เรื่องทุกขฐานํ

“เรียบเรียงตามเรื่องที่ได้เกิดจริงในโรงเรียนอังกฤษแห่งหนึ่ง”

แบร์รี่เป็นเด็กนักเรียนอายุประมาณ ๑๓ ปี มีเกลอแก้วเพื่อนนักเรียนด้วยกันอยู่ ๒ คน ชื่อกัสมีแลแบล๊กมอ เวลาที่กล่าวนี้เป็นเวลาที่โรงเรียนเปิดในระหว่างเทอม

วันนั้นแบร์รี่เต็มไปด้วยความชื่นบาน เพราะเป็นวันเกิด ได้รับกระจาดของกินส่งมาทำขวัญจากบ้านกระจาดหนึ่ง ในกระจาดนั้นบรรจุของอันโอชารส คือแยม ขนมปังหวาน ลูกกวาด และอะไรต่าง ๆ พอสิ้นเวลาเรียน แบร์รี่ก็พาเพื่อน ๒ คนเข้าห้อง ช่วยกันหยิบของกินออกจากกระจาด วางเรียงกลางพื้น ยังกำลังทึ่งไม่ทันลงมือกิน ก็พอแมกฟินโผล่เข้าไปในห้อง

แมกฟินนั้นเป็นเด็กโต เรียนอยู่ในชั้น ๖ ซึ่งเป็นชั้นสูงที่สุดในโรงเรียน แต่เป็นคนที่พวกนักเรียนไม่ค่อยจะชอบ ว่าเป็นคนปากบอน ซึ่งเป็นโทษอันสำคัญอย่างยิ่ง และเด็กเล็กทราบทั่วกัน ว่าแมกฟินเป็นคนชอบรังแกเด็ก

แมกฟิน “อาฮา นี่เจ้าเล่นอะไรกัน คริกเก็ตก็ไม่ไปเล่น ข้าจะต้องลงโทษเจ้า ของเจ้าหรือ แบร์รี่”

แบร์รี่ “ของข้า เชิญเจ้ากินบ้างชิแมกฟิน”

แมกฟิน “หนอยแนะ นี่เจ้าเล่นตลกหรือ ไหนดูถีมีอะไรบ้าง ดูมัน ของกินเหล่านี้ ล้วนแต่จะทำให้เจ้าเจ็บทั้งนั้น ช๊อกกอแลตไม่ได้ท้องจะเสีย ขนมหวานไม่ได้เจ้าจะเจ็บ (เก็บกลับใส่กระจาด) แนะลูกกวาด – เจ้ากินไม่ได้ทำให้เสียฟัน (โยนลูกกวาดลงกระจาด) แยม – ไม่ได้อย่างเอก เจ้ากินแยมแล้วจะเล่นคริกเก็ตไม่ได้ (แยมกลับลงกระจาด) อ๋า ไม่ได้การหละ เจ้านี่ไม่ผ่อนใช้เงินทอง ใช้ไม่ได้ เจ้า อยากจะทำให้ตัวเจ้าเจ็บหรือ”

กัสมีโกรธเต็มที่ตอบว่า “เจ็บก็ไม่เป็นไรนี่นา”

แมกฟิน “ถ้าอย่างนั้น ข้าจะจัดการให้เจ้าเจ็บด้วยแซ่ ไม่ให้เจ็บด้วยขนมเหล่านี้ ออกไปข้างนอกเสียเถอะ”

แบร์รี่ทำเสียงจะร้องไห้ “โธ่ ! แมกฟินอย่าทำอย่างนั้นเลยน่า วันนี้วันเกิดของข้า”

แมกฟิน “อย่างนั้นหรือ เจริญยิ่ง ๆ ขึ้นไปซี เมื่อข้ากินของหมดแล้ว ข้าจะคืนกระจาดนี้ให้เจ้า เป็นของกำนัลวันเกิด” ว่าเท่านั้นแล้ว แมกฟินก็อุ้มกระจาดเดินออกจากห้องไป

กัสมีโกรธหนักพูดออกมาได้คำเดียวว่า “อ้ายเปรต”

แบล๊กมอ “อ้ายชาติไพร มันเล่นระยำอย่างนี้เสมอ ๆ”

แบร์รี่กัดริมฝีปากห้ามน้ำตาไว้ พูดเสียงเครือ ๆ ว่า “มันจะส่งกลับคืนมาบ้างไหมน่ะ”

กัสมี “อ้ายเปรต มันหาคืนไม่ ช่างมันแบร์รี่ เราคอยแก้แค้นมันให้จงได้ “ความพยาบาท” อย่างไงละ”

แบล๊กมอ “เราควรช่วยกันต่อยมันสักครั้ง เรา ๓ คน บางทีจะสู้มันได้”

แบร์รี่ “มันไม่ได้การดอกเพื่อน เออ ! พวกชั้น ๖ รู้เข้าคงด่ามันว่ารังแกเด็ก”

แบล๊กมอ “เจ้าจะเขียนบอกไปบ้างไหม แบร์รี่”

แบร์รี่ “ช่างเถอะ ข้าจะบอกไปว่าของกินเริ่มพิลึก ที่จริงไม่เลวนะ อ้ายเปรต ป่านนี้มันคงกำลังกินขนมปังกับแยม”

แบล๊กมอ “ลูกกวาดอีกล่ะ”

กัสมี “เราจะแก้แค้นมันอย่างไรดี”

แบร์รี่ “เรามาดื่มเลมอเน็ตกันเถอะ เคราะห์ดีที่อ้ายผีมันไม่เห็น ไม่อย่างนั้นก็หมดอีก”

เด็ก ๓ คนก็แบ่งเลมอเน็ตกันดื่มแล้วสาบาลว่า จะแก้แค้นแมกฟินให้สำเร็จ แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังเศร้าโศกในใจ แบร์รี่ต้องน้ำตาตกจนได้ เมื่อดื่มกันแล้วก็พากันเที่ยวเดินไปรอบๆ โรงเรียน หัวใจเดือดไปด้วยความโกรธและปากพร่ำไปด้วยการที่จะคิดแก้แค้น เรื่องแขกแดงจับคนปิ้งไฟ และอะไร ๆ ก็ได้อ่านในหนังสือด้วยกันแล้วทั้ง ๓ คน เสียใจแต่ไม่ได้อยู่ในป่าอย่างแขก ถ้าไม่อย่างนั้น ก็จะจัดการปิ้งแมกฟิน

แบล๊กมอแนะนำขึ้นว่า ให้พากันไปพ้องลีโอนาร์ถกับคริกเก็ต เพราะลิโอนาร์ถเป็นหัวโจกในโรงเรียน แต่แบร์รี่ กัสมีไม่ยอม เกรงจะต้องเป็นอลัชชีว่าปากบอน เพราะธรรมเนียมในโรงเรียนอังกฤษฟ้องกันไม่ได้ ถึงจะถูกรังแกอย่างไร ถ้าแก้แค้นเองไม่ได้ ก็ต้องทนกัดฟัน ถ้าฟ้องผู้ใหญ่ก็เสียชื่อ ว่าปากบอนไม่มีใครคบ

ฝ่ายแมกฟินนั้น เมื่อแย่งของกินไปได้เป็นกระจาดแล้ว ก็เรียกเพื่อนของตัวมา ๒ คน เลี้ยงกันเป็นการครึกครื้น และรุ่งขึ้นก็เรียกแบร์รี่ให้ไปรับกระจาดคืน

แบร์รี่ไปห้องแมกฟินโดยหวังว่า จะมีของกินเหลืออยู่บ้าง แต่ไม่ค่อยมีอะไรเหลือกี่มากน้อย มีขนมอยู่ไม่ถึงค่อนอัน ลูกกวาดเหลือไม่ถึงครึ่งขวด มีขนมอื่น ๆ เล็กน้อย เด็ก ๓ คนก็ช่วยกันกินหมด และสาบาลซ้ำอีกว่าจะแก้แค้นให้ได้ แต่ซึ่งจะแก้แค้นอย่างไรนั้น กำหนดลงไปไม่ได้

กัสมี “ถึงอย่างไรก็เถอะ เราต้องทำนิ่ง ๆ ไว้เป็นทีว่าลืมหมดแล้ว ไม่อย่างนั้นมันจะสงสัย”

แบร์รี่กับเพื่อน ๒ คนตรึกตรองถึงเรื่องแก้แค้นอยู่ทุกเวลาว่าง เวลาเล่นและเวลาทำการ บางทีก็ลืมบ้าง แต่เมื่อเห็นกระจาดเปล่าเข้าทีไร ก็กลับฉิวขึ้นมาทุกครั้ง

แต่เป็นเช่นนั้นอยู่ประมาณ ๗ วัน วันหนึ่งกลับจากอาบน้ำ กัสมีวิ่งเข้าไปหาแบร์รี่กับแบล๊กมอบอกว่า “ได้การละ”

แบร์รี่ “ได้การอะไร”

กัสมี “อ้ายขโมยแมกฟิน”

แบร์รี่ “มาใต้ต้นไม้นั่นเถอะเงียบดี”

เด็กทั้ง ๓ คนก็พากันไปนั่งลงบนหญ้าใต้ต้นไม้ กัสมีเล่าถึงความคิดที่แก้แค้นแมกฟินให้เพื่อนทั้ง ๒ ฟัง แล้วลงนอนกลิ้งหัวเราะกันทั้ง ๓ คน

แบร์รี่ “บ๋ะ มันจะคลั่งพิลึก”

กัสมี “แต่มันไม่ยักกล้าทำไม”

แบล็กมอ “สนุกพิลึก

เด็กทั้ง ๓ ก็ซ้อมการที่จะกระทำกันแล้ว มีหน้าชื่นบานไปตลอดวัน หัวเราะกันเรื่อย

วันรุ่งขึ้นกำลังเล่นคริกเก็ตอยู่กับแมกฟิน พอได้เวลา แบร์รี่กับแบล๊กมอก็หนีเอาซึ่ง ๆ หน้า แมกฟินเรียกก็ไม่หยุด แบร์รี่หันไปว่าไม่สบาย ส่วนกัสมีนั้นหาได้หนีตามเพื่อน ๒ คนไปไม่ เป็นแต่คอยดูที่แมกฟินอยู่

ฝ่ายแมกฟินเมื่อเห็นเด็ก ๒ คนหนีเอาดื้อๆ ดังนั้นก็ตามเข้าไปดู กัสมีย่องตามไปผิวปากอยู่นอกห้อง เป็นสัญญาบอกเพื่อน ๒ คนว่าแมกฟินมาแล้ว

พอแมกฟินเข้าไปในห้อง เด็ก ๒ คนก็ทำเป็นตลึง แล้วรีบกลืนขนมที่กำลังกินอยู่ เพื่อไม่ให้จับได้

แมกฟิน “โอโฮ กระจาดของกินอีกหรืออะไร อย่างนั้นสิ เจ้าจึงเล่นคริกเก็ตไม่ได้ ไม่ได้การจะต้องจัดการเสีย ไม่ให้มีเครื่องชวน ไหน ขนมอยู่ไหนส่งมา”

แบร์รี่ “ไม่มีดอกแมกฟิน เราไม่มีขนมดอก เรามาเสีย เพราะคิดว่าเจ้าเล่นเลิกแล้ว”

แมกฟิน “ขนมอย่างไรส่งมา”

แบล๊กมอ “ไม่มีดอก แมกฟิน”

แมกฟินจับแขนแบล๊กมอบีบจนร้อง แต่แบร์รี่รีบแก้กันโดยกล่าวว่า “จริงนะแมกฟินไม่มีดอก เว้นแต่เปล่า ไม่มีจริงๆ”

แมกฟินปล่อยแบล๊กมอ หันมาจับตัวแบร์รี่ถามว่า “เว้นแต่อะไร ถ้าเจ้าไม่ส่งขนมมาให้ข้าให้หมด ข้าจะจับตัวเจ้าแกว่งเล่นให้สมกับความอวดดี”

แบร์รี่แลดูแบล๊กมอๆ แลดแบร์รี่อย่างสิ้นแต้ม

แบร์รี่ “ไม่มีจริง ๆ แมกฟินนอกจากนี่ และนี่ไม่ใช่ของเรา เป็นของกัสมี”

แมกฟิน “ของกัสมี ! แน่หละ นี่เจ้าคงกินของกัสมีกระมัง ไม่เป็นอะไรของกัสมี ก็ของเจ้า อะไรของเจ้าก็ของกัสมี อ้อ ! อยู่ในหีบใบนี้หรือ”

แบร์รี่ “นี่เป็นเจ้าดอกหนา ข้าถึงชี้ให้ดู”

แมกฟินหัวเราะเป็นทีเย้ย “แน่ละ ไหน ! อ้อ ตาต ไหนข้าจะลองดูว่าขนมนี้จะเป็นของแสลงสำหรับเด็กหรือไม่ (ตาตหมดอันหนึ่ง) อันเดียวไม่พอ รู้ไม่แน่ หมดอีกอันหนึ่ง ๒ อันแล้วยังไม่แน่ว่าจะแสลงหรือไม่ ต้องให้รู้แน่ (หมดอีกอันหนึ่ง) ไม่ได้การแสลงแน่ เจ้ากินไม่ได้ ข้าจะต้องเอาไปเสีย ให้เจ้ากินเจ้าจะเจ็บ” (หยิบตาตอันสุดท้ายมาถือไว้)

แมกฟินยังไม่ทันกินตาตอันนั้น กัสมีก็เดินตรงเข้าไปในห้อง แมกฟินยืนอยู่ข้างหีบ กัสมีถือตาตอยู่ในมือ พอเห็นกัสมีเข้าไป ก็เห็นสนุก ทำเป็นพูดว่า “อย่างไรกัสมีเล่นสนุกไหม ?”

กัสมี “สนุก แมกฟิน ขอบใจ”

แมกฟิน “นี่เจ้าจะมากินขนมกระมัง”

กัสมี “วันนี้ใครจะแจกขนมหรือ”

แมกฟิน “เจ้านี่โกงมาก ขนมของเจ้าอยู่ไหน”

กัสมี “ไม่มีดอก อยากกินจะตาย”

แมกฟิน “อะไรนะ เจ้าว่าไม่มีขนมเลย”

กัสมี “หยอกละ ถ้ามีไม่โดดใส่ก็ลอง”

แมกฟิน “เจ้าไม่มีตาตเลย และไม่ได้กินเลย”

กัสมี “อ้อ ข้ากันบ้าง แต่หมดแล้ว เออ แมกฟิน อ้ายหนูมันลงไปในหีบเจ้าบ้างไหม”

แมกฟินไม่เข้าใจว่ากระไรถามว่า “ทำไมกะหนู”

กัสมี “ในหีบข้าและมันลงไปร่ำไป มันลงไปกินขนม แล้วเลยกัดผ้าบ้าง ขนมและมันว่าเสียมาก ๆ”

แมกฟินยังไม่เข้าใจว่า กัสมีพูดตรง ๆ หรือพูดเป็นกล ไม่ทราบว่า จะตอบทางไหนแน่ ก็ถามว่า “เจ้าเคยเห็นมันหรือ?”

กัสมี “ยังไม่เห็นสักทีเดียว แต่แน่ใจว่าหนู หนูแน่ ไม่ต้องสงสัย” แมกฟินรู้สึกไม่สบายใจ เพราะไม่เข้าใจว่ากัสมีพูดอะไร แลดหน้าแบล๊กมอกับแบร์รี่ก็เห็นเฉยอยู่ จึงถามอย่างตกเบ็ดหาใจความว่า “ทำไมเจ้าจึงรู้ว่าหนู”

กัสมี “ก็ไม่หนูเจ้าว่าอะไรเล่า”

แบร์รี่กับแบล๊กมอหัวเราะออกมาดังๆ แต่เป็นเวลาดี แมกฟินไม่โกรธ พลอยหัวเราะไปด้วย แล้วชูตาดในมือขึ้นถามกัสมีว่า “เจ้าชอบนี้ไหม”

กัสมี “หมื่นหนึ่งก็กินหมด”

แมกฟิน “เจ้าอยากกินอันนี้ไหมล่ะ”

กัสมีว่า “เจ้าใจดีพิลึก” แล้วเอื้อมมือไปจะรับเอา

แมกฟินกลับว่า “ไม่ได้ เจ้ากินแสลง” แล้วโยนตาตเข้าไปในปากตัวเอง แบร์รี่กับแบล๊กมอหัวเราะใหญ่ แมกฟินก็หัวเราะด้วย เพราะคิดว่าเด็กทั้ง ๒ คน หัวเราะที่กัสมีถูกหลอก

กัสมี “ข้ามีตาตสองสามอันอยางเดียวกับที่เจ้ากิน”

แมกฟิน “เจ้าขาดละซิ เมื่อกี้เองเจ้าว่าไม่มี”

กัสมี “มีข้าก็ไม่กินเองนี่”

แมกฟินหัวเราะ “เจ้านี่ใจดีจริง เจ้าตายคงมีพระช่วยสวด ให้พระเจ้าช่วย เจ้าไม่กินตาตของเจ้า เจ้าจะให้ใครกิน”

กัสมี “ให้หนู”

แบร์รี่กับแบล๊กมอหัวเราะซ้ำขึ้น แมกฟินโกรธทำตาเขียว แต่กัสมีก็ทำพูดเนือยๆว่า “ใครบอกข้าไม่ทราบว่าหนูแหละไม่มีอะไรรู้สารหนู เลี้ยงโต๊ะกันให้เป็นแถว ข้าต้องคอยดูไม่ให้มันเลยไปเน่าอยู่ในหีบ ไม่อย่างนั้นจะไม่ได้การ”

แมกฟินนิ่งฟังไม่ว่าอะไรหมด เป็นแต่รู้สึกขนพองสยองเกล้าขึ้นมาทันที

กัสมี “เข้าใจว่าอ้ายสารหนูที่ทำให้ตายร้าย กว่าจะตายก็เจ็บกันเสียตั้งชั่วโมง เขาว่าอ้ายขา อ้ายตัวมันงอไปหมด พิษมันสำคัญพิลึก ดูในหีบข้าแนะ แมกฟิน ข้าเอาตาตใส่ไว้สองสามอัน แยมมีสารหนูปนเข้าไว้อึดตะปือนัง เจ้าอย่าเข้าไปถูกมันเข้านา เขาว่า ๆ ถูกเข้ามันก็เล่นเอาอย่างแย่”

แมกฟินหน้าหมดเลือด “จริงหรือ”

กัสมี “หยอกละ ไม่เชื่อไปอ่านดูในห้องสมุดซี เป็นยาตายอย่างแรงทีเดียว”

แมกฟินหมดความคิด “ตายหละกัสมี ข้าตายแน่ ข้ากินตาตเหล่านั้นเข้าไป ถูกยาตายเข้าแล้ว ทำอย่างไรดี แมกฟินร้องครางรู้สึกปวดข้างในขึ้นมาทันที

กัสมีว่า “เอ๊ะ” แล้ววิ่งไปดูในหีบอย่างตกอกตกใจ เห็นตาตยาพิษหายไปหมดจริง

แบร์รี่กับแบล็กมอก็ตกใจร้องออกมาพร้อมกับว่า “ตาย”

แมกฟินคราง “ตายแน่ จะทำอย่างไรดี มันปวดขึ้นมาเต็มทีแล้ว”

กัสมี “เต็มที อ้ายยาอย่างนี้เจ้ามันไม่ควรนี่ ร้อนในปากไหม”

แมกฟิน “ร้อนหน่อย ๆ ตายเที่ยวแน่ะ เจ้าไปบอกครูเถอะกระมัง หรือช่างเถอะ อย่าเลยจะไม่ได้การ อย่างไรละ ทำอะไรก็ทำซิ มันปวดขึ้นมาใหญ่ทั่วตัวแล้ว”

แบร์รี่ “น้ำเย็นกับเกลือดูเหมือนจะดีกว่าอย่างอื่น”

กัสมี “ไปเอามาซิ”

แมกฟินครางเอ็ดตะโรว่า “มันปวดมากขึ้นทุกที”

กัสมี “นอนลงซิ ข้าจะถอดเสื้อเจ้าออกเสียก่อน เจ้าไม่อ่อนเพลียไปทั้งตัวดอกไม่ใช่หรือ”

แมกฟิน “อ่อนเหลือกำลัง”

กัสมี “แบล๊กมอไปเอาน้ำมาซักถังหนึ่งเร็ว”

ประเดี๋ยวแบร์รี่กลับมา มีดีเกลือกับขวดมัสตาดมาด้วยในมือ เป็นอย่างไรไม่ทราบ แบร์รีจึงหาดีเกลือกับมัสตาดได้เร็วนัก

แมกฟินคราง “เร็ว ๆ เข้าเถอะ”

แบร์รี่ก็ตักดีเกลือใส่ลงไปในน้ำแล้วถามกัสมีว่า ใส่มัสตาดด้วยไหม กัสมีพยักหน้า มัสตาดกับเกลือก็ลงไปคนกันอยู่ในถ้วย

กัสมี “เอ้า ! ดื่มเข้าไปซิ”

แมกฟิน ไม่แลหนเหนือหนใต้ดื่มเอื๊อกเดียวหมด มัสตาดเข้าไปถึงก็ทำพิษ ใครไม่เคยกินมัสตาดคำละช้อน ก็ทราบไม่ได้ว่า เวลานั้นแมกฟินรู้สึกอย่างไร

กัสมี “เจ้าค่อยยังชั่วขึ้นแล้วไม่ใช่หรือ ไม่ตายหละ แต่ประเดี๋ยวมันคงปวดปร๊าบ ๆ ไปทั่วตัว แต่ถึงอย่างไรก็คงไม่ตาย เวลามันปร๊าบ ๆ ขึ้นมา เจ้าจะงอไปทั้งตัว แต่ไม่เป็นไร”

แมกฟินครางบอกว่า “ยังไม่สบายเต็มที่ กัสมี ข้าไม่ได้ตั้งใจจะกินตาดของเจ้าเลย”

กัสมี “นั่นซิ มันเข้าใจผิดกันไหมละแน่ะ ประเดี๋ยวมันจะปร๊าบ ๆ ขึ้นมานะ ยิ่งกระดิกตัวยิ่งเจ็บ มัดเจ้าเสียอย่าให้กระดิกตัวได้เห็นจะดี จะช่วยกันจับเจ้าไว้ก็ไม่อยู่ เพราะเราเด็ก ๆ ทั้ง ๓ คน ในเวลามันปร๊าบขึ้นมา ถ้าเจ้ายิ่งดิ้นหรือยิ่งกระดิกตัว มันก็ปร๊าบหนักขึ้น มัดเสียทีเดียวดีกว่า จะได้หายเร็ว หนังสือในหอสมุดว่า ๆ คนที่ถูกสานหนู ถ้าจับอย่าให้กระดิกตัวได้ แล้วเอาน้ำสาดหน้าเข้า ก็ค่อยยังชั่ว ลองดูเถอะ ถึงอย่างไรมันก็ไม่เป็นไร”

แมกฟินก็ต้องยอม อย่าว่าแต่เพียงนั้นเลย ให้อย่างไรก็คงยอมทั้งนั้น จะตายก็ไม่ตายเปล่า ตายอย่างชั่วร้ายเต็มที เสียงว่าถูกยาพิษ เพราะขะโมยตาดของคนอื่นกินดังนี้แมกฟินจะยอมได้หรือ โรงเรียนจะว่ากระไร คุมาราณัติจะว่ากระไร แมกฟินยิ่งคิดก็ยิ่งใจหาย ตกลงต้องยอมให้มัด

กัสมีกับเพื่อน ๒ คน ก็ช่วยกันมัดมือแมกฟินไว้ข้างหน้า มัดศอกเหนี่ยวไปข้างหลัง แล้วมัดเท้าติดกันเสียด้วย พอมัดแน่นหนาแล้ว กัสมีก็ฉวยถังน้ำสาดหน้าแมกฟินเข้าเปรี้ยงใหญ่ แล้วว่า “เดี๋ยวก็หาย อ้ายปร๊าบมันก็คงไม่ปร๊าบ”

แบร์รี่ “ข้าดีใจมากที่แมกฟินไม่ตาย”

แบล๊กมอ “นั่นซิ แต่อ้ายตายนี่มันทำให้เปื้อนพิลึก เพื่อนฝูงแทบไม่อยากดูหน้า”

กัสมี “มัสตาดอย่างเดียวก็ชั่วมิใช่เล่น"

แบร์รี่ “นี่มันสอนเราจริงไหมว่า ไม่ควรแย่งตาดของคนอื่นเขากิน”

กัสมี “หยอกล่ะ ตาดมันทำให้เจ็บได้จริงอย่างแมกฟินว่า โอรโฮวิ๊ว!”

แบร์รี่กับแบล๊กมอหัวเราะจนเกือบกลิ้งไปกับที่ แล้วก็พากันเต้นรอบ ๆ แมกฟิน แมกฟินกลับหายเจ็บเกือบทันที ทำตาขวางแต่ยังไม่ว่ากระไร

แบร์รี่ “ดูซิ เขาช่างโทษหนูได้”

แบล๊กมอ “เวลาแมกฟินแห้งเข้าไม่เห็นเหมือนหนูสักนิดเดียว แต่เดี๋ยวนี้ เออเฮอ !” พูดแล้วทำตาหลิ่ว

แมกฟิน “เองมันอ้ายพวกสถุน มีหรือกันจะตายมาหัวเราะเยาะได้”

กัสมี “เจ้าศีลขาดแล้วหละ เวลาเจ้าตายจะไม่มีใครช่วยสวดให้พระเจ้าช่วย โอ้ โอ๋ โอ ๆ ๆ โอ้โอ!” กัสมีผิวปากเป็นเพลงแล้วทำเต้นรำ

แมกฟิน “อ้ายสถุน ถ้าข้าไม่ถูกมัดแน่นอยู่อย่างนี้ เองก็ไม่กล้า แก้ซี”

กัสมี “เราล้างหน้าให้แมกฟินอีกจะดีกระมัง”

แมกฟิน “ถ้าเองทำอีกละก็........”

กัสมี “เจ้าจะทำไม”

แมกฟิน “อ้ายเด็กเปรด เองกล้าดีลองดูถี”

กัสมี “แนะแมกฟิน เจ้าค่อยยังชั่วขึ้นมาก เจ้าเกือบตายก็จริง แต่ยังดุอยู่ เออเรียกพวกชั้น ๖ มาดูเจ้าเอาไหม”

แมกฟินหายดุเข้าทันที “เอ๊ะ อย่าน่า เจ้าเรียกแหละเจ้าเปรดเต็มที แก้น่า”

กัสมี “เอาน้ำมาล้างหน้าเสียก่อนเถอะ (แบร์รี่เอาน้ำมาสาดหน้าแมกฟินเข้าอีกถังหนึ่ง) เอาหละฟังนะ”

“ดูก่อนแมกฟินผู้อยู่ในชั้น ๖ ในการนี้ข้าตัดสินแล้วซึ่งเจ้าว่าเป็นผู้ประพฤติในโจรกรรม ขะโมยตาตอันโอชารสของข้า โดยเหตุที่ข้าพิจารณาตัดสินซึ่งเจ้า ได้โดยหลักการตามสักขียืนยันต่อเจ้า ก็โดยเหตุที่เจ้าต้องในระหว่างแห่งความผิดดังนี้ เจ้าต้องกลืนแล้วซึ่งมัสตาดและดีเกลือละลายน้ำในท้องร่อง การซึ่งเราไม่อัญเชิญซึ่งพวกนักเรียนทั้งหลายในชั้น ๖ ให้มาทัศนา ซึ่งเจ้าในสมัยแห่งเจ้าเป็นผู้กิริยาอันสุนทรภาพอยู่ ณ พื้นแห่งห้องเช่นนี้นั้น ก็เพราะความที่แห่งเราเป็นผู้มีใจอารี และใจบุญแท้จริง แต่ก่อนกาลที่แห่งเราจะเป็นผู้ปล่อยให้เจ้าไปนั้น เจ้าจะต้องตอบซึ่งปฤษณาของเราสองสามข้อ ตามความจริงใจของเจ้าทั้งสิ้น”

“ปฤษณาข้อ ๑. ตั้งแต่นี้ต่อไป เจ้าจะแย่งตาดของแบร์รี่ ของแบล๊กมอและของข้าอีกหรือไม่”

แมกฟินโกรธจนไม่รู้จะโกรธไปทางไหน ได้แต่ตวาดว่า “อ้ายลิงแก้กูเถอะ”

กัสมี “นักโทษกล่าววาจาองอาจ ขึ้นแม่น้ำเท็มส์มา”

แบล๊กมอโดดไปยกถังน้ำมารดหน้าแมกฟินเข้าอีกถังหนึ่ง

แมกฟิน “เออน่า กูจะต่อยหัวมึงให้หลุดออกไป”

กัสมี “โฮแร! นักโทษบังอาจว่า จะต่อยหัวเราให้หลุดออกไป เจ้านักโทษ เจ้าบังอาจนัก แฮะ นายแบร์รีผู้คุมไปเชิญพวกชั้น ๖ มาโดยเร็ว”

แบร์รียืนทำท่าตัวตรง ทำวันทยาหัดต์ขวากลับหลังหัน เดินกัก ๆ จะออกจากห้องไป พอแมกฟินร้องตะโกนว่า “เฮ้ยอย่าไปเรียกมาทำไม ข้าไม่เอาตาดของเจ้าอีกละ”

กัสมี “อย่างนั้น ต่อไปจะได้ไม่มีความบาดหมางในระหว่างเจ้ากับพวกเรา เข้าใจไหม”

แมกฟิน “เออน่า”

กัสมี “เจ้าไม่รังแกพวกเราอีกต่อไป”

แมกฟิน “หยุดทีเถอะน่า”

กัสมี “เจ้าไม่สัญญาหรือ ถ้าไม่สัญญาจะได้เรียก....”

แมกฟิน “เออน่า ไม่ทำดอก ข้าไม่อยากทำไม พวกเจ้าแก้ข้าเถอะ เดี๋ยวใครจะมาเห็นเข้า”

กัสมีกับเพื่อน ๒ คนแลดูตากัน แล้วก็แก้แมกฟิน ปล่อยแมกฟินลุกขึ้นยืนถามว่า “ยาตายจริงหรือโว้ย นี่ข้าไม่เป็นไรแน่ละหรือ”

กัสมีหัวเราะ “เปล่าไม่ใช่ยาตายดอก มัสตาดมันเผ็ดอยู่หน่อย”

แมกฟินตรงเข้าไปเงื้อกำปั่นขึ้นจะต่อยหัวกัสมี เด็กทั้ง ๓ คนก็ร้องขึ้นพร้อมกันว่า “เออเจ้าทุบเถอะ ข้าจะเล่าให้ทั่วโรงเรียน”

แมกฟินทำตาขวางแต่ไม่กล้าทุบ เดินออกจากห้องไป ตั้งแต่วันนั้นมา เด็ก ๓ คนก็ไม่กลัวแมกฟินอีกเลย

 

  1. ๑. ประมวญมารค ฉบับที่ ๔๓ หน้าที่ ๒๓ ปีที่ ๒ ศุกร์ ที่ ๒๓ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๗๘

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ