สรรคที่ ๑๘

สัทธราฉันท์

๒๑ ​เมื่อนั้น​กัลยาณินารี วรรตนสตรี
ทัมะยันตี กำศรดทรวง
๏ เนาวังนั่งแลชะแง้ดวง จิต​พระนุชระลวง
พราก​พระนลหลวง ก็แลลาญ
๏ เวียนหวังตั้งตาก็ช้านาน ยุบล​พระนลหาญ
​ใคร​จะมาฃาน บ่มีเลย​
๏ วันหนึ่ง​จึงพราหมณะงามเงย มธุรพจนเผย
ทูล​พระทรามเชย มเหษี
๏ ฃ้า​แต่นวลนางศุภางคี วรฃติยนรี
ราชธิดาภี มะภูธร
๏ ฃ้านามบรรณาทคเนจร วนนิคมนคร
หานเรศร ​พระไนษัธ
๏ วันหนึ่ง​ถึงเมืองกระเดื่องรัฐ วิบุลยศสุภัทร์
นามนครฃัติย์ อโยธยา
๏ ฃ้าพเจ้าเฃ้าเฝ้า​พระภางคา สุริมหิปติปรา
กฎกระเดื่องนา มะกรยง
๏ ฃ้าขับศัพท์อย่าง​พระนางองค์ อรกุสุมประสงค์
​โดย​พระจำนง บ่แผกผัน
๏ พอฃ้าเอ่ยขับก็ตรับพลัน นฤป​พระฤตุบรรณ
เธอก็เงี่ยกรรณ สดับ​ไป
๏ เธอฟังฃ้าขับบ่จับใจ กิจยุบลไฉน
เธอบ่รู้ไซร้ ก็ห่อนถาม
๏ ชนสิ้นยินตูบ่รู้​ความ มธุรพจนพราหมณ์
ห่อนพยายาม ​จะรู้เลย​
๏ ​ทั้งเจ้า​ทั้งฃ้าก็หน้าเฉย พจนบ่มิเฉลย
โอษฐะฤๅเผย บ่ไฝ่ฟัง
๏ ฃ้าถอยออกนอกนิเวศน์วัง บทจร​จะกำบัง
แดด​เพราะ​โดยหวัง ​จะผ่อนกาย
๏ สักครู่หนึ่ง​จึงบุรุษนาย อศววิกลชาย
รูปบ่ผึ่งผาย ดำเนิรมา
๏ เฃา​คือครูสูตะนามวา หุกกุศลวิชา
ชาญดุรงค์หา บ่มีเสมอ
๏ ต้มหุงอาหารชำนาญเสนอ อุดมรสบำเรอ
​ใคร​จะเหมือนเกลอ บ่ห่อนมี
๏ มาใกล้ไห้กลืนสอื้นตี อุระประดุจ​จะชี
วิต​และอินทรีย์ ทลายลาญ
๏ ไห้พลางพลางร่ำรำพรรณ์ปาน อกุศลพิสดาร
เพียบ​จะเผาผลาญ ​และเจรจา ๚

คำ​พระนลผู้เปนวาหุกกล่าวแก่พราหมณ์บรรณาท

๒๑ อันหญิงสิงทุกขะธรรมดา กุลสตริก็​จะอา
รักขะอาตมา บ่หมิ่นมันท์
๏ ​ความสัตย์แห่งนางสอางวรรณ กุศลวิมลธรรม์
พาประสบสวรรค์ บ่แคล้วคลาด
๏ มาตร​แม้นสามี​จะหนีปราศ ​เพราะหทยวิปลาส
นางบ่กริ้วกราด สวามี
๏ จารีตนวลย่อมสงวนศรี ดุจสุรกวจี
ภัยบ่พึงมี ​จะมาพาน
๏ ผัวโซโง่เขลากำเดามาน ภยะพิษพิสดาร
​แม้​จะเลี้ยงปราณ ก็ยากเย็น
๏ เสื้อผ้าหาไม่หทัยเข็ญ ​เพราะทวิชขคเปน
เหตุลำเค็ญ ก็คาบ​ไป
๏ เสียเมืองเลื่องชื่อระบือไกล พลรถคชหัย
ทรัพยะสินไอ ศวรรย์หมด
๏ ต่ำตกอกช้ำก็กำศรด นิรอิศริยยศ
เนตระน้ำหยด ลำยองไย
๏ ผัวเปนเช่นนี้ผิหนี​ไป กุลสตริอรไทย
ย่อม​จะเห็นใจ บ่โกรธเลย​ ๚

พรามหณ์บรรณาททูลนางต่อ​ไปว่า

๒๑ ฃ้ายินคำร่ำรำพรรณ์เผย ดุจพจนเฉลย
ฃ้าบ่เฉยเมย ก็รีบมา
๏ ทูล​ความตาม​ซึ่งสดับวา หุกกุศลวิชา
กล่าวบ่กังฃา ฉนี้เทียว ๚
๒๑ ปางราชนารีฤดีเฉลียว พจน​พระนลเจียว
เธอ​พระองค์เดียว ตระหนักใน
๏ รู้เรื่อง​เบื้องหลังบ่พลั้งใจ กิจยุบลณะไพร
ผ้า​พระทรงชัย สกุณพา
๏ ตรึกพลางนางผู้​พระกัลยา ณิวิบุลวนิดา
เนตระน้ำตา ก็ฟูมฟาย
๏ รางวัลบรรณาทฉลาดหลาย ธนนิธิมณิพราย
องค์​พระโฉมฉาย ประทาน​เฃา
๏ ห่อนหึงจึงองค์​พระนงเภา พิมลฃติยเยาว์
เธอเสด็จเฝ้า ​พระมารดา
๏ ทูลว่าฃ้า​แต่​พระแม่อา ตมคุณกรุณา
ทรง​พระเม็ตตา ​จะเลี้ยงดู
๏ อย่าเพ่อทูลราชวิทรรภ์ภู ธร​พระชนกชู
เกียรดิดำรู ​จะเสียการ
๏ จงตรัสเรียกพราหมณ์สุเทพชาญ ชวนทวิชหาญ
มัคคะ​ชำนาญ สุปัญญา
๏ ฉันใดพราหมณ์​ได้ประสบอา ตมดุจ​พระบิดา
แล​พระมาตา จำนงหวัง
๏ ฉันนั้น​ฃ้ามั่นหทัยฟัง นลนฤป​จะยัง
คืนนิเวศน์วัง บ่กังฃา
๏ ​เมื่อนั้น​จึ่งองค์​พระกัลยา ณิวิมลชนิกา
มีดำรัสหา สุเทพพราหมณ์
๏ เฃาเฃ้าเฝ้าองค์​พระนงราม สมรวิมลงาม
เธอก็ตรัสตาม จำนงใจ ๚

นางทัมะยันตีตรัสแก่พราหมณ์สุเทวะว่า

๒๑ ดูราท่านชาญวิชาไว จรณะนครไกล
เร่งดำเนิร​ไป อโยธยา
๏ รีบเฃ้า​ไปเฝ้า​พระราชา ​พระฤตุปรณปรา
กฎกำเรียงนา มะศักดี
๏ ทูลว่านางทัมะยันตี ​พระนิษธมหิษี
เธอ​จะซ้ำมี สยุมพร
๏ เหตุสามีนางก็ร้างสมร ​พระนิษธมหิศร
เธอคเนจร บ่มีฃ่าว
๏ สูญหายตายจากวิบากยาว สมรรตนสาว
พักตระแพร้วพราว พิไลยลักษณ์
๏ อยู่​เดียวเปลี่ยวจิตก็คิดจัก กระทำประดุจสมัค
เลือก​พระผัวรัก คำรบสอง
๏ ​แม้นหวังเทวีฉวีทอง อรกุสุมลำยอง
​ใคร่หทัยปอง ก็รีบเสด็จ
๏ เลือกม้าเร็วล้ำ​จะสำเร็จ รถดุรคระเห็จ
ห่อน​จะเหนื่อยเหน็จ ณะกลางไพร
๏ ​แม้นว่าช้าอยู่​​พระภูวไนย ประลุณะนครไกล
คง​จะช้า​ไป บ่ทันการ
๏ วันรุ่งพรุ่งนี้​พระเยาวมาลย์ วิมลมุขสคราญ
ทรง​พระสำราญ สยุมพร ๚
๒๑ ปางนั้น​พราหมณ์ทราบกระแสอร วรพจนสมร
จำประดุจสอน บ่แคล้วคลาด
๏ หมายกรุงมุ่งจรนครนาถ ​พระฤตุปรณราช
เฝ้ายุคลบาท​ ​พระราชา
๏ ทูล​ความตาม​ซึ่ง​พระกานดา อรฃติยธิดา
มี​พระวาจา ดำรัสสอน ๚

จบสรรคที่ ๑๘ ในนิทานเรื่องพระนล

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ