สรรคที่ ๑๔

ฉบัง

๑๖ ปางนั้นพระนลนฤบดี ได้ผ้านารี
ครึ่งผืนก็พลันพันกาย
๏ รีรอท้อแท้แดดาย เคืองขุ่นวุ่นวาย
ธทุกขะเท่าเฃาหลวง
๏ ลำเค็ญเข็ญเข้มเต็มตวง ตาวศัสตร์ตัดทรวง
บ่เจ็บบ่แสบแปลบปาน
๏ อาไลยในห่วงดวงมาลย์ สงไสยสงสาร
จะเร้นจะลี้หนีสมร
๏ ไปแล้วมาเล่าเฝ้าจร หน่ายแหนงแคลงคลอน
จะเริศจะร้างห่างไกล
๏ อักอ่วนป่วนปั่นหวั่นใจ หวนห่วงดวงใจ
เดียวเจ้าจะด้นดงเดิร
๏ พี่อยู่พี่สู้พาเพลิน พิศพฤกษ์เพราเนิน
พนมแพนกแปลกกัน
๏ เสือสีห์หมีหมาสารพรรณ พงไพรไภยัน
ตรายก็ร้ายหลายเจียว
๏ ภูตผีมี่ฉาวกราวเกรียว ทารุณฉุนเฉียว
เหลือบยุงบุ้งริ้นกินคน
๏ เตร็จเตร่เอองค์ทรงทน ทุกข์แทบแถบพน
จะเปลี่ยวจะเปล่าเศร้าจร
๏ ปางนั้นกลีมีวร ดลจิตอดิศร
ธขลาดธเขลาเมามนท์
๏ บุกชัฎลัดทางกลางหน หลีกลี้หนีตน
มหิษีทรามไวยศัยยา
๏ รีบร้นด้นดั้นมรรคา ทอดเนตรทัศนา
แนวเพลิงเริงไหม้ในสัณฑ์
๏ ทันใดได้สดับศัพท์อัน กองเพลิงเถกิงควัน
กระหลบบ่กลบสำเนียง
๏ ดูราพระนลพลเกรียง เผยเกียรติ์กำเรียง
กำไรวิลาสเลอวงศ์
๏ เร็วเฃ้าเราอยู่ในพง เพลิงเร้าเผาองค์
พางอาตม์พินาศในไฟ
๏ เร็วเถิดเทอดฃ้าพาไป เร็วเถิดภูวไนย
เร็วเถิดพระเลิศฦๅดิน
๏ ปางนั้นไนษัธปัถพินทร์ แว่วศัพท์ตรับยิน
ก็โจนก็จู่สู่ไฟ
๏ บุกพลางพลางพร้องร้องไป อย่ากริ่งเกรงภัย
กลัวภิษม์ประเภทนานา
๏ บัดนลยลนาคราชา กำยำมายา
ขดอยู่บ่รู้หลีกตน
๏ เมื่อนั้นอุรุคราชเรืองพล เพลิงรอนร้อนรน
เร็วรีบประนมก้มทูล
๏ ฃ้าแต่พระนลพลภูล กำเรียงกำลูน
กำไรพระยศยืนยง
๏ ฃ้านี้นาคนาถนามผจง กรรโกฏกทรง
ทุกข์แทบจะทอดชนม์มรณ์
๏ เหตุฃ้าชล่าจิตคิดหยอน ยักยอกหลอกหลอน
ล่อล้อนารถฤษี
๏ เธอสาปตูสบทุกขี กลางกองอัคคี
บ่พักบ่ผ่อนร้อนรน
๏ ผิงเผาตราบเท่าพระนล ภูวนาถสุรพล
สุรภิตพระเกียรติ์กำไร
๏ เสด็จมาพบฃ้าพาไป วางนอกแนวไฟ
จะสิ้นซึ่งสาปมุนี
๏ เร็วเถิดนิษัธนรสีห์ นรเศรษฐ์ศักดี
ศุภเดชกระเดื่องแดนไผท
๏ ตูปองสนองคุณภูวไนย ภพนาถเกรียงไกร
เกริงแกล้วพระเกียรติ์ดำเกิง
๏ ช่วยตูสู่พนพ้นเพลิง สำราญสำเริง
สำเร็จประสงค์ม่งหมาย
๏ นานาเนกนาคหลากหลาย ฤทธิ์เลิศเฉิดฉาย
จักหาเสมอฃ้าหาไหน
๏ สามารถบำรุงกรุงไกร บำเรอเสนอนัย
บำราบราบเสี้ยนเบียนบุญ
๏ โปรดเถิดนรเทพธีรคุณ ธุระฃ้าการุญ
และฃ้าจะช่วยภูบดี
๏ ทำคุณตอบคุณหนุนทวี ศัตรูภูมี
จะแพ้จะพ่ายมลายพล
๏ ทูลแล้วอุรุคราชเรืองรณ บันดาลกายตน
ขนาดกนิษฐ์อังคุลี
๏ ปางนั้นพระนลนรสีห์ เสด็จจากอัคคี
พานาคมาวางกลางดิน
๏ เมื่อนั้นพระยานาคินทร์ กรรโกฏกยิน
ดีได้พ้นสาปซาบตน
๏ ทูลบุณยโศลกฦๅรณ ดูก่อนพระนล
นฤปผู้ภูมี
๏ พระองค์จงย่างบทศรี เหนือแผ่นปัถพี
นับก้าวจำนงทรงเดิร
๏ ดั่งตูกู้เกื้อเชื้อเชิญ พระจักจำเริญ
จำรัสจรูญภูลศรี
๏ เมื่อนั้นนิษธาธิบดี บ่ายบาทจรลี
บ่ขุ่นบ่ข้องหมองเมิน
๏ ก้าวย่างพลางนับดำเนิร สิบก้าวบ่เกิน
จึ่งกรรโกฏกฉกนรินทร์
๏ อำนาจพระยานาคินทร์ พระนลนฤบดินทร์
พระรูปก็กลับกลายไกล
๏ ผิดแปลกแผกเปลี่ยนเพี้ยนไป พิศดูภูวไนย
บ่อาจรู้จักสักคน
๏ นายกตกตลึงคนึงตน หลากจิตคิดฉงน
บ่คัดบ่ค้านฃานคำ
๏ ฝ่ายพระยานาเคนทร์เจนจำ คืนรูปกำยำ
อุรงคะราชเลอไกร
๏ พลางทูลมหิบาลชาญชัย พระนลภูวไนย
นิษัธนเรศร์ลือณรงค์

พระยานาคทูลพระนลว่า

๑๖ ดูราพระองค์จงปลง ใจเปลี่ยนเพี้ยนองค์
ประสงค์มิให้ใครจำ
๏ ใครคิดอิสสามาทำ กอบเกิดกองกรรม
ก่อทุกข์ถนัดพลัดวงศ์
๏ แอบอิงสิงได้ในองค์ ดลใจให้ทรง
ประพฤติบ่ชอบกอบการณ์
๏ บัดนี้พิษฃ้ากล้าหาญ เต็มองค์ภูบาล
ใครสิงก็ยิ่งมฤตยู
๏ คือหล่ออยู่ในพิษงู จักพ้นพิษตู
ก็ต่อเมื่อพ้นกายนรินทร์
๏ ใครสิงให้สิงสมจินต์ พิษฃ้านาคินทร์
จะสิงอยู่บ้างล้างมัน
๏ อันองค์พระองค์ทรงธรรม์ พิษตูอยู่กัน
ริปูประทุฏฐ์ฤๅสม
๏ เสือสิงห์กระทิงแถวแนวพนม เงือกเงี้ยวเขี้ยวคม
จะขบจะขวิดผิดองค์
๏ โพยภัยใดใดในดง หนามเสี้ยนเบียนจง
จิตจ้องปองร้ายมลายลาญ
๏ ไร้โรคาพาธพยาธิภยานต์ เหี้ยมพหลพลวาน
อริบ่รอต่อกร
๏ จงเสด็จด่วนโดยดงดอน เดิรชัฏลัดจร
อโยธยาธานี
๏ เฝ้าพระฤตุบรรณ์นฤบดี ภูมีผู้มี
เชาวน์เชี่ยวชำนาญการสกา
๏ ทูลว่าฃ้านี้นามวา หุกผู้สา
รถีรถาศวาจารย์
๏ ขอรองลอองราชบทมาลย์ มาดเอื้อเอาภาร
พระองค์จงโปรดปรานี
๏ เธอรับเลี้ยงดูอยู่ดี จงมุ่งใจมี
จะแลกความรู้กู้ตน
๏ วิชาม้าแลกวิชาสกากล สแกการชาญกมล
จะแม่นดั่งมาดปราถนา
๏ แคล่วคล่องลบองบาศก์อาจสา มารถสู้สู่สถา
นสุขนิษัธสวัสดี
๏ คืนครองไอสูรย์ภูลทวี มหิศวรมหิษี
พระบุตรธิดาลาวัณย์
๏ จงจำคำฃ้าสารพรรณ สารพัดจัดสรร
จะสบประสงค์ม่งหมาย
๏ เสื้อนี้มีอยู่ตูถวาย สงวนแนบแอบกาย
บ่ละบ่ร้างห่างไป
๏ แม้นใคร่คืนรูปภูวไนย สวมเสื้อสุรไกร
ระลึกถึงฃ้านาคินทร์
๏ พระจักคืนรูปนฤบดินทร์ ระบือระบิน
ระบุพระนามฃามเธอ
๏ ทรงสัตย์กระหวัดจิตสนิทเสนอ ถนอมนิษัธสมรรถเสมอ
สมิทธิแกล้วกลางณรงค์
๏ ทูลพลางพระยางูผู้ทรง สุรภาพเพ็ญพงศ์
ก็หายไปวับกับตา ๚

จบสรรคที่ ๑๔ ในนิทานเรื่องพระนล

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ