คนไทยผู้ยักคิ้วให้เฮนรีฟอร์ด

----------------------------

“ที่บ้านผมมีโรงงานเป็นแผนก ๆ ฝรั่งชาวต่างประเทศเคยแวะมาชม ผมมีเครื่องจักรทันสมัย” หูข้าพเจ้าแว่วได้ยินเขาพูดอยู่เรื่อย ๆ “แผนกสร้างลูกล้อ แผนกสร้างบังโคลน แผนกประกอบตัวถัง แผนกพ่นสี และแผนกออกแบบ ขอเชิญแวะชมสักครั้งเถอะครับถ้ามีโอกาส เราคนไทยด้วยกันต้องช่วยกัน ต้องส่งเสริมกัน ถ้าไทยไม่ช่วยไทยแล้วใครเขาจะช่วย...”

----------------------------

ข้าพเจ้าเพิ่งกลับจากหัวหินเมื่อต้นสัปดาห์ก่อน วันที่ตัดสินใจเผ่นขึ้นรถไฟไปหัวหินนั้น ข้าพเจ้ารู้สึกว่าอากาศมันร้อนจัด จนมนุษย์ชายหญิงในพระนครทุกคนกลายเป็นทอดมันที่ว่ายแหวกอยู่ในกระทะน้ำมันหมู แต่ครั้นไปถึงหัวหิน อากาศที่อบอวลคลุกเคล้าไปด้วยลมทะเล ทำให้เย็นกายสบายนัก เสียอย่างเดียวแต่ขาส่วนบนของพวกผู้หญิงทำให้เกิดร้อนใจขึ้นเป็นความร้อนที่ทำให้นึกถึงอะไรเรื่อยเปื่อยไปตามวิสัยของคนชอบสนุก หลังจากเดินตามดูน่องผู้หญิงชนิดต่างๆ อยู่สองสามวันจนเพื่อนคนหนึ่งบอกว่า ข้าพเจ้าทำท่าจะเอื้อมมือไปจับน่องใครต่อใครด้วยกิริยาลุกลี้ลุกลนผิดประหลาด เกิดรู้สึกตัวกลัวผิดขึ้น เพราะบรรดาน่องต่าง ๆ นั้นมีเจ้าของ ไม่ใช่น่องโสด น่องใจบุญ น่องของคนที่จะมาเป็นคู่รักของข้าพเจ้า จึงเป็นอันว่าไม่มีทางดีกว่ารีบเผ่นขึ้นรถไฟ แบกเอาน่องของข้าพเจ้าเองกลับมาลูบคลำเล่นที่กรุงเทพฯ เพราะการกระทำเช่นนั้น แม้อากาศจะเผากาย แต่ใจคงเยือกเย็นดีโดยไม่ต้องพึ่งพาอาศัยชายหาดหัวหิน

พอกลับมาถึงกรุงเทพฯ ได้สองวัน ข้าพเจ้าก็มีโอกาสพบคนสำคัญคนหนึ่ง ซึ่งตัวเขาเองบอกข้าพเจ้าว่า “ผมเคยยักคิ้วให้อีตาเฮนรีฟอร์ดมาแล้ว ผมไม่กลัวหร็อก แกเป็นราชารถยนต์อยู่ถึงอเมริกา แต่ผมก็เป็นราชารถยนต์ที่ยิ่งใหญ่คนหนึ่งสำหรับเมืองไทย!”

ราชารถยนต์ที่ยิ่งใหญ่คนหนึ่งสำหรับเมืองไทย!! ข้าพเจ้าสะดุ้งเหมือนรู้สึกว่ากางเกงตัวใหม่หลุดออกไปจากตัวจนล่อนจ้อน ราชารถยนต์ผู้ยิ่งใหญ่คนหนึ่งสำหรับเมืองไทย ข้าพเจ้าจ้องดูหน้าเขา เหลียวดูข้าง ๆ ว่ามีหลังคาแดงตั้งอยู่ใกล้ ๆ หรือไม่ ราชารถยนต์ผู้ยิ่งใหญ่มีร่างกายใหญ่โตเหมือนหมูที่เขาตอนไว้จนได้ที่แล้ว ศีรษะเถิก จมูกใหญ่ แต่คิ้วดก หนวดเป็นกระจุกเหมือนเอากากมะพร้าวหนึ่งปอยไปผูกไว้บนริมฝีปาก เขากับข้าพเจ้าร่วมการเดินทางมาจากบางบัวทอง ว่าเช่าเรือจ้างลำเดียวกัน ให้แจวมาส่งที่ท่าบางลำภู ข้าพเจ้านัดไว้กับเพื่อนหญิงคนหนึ่งซึ่งเธอเป็นคู่รักคนอื่น จะพาไปดูละครสัตว์ ข้าพเจ้าเป็นผู้พา เธอเป็นผู้ออกสตางค์ แต่ถ้าในด้านการเที่ยวเตร่ครั้งนี้จะมีการเดินเลยเข้าไปซื้ออะไรกินกันในลุมพินีด้วยแล้ว เธอขอร้องข้าพเจ้าให้เป็นเพียงผู้กิน แล้ววิงวอนคำแล้วคำเล่าอยู่เป็นนานให้อนุญาตอย่างจริงจังว่ายินดีให้เธอเป็นผู้ออกสตางค์ ข้าพเจ้าทำอิดเอื้อนและทำเป็นโกรธอยู่พักหนึ่ง พอเห็นเธอกำลังจะออกปากยินยอมให้ข้าพเจ้าเป็นผู้ชำระสตางค์ ข้าพเจ้าก็เลยชิงพูดอย่างเร็วปรื๋อจนเธอตกใจว่า “เอาเถอะครับ อย่าเกี่ยงกันเลย อันที่จริงผมก็รักและนับถือคุณมากอยู่ ไม่อยากขัดคอขัดใจ เมื่อคุณเต็มใจจะออกสตางค์ทั้งหมด ผมก็ยอมโดยดี ไม่คัดค้านอีกแล้ว ยิ่งกว่านั้นยังจะต้องเลือกกินของดี ๆ กินให้มากกว่าธรรมดา เพื่อเป็นการสนองน้ำใจไมตรีของคุณด้วย”

ข้าพเจ้าพูดเร็วปรื๋อเหมือนปล่อยนกกระจาบบินออกไปจากกรง เมื่อพูดไปแล้วจึงรู้สึกตัวว่าออกจะมากไปสักหน่อย เพราะตามธรรมดาข้าพเจ้าไม่ใช่คนเห็นแก่ตัว พอมีเหตุอะไรที่จะทำให้เกิดความเห็นแก่ตัวขึ้นแม้เพียงเท่าหยิบมือ ก็ต้องเริ่มหาวิธีแก้ไข แต่ช่างเถอะ มันเลยมาแล้วจะทำอย่างได้

สำหรับเพื่อนโดยสารที่อ้างตัวเป็นราชารถยนต์ผู้ยิ่งใหญ่ของเมืองไทยนั้น เป็นคนเงียบ ๆ ระหว่างทางไม่ชอบคุยเรื่องอะไรทั้งหมดนอกจากรถยนต์ เมื่อข้าพเจ้ากล่าวคำทักทายฐานเพื่อนร่วมการเดินทาง เขาเอ่ยขึ้นว่า

“ในตัวผมไม่มีอะไรนอกจากรถยนต์ รถยนต์ทำให้ผมมีความสุข คุณรู้ไหมว่านายเปลี่ยน คำจิตใส คือตัวผมนี่แหละที่ยักคิ้วให้มหาเศรษฐีใหญ่เฮนรีฟอร์ดได้”

ข้าพเจ้ามองดูหน้าเขา

“ไม่ใช่คนบ้าหร็อกครับ เปลี่ยน คำจิตใสเป็นคนมีจิตใจไม่พิกลวิการแต่อย่างใด”

“กันเป็นคนชอบพูดตรงๆ เหมือนพี่ชายนี่แหละ” ข้าพเจ้าว่า “ถ้าพี่ชายไม่ใช่คนเสียจริต พี่ชายจะยักคิ้วให้อีตาเฮนรีฟอร์ดนั่นทำไม และถ้าจะว่ากันตามรูปเรื่อง พี่ชายอยู่เมืองไทย เฮนรีฟอร์ดอยู่อเมริกา ทั้งสองคนจะนัดไปยักคิ้วกันได้ที่ไหน เพื่อประโยชน์อะไร?”

“อ้าว คุณยังไม่รู้” เพื่อนการเดินทางที่ชื่อนายเปลี่ยน และเป็นคนเดียวกับราชารถยนต์ผู้ยิ่งใหญ่ของเมืองไทย ร้องขึ้นด้วยเสียงอันดัง พร้อมกับกระแทกข้อศอกเข้าปะทะกับแคมเรือดังพั่บใหญ่ “คุณนี่สติปัญญาถ้าจะไม่ค่อยเฉียบแหลมนัก ที่ผมว่ายักคิ้วให้เฮนรีฟอร์ดน่ะ ไม่จำเป็นต้องขึ้นสี่เครื่องยนต์ไปอเมริกาหร็อก เป็นข้อกล่าวเปรียบเทียบเท่านั้นเอง ผมคิดแข่งความรุ่งเรืองกับอีตามหาเศรษฐีคนนี้ ผมจะต้องเป็นราชารถยนต์อย่างเฮนรีฟอร์ดให้ได้”

“พี่ชายเคยไปเมืองนอกหรือเปล่า?”

“ไม่เคย ผมเคยเดินอยู่ตามศาลาการเปรียญเท่านั้น”

“เรียนวิชาที่เกี่ยวแก่เครื่องยนต์มาบ้างหรือเปล่า?”

“จะต้องไปเรียนมันทำไมให้เสียเวลา ถ้าผมเคยไปเมืองนอก เคยเรียนวิชาเครื่องยนต์ มันก็ไม่แปลกครับ ถ้าหากจะไปมีชื่อเสียงเท่า ๆ คนอย่างเฮนรีฟอร์ด”

“พี่ชายเคยเรียนหนังสือที่ไหน?”

“ผมเรียนจากวัด แต่ลูกชายของผมสองคนอยู่มหาวิทยาลัย ลูกผู้หญิงเป็นครูโรงเรียนราษฎร์”

“ลุงรู้จักเฮนรีฟอร์ดได้ยังไงกันล่ะ?”

“ดูจากรูป อ่านชื่อตัวอังกฤษไม่ออก” เขาตอบ ตาจ้องมองไปข้างหน้าเหมือนคนกำลังฝันเมื่อตื่น

บ้าแน่แล้ว ข้าพเจ้านึกในใจ

ดูเหมือนเขาจะรู้ถึงความรู้สึกนึกคิดของข้าพเจ้า “ผมไม่ใช่คนบ้าหรอก ผมมีโรงงานสร้างรถยนต์ขาย”

“บ้าแน่แล้ว บ้ายิ่งกว่าที่คิดไว้แต่แรกเสียอีก”

“ผมไม่บ้า คุณไม่ต้องจ้องตา!”

หาเหตุกระมังหว่า หมอนบ้าอย่างเดียวยังไม่พอ ติดจะพาลเกเรเป็นเด็กวัดชนิดเลวเสียด้วย

“ไม่บ้า! ผมบอกว่าผมไม่บ้า คุณไม่ได้ยินหรือ?”

“ก็ฉันไม่ได้ว่าพี่ชายนี่นา”

“แต่ตาของคุณบอกชัด ๆ คุณมองดูผมเหมือนมองดูคนบ้า”

“ตั้งแต่เกิดมาฉันยังไม่เคยเห็นคนบ้า พี่ชายจะรู้ว่าฉันมองหน้าพี่ชายเหมือนมองหน้าคนบ้าได้อย่างไร เรื่องมันชักจะไปกันใหญ่เสียแล้ว ถ้าเราจะคุยกันโดยไม่ต้องวิวาทกันไม่ได้ เราจะนั่งเป็นใบ้อยู่เฉย ๆ จนถึงบางลำภูไม่ดีกว่าหรือ?”

“คนมั่งมีละก้อดูไม่ค่อยจะคิดคบหาสมาคมกับคนจนเสียเลย คุณเป็นคนยังงี้และถ้าทั่ว ๆ ไปมีคนชนิดนี้เพิ่มมากขึ้น ลัทธิคองคีนิดมันก็ต้องเจริญตาม”

“เมื่อกี้ลุงว่าเป็นราชารถยนต์ แล้วทำไมจึงมาพูดถ่อมตัวว่าเป็นคนจนล่ะ?” ข้าพเจ้าถาม บางครั้งข้าพเจ้า เรียกเขาว่าพี่ชาย แต่หนวดและศีรษะอันเถิกพร้อมทั้งผมหงอกประปรายบนศีรษะของเขา ทำให้บางครั้งต้องเรียกลุงสลับกันไป ส่วนลัทธิคอมมิวนิสต์เขาเรียกคองคีนิด คอมสติ๊ค ซึ่งฟังเหมือนลัทธิชอบสะกิด บางครั้งถ้ามัวคิดถึงเรื่องอื่นเพลิน กลับได้ยินเหมือนกับว่าเขากำลังพูดถึงเรื่องคนเป็นหิด

นายเปลี่ยนบอกข้าพเจ้าว่าเขาเรียนน้อยแต่รู้มาก เพราะถ้าวันไหนรู้ตัวว่าเรียนมาก ก็จะคิดว่าตัวรู้น้อยขึ้นมาทันที ชื่อของเฮนรีฟอร์ดบางทีเขาเรียกเฮนรีป๊อด พอคุยเพลินหนักเข้าเฮนรีฟอร์ดก็มีชื่อเพิ่มอีกชื่อว่า เฮนรีจอด ซึ่งทำให้ข้าพเจ้าคิดไปว่า ถ้าเฮนรีฟอร์ดยังไม่ตาย บังเอิญมาได้ยินตาเปลี่ยนเรียกชื่อตัวว่าเฮนรีจอดในเมืองไทย ท่านมหาเศรษฐีจะต้องโกรธจนคิ้วทั้งสองข้างเลิกขึ้นไปตั้งโด่งอยู่บนหัวขมองทีเดียว เพราะถูกแช่งโดยไม่รู้สึกตัว

“ถ้าคุณไม่เชื่อว่าผมมีโรงงานสร้างรถยนต์ขาย ไม่เชื่อว่าผมเป็นคนไทยคนเดียวที่ไม่กลัวเฮนรีฟอร์ด ผมขอเชิญให้ไปแวะดูกิจการของผม อุตสาหกรรมของผม ณ บ้านเลขที่ ๓๙๑๐ ริมถนนวิสุทธิกษัตริย์ คุณจะไปกับผมวันนี้ก็ได้ ชาวบ้านแถววิสุทธิกษัตริย์ทุกคนรู้ดี คนอย่างผมเมื่อมีสตางค์ใช้มากๆ แล้วก็มิได้ฮุบเอาไว้บำรุงความสุขส่วนตัวคนเดียว ผมชอบทำบุญครับ นี่ก็เพิ่งกลับจากทำบุญที่วัดโมฬีมาหยก ๆ”

“ขอบใจ” ข้าพเจ้าว่า

“คุณพูดสั้นมาก ผมรู้ว่าคุณไม่มีความตั้งใจที่จะแวะชมโรงงานของผมเลย”

“ใครจะอยากพูดกับคนอย่างลุงด้วยประโยคยาวๆ ที่ฉันพูดด้วยน่ะดีแล้ว มันจะสั้นหรือยาว ฉันก็พอใจจะทำเพียงแค่นี้แหละ”

ข้าพเจ้าคิดว่าเขาเป็นบ้าจริงๆ บ้าอย่างสุดปัญญาที่จะแก้ไขให้หายได้ทีเดียว

“ที่บ้านผมมีโรงงานเป็นแผนก ๆ ฝรั่งชาวต่างประเทศเคยแวะมาชม ผมมีเครื่องจักรที่ทันสมัย” หูข้าพเจ้าแว่วได้ยินเขาพูดอยู่เรื่อย ๆ แผนกสร้างลูกล้อ แผนกสร้างบังโคลน แผนกประกอบตัวถัง แผนกพ่นสี และแผนกออกแบบ ขอเชิญแวะชมสักครั้งเถอะครับถ้ามีโอกาส เราคนไทยด้วยกันต้องช่วยกัน ต้องส่งเสริมกัน ถ้าไทยไม่ช่วยไทย ก็แล้วใครเขาจะช่วย” เขาพูดเรื่อยๆ อย่างแคล่วคล่อง เหมือนฟังวิทยุในสมัยที่นักพ่นสมัยจอมพลพ่นให้พวกเราฟังอยู่ทุกคืน

แต่ข้าพเจ้าไม่มีอะไรจะคิด นอกจาก “อีตาคนนี้บ้า” ทุกคนเมื่อได้ยินแล้วจะต้องคิดเหมือนข้าพเจ้า ท่านเคยได้ยินหรือว่าในกรุงเทพฯ อันคับแคบนี้มีโรงงานสร้างรถยนต์ ตั้งแต่ปู่ทวดต่อมาจนถึงสมัยที่ปู่หรือพ่อข้าพเจ้ากำลังเล่นไม้หึ่ง ท่านเคยได้พบโรงงานสร้างรถยนต์ในประเทศไทยบ้างหรือเปล่า? แล้วอีตาเปลี่ยนนักโม้ยังมาคุยให้ฟังอีก ว่าแกเป็นเจ้าของโรงงานสร้างรถยนต์ แกเคยยักคิ้วให้แก่คนอย่างเฮนรีฟอร์ดเสียด้วยซ้ำ แกต้องเป็นบ้าแน่ บ้าอย่างเข้ากระดูกดำทีเดียว

ข้าพเจ้าได้ยินแกพูดเรื่อย ๆ อยู่ข้างหูถึงรถยนต์แบบต่าง ๆ เท่านั้น เครื่องบินแกไม่ได้พูด เรือรบหรือรถแท็งก์รถถังอะไรก็ไม่ได้พูด ดูแกมีความพอใจต่อยานพาหนะประเภทที่กล่าวเสียจริงๆ

เราจากกันที่ท่าบางลำภู

นายเปลี่ยนไปทางไหนข้าพเจ้าไม่ได้สังเกต ตัวข้าพเจ้าตรงไปสวนลุมพินีพบคู่รักของคนอื่นที่สมัครใจจะมาเที่ยวกับข้าพเจ้า เราต่างคุยกัน สำราญชีวิตกัน กอดแล้วก็จูบกันตามสมควร นั่นเป็นโลกของเรา เป็นเรื่องโดยเฉพาะของเรา เราเป็นทาสของธรรมชาติ เช่นเดียวกับที่ในบางครั้งธรรมชาติมันก็กลายมาเป็นทาสของมนุษย์เดินดินอย่างเรา

หลังจากนั้นต่อมาอีกสองวัน น้องสาวเพื่อนสนิทของข้าพเจ้าจะพาหนูสุมนมาลย์บุตรหญิงไปอยู่ต่างจังหวัดเพราะสามีถูกย้ายไปรับราชการที่แก่งคอย ข้าพเจ้าใคร่จะซื้อตุ๊กตาที่เป็นอุตสาหกรรมของคนไทยให้สักตัวหนึ่งก็ตรงไปหาซื้อที่ถนนวิสุทธิกษัตริย์

ในห้องแถวริมถนนด้านขวามือเลี้ยวไปเกือบถึงสะพานเฉลิมวันชาติ ข้าพเจ้าเห็นมีคนยืนมุงกันอยู่สองสามคน จึงไถลเข้าไปดูบ้าง เพราะรู้ว่าห้องแถวติด ๆ กัน นั้นหลายห้องคือที่ทำตุ๊กตาขาย ข้าพเจ้าเกิดความคิดใคร่จะได้ตุ๊กตารถยนต์ทันสมัยชนิดเก๋ง เพื่อส่งมอบให้เป็นของกำนัลแก่หนูสุมนมาลย์

แล้วข้าพเจ้าก็เข้าไปยืนอยู่ในห้องที่มีตุ๊กตารถยนต์อย่างล้นหลามทั้งบนชั้นข้างฝา บนเพดานที่มีไม้พาดสำหรับวาง ตามพื้นห้องก็เกลื่อนกล่นไปด้วยรถยนต์ชนิดต่างๆ ตั้งแต่รถเก๋ง รถบรรทุก รถจี๊ป จ้อกแจ้กจอแจเบียดเสียดแน่นขนัด ยิ่งกว่าที่สี่แยกราชวงศ์หรือสามแยกเสียอีก รถยนต์สำหรับในห้องนั้นมีจำนวนนับเป็นร้อยๆ คันขึ้นไป มันแล่นอยู่บนหลังมุ้ง บนกระโถนที่คว่ำอยู่ บนเชี่ยนหมาก และบนหัวเสา บรรยากาศของห้องเต็มไปด้วยรถยนต์แบบต่าง ๆ ส่วนผู้ที่นั่งปลิ้นพุงคุมการผลิตอยู่นั้นคือนายเปลี่ยน คนที่ข้าพเจ้าว่าบ้านั่นแหละ!

“อ้าว มาพบกันได้” เขาร้องเมื่อเงยหน้าขึ้นมองเห็นข้าพเจ้า “นี่เห็นจะไม่ใช่การบังเอิญนะครับ ผมจะคิดว่าคุณให้เกียรติยศมาเยี่ยมผมตามคำเชิญ!”

“บังเอิญ!” ข้าพเจ้าตอบทันที “ไม่ได้ตั้งใจมาเยี่ยมหร็อก ฉันเป็นคนพูดตรง ต้องการจะมาซื้อตุ๊กตารถยนต์สักตัวหนึ่งเขาว่ามีคนทำขายทางถนนวิสุทธิกษัตริย์มากจึงแวะมาดู แหม! ของลุงมีมากเอาการจริงแฮะ ขอซื้ออ้ายที่งาม ๆ สักคันเหอะจะอุดหนุน!”

“อ๋อ สำหรับคุณไม่ต้องอุดหนุนหร็อกครับ เลือกเอาไปเถอะ จะพอใจสักกี่คนก็ได้ สตางค์แดงเดียวไม่ขอรับ คุณไม่รู้หรือว่าวันหนึ่ง ๆ ผมผลิตตั้ง ๕๐๐-๖๐๐ คัน เมื่อตะกี้ส่งเดอโซโตกับแนชรุ่นใหม่ไปเชียงใหม่ ๖๐๐ คัน พวกผมทำรถยนต์กันจนเกือบจะไม่ได้หลับไม่ได้นอนแล้ว ยิ่งทำก็ยิ่งขายดี เพราะผมเปลี่ยนแบบสร้างประจำปีเหมือนในอเมริกาเหมือนกัน”

ข้าพเจ้ามองดูไปรอบ ๆ ห้องเห็นคนงานทำงานกันอยู่เป็นกลุ่ม ๆ กลุ่มละ ๒-๓ คน ทุกคนดำเนินงานสร้างรถยนต์เป็นแผนก ๆ เมื่องานของตัวเสร็จแล้วก็ส่งกันต่อๆ ไปจนถึงกลุ่มที่มีคนงานพ่นสี งานของแกดูเป็นจังหวะเรียบร้อยดี และสำเร็จไปด้วยความรวดเร็วประณีตอย่างหาที่ติไม่ได้

“คนแถวนี้มีงานทำเพราะผมเกือบ ๕๐ คน คนหนึ่งได้วันละไม่ต่ำกว่า ๓๐ บาท ที่มือดี ๆ เป็นคนเก่าจะได้ถึงวันละ ๕๐ บาท

ข้าพเจ้าพยักหน้า

“หยิบเอาไปซีครับ หยิบเอาไปสักสามคันก็ได้ เฮ้ย อ้ายบัวเอ็งหยิบเดอโซโต แนช กับสตู๊ดรุ่นใหม่ปีนี้ให้คุณแกสามคันห่อให้เรียบร้อยทีเดียว บิลไม่ต้องทำ ให้เปล่า ไม่ได้ซื้อ”

เจ้าของโรงงานสร้างรถยนต์พูดขาดคำแล้วก็ลุกเดินออกมาหาข้าพเจ้า “ผมไม่กลัวหร็อกครับ กะคนอย่างเฮนรีฟอร์ด ผมเรียนหนังสือวัดแท้ ๆ ไม่ได้เข้าโรงร่ำโรงเรียนสูงๆ กับใครแต่ผมก็ยักคิ้วให้เฮนรีฟอร์ดได้ ไม่เชื่อลองทำแบบอะไรแปลกๆ ออกมาซี ผมเห็นแผล็บเดียวเท่านั้น โรงงานเป็นผลิตออกจำหน่ายได้ทันที”

“เอ! อีตาคนนี้ไม่ยักกะใช่คนบ้าแฮะ” ข้าพเจ้าเปลี่ยนความคิดจากเดิม ข้าพเจ้าได้มาพบคนไทยคนแรก ผู้เคยยักคิ้วให้เฮนรีฟอร์ดเข้าแล้ว!

----------------------------

 

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ