คุณเฉก

คุณเฉกแกเคยไปเป็นนักเรียนอยู่เมืองนอกหลายปี เมื่อแกกลับมากรุงเทพฯ นั้น แม้ว่าแกจะไม่ได้ทำความสำเร็จมาแล้วในส่วนวิชาที่ได้พากเพียรนั้นก็จริง แต่แกก็ไม่ใช่คนชนิดที่เปล่าประโยชน์ทีเดียว เพราะภาษาฝรั่งแกก็รู้ไม่สู้เลว พูดได้ดีเขียนได้ดีรู้โน่นนิดนี่หน่อย ทั้งภาษาของตนเองก็ไม่สู้บกพร่องมากนัก เมื่อเข้าทำราชการ ถึงอย่างไร ๆ ก็พอลากลู่ถูกังไปได้

เมื่อคุณเฉกจะกลับนั้น มิสเตอร์กรินผู้อำนวยการนักเรียนที่เมืองนอกยื่นรายงานว่า คุณเฉกเป็นผู้เรียนไม่สำเร็จ ข่าวว่าถึงกับพยากรณ์ว่า คุณเฉกคงจะใช้อะไรไม่ได้ แต่นั่นแหละ มิสเตอร์กรินนั้น ถ้าเราจะยังไม่อาจหาความถึงกับว่า ถ้าแกว่าคนไหนจะดี คนนั้นคงเลว ถ้าแกไม่ว่าใครเลว คนนั้นคงกลับตรงกันข้ามดังนี้ก็จริง แต่เรายังจะกล่าวได้อยู่ว่า แกพยากรณ์ถูกไม่ใคร่มากกว่าผิด และส่วนคุณเฉกนี้มิสเตอร์กรินพยากรณ์ผิดเป็นแน่

เพราะเมื่อคุณเฉกกลับมากรุงเทพฯ แล้วไม่ช้าไม่นาน ก็ได้เข้ารับราชการที่เบาใจท่านเจ้ากรมผู้หนึ่ง ผู้ขาดความรู้ในภาษาต่างประเทศ ท่านเจ้ากรมผู้นั้นคงจะเป็นพยานข้าพเจ้าว่า คุณเฉกผู้นี้ถึงจะไม่ใช่คนที่ฉลาดปราดเปรื่องนักก็จริง แต่แกไม่ใช่คนเกียจคร้าน และเป็นผู้มีนิสัยอันพึงคบ มีหลักฐานในส่วนชาติตระกูลพาให้พอเข้าไหนเข้าได้ เพราะฉะนั้นเราจะกล่าวได้ว่า คุณเฉกเป็นคนชนิดที่เรียก “ปอปูล่า” คนหนึ่ง

ดังนี้ในหมู่ท่านผู้ใช้จึงไม่มีใครรังเกียจที่จะได้คุณเฉกไว้ใช้ และเมื่อประมาณ ๓ ปีมานี้ ท่านที่ราชการมณฑลพายัพผู้หนึ่ง ต้องการคนชนิดคุณเฉกไปใช้ จึงจัดการโอนเอาคุณเฉกไปไว้ในรายชื่อพวกที่จะขึ้นไปราชการมณฑลพายัพครั้งนั้น

ในกรุงเทพฯคุณเฉกเป็นคนกว้างขวางพอใช้ เพราะแกเป็นคนที่เล่นหรือเล่นกัน กินหรือกินกัน เที่ยวหรือเที่ยวกัน ในเรื่องคบค้าสมาคมจะว่าไม่แพ้ใครก็เกือบได้ ส่วนเพื่อนฝ่ายโก้ของแกก็มีมาก เมื่อได้ทราบว่าคุณเฉกจะขึ้นไปราชการทางไกลเช่นนี้ พวกเพื่อนเหล่านั้นก็ชักชวนเรี่ยรายกันเช่าห้องโฮเต็ลจะเลี้ยงส่งคุณเฉก และทั้งจะมีของให้เป็นที่ระลึกในการที่ไปครั้งนี้ด้วย

ในเวลานั้น คุณเฉกได้หมั้นแล้วกับบุตรีเจ้าคุณปลัดทูลฉลอง คู่หมั้นของคุณเฉกเป็นน้องสาวคุณมล ซึ่งเข้าเรี่ยรายด้วย การมงคลคุณเฉกกับคุณจำปีบุตรีเจ้าคุณปลัดทูลฉลองนี้ กำหนดวันเดียวกับที่คุณเฉกออกเรือไปมณฑลพายัพ มีโปรแกรมเป็นทางโก้ว่า เมื่อรดน้ำแล้ว ในคืนวันนั้นเจ้าบ่าวกับเจ้าสาวออกเรือไปฮันนีมูนที่เชียงใหม่ ๓ หรือ ๕ หรือ ๘ ปี แล้วแต่ราชการจะกำหนดให้

วันนั้นเป็นวันอาทิตย์ อีกสองสามวันจะถึงกำหนดวันมงคลคุณเฉก ข้าพเจ้ากินอาหารกลางวันแล้ว นั่งอ่านหนังสืออยู่ที่เฉลียง ได้ยินเสียงข้างล่างถามบ่าวว่า “คุณหลวงศรีอยู่ไหม” (หลวงศรีคือข้าพเจ้า) แล้วมีเสียงเท้าขึ้นบันไดกึง ๆ มา ในสามอึดใจคุณเฉกทิ้งตัวโครมลงบนเก้าอี้ ผิวหน้าขาดของสำคัญคือเลือด อาการประหนึ่งว่าแบกโลกอยู่บนบ่าอย่างน้อย ๒ คู่ ทำให้ข้าพเจ้าเป็นที่แปลกใจยิ่งนัก เพราะไม่เคยเห็นคุณเฉกมีอาการเช่นนี้

ข้าพเจ้า “เอ๊ะนี่แกเป็นอะไร ดูหน้าตาชอบกล” คุณเฉกสั่นศีรษะไม่ว่ากระไร

ข้าพเจ้า “หรือไปทำอะไรให้คุณจำปีเป็นที่ขุ่นเคือง”

คุณเฉกรีบตอบทันที “เปล่า ๆ ไม่ใช่ ๆ เดี๋ยวนี้กันจะไปเชียงใหม่ เจ้าพวกเพื่อนฝูงเขาจะให้ดินเนอร์”

ข้าพเจ้า “ดีแล้วนี่ กันก็เห็นด้วย”

คุณเฉก “กันก็นึกแล้วว่าแกคงเห็นด้วย ดินเนอร์แล้วจะมีของให้ด้วย” (พูดแล้วสั่นศีรษะ)

ข้าพเจ้า “ทำไม ให้ของแกไม่ชอบดอกหรือ”

คุณเฉก “อ้ายของนั้นกันไม่ว่าหรอก อ้ายสปีชนี่แน่แก กันมันไม่เป็นเลยนี่” (ตรงนี้คุณเฉกเกาศีรษะประหนึ่งว่าที่ต้องสปีช ก็เป็นความผิดของศีรษะนั้นเอง)

ข้าพเจ้า “ก็ไม่ยากอะไรนี่นา พูดสั้น ๆ ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยอิ่มใจเช่นนี้ และอะไรพรรณ์นั้น “ก็ว่า ๆ ออกไป”

คุณเฉก “อ้ายข้ออิ่มใจกันก็นึกแล้ว แต่ไม่รู้จะไปทางไหนอีก นี่แน่ะ แกช่วยกันคิดบ้างซิกันควรว่าอะไรบ้าง”

ข้าพเจ้า “นั่นแหละ มันเป็นปัญหา แกควรว่าอะไรบ้าง”

คุณเฉกยกมือจะเกาศีรษะ ปัดถ้วยพลัดตกจากโต๊ะดังเปรี้ยง แต่ก็ไม่ดูถ้วยที่แตกจ้องหน้าข้าพเจ้าแล้วว่า “อย่าเล่นตัวหน่อยเลยน่า อ้ายเรื่องพรรณนี้กันไม่เข้าใจ ต้องช่วยกันบ้าง”

ข้าพเจ้า “ถ้าถึงกำหนดคราวอับจนก็จำเป็น เวลาจะพูดแกต้องยืนขึ้น เอามือเท้าโต้ะอย่างนี้ ไม่ใช่ ๆ ไม่ใช่อย่างนั้น อย่างนี้แล้วพูดว่า.... ข้าแต่ท่านผู้เป็นประธานและท่านทั้งหลาย ข้าพเจ้าเกรงว่าในขณะนี้ข้าพเจ้าสิ้นปัญญาที่จะหาถ้อยคำมากล่าวแสดงให้ท่านเห็นความยินดีของท่าน เราให้เต็มที่ได้เมื่อข้าพเจ้า....”

คุณเฉก “ช้าก่อน กันลองท่องให้จำได้เสียก่อน” ข้าแต่ท่านผู้เป็นประธานและท่านทั้งหลาย ข้าพเจ้าเกรงว่า อะไรอีกนะ”

ข้าพเจ้าว่าซ้ำ คุณเฉกว่าตามไปตลอดแล้ว ข้าพเจ้าก็พูดต่อไปว่า “เมื่อข้าพเจ้าเห็นท่านผู้ทรงไว้ซึ่งคุณความดีทั้งหลายมาประชุมพร้อมกันเพื่อให้เกียรติยศแก่ข้าพเจ้า เกินกับที่ข้าพเจ้าควรได้รับดังนี้แล้ว” ตรงนี้ พวกเราคงร้องว่า (ไม่ใช่ ไม่ใช่) แกต้องทำกิริยาเชื่อ แล้วพูดต่อไปว่า “เมื่อข้าพเจ้าเห็นท่านทั้งหลายมาประชุมกันให้เกียรติยศแก่ข้าพเจ้าดังนี้ ข้าพเจ้าจำเป็นจะต้องรู้สึกยินดีในตัวข้าพเจ้ายิ่งกว่าที่เคยรู้สึกมาแต่ก่อน” ตรงนี้แกต้องยกมือขึ้นลูบอกดังนี้ (ไม่ ใช่ ไม่ใช่) อย่างนี้แล้วพูดว่า “จำเดิมแต่ข้าพเจ้าเกิดมา เวลานี้เป็นเวลาอิ่มใจที่สุดซึ่งเคยมีแก่ข้าพเจ้า” ตรงนี้พวกเราผู้ฟังคงจะตบมือกันเป็นจ้าละหวั่น มีเวลาให้แกคิดว่าจะพูดอะไรต่อไป”

คุณเฉก “แกคิดเห็นจะดีกว่า แต่อ้ายที่แกว่าแล้วนั้น จดไว้ทีเห็นจะดี (ลุกขึ้นไปหยิบมาจดตามคำบอกของข้าพเจ้า) “ไหนตบมือกันแล้วว่ากระไรอีกล่ะ”

ข้าพเจ้า “คราวนี้หยิบของที่ให้นั้นขึ้นชูแล้วว่า จำเพาะเหมาะกับที่ต้องการแท้ๆ....”

คุณเฉก “อ้ายของให้น่ะอะไรกันแน่”

ข้าพเจ้า “เมื่อคืนพูดกันไม่ตกลง เลยตั้งให้หลวงราชกับคุณมลเป็นกรรมการไปจัดหาตามชอบใจ กันเองน่ะ แนะนำให้เอากล้องหัวกระโหลกคู่หนึ่ง สำหรับบุหรีกระดาษอันหนึ่ง บุหรี่ฝรั่งอันหนึ่ง ถ้าตกลงเอากล้อง แกต้องว่าพวกเราจะเลือกอะไรให้เหมาะกว่านี้ไม่ได้ และไม่มีอะไรที่แกจะใช้มากกว่านี้ ที่จริงไม่ว่ากล้องหรืออะไร แกว่าอย่างนั้นหมดก็เกือบได้ ถ้าเป็นกล้องแกว่าต่อไปว่าเวลาสูบคงนึกถึงเรา เวลานึกถึงพวกเราโดยเหตุที่ใจจ่ออยู่ แกคงจะเห็นหน้าพวกเรายังอยู่ในควันบุหรี่ ความรักใคร่และความสนิทชิดชอบในระหว่างตัวแกกับพวกเรา คงจะทวียิ่งๆ ขึ้นไป ประหนึ่งสีกล้องอันจะดำขึ้นทุกที

“หลวงราชค่อนจะเป็นไปข้างนาฬิกา ถ้าเป็นนาฬิกาแกต้องว่าเสียงนาฬิกาเดินติ๊กติ๊กติ๊กอยู่เสมอฉันใด แกคงจะรำลึกถึงพวกเราอยู่เสมอฉันนั้น

“คุณมลชอบของมีประโยชน์ในเหย้าเรือน เช่นถาดคู่หนึ่งเป็นต้น ถ้าเป็นถาดคู่หนึ่งก็เป็นโอกาสที่จะกล่าวถึงคู่หมั้นของแก ต้องว่าไปว่าแกจะต้องพานางอันเป็นผู้พึงสงวนที่สุด ไปเสียจากกรุงเทพฯ และเวลาไปจากกรุงเทพฯ แล้ว แม้ว่าจะเกิดระหองระแหงขึ้นในระหว่างแกกับเขาเมื่อใด ถาดสองถาดเหมือนกันประหนึ่งถาดเดียวฉันใด แกจะทำใจสองใจให้ลงกันเรียบร้อย ประหนึ่งว่าใจเดียวกันฉันนั้น”

คุณเฉก “อ๋า อีตรงนี้เก่งพิลึก ว่าเรื่อยไปซิเพื่อน กันจดไว้ตลอดแล้ว”

ข้าพเจ้า “แกจะกลับพูดไปถึงใจเดียวกันอีกก็ได้ แล้วลงท้ายแกเกรงว่า แกไม่มีคำพูดพอที่จะแสดงความรู้สึกของแกให้ชัดเจนได้ และแกชอบเราทั้งหมดจากหัวใจของแก”

คุณเฉกลุกขึ้นจับมือข้าพเจ้า บีบสั่นจนข้าพเจ้าต้องร้องให้ปล่อยแล้วว่า “เอาหละ เอาหละ กันจะกลับไปบ้าน ไปท่องให้จำได้ ไหนแกว่าใจสองใจอะไรน่ะ” (ดูกระดาษที่จด)

ข้าพเจ้า “เป็นใจเดียว”

คุณเฉก “ถูกหละ ถูกหละ ไปก่อนหละเพื่อน (เดินไปลงบันไดได้ ๒ คั่น กลับขึ้นมาอีก) “แน่ะถ้าถาดคู่หนึ่งแหละเก่งพิลึกแม่จำปีคงชอบ ถ้านาฬิกาแหละแกว่า คลิ๊ก คลิ๊ก คลิ๊ก ไม่ใช่หรือ”

ข้าพเจ้า “ไม่ใช่ ติ๊ก ติ๊ก ติ๊ก”

คุณเฉก “อ้อถูกละ ติ๊ก ติ๊ก ติ๊ก ไปก่อนนะ” (ลงบันไดไปถึงพื้นดินกลับตะโกน) “เวลากันพูดจบแล้วทำอะไรล่ะ”

ข้าพเจ้า “นั่งลงน่ะซี”

คุณเฉก “ไม่ใช่อ้าอถาดน่ะ”

ข้าพเจ้า “ถาดก็เอาไปบ้าน เวลาถึงถาด ยกถาดขึ้นชูไว้แหละดี คนฟังจะได้แลดูถาดไม่แลดูหน้าแก ๆ จะได้ไม่ใคร่เก้อ”

คุณเฉก “เก่งพิลึก” แล้วก็ออกเดินสาวเท้าไป

๏ ๏ ๏

วันดินเนอร์นั้น ข้าพเจ้าติดงานอยู่ที่ออฟฟิศเกินเวลาธรรมดาไป เมื่อข้าพเจ้าไปถึงโฮเต็ลใกล้จะถึงเวลานั่งโต๊ะอยู่แล้ว คุณเฉกดหน้าค่อนข้างไม่สบาย พอเห็นข้าพเจ้าก็ตรงเข้ามาหากระซิบว่ากันตั้งใจไว้ว่า จะซ้อมกับแกให้ตลอด แกมันเลวเต็มทีมาช้านัก อ้ายของให้นะถ้าถาดแหละจะดีนัก จะได้พูดถึงแม่จำปีได้ แต่กันเชื่อแน่ว่ากันคงพูดเลอะหมด”

ข้าพเจ้า “แกมันขี้ขลาด มันจะเลอะไปทางไหน วิสกี้โซดาเสียถ้วยหนึ่งซิ ใจจะได้กล้า”

คุณเฉก “จริง ต้องเล่นอีกถ้วยหนึ่ง สอนกันอย่างนี้ถึงจะเรียกว่ารู้จักสอน”

คุณเฉกพูดเท่านั้นแล้ว ก็หยิบเอาวิสกี้โซดามาดื่ม คำที่ข้าพเจ้าสอนนั้นเป็นคำดีจริง แต่ก่อนที่ข้าพเจ้าไปถึง คุณเฉก....ก็มีครูเสียหลายคนแล้ว และต่างครูต่างสอนให้เติมวิสกี้โซดาทั้งนั้น เพราะฉะนั้นเมื่อได้เติมเชรี ฮ๊อก แคลแล็ต และแชมเปนเข้าไปอีก ละเมื่อยืนขึ้นกล่าวสปีชขอบใจนั้น คุณเฉกค่อนจะยืนไม่สู้ตรงเสียแล้ว ของที่ตกลงเลือกเป็นของให้นั้นคือแซ่ม้าอย่างเอก ด้ามหุ้มเงินก้าไหล่ทองมีอักษรจารึกตามสมควร ที่กรรมการเลือกแซ่ม้านี้อ้างเหตุว่าเชียงใหม่ใช้ม้ามาก และคุณเฉกก็ชำนาญการขี่ม้าอยู่ด้วย

คุณเฉกลุกขึ้นยืนถือแซ่ม้ากวัดแกว่ง มีอาการประหนึ่งว่าไม่รู้สึกว่าแซ่ม้านั้นคืออะไร แล้วพูดว่า “ท่านทั้งหลายและประธาน....อ้า....ท่านทั้งหลายและ....อ้า....ผู้ทั้งหลาย ข้าพเจ้าเต็มไปทั้งตัว....เอ้อ....รู้สึกเต็มไปหมด....เต็ม ๆ ที่ข้าพเจ้ามีภาษามากกว่านี้....ข้าพเจ้า....ข้าพเจ้า....อ้า....ข้าพเจ้าจะว่ามากกว่านี้มาก จริง ๆ นาบอกไม่เชื่อ (ตบมือ) ท่านคงประหลาดใจ....หรือท่านคงไม่ประหลาดใจ....ท่านปลาดใจ....ถ้าท่านทราบว่า....ข้าพเจ้านึกอะไรไว้บ้าง

“เมื่อข้าพเจ้าเห็นพวกแก....อ้า....พวกท่าน คุณความดี....ว่า....พวกแกคุณความดีทั้งหลายมาประชุมให้เกียรติยศกัน....ให้เกียรติยศข้าพเจ้า ๆ ....อ้า...กันมันไม่ควรรับเกียรติยศยังงี้นี่ (มีผู้ร้องเถียงว่า ควร ควร ควร) ข้าพเจ้ายินดีพิลึก...บอกไม่เชื่อกันยินดี....พิลึก....ตั้งแต่เกิดมาเที่ยว เพื่อน....บอกไม่เชื่อ....เวลานี้....ข้าพเจ้าอิ่มใจที่สุด จริงนา (ตรงนี้เราตบมือใหญ่)

“ข้าพเจ้า....อ้า แกจะเลือกอะไรเหมาะกว่านี้ไม่ได้ (ชูแซ่) กันคงรักพวกท่านมาก ทุกที เหมือนมีกล้องหัวกระโหลกอันนี้จริงนา บอกไม่เชื่อ (ตบมือ) กันไม่อยากออกชื่อ กันจะพาผู้สงวน....พึงสงวน....ไปเสียจากกรุงเทพฯ (หัวเราะ) จริงนา กันจะพาไปเสียจากกรุงเทพฯ เมื่อพวกแกเลือกของอันนี้ (ชูแซ่ม้า) แกนึกถึงเรื่องนี้ด้วยซี เหมาะนักบอกไม่เชื่อ เวลาเราระหองระแหงกันยังไง....กันได้ยินเสียง คลิ๊ก คลิ๊ก คลิ๊ก....บ้าเวลาระหองระแหงอ้ายนี่มีประโยชน์มาก (คุณมลขยับจะลุกขึ้น แต่มีผู้ฉุดไว้ ข้าพเจ้าเองลุกขึ้นขยับเข้าไปข้างคุณเฉก) เวลาระหองระแหงกันแล้ว หล่อนคงนึกถึงพวกแก (ชูแซ่) อ้ายนี้เป็นของที่ข้าพเจ้าต้องการ หล่อนต้องการ มีประโยชน์นัก....แล....”

ตรงนี้ข้าพเจ้าเข้าไปถึงคุณเฉก กระตุกชายเสื้อกระซิบว่า “เฮ๊อะ แซ่ม้าต่างหากล่ะ” คุณเฉกได้สติตกใจนั่งลง ทั้งกำลังพูดค้าง ๆ ข้าพเจ้าเห็นจะเสียท่า ก็ลุกขึ้นพูดว่า....

“ท่านผู้เป็นประธานและท่านทั้งหลาย ธรรมดาคนความปลื้มใจยิ่งมาก ความสามารถในทางพูดก็ยิ่งน้อย คุณเฉกได้แสดงแล้วทั้งกิริยาและวาจาว่า ที่ท่านทั้งหลายมีความกรุณาแกเช่นนี้ แกรู้สึกปลื้มใจเป็นอันยิ่ง คำที่คุณเฉกได้กล่าวแล้วนั้น บางท่านก็คงเข้าใจไม่ตลอด แต่พวกเราสองสามคนเข้าใจได้ดี”

“คือในพวกเราที่ประชุมกันอยู่คืนวันนี้ บางคนไม่รู้จักแต่กับคุณเฉก ถึงคู่หมั้นของคุณเฉก เราก็รู้จักด้วย พวกเราที่รู้จักทั้ง ๒ ท่านนี้ ได้ชักชวนตกลงกัน (ที่จริงยังไม่ได้มีใครได้ชักชวนหรือได้ตกลงเลย) ว่านอกจากพวกของที่ให้คุณเฉกแล้วนั้น เราจะช่วยกันเพิ่มเติมให้อีกอย่างหนึ่ง ให้ใช้ได้ทั้งผู้หญิงผู้ชาย เพื่อให้เป็นที่แสดงว่า เพื่อนของคุณเฉกนั้น ก็เป็นเพื่อนของคู่หมั้นคุณเฉกด้วยเหมือนกัน (ตบมือ)

“ของที่จะเพิ่มเติมนี้ เราตกลงกันเลือกถาดคู่หนึ่ง ซึ่งเราเชื่อว่า จะมีประโยชน์ตลอดไปถึงเจ้าสาวด้วย เวลาที่จะไปจากเพื่อนรักเป็นอันมากเช่นนี้ (ตบมือ) ก็เป็นธรรมดาที่ใจคุณเฉกจะลอยไม่อยู่กับตัว เพราะฉนั้นเมื่อถือแซ่อยู่ในมือนั้น คุณเฉกไม่ได้นึกถึงแซ่ ไพล่ไปนึกถึงถาด เพราะอะไร เพราะถาดเป็นของที่เจ้าสาวจะใช้ได้ และอะไรที่เกี่ยวกับเจ้าสาว ก็เป็นธรรมดาที่จะอยู่ในใจคุณเฉกมากกว่าสิ่งอื่นอยู่เอง (หัวเราะ) คำที่คุณเฉกกล่าวนั้น หาได้กล่าวถึงแซ่ไม่ (คุณเฉกร้องว่าถูกหละ ถูกหละ)

อนึ่ง การที่หัวใจคุณเฉกเต็มไปด้วยเจ้าสาวนั้น ควรเป็นตัวอย่างให้เรานึกถึงเจ้าสาวอีกบ้าง กล่าวคือของที่เราให้คุณเฉกนั้น หาควรให้เป็นประโยชน์ แต่กับคุณเฉกคนเดียวไม่ ท่านผู้เป็นประธานได้ชวนข้าพเจ้า (ที่จริงข้าพเจ้าเป็นผู้ชวน) ว่าควรเปลี่ยนแซ่ม้าให้เป็นนาฬิกา เพราะแซ่ม้าเป็นของที่มีอันตรายอยู่มาก เวลาเกิดระหองระแหง ใครจะช่วยได้ก่อน จะฉวยได้ก่อนก็เป็นที่แน่ได้ (หัวเราะ) ส่วนนาฬิกาเป็นของมีประโยชน์มาก เป็นเครื่องสำหรับบอกภรรยาว่าควรสำรับหรือยัง และถ้าสามีเป็นคนชอบเที่ยว นาฬิกาเป็นเครื่องบรรยายให้ทราบว่า ถึงเวลาที่สามีควรจะกลับบ้านหรือยัง และเมื่อกลับควรต้องรับเล็คเชอร์หรือไม่ (หัวเราะและตบมือ) ขอให้เพื่อนของเราได้รับความสุข โดยไม่มีเปลี่ยนแปลง ดังนาฬิกาที่เดินรอบ ๆ นั้นเถิด

อีกประมาณ ๓ เดือน ข้าพเจ้าได้รับจดหมายจากคุณจำปีว่า

เรียนคุณหลวงศรี คุณกับดิฉันมาถึงเชียงใหม่แล้ว ถาดที่คุณหลวงจัดการให้นั้นดีนัก แต่ดิฉันออกเคืองว่า คุณหลวงเอาชื่อไปออกกลางโต๊ะกวางโตก ผู้คนออกแน่น ถ้าดิฉันมีโอกาสคงจะคิดแก้แค้นให้ได้ ฯลฯ ฯลฯ

ข้าพเจ้ายังคร้ามอยู่จนป่านนี้ด้วยไม่ทราบว่า คุณจำปีจะแก้แค้นอย่างไร

----------------------------

  1. ๑. ประมวลมารค ฉบับที่ ๔๔ หน้า ๑๓ ปีที่ ๒ ศุกร์ที่ ๓๐ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๗๘

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ