สรรคที่ ๑๙

อินทรวงศ์ฉันท์

๑๒ เมื่อนั้นพระทรงธรรม์ ฤตุบรรณ์อนันต์ขจร
ยศยงอลงกรณ สิริโรจน์อโยธยา
๏ ยินถ้อยสุเทพทูล จิตหวังพระอังคนา
นึกนางสอางตา ปถพินทร์ถวิลกระสัน
๏ ภูธเรศธเรียกวา หุกสารถีขยัน
จอมขัติย์ดำรัสพลัน พรพจน์พระภูบดี
๏ อ้าท่านชำนาญม้า จิตฃ้าคำนึงนรี
นางทัมะยันตี วนิดาประภาสมร
๏ คิดใคร่หทัยตู จรสู่วิทรรภ์นคร
พรุ่งนี้สยุมพร อรไทยวิไลยระหง
๏ ท่านรับจะขับรถ จรบถวิทรรภะตรง
จักทันมิทันจง ระบุบอกบ่หลอกบ่เลือน ๚
๑๒ เมื่อนั้นพระนลวา หุกจิตก็อิดก็เอือน
จักคิดจะบิดเบือน ฤจะรับจะขับดุรงค์
๏ อ้ำอึ้งรำพึงใน หฤทัยพะว้าพะวง
จักจริงมิจริงปลง จิตเชื่อก็เหลือจะจริง
๏ นางคิดชนิดนี้ ยุวดีประสงค์ประวิง
หลากหลายอุบายหญิง ดุจน้ำณะลำนที
๏ เหตุทุกขะเทียมเฃา อรเยาวะภาวินี
ฟุ้งซ่านทยานมี มลจิตบ่คิดระวัง
๏ ฤๅนางจะล่อตู จรสู่วิทรรภ์กระมัง
โฉมฉายจะหมายยัง ผลเพื่อประโยชนะเรา
๏ ยากเย็นบ่เห็นหน้า ภสดาก็เดือดกำเดา
เจ็บใจกระไรเยา วะกนิษฐะคิดบ่ดี
๏ เยี่ยงหญิงประวิงเจ ตนะเล่หะกลสตรี
แยบคายก็หลายมี นยะลึกจะนึกก็เลือน
๏ เราเล่าก็เหลือเลว ชลเหลวก็เหลวบ่เหมือน
นางนวลก็ควรเบือน จิตจากบ่อยากจะดู
๏ นึกไปก็ไม่น่า กลยาณินวลพบู
จักร้างจะห่างตู ก็บ่ควรจะด่วนหทัย
๏ ใคร่ครวญบ่ควรเชื่อ นุชเนื้ออุไรวิไลย
นงเพ็ญจะเปนไป ดุจนั้นก็มั่นบ่เปน
๏ ลูกเต้าก็มีอยู่ พระพธูจะเคืองจะเข็ญ
ยามเปลี่ยวผิเหลียวเห็น บุตรน้อยก็ค่อยสบาย
๏ จักเชื่อมิเชื่อไซร้ หฤทัยระส่ำระสาย
จักจริงมิจริงหมาย จรสู่จะรู้ยุบล
๏ ควรรับจะขับรถ จรบถวิทรรภ์สถล
แม้นโหดประโยชน์ตน ก็ประโยชน์พระภูบดี
๏ คิดพลางทำนูลพลัน ฤตุบรรณ์วิบูลย์พลี
ฃ้าแต่พระภูมี อธิราชมไหศวรรย์
๏ ฃ้ารับจะขับรถ จรบถสถลวิทรรภ์
ขับควบประจวบวัน ก็จะถึงมิพึงลำเค็ญ
๏ ทูลพลางก็ทูลลา นรศาระทูละเพ็ญ
สู่โรงดุรคเห็น หยะพลันก็สรรดุรงค์
๏ เห็นหัยกำไรแรง พลแขประดุจประสงค์
ผอมซูบและรูปทรง ดุจหาญทยานอำพร
๏ ขวัญดีก็มีถ้วน ทศล้วนวิไลยบวร
แม่นมาดจะอาจจร กลพายุพาคระไล
๏ ลักษณ์เลิศกำเนิดสิน ธวถิ่นดุรงค์กำไร
จมูกกว้างและคางไห ยะก็เติบและเอิบกำลัง
๏ สี่ม้าเสมอกัน นลสรรประดุจะหวัง
นิ่งนานวิจารณ์ดัง จิตแน่บ่แปรหทัย
๏ ปางองค์พระทรงธรรม์ ฤตุบรรณ์อนันต์อำไพ
เห็นสูตะดูไห ยะกษัตริย์ก็ตรัสประหาร
๏ สารถีฉนี้หรือ กิจคือคุณูปการ
เลือกหัยจะให้ปาน พยุพัดกระพืออำพร
๏ ม้าผอมก็ย่อมไร้ พลไปณะป่าณะดอน
สิ้นแรงบ่แขงจร ก็จะล่าจะช้าบ่ทัน
๏ แสนโซมโนมัย ก็และใครจะเลือกจะสรร
ขับควบประจวบวัน ก็จะล้มบ่สมหทัย ๚

วาหุกทูลว่า

๑๒ อ้าองค์พระทรงศรี หยะสี่ประเสริฐกำไร
สิบขวัญสำคัญใน คตินี้จะชี้ตำรา
๏ ขวัญหนึ่งณะหน้าผาก ดุจแบบบุราณะมา
สองขวัญณะอกปรา กฎแท้บ่แปรบ่ผัน
๏ สองขวัญณะหัวม้า ผิวหาจะเห็นสำคัญ
สีฃ้างก็สี่ขวัญ หยะฃ้างละสองละสอง
๏ ขวัญหนึ่งณะหลังม้า ดุจฃ้าทำนูลลบอง
สิบขวัญสำคัญปอง จิตพบก็สบประสงค์
๏ อันสี่ดุรงค์นี้ จรลีจะสมจำนง
วิ่งวางณะทางตรง ก็จะถึงประหนึ่งหทัย
๏ มาตรแม้นพระองค์ทรง พระประสงค์ดุรงคะใด
จอมกษัตริย์ดำรัสไป และก็ฃ้าจะโดยจำนง ๚

พระฤตุบรรณ์ตรัสว่า

๑๒ อ้าท่านชำนาญอัศ วะจะจัดจะเลือกดุรงค์
ตูไซร้มิได้จง จิตหาญจะค้านจะติง
๏ เลือกไหนบ่ขัดวา หุกอย่าพะวงประวิง
ม้าไหนจะไวจริง จรลีบ่รีบ่รอ
๏ เครื่องงามอร่ามรัต นะจรัสดุรงค์ลออ
รีบเทียมและเตรียมพอ รถเสร็จจะเตร็จทยาน ๚
๑๒ เมื่อนั้นพระนลวา หุกจาตุริกชำนาญ
ยินตรัสพระภูบาล จรรีบตุรงคะเทียม
๏ สี่หัยะไวว่อง นลคล่องทำนองทำเนียม
รถเก็จสำเร็จเตรียม ฤตุบรรณ์ก็พลันเถลิง
๏ ปางสัตวะสี่ม้า กิริยาก็ร่าก็เริง
ยืนกรานชำนาญเชิง กลดื้อสดัมภะกร
๏ สี่ม้าก็นอนลง บ่มิปลงหทัยจะจร
ไนษัธธตรัสสอน คติชอบพระปลอบพระโยน
๏ บังเหียนพระรวบกำ หยะล้ำก็เผ่นกระโจน
เทียมพายุพาโผน รถเก็จระเห็จถลัน
๏ ฝ่ายวาร์ษเณย์ยืน จรขึ้นก็แทบบ่ทัน
เร็วกลจะย่นมรร คะสถลณะพนณะไพร
๏ นลเร่งดุรงค์รีบ จรถีบธุลีคระไล
เร็วรุดประดุจใจ พยุพัดกระพืออำพร
๏ ปางองค์พระทรงขัณฑ์ ฤตุบรรณ์วิบูลย์บวร
รถปลิวละลิ่วจร นรนาถประหลาดหทัย
๏ ฝ่ายวาร์ษเณย์คนึง จิตอึ้งรำพึงไฉน
หลากจิตจะคิดไป ก็บ่คล่องทำนองคะดี
๏ สารถีฉนี้หรือ ก็และคือพระมาตลี
ผู้เทวะสารถี สุรราชวรามรินทร์
๏ ชรอยมาตลีมา ดุจสารถีบดินทร์
ใครเลยจะเคยยิน ชนหาญชำนาญเสมอ
๏ ฤๅหนึ่งพระนลนา ยกมากระมังนะเออ
ชาญม้าวิชาเธอ ดุจเทพสารถี
๏ ใครอื่นจะหาหนึ่ง บ่มิถึงพระมาตลี
อื่นใครก็ไม่มี ชนหนึ่งจะถึงพระนล
๏ คนนี้ก็ใครเล่า ดุจเจ้านิษัธถกล
เริงแรงกำแหงรณ รถคล่องทำนองดุรงค์
๏ สามารถเสมอนล สุรพลพิชาผจง
ชาญอัศวะทัดองค์ นลราชนราธิเบนทร์
๏ แม้นใช่พระไนษัธ ก็สมรรถเสมอนเรนทร์
ฉันใดพระนลเจน จิตหาญชำนาญดุรงค์
๏ วาหุกก็ฉันนั้น ดุจกันบ่แผกจำนง
เที่ยงแท้บ่แปรปลง จิตมั่นสำคัญหทัย
๏ แปลกกันก็แต่รูป นลเลิศประเสริฐวิไลย
วาหุกวิรูปไน ยนะพิศก็อิดระอา
๏ วัยสองเสมอกัน ดุจมั่นเสมอวิชา
นลแสร้งจะแปลงวา หุกหรือก็คือพระนล
๏ วาร์ษเณย์คนึงตรอง ก็บ่ถ่องทำนองยุบล
สนเท่ห์คเนจน จิตอยู่บ่รู้คะดี
๏ ฝ่ายองค์พระทรงธรรม์ ฤตุบรรณ์อนันต์พลี
เอมอิ่มกระหยิ่มมี มนเหมเกษมกมล
๏ รถรุดประดุจปลิว จรฉิวณะแถวสถล
หวิว ๆ ละลิ่วปน พยุแล่นณะราวพนม
๏ มารุตบ่อยุดพัด พนชัฎระงายระงม
รถรัตน์ก็ทัดลม หยะห้อบ่รอกำลัง ๚

จบสรรคที่ ๑๙ ในนิทานเรื่องพระนล

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ