ครอบครัวประหลาดอายุยืนเหมือนต้นโอ๊ก

----------------------------

ท่านมีอายุตั้ง ๑๒๖ ปีแล้วก็จริง แต่เป็นคนทันสมัย ไม่ชอบของเก่าคร่ำครึ ชอบแต่สิ่งสวยงามเจริญตา คุณปู่ทวดของกันชอบผู้หญิงที่ทาปากแดง ๆ ผู้หญิงนุ่งสแล็กท่านก็ชอบ นอกจากนั้น ท่านยังเรียกลูกชายของท่านซึ่งมีอายุตั้ง 60 กว่าว่า ‘อ้ายหนู’ อีกด้วย...

----------------------------

กลับจากลพบุรี เมื่อต้นเดือนที่แล้ว คุณพรชัย วิจิตรวัฒนาการ ได้ชวนให้แวะนอนคุยกันเล่นที่บ้าน ใกล้ลานมะเกลือฝั่งธนฯ คุณวิจิตรเป็นชายหนุ่มฉกรรจ์อายุยี่สิบเก้าปี ขึ้นไปรับราชการอยู่ที่จังหวัดลพบุรีตั้งแต่เมื่อภรรยาของเขาคลอดบุตรคนที่หนึ่งจนกระทั่งเมื่อสองเดือนก่อน เธอได้คลอดบุตรออกมาเป็นคนที่สาม

คุณพรชัย ผู้พิพากษาหนุ่มได้มีโอกาสคุ้นเคยสนิทสนมกับข้าพเจ้าที่จังหวัดลพบุรี โดยเพื่อนนายทหารผู้หนึ่งกล่าวแนะนำขึ้นในสโมสร เขาได้เชิญข้าพเจ้าให้ไปรับประทานอาหารด้วยกันที่บ้าน ข้าพเจ้ามีโอกาสได้อุ้มลูกทุกคนของคุณพรชัย

คุณพรชัยบอกอย่างนักเลงพบนักเลงว่า “คุณอุ้มได้แต่ลูกของผมเท่านั้นนะ อย่าถึงกับอุ้มเมีย ลูกจ้างคนอื่นเลี้ยงแล้วก็ให้คนอื่นอุ้ม แต่เมียผมต้องเลี้ยงเองแล้วก็อุ้มเอง”

ข้าพเจ้าได้ฟังแล้วมองดูหน้าคุณเฉิดฉวีเมียคุณพรชัย อันที่จริงเธอก็เป็นคนที่น่าอุ้มอยู่ไม่น้อย แต่ให้ตายเถอะ ข้าพเจ้าพูดกับตัวเองเบาๆ ว่า “ใครจะไปกล้าอุ้มเมียของอ้ายหมอนี่ มันใหญ่โตยังกะยักษ์ปักหลั่น ลองดูซี ถ้าข้าพเจ้าไม่ใช่คนในลักษณะที่โรคทีกับบีมันคอยถามหาอยู่ทุกวี่วันแล้ว ก็อาจจะกล้าออกปากขออุ้มคุณเฉิดฉวีบ้างก็ได้”

หลังจากที่เราได้เที่ยวเตร่กันอย่างสนุกสนานในจังหวัดลพบุรีหลายวันแล้ว ข้าพเจ้าก็ก้าวตามหลังท่านผู้พิพากษาหนุ่มกลับลงมาเยี่ยมบ้านเดิมของเขาที่ลานมะเกลือ

“บ้านที่กันอยู่เป็นบ้านเก่า ซ่อมใหม่ตั้งสิบกว่าหนแล้ว” เขาบอกข้าพเจ้าเมื่อเรานั่งอยู่ด้วยกันในเรือจ้างข้ามฟาก

“ซ่อมใหม่เรื่อยๆ เพราะปลูกไว้ไม่มั่นคงยังงั้นหรือ?” ข้าพเจ้าถาม

“มั่นคงมากทีเดียว บ้านที่กันอยู่เป็นบ้านหลังใหญ่ ที่ต้องซ่อมตั้งสิบกว่าหนนั้นไม่ได้หมายความว่าซ่อมบ่อย มันเป็นเรื่องของความนาน บ้านของกันมีอายุเกือบ ๑๕๐ ปีแล้ว”

“อายุของแกยังไม่ถึงสามสิบ” ข้าพเจ้าพูดเสียงดัง จนคนแจวเรือจ้างต้องก้มหน้าเข้ามามองดูในประทุน “แต่แกอยู่ในบ้านที่อายุนานตั้ง ๑๕๐ ปี บา! นี่แกพูดหรือว่าอ้ายแม่โขงที่แกล่อเข้าไปตั้งครึ่งขวดมันพูด?”

พรชัยหัวเราะเสียงดัง แล้วกล่าวยืนยันหนักแน่นว่า “กันไม่ได้มึนเมาอะไรหร็อก แกรู้ไหมว่า บ้านที่กันอยู่ที่ลานมะเกลือฝั่งธนฯ เป็นบ้านของคุณปู่ทวด เดี๋ยวนี้ท่านมีอายุตั้ง ๑๒๖ ปีแล้ว”

“ยังมีชีวิตอยู่หรือ?”

“ยังอยู่”

“อายุยืนยาวราวกับต้นโอ๊กเทียวนะ”

“ท่านเกิดที่นั่น จึงต้องเป็นความจริงที่ว่าบ้านหลังนี้มีอายุยืนยาวตั้ง ๑๕๐ ปี แม้เป็นบ้านที่สร้างไว้อย่างมั่นคงแข็งแรงก็จะต้องซ่อมกันไม่น้อยกว่าสิบครั้ง ไม่ใช่เป็นเรื่องราวที่กันจะพูดให้ขัน”

เขาเล่าให้ข้าพเจ้าฟังต่อไปว่า “ครอบครัวของกันเป็นครอบครัวที่ใหญ่กว่าตระกูลใด ๆ ทั้งหมดในฝั่งธนฯ แต่คุณปู่ทวดไม่ได้เป็นขุนน้ำขุนนางอะไรกับใคร ท่านชื่อนายด้วง เป็นชาวนาที่มีนาอยู่ในจังหวัดธนบุรีตั้งแต่นายังเป็นป่า ทั้งเมื่อนากลายเป็นสวน และสวนกลายเป็นตำบลที่คับคั่งด้วยบ้านเรือนไปแล้วท่านก็ยังไม่ตาย ต้นไม้ใหญ่หน้าบ้าน เช่นต้นไทร ต้นกร่าง และต้นหูกวาง ชนิดที่มีอายุนาน มันตายไปแล้วไม่รู้ว่ากี่ต้นต่อกี่ต้น แต่คุณปู่ทวดยังอยู่ ท่านว่าเคยเห็นเจ้าเด็กหัวจุกแถว ๆ ข้างบ้านวิ่งไปวิ่งมาอยู่หยก ๆ พอหายหน้าไปหน่อย กลับมาเยี่ยมบ้านอีกครั้งหนึ่งก็กลายเป็นเจ้าพระยานาหมื่นไปแล้ว”

ข้าพเจ้าถามว่า “คนที่ต้นไทรต้องตายก่อนนั้น ไม่ทำท่าว่าจะตายบ้างเลยเทียวหรือ?”

ผู้พิพากษาหนุ่มอธิบายว่า “ไม่เคยเห็นเป็นอะไรเลย ปวดหัวตัวร้อนก็ไม่บ่น ทั้งจำความได้แม่นยำเหมือนตาแก่ยายแก่ที่จำตะบันหมากของตัวเองได้ คุณปู่ทวดของกันเสียอย่างเดียวที่ใคร ๆ เขาว่าท่านชอบเล่นเป็นเด็ก”

“ไปทำอุตริยังไงเข้าเล่า เขาถึงว่าชอบเล่นเป็นเด็ก” ข้าพเจ้าซัก

“สมัยหนึ่ง เมื่อท่านเห็นลูกหลานชอบเล่นต้องเต ท่านก็เล่นด้วย ครั้นมีเหลน อ้ายพวกเหลนชอบเล่นบ้อหุ้นหยอดหลุมท่านก็เข้าร่วมวงเล่นบ้อหุ้นหยอดหลุมบ้าง”

“จิตใจของท่านประหลาดดี” ข้าพเจ้าว่า

“ไม้หึ่งท่านก็ชอบเล่น บางทีเห็นในบ้านเล่นล้อต๊อก ท่านก็ร่วมล้อต๊อกกับเขาเหมือนกัน”

“ตาหูยังดีอยู่หรือ?”

“มองเห็นชัดยิ่งกว่าคนหนุ่ม ๆ ที่สายตาสั้นเสียอีก” เขาตอบ

“ครอบครัวของแกคงจะใหญ่โต มีลูกเต็มบ้านมีหลานเต็มเมืองทีเดียว”

“เวลานี้คุณปู่ทวดของกันมีบุตรที่ยังมีชีวิตอยู่ ๙ คน ตายเสีย ๑ คน บุตรที่เหลืออยู่คือปู่และย่าของกัน มีอายุไม่ต่ำกว่า ๘๐ เลยสักคนเดียว คุณปู่และคุณย่ามีบุตรรวมด้วยกันทั้งหมด ๔๐ กว่าคน ตัวกันมีลุงบ้างอาบ้างนับเป็นสิบ ๆ แต่คุณปู่ทวดมีหลาน ๔๐๐ กว่าคน เดี๋ยวนี้มีเหลนมากกว่า ๘๐๐ ทั้ง ๆ ที่ท่านเป็นคนจำแม่น ท่านก็ยังจำหน้าหลานและเหลนไม่ได้หมด บางคราวเห็นเหลนทักว่าหลาน และเมื่อเห็นหลานกลับไปเรียกเหลน หากจะพูดกันถึงโหลนด้วยแล้ว กันว่าจะต้องเสียเวลาสำรวจสำมะโนครัวกันเป็นการใหญ่ ตั้งหลายเดือนทีเดียว”

“อย่างนี้เรียกว่าลูกเต็มบ้านหลานเต็มเมืองแน่” ข้าพเจ้าปรารภออกมาอย่างงงๆ

“ลูกสะใภ้หลานสะใภ้เหลนสะใภ้ และโหลนสะใภ้ของท่านก็มีจำนวนเหลือที่จะนับได้เหมือนกัน เวลานี้กำลังตั้งท้องอยู่ก็มี ซึ่งเมื่อคนเหล่านั้นคลอดลูกออกมาแล้ว กันก็คิดไม่ออกว่า เด็กเกิดใหม่จะเรียกคุณปู่ของกันว่าอย่างไร?"

เราคุยกันมาตลอดทางจนเรือจ้างเข้าเทียบท่า และในหว่างระยะทางก่อนถึงบ้าน เขากระซิบบอกข้าพเจ้าว่า “แกอย่าแสดงความประหลาดใจอย่างใดเลย เมื่อเข้าไปยืนอยู่ตรงหน้าคุณปู่ทวดของกัน ท่านเป็นคนขี้เล่น มีเซนซ์ออฟฮิวเมอร์เต็มตัวทีเดียว”

ข้าพเจ้ารับว่าจะไม่พิจารณาอะไรให้เป็นไปในด้านร้ายแก่ตัวและผู้อื่น แล้วอีกในไม่ช้า พรชัยกับข้าพเจ้าก็ปรากฏตัวเข้าไปยืนอยู่ตรงหน้าประตูบ้านใหญ่แห่งหนึ่ง ใกล้ลานมะเกลือ

บ้านหลังนั้น บางส่วนเป็นเรือนโบราณ บางส่วนเป็นเรือนปั้นหยา ข้างๆ ต่อยื่นออกมาเหมือนกุฏิพระ และทางด้านขวามือข้าพเจ้าพบเรือนเล็กงาม ๆ หลังหนึ่ง ปลูกอยู่ในลักษณะของบ้านบังกะโลที่ชายหาดหัวหิน ทาสีเขียวอ่อนและมีร้านต้นไม้ที่ปกคลุมด้วยเฟื่องฟ้าสลับสี

พรชัยชี้ให้ข้าพเจ้าดูบ้านบังกะโลหลังนั้นแล้วพูดว่า “นั่นไงเล่า บ้านที่คุณปู่ทวดของกันอยู่ ท่านมีอายุตั้ง ๑๒๖ ปีแล้วก็จริง แต่เป็นคนทันสมัยไม่ชอบของเก่าคร่ำครึ ชอบแต่สิ่งสวยงามเจริญตา คุณปู่ทวดของกันชอบผู้หญิงที่ทาปากแดง ๆ ผู้หญิงนุ่งสแล็กท่านก็ชอบ ใครไม่ทาปากกลับให้เงินไปซื้อลิปสติกเสียด้วยซ้ำ”

หลังจากนั้นราว ๑ นาที ข้าพเจ้าก็พบคนแก่อายุเท่า ๆ กับคุณปู่ของข้าพเจ้าเดินออกมาเปิดประตูให้ เมื่อเราทั้งสองบ่ายหน้าไปสู่ตัวเรือนที่ปลูกสร้างในรูปบังกะโล และก้าวขึ้นบันไดเตี้ย ๆ ขึ้นไป ก็พบผู้เฒ่าคนหนึ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้หวาย นั่นคือนายด้วง ปู่ทวดของพรชัย ข้าพเจ้าก้มลงกราบทั้ง ๆ ที่รู้สึกเหมือนยืนอยู่ตรงหน้าซากจิ้งจกที่ติดอยู่ข้างฝา

“นั่งซี รอประเดี๋ยว” เป็นเสียงเครือ ๆ ที่ดังออกมาจากซากจิ้งจก “รอให้อ้ายหนูกับอีหนูมันกินข้าวกันเสียก่อน แล้วค่อยมาเล่นร่อนรูปกัน”

อ้ายหนูและอีหนูที่คุณปู่ทวดกล่าวถึงนั้น คือชายแก่อายุ ๘๐ ปีบุตรชายของท่านกับหญิงชราผู้กำลังนั่งตะบันหมากอยู่กับพื้น-มันเป็นเรื่องแปลกประหลาดอย่างเหลือเกิน ที่คนแก่อายุตั้ง ๑๒๖ ปีมาชวนข้าพเจ้าเล่นร่อนรูป ข้าพเจ้าอาจจะถูกชวนเล่นต้องเตและไม้หึ่งอีกก็ได้ ถ้าขืนมาแวะบ้านนี้อีกในวันต่อ ๆ ไป

ท่านผู้อ่านลองทายดูเอาเองก็แล้วกัน ว่าข้าพเจ้าได้ตกลงใจยอมเล่นร่อนรูปกับคุณปู่ทวดของพรชัยหรือไม่?”

----------------------------

 

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ