นอนเรือนหอจะต้องเสกเป่าด้วยคาถาอาคมอันขลังแล้วยัดด้วย ใบเงิน ใบทอง ใบนาก และแถมใบรักเข้าด้วยผู้ใดได้นอนบนที่นอนชนิดนี้ จะอายุมั่นขวัญยืนมั่งคั่งร่ำรวยและมีความสุขอยู่กินด้วยกันจนแก่เฒ่าถือไม้เท้ายอดทอง

สำหรับในกรณีเถ้าแก่ยกสุย ยายนวลว่า การเสียดายเงินทองเล็ก ๆ น้อย ๆ ทำให้ต้องทำพิธีไล่ผีตายโหงกันเป็นการใหญ่ ในชั้นแรกเถ้าแก่ตกลงสะเดาะเคราะห์ตามวิธีของหลวงจีน แต่ก็ยังมีผู้เห็นชายนุ่งผ้าสีเขียวแอบย่องมายืนร้องไห้อยู่ที่โคนต้นพิกุลบ่อย ๆ เป็นอันว่าวิธีสะเดาะเคราะห์ปัดรังควานแบบจีนใช้ไม่ได้ เพราะเท่ากับจะยั่วให้ผีตายโหงเดือดจัดเข้าอีก ต่อมาวันหนึ่งคนข้างบ้านจึงแนะนำเถ้าแก่ยกสุยให้ไปนิมนต์หลวงพ่อหรุ่มลงมาจากวัดน้อยทางจังหวัดนครนายกให้มาทำพิธีปัดรังควาน และเมื่อประกอบพิธีทำเสียกบาลอีกอย่างหนึ่ง คือปั้นข้าวสุกขว้างข้ามหลังคาไปแล้ว หลวงพ่อหรุ่มก็สั่งให้นำที่นอนและหมอนที่ยัดด้วยนุ่น (จากที่นอนของผีตายโหง) ไปฝังดินเสียในป่าช้า จากนั้นมาผีตายโหงก็มิได้วี่แววขึ้นในบ้านเถ้าแก่งกเงินผู้นี้อีก หลวงพ่อหรุ่มว่า “ลื้อซื้อที่นอนให้ลูกสาวแต่งงานทั้งที ไปคว้าเอาที่นอนผีตายโหงมาได้ มีเงินมากๆ อย่าหวงแหนเอาไว้ ทำบุญทำทานเสียบ้างแหละดี”

“เถ้าแก่ยกมือกราบไหว้ปลก ๆ เทียวคุณเอ๋ย” ยายนวลว่ากับข้าพเจ้า “กว่าถั่วจะสุกงาก็ไหม้เหม็นคลุ้งไปเสียแล้ว ดิฉันสงสารก็แต่ลูกสาวเถ้าแก่ยกสุยเท่านั้น ต้องเป็นใบ้เสียคนไปตลอดชีวิต”

หลังจากวันที่ได้ไปคุยกับยายนวลคนรับจ้างเย็บที่นอนมาแล้ว เมื่อข้าพเจ้าเดินผ่านร้านขายที่นอนแห่งใด ข้าพเจ้าก็อดชำเลืองดูไม่ได้ ข้าพเจ้าคิดถึงนุ่นจากที่นอนผีตายโหงขึ้นมาทันที

----------------------------

 

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ