สรรคที่ ๒๐

วสันตติลกฉันท์

๑๔ ลิ่ว ๆ ประเล่ห์มรุตพัด ดุจปัถะพีพัง
ฤๅเล่หะเขจรประนัง ขคแขงก็แข่งลม
๏ แถวเถินและเขินศิขรขัณฑ์ พนสัณฑะอาศรม
หัยหาญทยานนิคมคมน์ รถแล่นณะแผ่นภูมิ
๏ เหวห้วยละหานเหิมอุทก ชลตกก็ตูมตูม
เฟือยฟองก็ฟ่องสลิลฟูม พยุฟัดก็ปัดไป
๏ ปางองค์พระทรงนครฃัณฑ์ ฤตุบรรณะเกรียงไกร
ภูบาลสราญพระหฤทัย กลเหิรก็เพลินดง
๏ ผืนผ้าสพักสริรหลุด พระจะยุดบ่ทันทรง
ลมพาและผ้าจรณะพง หยะวิ่งก็ทิ้งไกล
๏ ปางองค์พระทรงวิบุลธรรม์ ฤตุบรรณ์อนันต์ชัย
ผ้าหลุดก็ยุดกรพระไน ษธฃัติย์ดำรัสพลัน
๏ อยุดม้าเถอะจาตุริกชัก หยะพักณะไพรสัณฑ์
ลมจัดและวัสตรบ่ทัน กรหยุดก็หลุดไป
๏ ตกอยู่ณะพื้นปฤถิพี รถรี่ก็เร็วไกล
จงวาร์ษเณย์บทคระไล บ่มิช้าจะพาคืน
๏ ปางนั้นพระนลกุศลสา รถิกล้าวิชาปืน
ยินตรัสกษัตริย์สุพลยืน ก็ทำนูลสนองไป
๏ ฃ้าแต่นราธิปกษัตริย์ วรวัตถะอยู่ไกล
ห้าโยชน์จะกลับรถคระไล ก็กระชั้นบ่ทันการ
๏ ผ้าปลิวก็ลิ่วรถก็แล่น หยะแกว่นกำลังหาญ
ทันใดก็ไกลกลประมาณ มิละผ้าจะล่าไป
๏ ทูลพลางก็เร่งดุรครีบ จรถีบธุลีไพร
เหี้ยมห้อบ่รอรถคระไล ดุจย่นสถลทาง
๏ ปางนายกาธิปมหัน ฤตุบรรณะโศภางค์
รถแล่นณะแผ่นปถพิพลาง นรนาถประภาษไป
๏ อ้าท่านชำนาญสถลผลู จรรู้วิถีไพร
อันซึ่งประชานิกรใน ภพนี้บ่มีเลย
๏ คนเดียวจะเชี่ยววิทยถ้วน กิจล้วนก็คุ้นเคย
ถ่องทุกวิชากรเฉลย ดุจนี้บ่มีหนา
๏ เช่นท่านชำนาญอศวชาติ บ่ฉลาดณะสังขยา
ส่วนอาตมะอาจจะคณนา ผลไม้ณะไพรวัน
๏ ดูต้นวิภีตกะณะไพร ตรุใหญ่กำยำครัน
ใบผลก็หล่นพนอนันต์ ผิวนับจำนวนปน
๏ ผลหล่นก็ยิ่งผลณะต้น เฉพาะร้อยและหนึ่งผล
ใบหล่นก็ยิ่งฉทนะบน ตรุร้อยและหนึ่งใบ
๏ กิ่งสองผิปองจิตจะนับ ทลดูก็รู้ไว
ห้าโกฎิจำนวนคณนะไน ยะบ่พลาดบ่ฃาดเกิน
๏ กิ่งสองจำนองจิตจะไตร ผลไม้ก็ลองเทอญ
สองพันและร้อยผลประเมิน ผิวหย่อนก็ห้าใบ
๏ ปางสูตะผู้พระนลวา หุกฟังก็ชั่งใจ
ตรึกตรองจะลองคณนะไน ยะดำรัสกษัตริย์ทรง
๏ คิดพลางก็พลางพระนลรั้ง หยะยั้งณะแนวดง
พลันทูลวิบูลย์ขติยะองค์ ฤตุบรรณ์อนันต์ชาญ
๏ ฃ้าแต่นรินทะอธิราช พจนาตถะสำนาร
ฃ้ายินบ่ยลยุบลปาน พระดำรัสกษัตริย์ศรี
๏ ยินแล้วบ่รู้ประดุจฃาน พจมานพระภูมี
ขอสอบดำรัสนฤบดี คณนาวิชายง
๏ สองกิ่งวิภีตกะณะกา นนฃ้าจะตัดลง
จำนวนจะนับกลจำนง บ่มิช้าจะคลาไคล
๏ จริงเท็จสำเร็จคณนะนับ ก็จะขับมโนมัย
อ้าวาร์ษเณย์พลกำไร กรยึดดุรงค์เทอญ
๏ ปางองค์พระทรงคุณอนันต์ ฤตุบรรณะจำเริญ
ยินวาทะวาหุกผเชิญ อธิฃัติยะตรัสไป
๏ อ้าสูตะผู้อศวโก วิทโสมนัสไพร
จักสู่วิทรรภ์นครไกล ผิวยั้งและรั้งรอ
๏ ไหนนั่นจะทันพิธิสยม พรสมหทัยหนอ
หมายใจจะได้อรลออ ชวะหย่อนก็ห่อนทัน
๏ เร็วเลื่อนและเตือนตรุคเร่ง จิตเพ่งณะไพรสัณฑ์
หมายมุ่งนครจรวิทรรภ์ หยะห้อบ่รอแรง ๚

วาหุกทูลว่า

๑๔ ดูรานราธิปกษัตริย์ พลวัฒนะกำแหง
ฃ้าขอจะรอรถแสวง คณนาวิชาชาญ
๏ แม้นมีพระราชหทยะจัก บ่มิพักณะไพรสาณฑ์
ขอเชิญเสด็จอวนิบาล จรรีบณะราวดง
๏ วาร์ษเณยะขับดุรคเถิด รถเลิศระเห็จตรง
ฃ้าไซร้จะพักณะพนพง บ่มิโดยเสด็จไป
๏ ตูมีจำนงจิตจะรอ เพราะสมอพิเภกไพร
ตัดกิ่งและนับผลอำไพ บ่มิเสร็จมิเตร็จจร ๚

พระฤตุบรรณ์ตรัสว่า

๑๔ อ้าท่านชำนาญดุรคเลิศ ชวะเชิดวิชาธร
บรรดาประชาชนนิกร จะเสมอบ่ห่อนมี
๏ ตูมุ่งจะจรนครฃัณ ฑะวิทรรภะธานี
จักดั้นจะด้นดลบุรี ก็เพราะท่านชำนาญไพร
๏ อ้าสูตะผู้ศรณะฃ้า ผิวช้าจะทำไฉน
เที่ยงแท้ผิแน่ณะหฤทัย บ่มิล่าณะอารัญ
๏ ตามใจจะนับผลก็นับ ผิวรับจะไปทัน
นับเสร็จระเห็จจรณะมรร คะวิถีพนาดร
๏ วันหนึ่งผิถึงนครราช บ่มิคลาดสยุมพร
มาแล้วบ่แคล้วสมรอร ก็จะสมหทัยคนึง ๚

วาหุกทูลว่า

๑๔ ฃ้าแต่พระทรงนครฃัณ ฑะวิทรรภะคงถึง
ฃ้ารับจะขับดุรคพึง ประลุแทบนครทัน
๏ โปรดอวยพระราชอนุมัติ วรฃัติยะรังสรรค์
ขอสอบดำรัสนฤปอัน คณนาวิชายง ๚

พระฤตุบรรณ์ตรัสว่า

๑๔ นับเถิดจะนับก็จรนับ ผลสัพพะโดยจง
หมายสอบก็สมดุจประสงค์ ผิวเสร็จจะเตร็จจร
๏ เร่งนับและขับดุรคเร่ง รถเพ่งพิถีดอน
ไวไวจะได้จรนคร ผิวล่าจะช้าไป ๚
๑๔ ปางนั้นพระนลพิมลเชา วนะเจ้านิษัธไกร
จากรถก็รีบบทคระไล ณะสมอพิเภกพลัน
๏ หักกิ่งและนับผลวิภี ตกะมีก็สองพัน
เศษร้อยและหย่อนเฉพาะก็ปัญ จะประเล่ห์พระพจมาน
๏ ไนษัธะคิดก็พิศวง และประสงค์วิชาการ
น้องพลางทำนูลอวนิบาล ดุจเจตนามี
๏ ฃ้าแต่นรินทรวิโรจ นะอโยธยาศรี
วิชชานราธิปธนี ดุจอย่างธอ้างอิง
๏ ฃ้าไซร้ก็ใคร่จิตจะรู้ กลภูบดีจริง
เห็นแจ้งบ่แคลงมนะประวิง ผิประทานก็บานใจ ๚
๑๔ ปางองค์อธีศวรเพ่ง จิตเร่งจะคลาไคล
ฟังทูลก็ตอบยุบลไป บ่มิคิดจะปิดบัง
๏ อ้าสารถีสถลหาญ หยะชาญวิชาขลัง
อันฃ้าสกากลฉมัง ชนผองบ่ปองขัน
๏ รู้บาศก์บ่คลาดจิตวิศา รทะหาบ่เทียมทัน
ใครมาและท้าทิวะพนัน ก็จะแพ้บ่แปรปรวน
๏ เชิงนับชำนาญชำนิฉนั้น ดุจกันบ่ผันผวน
สังขยาและปาศะกะขบวน ก็บ่แผกบ่แปลกกัน ๚

วาหุกทูลว่า

๑๔ ฃ้าแต่พระปารถิวฃัต ติยะวัจนานันท์
วิชชาสกากิจพนัน ผิวโปรดประทานสอน
๏ ส่วนฃ้าวิชาอศวหลาย จะถวายพระภูธร
เสร็จแลกจะเร่งดุรคจร ณะวิทรรภะทันการ ๚
๑๔ ปางองค์พระทรงนครขัณฑ์ ฤตุบรรณะภูบาล
เชิงชั้นพนันชำนิชำนาญ อุปเทศธทรงอวย
๏ เจนจัดถนัดสนิทแน่น นลแม่นบ่งงงวย
รู้ท่าสกากลอำนวย พระก็ปลื้มกมลปรีดิ์
๏ ครั้นนลชำนาญกลพนัน กลิพลันก็ผันหนี
ออกจากพระกายพระนลมี จิตกลัวระรัวลาญ
๏ พ่นพิษพระยาอุรคถ่ม พิษขมระบมฆาน
ปางนั้นนิษัธกษิติบาล ก็จะสาปกลีเลว
๏ ฝ่ายองค์กลีสริระสั่น ดุจพรั่นพระเพลิงเปลว
ถูกสาปจะซุดประดุจเหว ทวิทุกขะทำงน
๏ น้อมก้มประนมนขประสาน พจมานแสวงผล
ฃ้าแต่พระภูธรถกล กิติเกริกตระการไกร
๏ โปรดเถิดประทานอภยะตู กลิผู้ลำบากใจ
ถูกสาปพระราชอรไทย พระนิษัธมเหสี
๏ นลร้างและนางจรณะกา นนหาสวามี
ทุกข์ถมระทมพระรมณี ธพิลาปก็สาปตู
๏ ร้ายแรงบ่แสร้งพจนฃ้า ดุจว่ามฤตยู
นางสาปก็สิทธิพิษงู ระอุร้อนบ่ห่อนหาย
๏ ฃ้าสิงพระองค์พระนลอยู่ พิษงูก็สิงกาย
เดือดร้อนจะผ่อนจิตสบาย ก็บ่ได้กระไรเลย
๏ โปรดเถิดพระนลพิมลจิต สุจริตประเล่ห์เคย
อย่าสาปจะบาปบ่มิเสบย นลอย่าอนาทร
๏ แม้นมัณฑเลศวรเว้น ดุจเช่นทำนูลวอน
ฃ้าจักอำนวยสุขนิกร นรชนบ่ข่นใจ
๏ ตราบใดประชานิคมคาม ระบุนามพระนลไกล
กล่าวเกียรติ์อธีศวรไน ษธอยู่บ่รู้วาย
๏ ตราบนั้นมิพรั่นกลิจะใกล้ กลิไซร้มิไปกราย
ห่อนพึงคนึงอุระระคาย จิตเกลือกกลีกวน
๏ เช่นนี้พระนามพระนลทรง ภพคงบ่แปรปรวน
ยาวยืนผิหมื่นฉนำก็ชวน ชนปลื้มบ่ลืมนาม ๚
๑๔ เมื่อนั้นพระนลนิษธนาถ นรราชเรืองราม
ยินวอนก็อ่อนหทยะยาม กลิหย่อนกำลังยง
๏ ไนษัธบ่สาปกลิก็สู่ ตรุอยู่ณะกลางดง
จึ่งต้นวิภีตกะณะพง สิก็แห้งก็เหี่ยวไป
๏ อันองค์นรินทะฤตุบรร ณะอนันตะราชัย
อีกวาร์ษเณย์พลกำไร ก็บ่เห็นกลีเลย
๏ ปางนั้นพระนลกุศลสา รถิกล้ากำลังเคย
พ้นทุกข์ก็สุขจิตเสบย จรเร่งดุรงค์พลัน
๏ รวบรัศมีกรกระหวัด จตุอัศวะผกผัน
ฉิว ๆ ละลิ่วจรณะมรร คะประเล่ห์สกุณบิน
๏ ไนษัธสมรรถอศวชาติ รถมาศกระโดดดิน
ห้วง ๆ กระจ้วงจรนริน ทะหทัยก็ไสศานติ์
๏ รีบรัตนะรถบถวิทรรภ์ ฤตุบรรณะเบิกบาน
เอิบอิ่มกระหยิ่มหทยะปาน อมฤตสุรารมณ์
๏ ไนษัธกษัตริยะจรพ้น กลิล้นระอากรม
ออกจากวิภีตกะพนม จรสู่คฤหาศัย
๏ ปางนั้นพระนลนรพยาฆร์ กลิจากก็สุขใจ
ปลดทุกขะทิ้งสถลไพร จรโดยวนาธวา
๏ ห่อนคืนพระรูปวิมลลัก ษณะศักดิสมญา
ทรงรูปจาตุริกวา หุกเร่งดุรงค์จรัล ๚

จบสรรคที่ ๒๐ ในนิทานเรื่องพระนล

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ