สรรคที่ ๑๑

อินทรวิเชียรฉันท์

๑๑ เมื่อนั้นพระพรรณ์ไร อรไทยะศัยยา
ชอกช้ำระกำกา ยะก็นิทร์สนิทดี
๏ ครั้งเมื่อพระทรงชัย จรในพนาลี
ห่อนช้าพระนารี ธก็ตื่นก็ฟื้นกาย
๏ หวาดคว้าผวากอด จิตวอดพระฦๅฉาย
คว้าลมบ่สมหมาย มิประสบสวามี
๏ เหลียวแลชะแง้หา พระมหากษัตริย์ศรี
เธอหายจะหน่ายหนี สละน้องกระมังหนา
๏ หวั่นเสียวจะเหลียวซ้าย นลหายบ่เห็นมา
หวาดเสียวจะเหลียวขวา ก็บ่สบพระทรงศิลป์
๏ อาดูรอดูลย์เดือด ดุจเลือดละหลั่งริน
เผือดพักตร์ประจักษ์จิน ตนะพรั่นภยันตราย
๏ หวาดหวั่นรำพรรณ์เรียก พจเพรียกณะแถวทาย
โอ้องค์พระทรงฉาย จรดลณะหนไหน
๏ ทิ้งเมียก็เสียคำ พระบ่จำฤฉันไร
เหตุการณ์ประการใด นรนาถปลาตเมีย
๏ โอ้ปิ่นนรินทร์เอย พระบ่เคยฉนี้เยีย
เคยน้อมถนอมเคลีย นุชคลอชลอรัมย์
๏ โอ้ปิ่นบดินทร์เอย พระบ่เคยจะเสียคำ
สัตย์เลิศประเจิดจำ จิตหมายบ่คลายคลอน
๏ โอ้ปิ่นประชาเบศร์ พระประเวศณะดงดอน
ร้างมิตรสนิทนอน ศยยาณะป่าหลวง
๏ ดังฤๅระบือธัม มะประจำบ่จากทรวง
สัตย์ในหทัยปวง พระบ่ถือและฤๅไฉน
๏ สัญญามิคลาคลาด นรนาถธคลาไคล
ตูเดียวณะแดนไพร นลพรากก็จากปราณ
๏ โอ้องค์พระทรงเดช ฃติเยศร์มหาศาล
แม้นหั่นประหารผลาญ ชิวะข้อยบ่น้อยใจ
๏ เธอผู้ศตรูมาก จรจากกนิษฐ์ไย
น้องใช่ริปูไภ ยะประทุษฐะห่อนมี
๏ คืนวันก็มั่นจิต มนนิตยะภักดี
นลหน่ายสลายหนี สละน้องณะไพรวัน
๏ นี่หรือพระถือสัตย์ ปิยะวัจนานันท์
ในคราวอะคร้าวสัน นิธิเทพสโมสร
๏ อินทร์ยมวรุณเริง และพระเพลิงประภากร
ชุมนุมสยุมพร ณะวิทรรภะธานี
๏ นลแจ้งแถลงอัตถ์ ศุภสัจจะวาที
มุ่งมอบกมลปรี ดิสราญประทานนาง
๏ ตราบชีวะมอดหมาย บ่สลายเสน่ห์หมาง
หมายออมถนอมวาง นุชไว้ณะใจตน
๏ นี่หรือพระถือสัตย์ ปิยะวัจนานนท์
ทิ้งนางณะกลางพน ภยะผองก็พ้องพาง
๏ อันปวงประชาปรา ณะจะดับจะอับปาง
แม้นชีพบ่วายวาง ก็เพราะเหตุบ่ถึงกาล
๏ ในเมื่อพระนลหนี จรลีณะไพรสาณฑ์
ตูไซร้มิวายปราณ ก็เพราะชนม์บ่ดลขัย
๏ หาไม่มิแคล้วคลาด จะวินาศประลัยไป
ชนม์วายมลายใน ขณะที่พระหนีจร
๏ ฉุกคิดพระอิศเรศร์ บ่ประเวศณะดงดอน
เธอหยอกและซอกซอน พนซ่อนจะหลอนตู
๏ อย่าเลยพระอย่าเล่น จรเร้นณะริมผลู
เฉกเช่นบ่เอ็นดู จิตน้องสยองภัย
๏ นั่นแน่ณะกอแฝก พระจะแมกจะเมี้ยนไย
โน่นเวณุไหวไหว พระจะเร้นก็เห็นองค์
๏ มาเถิดพระเกิดเกล้า นลเผ้าพิบูลย์ยง
เล่นเร้นก็เช่นทรง จิตหมายทำลายรมย์
๏ โอ้โอ๋พระโพรัตน์ จรพลัดนครคมน์
เวรทำระกำกรม บทฝ่าณะกานน
๏ น้องม่งจำนงโดย พระเสด็จดำเนิรหน
แหวกป่าทุรารญ ปฏิบัติพระภัตตา
๏ เกรงเธอจะกรมทุกข์ ภยะฉุกจะมีมา
ภัยกรายณะกายอา ตมะเองมิเกรงฃาม
๏ ร่ำพลางพระนางทอด อรองคะนงราม
หม่นมันยุซั้นทราม วยะโศกบ่ส่างทรง
๏ บัดเดี๋ยวถลันลุก จรแล่นณะแดนดง
บัดเดี๋ยวก็ทอดองค์ อรทุ่มณะธาตรี
๏ บัดเดี๋ยวก็เพรียกพร้อง พจก้องพนาลี
บัดเดี๋ยวก็นิ่งตี อุระกลืนสอื้นครวญ
๏ ชลนัยนะไหลริน ดุจสินธุกำศรวญ
โศกพลางพระนางนวล นุชเผยพระพจมาน
๏ ภูตใดหทัยหยาบ อภิสาปพระภูบาล
ทุ่มทุกขะเทียมปราณ จะประลัยกษัยสูญ
๏ ภูตนั้นและมันจง จรดลอนลกูณฑ์
เทียมทุกข์ทวีคูณ นรกาคนีแรง
๏ สาปพลางพระนางหม่น มนมันยุกรรแสง
กำศรดบ่ปลดแปลง ปริเทวะเหหวน
๏ เที่ยวท่องทุรารัณ ยะรำพรรณ์รำพึงครวญ
หมองคล้ำระกำนวล นุชเพรียกณะแนวไพร
๏ หาหาสวามี อวนีศะเกรียงไกร
ภูมีจะหนีไป สละสัตย์มิสมควร
๏ เพรียกพลางพระนางข้อน อุระร้อนระกำกวน
ฟังเพียงสำเนียงครวญ กุรรีระลวงดาย
๏ ฝ่ายงูณะผลูจร อชครมหากาย
เห็นนางสอางกราย บทใกล้ก็ได้ที
๏ รวบรัดกระหวัดองค์ ยุพยงพระไภมี
สมถวิลจะกินศรี สุภคาสง่าพรรณ
๏ นางดิ้นก็สิ้นแรง อพลาก็จาบัลย์
โอ้องค์พระทรงธรรม์ จรด้นณะหนใด
๏ น้องเดียวณะแดนดง และอุรงค์กำลังไกร
รึงรัดสลัดไป บ่มิหลุดก็สุดแรง
๏ อ้าองค์พระทรงฤทธิ์ อภิชิตกำแหง
เรืองเลอเสมอแสง ทินกรขจรศรี
๏ แม้นเมื่อพระพ้นสาป กลิหยาบบ่ยำยี
เวียรวัฒน์สวัสดี สุขศานติ์เสวยรมย์
๏ เธอตรึกระลึกฃ้า ภริยาอุรารงม
แรมร้างบุรีกรม ทุฃมาณะอารัญ
๏ หาพักตระห่อนพบ บ่ประสบพระเมียขวัญ
เหตุตูสิสู่อัน ตะเพราะคราหะคร่ากิน
๏ เธอจักตระหนักโศก วิปรโยคประวาสิน
ใครจักพิทักษ์จิน ตะถนอมพระจมชน
๏ คราวเธอถวิลทุกข์ กษุธาณะกานน
โศกศรานติ์วิการกล คุรุเขทะลำเค็ญ
๏ ใครจักสมัคเอื้อ จิตเฟื้อณะคราวเข็ญ
ยามร้อนจะผ่อนเย็น ปฏิบัติกษัตริย์ศรี
๏ พร่ำพลางพระนางพร้อง พจก้องพนาลี
หาหาสวามี พระมิช่วยจะม้วยชนม์
๏ ยังมีวยาธเหี้ยม จิตห้าวณะราวพน
ลัดเลียบมหารญ ก็สดับสำเนียงนาง
๏ พรานป่าบ่ช้าที จรลีตระบัดพลาง
เห็นองค์พระเอวบาง อหิรัดณะริมผลู
๏ พรานแขงก็แผลงศัส ตรตัดชิวิตงู
แล้วล้างพระนางตรู มลปราศสอาดตา
๏ พรานหาผลาหาร บริหารพระกานดา
นางเปลี้ยละเหี่ยกา ยะก็เกิดกำลังทรง
๏ ฝ่ายพรานชำนาญไพร หฤทัยทยานยง
ทูลถามพระนามองค์ อรอรรคนารี
๏ ดูราศุภามา ลยะภาวินีศรี
นามกรสมรมี กุลถิ่นสถานไหน
๏ เนตรนางและเนตรเนื้อ ก็อะเคื้อเสมอใจ
เหตุการณ์ประการใด จรดลณะหนดอน
๏ เดิรดงดำรงทุก ขะสำบุกสำบันจร
เอวองคะบังอร ก็มิน่าดำเนิรไพร ๚
๑๑ เมื่อนั้นพระไภมี ยุวดีดำรัสไป
เล่าเรื่องณะเบื้องไน ษธเสื่อมสลายลง
๏ ซัดเซพเนจร ระอุอ่อนระอาองค์
ซอกซอนณะดอนดง จรพลัดพระภัตตา
๏ จวบงูกระหวัดองค์ ยุพยงศุภาภา
ต่อนี้จะเดิรมา รคะด้นสถลไป
๏ ตามหาสวามี บุญมีก็สมใจ
แม้นบุญบ่หนุนใน พนดอมก็ยอมตาย ๚
๑๑ ฝ่ายพรานทยานใน หฤทัยบ่เหือดหาย
หมายโลมพระโฉมฉาย พิศรูปวิไลยวร
๏ เอวอรสอางองค์ ยุพยงปโยธร
บูรณ์จันทร์นิภากร สุกุมารสคราญครัน
๏ วาดวงขนงไน ยนะศอลออกรรณ
โศภางค์สอางพรรณ เสนาะพจนะภาษิน
๏ พรานเพลินเจริญตา กิริยาประมาทิน
เมามานะราคิน ก็ทำนูลทำนองกาม ๚
๑๑ เมื่อนั้นพระนงเภา อรเยาวะเรืองราม
ยินยลยุบลความ กลเพลิงเถกิงลน
๏ ดูดู๋เทมอไพร ชนไพร่กำเดาดล
เหลิงหลงทนงตน จะประสบเสน่ห์ตู
๏ เรานี้อนาถา ภสดาก็พลัดผลู
เดิรเดียวณะดงดู ดุจไร้พิชัยพงศ์
๏ พรานดำจะปล้ำปลุก ก็จะคลุกจะคลีองค์
ชอกช้ำจะธำรง อิธโลกฉันไร
๏ จักอ้อนจะวอนมัน ก็บ่กันมหาภัย
เหตุมันกระสันใน มนะหมายทำลายเรา
๏ แค้นขัดสหัสสา นลโหมพระโฉมเฉลา
เผยพจน์สบถเผา หินชาติวยาธดง ๚

นางทัมยันตีทรงสาปว่า

๑๑ เหตุฃ้าจำนงจิน ตะเสน่ห์พระนลยง
เนืองนิตย์สนิทจง จิตจอดพระยอดใจ
๏ ชั่วตากระพริบหนึ่ง บ่คนึงบุรุษใด
แน่นแน่กมลใน สตยาภิวาจา
๏ สรวมสัตย์อุบัติให้ ผลได้ประจักษ์ตา
พรานดงทนงมา นตระบัดวิบัติชนม์ ๚
๑๑ สิ้นสาปอำนาจสัต ยะอุบัติบ่แผกผล
ชีพพรานบ่ทานทน ก็สลายมลายปราณ ๚

จบสรรคที่ ๑๑ ในนิทานเรื่องพระนล

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ