ปลายแผ่นดิน

โคลง ๔ วัยงายบุญบ่ายใกล้ สายัณห์
ดวจดั่งอาทิตย์อัน อ่อนแล้ว
บารมีบ่มีวัน ไวโรจน์ อีกเลย
ยังจะหับดับแด้ว ดึ่งดั้นอันธการ ฯ
๏ บ่ายบุญนฤเบศร์เจ้า จอมธน
เพราะพระโรคโบกบน เบียดเกล้า
เบื้องสูงจรุงผล ภัยผริต
รวนจริตจิตเร้า จึ่งล้วนปรวนแปร ฯ
๏ ปัญญายวดยิ่งล้ำ ฝูงชน
เขาว่ามักมีมล มั่วกลุ้ม
เด่นเดชวิเศษแล พรรลึก
หากมิห้ามความคลุ้ม คลั่งบ้างบางปการ ฯ
๏ อุมมัตต์กษัตร์ด้าว ใดมี
ภาษิตสองพันปี กล่าวไว้
อาณาประชาชี ชอมเทวศ
แดเหือดเดือดไห้ได้ ทุกข์ร้อนลาญรทม ฯ

ร่าย มาจะกล่าวบทไป ถึงจอมไผทไทยราษฐ์ เสด็จออกอาศน์โอฬาร ข้าราชการเคียมคัล บรรพชิตทั้งสังฆราช บังคมบาทภูวนัย กรมมหาดไทยทูลบอก ออกความว่ากรุงเก่า เกิดมีเหล่ากำเริบ ก่อการเติบปฏิมารค นายบุญนากแม่ลา ร่วมคบหาพวกพ้อง ขุนแก้วน้องพญาสรรค์ กันกับทั้งขุนสุระ ไม่เกรงพระบารมี เข้าต่อตีรุกร้น ปล้นผู้รักษากรุง พระผู้ผดุงรัฐเรื้อง จงตระหนักแทบเบื้อง แห่งใต้บทมาลย์ ท่านเทอญ ฯ

๏ ปางพระองค์ทรงรัฐ ตรัสทราบเรื่องเบื้องต้น นึกว่าปล้นธรรมดา ด้วยอยุธยาเป็นหน่วย แห่งส่วยขุดทรัพย์สิน ซึ่งฝังดินซ่อนพม่า ผิวทรงชล่าโจรภัย ไหนประชาจักยับ ไหนราชทรัพย์จักสูญ เกิดอาดูรทั่วหน้า ควรจะไปป่าช้า รีบล้างทางโจร ฯ

โคลง ๒ พระยาสรรค์หมอบเฝ้า ตรัศว่าน้องของเจ้า
ชื่ออ้างอย่างโจร ฯ  
๏ เจ้าจุ่งไปปราบให้ ราบคาบกำหราบได้
ด่วนด้วยกำลัง เจ้าเทอญ ฯ  
๏ เขารับรับสั่งแล้ว ลาบาทภูวนาถแคล้ว
จากท้องพระโรง ฯ  
๏ จัดเรือเร็วเร่งเต้า ตามพระโองการเจ้า
สู่เบื้องโบราณ นครแฮ ฯ  
โคลง ๔ จอมกษัตร์ตรัศคิดข้อ บริหาร
มีทุมลปนมาน ไม่น้อย
ไต่สวนส่วนราชการ ธุรกิจ
บางประการท่านคล้อย คลาดเคล้าเงางำ ฯ
๏ กรรมฐานท่านถ่องแท้ หวนคำ นึงนา
แววสว่างทางธรรม เท่ารู้
โสดาปัตติมัคค์นำ ไปเนื่อง
ผลพิปริตจิตผู้ อื่นไซร้ไป่เสมอ ฯ
๏ อีกอย่างทางทรัพย์แท้ ทุกโมง
มีพยานยาวโยง ยืดข้อ
ว่าคนกอบกลโกง เงินท่าน
เกลื่อนหนักการลักฉ้อ ราษฎร์ทั้งบังหลวง ฯ
๏ สัญญาวิปลาศทั้ง สองทาง นี้แล
ก่อเกิดการอางขนาง นึกสู้
เกี่ยงก่ายอุบายกาง กำเริบ
เป็นขบถต่อท่านผู้ โรคร้อนบ่อนเศียร ฯ

ร่าย กล่าวฝ่ายนายบุนนาก มากพวกพ้องซ่องเติบ ก่อกำเริบต่อเจ้า กล่าวตามเค้าโฆษณา ในบรรดาร่วมคิด ว่าบพิตรภูบาล มีสัญญาณมัวมล ราษฎรดลดาลทุกข์ เกิดฉุกลหุกทั่วด้าว ร้าวไปทั้งแผ่นดิน มีมลทินคลุกคละ ถึงพระสงฆ์ทรงศีล เกิดเบียดบีฬทั่วไป คนจังไรมากมี เช่นพันสีพันลา ซึ่งวาศนากอบกั้ง ให้ตั้งวงไพบูลย์ ทรัพย์พอกภูลพวกตน ผลเรื่องร้ายหลายหลาก นายบุนนากแม่ลา กล่าวปรารถนาแก่หมู่ ว่าจักจู่เข้าจับ ขับพระเจ้ากรุงธน ล้างเปือกปนมลทิน ถวายแผ่นดินน้อมเกล้า แด่พระเจ้ากษัตร์ศึก ให้ทรงตรึกต่อไป ไฉนจะสบสุขสานต์ ทรงบริหารภายใน ปิดทางภัยภายนอก ล้อมคอกไว้แน่นแฟ้น เกลือกริปูคู่แค้น จักเข้าข่มเรา อิกแล ฯ

๏ นายบุนนากอยากได้ ผู้ใหญ่ให้นำน่า รู้ทีท่าทางกรุง เป็นผู้จุงไปรบ ครั้นพบพระยาสรรค์ จึ่งผ่อนผันชวนชัก ประจักษ์จำนงปลงใจ ตกลงไปด้วยกัน พระยาสรรค์หัวน่า ร่าเริงใจไพร่พล สวมมงคลสีแดง แรงน้ำใจใช่น้อย หมู่หมวดตรวจเรียบร้อย รีบเต้าตามทาง นาทย์นา

โคลง ๔ เวลาหลังค่ำเข้า ถึงกรุง
ปวงประชามามุง มากหน้า
น่ากลัวจะนัวนุง กันหนัก
ใจสั่นขวัญหนีอ้า อกเต้นเผ่นผาง ฯ
๏ ไม่มีใครต่อต้าน พญาสรรค์
พวกพระยาสรรค์พลัน พรักพร้อม
ถาโถมกระโจมฟัน ฟอนฟาด
หมวดหมู่จู่เข้าล้อม รอบทั้งวังหลวง ฯ
๏ กรุงกษัตร์ตรัศทราบด้วย แดสลด
ว่าพระยาสรรค์พยศ ยอกย้อน
สับปรับกลับนำขบถ บ่ายสู่
ตรัศสั่งพลวังต้อน ต่อสู้ดูที ฯ
๏ เชิงศึกคึกคักเค้า ขันแขง
คับคั่งมงคลแดง ดื่นหน้า
พลวังประดังแรง ดันรบ
สาดศัสตราวุธกล้า เกลื่อนใกล้ไพรี ฯ
๏ ตรัสสั่งพลฝรั่งให้ ยิงปืน
ป้อมวิชัยใหญ่ยืน หยั่งเป้า
ศรเพลิงเบิ่งบอกครืน ครึนครั่น
เรือวิปักษ์จักเข้า จอดได้ไป่ถึง ฯ
๏ เขาผูกลูกฝรั่งทั้ง มารดา ด้วยแฮ
ยิงก็ยิงออกมา เถิดเน้อ
ฝรั่งเห็นเผ่นจากปรา การวิ่ง
เหตุบุตรภริยาเพ้อ พร่ำก้องร้องหา ฯ
๏ พลวังยังต่อสู้ ปฏิปักษ์
แต่พระองค์ทรงตระหนัก จิตไท้
ว่าใช่สมัยจัก เปลืองชีพ ชนเลย
ตรัศสั่งสังฆราชให้ บอกแพ้พญาสรรค์ ฯ
๏ เขาเชิญทรงผนวชเปลื้อง ปลดเคราะห์
ตบพระเพลาว่าเสดาะ โชคได้
เอหิ ภิกขุ เหมาะ มาแม่น
กองกุศลดลไท้ เที่ยงแท้ธรรมเสถียร ฯ
๏ พระทรงพระผนวชด้วย ยินดี
ครองราชย์จำนวนปี สิบห้า
พระคุณอดุลย์มี มามาก
บุญเสื่อมเอือมอิดอ้า อกโอ้อนิจจา ฯ
ฉบัง แถลงปางสมเด็จเจ้าพระยา มหากษัตริย์ศึกมหา
ภิเดชกระเดื่องแดนไกร ฯ  
๏ จอมทัพขับจอมขอมไป บ่ายหน้าอาไศรย
อำนาจ ณ เบื้องเมืองญวน ฯ  
๏ ญวนส่งโยธามากวน ทัพน่าไทยจวน
จะโจนกระโจมโรมรณ ฯ  
๏ ปิ่นทัพสดับข่าวกรุงธน เกิดโกลาหล
ระส่ำระสายภายใน ฯ  
๏ บรรลือระบิลยินไป ร้อนร้าวราวไฟ
จะเกิดวิบากมากมี ฯ  
๏ จึ่งสั่งเจ้าพระยาสุรสีห์ อย่าเพ่อราวี
ระไวระวังฟังดู ฯ  
๏ ยับยั้งตั้งมั่นยันผลู ต่อตัดศัตรู
มิให้คนองคลองใจ ฯ  
๏ ส่งพระยาสุริยอภัย ผู้ภาคินัย
สมรรถะมั่นปัญญา ฯ  
๏ ให้คืนนครราชสิมา คอยสดับบรรดา
ระแคะระคายภายใน ฯ  
๏ ผิวเกิดเหตุยุ่งกรุงไกร ให้รีบเร็วไป
พิทักษะราชธานี ฯ  

กาพย์ธนัญชยางค์ พญาสรรค์นั่งซัง ในพระราชวัง เรียกเงินพระคลัง แจกจ่ายมากมี เสร็จแล้วกลับออก ภายนอกมณฑีร์ เวลาราตรี นอนนอกราชวัง ฯ

๏ สั่งไพร่ให้ตรวจ วางเวนเกณฑ์หมวด ล้อมท่านผู้ผนวช กวดขันกำลัง ให้จับบุตรหลาน ของท่านไปขัง ผู้คนพร้อมพรั่ง โดยดังบัญชา ฯ

๏ กลางคืนสั่งให้ นวลนางข้างใน บรรเลงเพลงไป ในกำบังตา จะฟังนอกม่าน ไม่ผ่านเข้ามา ขอเพียงปรีดา แต่ด้วยสำเนียง ฯ

๏ คำขับจับใจ คืนหนึ่งนางใน ทรงลักษณ์ไฉไล ผู้เป็นต้นเสียง เจ็บครรภ์ขึ้นมา เวลาจำเรียง พญาสรรค์รู้เยี่ยง ส่งเตรียมประโคม ฯ

๏ เขาไปทูลความ ท่านให้ไปห้าม ว่าไม่งดงาม ใช่ยามครึกโครม “มันสุดชาติแล้ว” เชื้อแถวซุดโซม ไม่ใช่ไผทโกรม สิ้นบทหมดกัน ฯ

๏ คืนหนึ่งต่อมา พญาสรรค์บัญชา ให้มีเทศนา ที่พระโรงคัล เกิดไฟไหม้ม่าน อลหม่านขึ้นพลัน เหตุเพราะเทียนอัน ติดขึ้นข้างใน ฯ

๏ เพลิงแลบแปลบปลาบ ใจเสียวเขวียวขวาบ ชักหอกชักดาบ วับวาบหวั่นไหว นึกว่าแกล้งจุด อุดตลุดกันใหญ่ ตื่นอกตกใจ เกรงภัยไพรี ฯ

๏ จุดเทียนสับเพร่า แตกตื่นเปล่าเปล่า ไม่เห็นมีเค้า ใครมาราวี ต้องเลิกฟังเทศน์ เพราะเหตุขวัญหนี เส้นปสาทไม่ดี อักอ่วนป่วนทรวง ฯ

๏ ฝ่ายพวกนักโทษ ซึ่งทรงเกรี้ยวโกรธ เพราะถูกจำโนทย์ ว่าฉ้อเงินหลวง ครั้งออกจากคุก เที่ยวรุกทลวง แก้เผ็ดคนปวง ที่แกล้งกล่าวหา ฯ

๏ แล่นไล่ราวี เหยียบย่ำยายี คนพวกอัปรี พันสีพันลา กราวเกรียวเรี่ยวแรง ถีบแทงบีฑา โรมรันฟันฆ่า กันทั่วธานี ฯ

ร่าย ฝ่ายพญาสุริยอภัย ทราบข่าวไปว่ากรุง เกิดนัวนุงหนักขึ้น เสียงสทื้นจวนแจ แลไม่เห็นทางเรียบ เปรียบดังเรือเพียบแปล้ ถึงคาบความเสื่อมแท้ เที่ยงแล้วแนวสลาย ฯ

โคลง ๒ สามพันพลเพ่งเต้า รีบจากโคราชเร้า
เร่งร้อนนอนดง ฯ  
๏ เดือน ๕ ปักษ์มืดเก้า ท่านจึ่งถึงกรุงเข้า
มั่นตั้งมังคุด สวนแฮ ฯ  
โคลง ๔ พญาสรรค์สำเร็จแล้ว ในวาร นั้นนา
ขึ้นนั่งซังราชการ เกลี่ยใกล้
พญาสุริยอภัยขาน ขอทราบ
จักคิดฉันใดไสร้ สืบนี้สำนาร ฯ
๏ พญาสรรค์ตอบว่าข้า คิดเห็น
เหตุที่จำเป็นทำ เทิดกู้
ดับร้อนจะผ่อนเย็น ไว้ก่อน
คอยพระจอมพลผู้ เสด็จด้าวแดนขอม ฯ
๏ คำตอบชอบลู่เพี้ยง พอใจ อยู่แฮ
พญาสุริยอภัย เพ่งอั้น
ไป่วางหทัยใคร ในขณะ นี้เลย
ไฉนปากหากใจฉนั้น แน่ล้วนควรชม ฯ
๏ ฟังโสตรไว้โสตรต้อง ตำรา
สุริยอภัยพระยา ย่อมผู้
พริ้มภักตร์พยักยินวา จาตอบ
เชื่อมิเชื่อไม่จู้ ไม่จี้ถี่ถาม ฯ
๏ พญาสรรค์ผันจิตย้าย ฤายืน ยืดเลย
ดูดั่งคิดแล้วคืน คิดได้
กลับใจจะใฝ่ขืน ทางขัด
เสร็จโค่นขุดโคนไม้ คิดค้ำคืนเดิม ฯ
๏ ปล่อยองค์รามลักนณ์เจ้า จากขัง
ลับ ๆ ทรัพย์พระคลัง คล่องให้
รีบรัดจัดกำลัง ไปรบ
ไกล่เกลี่ยเกลี้ยกล่อมได้ พวกบ้างบางพรรค์ ฯ
๏ บุนนากไม่ร่วมริ้ว รามลักษณ์
ขุนสุระผละผลัก พรากบ้าง
ขุนแก้วทราบแนวจัก จมดึ่ง
ต่างก็ไม่เข้าข้าง พวกพ้องพญาสรรค์ ฯ
๏ รามัญในคาบนั้น นัยเฉลย
เสตแลสามตามเคย คู่อ้าง
บ้างเคียวไม่มีเลย บ้างเจ็ด
แยกหมู่อยู่สองข้าง หยั่งข้ามความเข็ญ ฯ
๏ ฝ่ายหนึ่งพญาเจ่งผู้ ภักดี
แด่พระจอมจักรี ยอดฟ้า
พระยาพระรามมี อีกหนึ่ง
เพื่อนพระยาเจ่งกล้า ร่วมข้างทางเดียว ฯ
๏ รามัญอีกพวกโน้น พำนักนิ์
ฝักฝ่ายค่ายรามลักษณ์ รบสู้
มอญแยกแผกพลพรรค สองพวก
แท้เที่ยงเสี่ยงเคราะห์รู้ โชคร้ายตายเลย ฯ
๏ รามลักษณ์ลักษณะด้อย โดยนัย
ที่มิใคร่มีใคร ร่วมค้า
มอญมากแต่หากไทย น้อยนัก
เหตุที่ขามความว้า วุ่นซ้ำกำศรวญ ฯ
๏ สงครามรามลักษณ์แพ้ พิราลัย
เสร็จศึกภายในใน ภาคเช้า
พระยาสุริยอภัย พักมั่น
คอยพระน้าเนื่องเต้า แต่เบื้องเมืองขอม ฯ

ร่าย ในเมื่อเจ้ารามลักษณ์ คุมพลพรรคผ่านไป เธอแวะในอุโบสถ ประณตทูลพระภิกขุ ว่าประจุออกเถิดไท้ โอกาศกลับมาให้ คิดแก้แค้นคราว นี้นา ฯ

โคลง ๔ ทรงยินผินตอบถ้อย เธอหลาน
ว่ากุศลอวสาน สุดลี้
อย่ากอบอย่าก่อการ กำเริบ อีกเลย
บุญเก่าเพียงเท่านี้ ไม่พ้นชนม์กษัย ฯ
๏ ตรัศแก่โอรสน้อย เนาขนอง ท่านนา
ราชย์จะเป็นของสอง พี่น้อง
ฝากตัวอย่ามัวมอง ทางอื่น ลูกเอย
แม้มิตายเจ้าต้อง นอบน้อมยอมเขา ฯ

จบภาค ๒

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ