ตอน สีดาหาย

๑๖

๏ ฝ่ายสำมนักขายักษี ถึงฝั่งวารี
ก็เหาะละลิ่วลอยทะยาน  
๏ บันลุลงการาชฐาน ตรงขึ้นโรงธาร
จะเข้าไปเฝ้าท้าวไท  
๏ มุขมาตย์ต่างตื่นตกใจ ร้องบอกข้างใน
เอาอรรถมาทูลกุมภัณฑ์  
๏ แสนสาวอสุรกำนัล แล่นเข้าเคียมคัล
เคารพทูลทันที  
๏ บ้างวิ่งออกรับมารศรี สร้วมกอดเทพี
พิลาปถามกิจจา  
๏ ทศเศียรแจ้งข่าวกนิษฐา ก้องกาจโกรธา
ไปดูกนิษฐด้วยพลัน  
๏ น้องท้าวยุรยาตรผาดผัน ร้องแรกรำพัน
เข้ากอดพระบาทบัดใจ ฯ  

ฯ โอด ฯ

๏ ว่าข้าพึ่งบุญท่านไท ค่อยอยู่เย็นใจ
ก็ช้ามาสามโกฏิปลาย  
๏ บเคืองเบื้องบาทระคาย เภทภัยทั้งหลาย
ไป่พานแต่ปูนใยยอง  
๏ บัดนี้ลักษณ์รามทั้งสอง ละเมืองมาครอง
ผนวชอยู่ฝั่งโคธา  
๏ นำโฉมนางหนึ่งสุทธิสา ทรชื่อสีดา
วิลาศล้ำอำมร  
๏ เห็นควรทูลบาทมุลิกร บริรักษ์ภูธร
ข้าฉวยจะอุ้มเอามา  
๏ น้องรามจึงทำโทษา ตัดหัตถ์บาทา
ทั้งปากแลกรรณบัดใจ  
๏ ข้าแล่นไปทูลสารไข ขุนขรฟุนไฟ
ก็ยกพยุหไปผจญ  
๏ ในครู่เดียวแหลกลาญชนม์ ทั้งตรีเศียรพล
แลทูษณ์สิ้นสุดปราณ  
๏ หมดหมู่หัยคชาชาญ หลู้ล้มบทาน
กำลังธนูรามา  
๏ ทูลพลางดำเนินโฉมสา ทรลักษณ์สีดา
อันสรรพสิริลาวัณย์  
๏ วรพักตร์เพ็ญแผ้วเพียงจันทร์ ปรางเปล่งงามพรรณ
พิมลเกศก่องไร  
๏ นาสิกแสล้มละไม เอี่ยมโอษฐ์วิไล
วิลาสเนตรปานนิล  
๏ ขนงก่งกลวงศิลป์ กลีบบุษป์โกมิน
ลออดั่งกรรณกัลยา  
๏ บงกชดุจถันกัณฐา สบสรรพอังคา
พยพอุดมสมกาย  
๏ จะสรรโฉมเสมออย่าหมาย ทิพย์รูปอาจอาย
วิมลทรงสีดา  
๏ แม้นได้ไว้กรุงยักษา จะเฉลิมลงกา
พิภพเปนศรีเมือง  
๏ ผิวผ่องยองใยขาวเหลือง ยี่สิบเนตรเนือง
จะแลก็ลืมพรับตา  
๏ สามโลกไม่มีที่หา แม้นตาสองตา
บอาจพิศเยาวมาลย์  
๏ พระองค์ทรงปรีชาหาญ ฟากฟ้าบาดาล
ระยั้งระย่อฤทธี  
๏ นับใดรามเดียวสวามี สีดานารี
จะเอาก็ได้ง่ายใจ  
๏ ทศกัณฑ์ครั้นฟังพิสมัย สามมารบรรลัย
ก็ละวิจลโกรธา  
๏ คลั่งคลุ้มรุมรึงเสนหา ร่านร้อนอุรา
ดั่งกาลประลัยลามลน  
๏ หทัยบสุขสับสน มลักเห็นวิมล
พักตรตรึกนึกนาน  
๏ ฤดีเดือดดิ้นแดดาล ยิ่งพิษม์ศรปาน
ประจักษ์ละร้อยรึงกาย  
๏ จะนั่งนอนเนื่องกัลหาย แสนสนมรอบราย
บแลบเล็งโฉมผจง  
๏ ลืมบรรทมลืมเสวยลืมสรง ลืมโฉมเยาวยง
มณโฑผู้เกิดกลางกุณฑ์  
๏ ราคเร้ารัญจวนหวนหุน ขุกคิดทารุณ
จะรณรงค์ชิงนาง  
๏ เกลือกรบบมิลุขัดขวาง ชีพจักวายวาง
ด้วยรักในองค์นงราม  
๏ ตริแล้วจึงรื้อทวนถาม ว่านางโฉมงาม
จะเปรียบอัปสรองค์ใด  
๏ พระมเหศวรีฤๅไฉน ฤๅเปรียบโฉมไท
สมเด็จอุมาเทพี  
๏ กับโฉมสิริลักษณ์ลักษมี ข้างใครจะดี
จงเล่าแต่สัตย์ตัดไป  
๏ จึ่งสำมนักขาเฉลยไข สีดาวิไล
กว่าสามสุรางค์รูปา  
๏ ทูลพลางฟั่นเฟือนวิญญา เอาโฉมรามา
มาร่ำพิไรรำพัน  
๏ เหตุพัวพิสมัยใฝ่ฝัน คลุ้มเคลิ้มสำคัญ
วิปลาสหลงใหล  
๏ ราพณ์สำรวลร้องว่าไป ถามโฉมอรไท
มาเล่าถึงรูปรามา  
๏ ฝ่ายพี่พิศวาสสีดา ส่วนเจ้าเสนหา
ในรามซึ่งเปนสวามี  
๏ ว่าแล้วชวนกันพาที ด้วยรสฤๅดี
อันรุมรันทำรำจวน  
๏ ถามว่ามณโฑโฉมสงวน สิริลักษณ์ประมวล
มาสิ้นทั้งสามโลกา  
๏ สรรค์ชุบโฉมราชกัญญา กับโฉมสีดา
จะงามละกลกลใด  
๏ นางสำมนักขาเฉลยไข แสนมณโฑไย
จะเปรียบสีดาฤๅปาน  
๏ ทศกัณฐ์ฟังยิ่งพิการ พิกลบันดาล
ดั่งเมรุทุ่มทับกาย  
๏ บรรจถรณ์ร้อนเร่าระสาย เพียงเพลิงพลุ่งพราย
ระอุอุระอสุรา  
๏ จึ่งเอาทิพรสบุปผา ขจรกลิ่นคันธา
ลงลาดบนอาสน์เอนสกนธ์  
๏ ก็บเย็นบมิหลับสับสน ตระบัดเสด็จดล
สิงหาสน์วิเชียรบัญชา  
๏ เหวยสามอสูรเร่งไปหา พระพายุไวมา
ทั้งเทพสุริยจันทร  
๏ สามเสนามารฤทธิรอน เห็จขึ้นเขจร
เข้าทูลแต่เทพสามองค์ ฯ  

ฯ เชิด ฯ

๏ สมัยนั้นจึ่งพระสุริยง พระจันทร์อีกองค์
พระพายก็เร็วรีบมา  
๏ ดลรัตน์โรงธารเจษฎา เข้าเฝ้าอสุรา
ในหว่างพหลมนตรี  
๏ ท้าวยี่สิบกรยักษี เยื้อนวัจนวาที
ว่าเราให้ร้อนรำคาญ  
๏ พระพายเร่งรำเพยพาน พัดให้สำราญ
แต่เรื่อยจะค่อยเย็นใจ  
๏ พระสุริยจงหย่อนแสงไข บดบังอยู่ใน
ฝ้าเมฆอย่าซ่านส่ายแสง  
๏ พระจันทรจงสำแดง ศักดาเปล่งแปลง
ทิวาให้เทียมราตรี  
๏ สามเทพรับสั่งทศศีร์ ต่างแผลงฤทธี
ประพฤติโดยใจมาร  
๏ เสนาโยธาทวยหาญ เย็นฉ่ำสำราญ
ลงกาเกษมเปรมปราย  
๏ ส่วนราพณาสูรบหาย ร้อนรนสกนธ์กาย
พิกลคับเคืองใจ  
๏ เข้าสู่ห้องบรรทมใน โองการขานไข
แก่มิ่งมณโฑดวงจันทร์  
๏ ว่าสองลักษณ์รามหยามหยัน ตัดกรรอนกรรณ
แห่งนาฏกนิษฐ์ร่วมใจ  
๏ ทูษณ์ขรตรีเศียรยกไป รณรงค์ประลัย
ทั้งพวกพหลพลมาร  
๏ จะตอบแทนมันให้ลาญ ชีพิตด้วยการ
สงครามก็คิดเกรงอาย  
๏ แก่ชาวสกลโลกทั้งหลาย หวังเพโทบาย
ให้ม้วยด้วยเลศอันดี  
๏ พี่จะลักเมียมันสมศรี ให้ชีพสองชี
พินาศด้วยดิ้นแดยัน  
๏ มณโฑทูลสนองด้วยพลัน ว่าพระทรงธรรม์
เปนหลักพำนักพงศ์มาร  
๏ ไพร่ฟ้ามาตยาทวยหาญ ฟากฟ้าบาดาล
ระย่อพระยศฦๅชา  
๏ อย่าใฝ่ฟังสำมนักขา เสียภูมิขัตติยา
จะเลื่องทุกด้าวแดนดิน  
๏ อนึ่งกฤดิราชระบิล สมมุติรามินทร์
ว่าเนื่องในหน่อนารายณ์  
๏ ข้าข้อยขอเล่าความถวาย ครั้งภูธรผาย
ยังมุขพิมานบัญชร  
๏ นกกระจอกทั้งคู่สมจร ยี่สิบพระกร
บันฦๅกำจัดสกุณี  
๏ นกน้อยบมิบากบินหนี ข้าขับมันมี
ด้วยอาทินามอัชบาล  
๏ บัดขรรค์มาโดยคัคนานต์ ฟอนฟาดประหาร
ศีรษะทั้งสองสกุณา  
๏ แสดงเดโชไชยพลา นุภาพมหา
มหิทธิหน่อนารายณ์  
๏ แล้วสองลักษณ์รามหลานชาย สุรภาพเพริศพราย
ด้วยศัสตรศิลป์สากรรจ์  
๏ พระองค์พงศ์พรหมรังสรรค์ อย่าเอาอาธรรม์
มุลทินมาพานบาทา  
๏ ขุนราพณ์แค้นขัดสหัสา ดุจดาบเพชรมา
ประหัตประหารฤๅทัย  
๏ จึ่งเอื้อนโองการเฉลยไข ว่าเจ้าดวงใจ
มายกมนุษย์เดินดิน  
๏ ถึงเชี่ยวชาญการศรศิลป์ ไม่มีปีกบิน
จะข้ามมาดลกลใด  
๏ แต่จะทุกข์ผอมตรอมใจ เที่ยวเซชังไป
กว่าชีพจะม้วยมรณา  
๏ เจ้าอย่าคิดพะวังกังขา ถึงได้สีดา
มาไว้พี่ไม่อาธรรม์  
๏ พวกเรากอปรอิทธิกรรม์ เล่ห์กลนองนันต์
บห่อนจะแพ้สองคน  
๏ มณโฑสนองสารบัดดล ใช่แกล้งกล่าวกล
สรรเสริญมนุษย์เยียไร  
๏ ครั้นทัดขัดอัชฌาสัย บมิทัดทูลไท
ก็คิดพระคุณภูธร  
๏ ด้วยได้พึ่งบาทมุลิกร จงทรงอนุสรณ์
เปนชายอย่ามุ่งหมิ่นชาย  
๏ สิบเศียรฟังวัจน์เคืองระคาย บตอบอภิปราย
วิจลจิตเดือดดาล  
๏ ร้อนรุ่มฤๅทัยรำคาญ นิ่งนึกตรึกการ
ในเล่ห์จะลักสีดา  
๏ ออกสิงหาสน์สั่งเสนา ให้รีบไปหา
ม้ารีศมาดลโรงธาร  
๏ เปาวนาสูรมนตรีมาร รับราชโองการ
แล้วแล่นระเห็จเตร็ดไป  
๏ ถึงจึ่งทูลแจ้งแถลงไข ว่าภูวนัตตรัย
ให้ข้ามาเชิญเสด็จจร  
๏ ม้ารีศได้ฟังอนุสรณ์ สวมทรงอาภรณ์
แล้วรีบมายังโรงคัล  
๏ เข้าสู่ที่เฝ้าทศกัณฐ์ ก้มเกล้าเคียมคัล
ในกลางนิกรมารา  
๏ ทศเศียรชื่นชมปรีดา เรียกม้ารีศมา
สถิตในอาสน์อำไพ  
๏ แล้วแถลงเล่าเหตุขานไข โดยมีมาใน
ประถมต่อไพรี  
๏ เราแค้นคิดใคร่ราวี แต่หากว่ามี
สติวิตกต่ออาย  
๏ แก่เทพคนธรรพ์ทั้งหลาย จะเพโทบาย
ให้ม้วยด้วยกลมายา  
๏ หวังให้ท่านแปรรูปา เปนเพศมฤคา
ขจิตไปลวงเทพี  
๏ จึ่งเราจะลักนางหนี เห็นว่าสองชี
จะม้วยด้วยเต้าตามนาง  
๏ ม้ารีศนิ่งนึกแหนงขนาง จึ่งสนองโดยทาง
สุภาพทัดทูลพลัน  
๏ ว่าสองมนุษย์แขงขัน แม่ข้าสิ้นกัลป์
ทั้งพี่ก็ต้องศรไชย  
๏ ตัวข้าปลิวลงน้ำไหล ตกกลางสมุทรไท
จึ่งรอดชีวิตคืนมา  
๏ สุรภาพศรศักดิ์หนักหนา ข้าเห็นแก่ตา
ดังฤๅจะใช้กลับไป  
๏ แต่ขรฤทธิ์ล้ำสูญกษัย พระวงศ์องค์ใด
จะทัดจะเทียมก็บมี  
๏ ยังม้วยด้วยศักดิ์ศรศรี ธตรึกจงดี
จะลักสีดามาไย  
๏ ทศกัณฐ์ขัดอัชฌาสัย กระทืบโรงไชย
พิโรธเต้นตบมือ  
๏ ฤทธิ์สองชีไฉนฤๅ กูเดียวดอกฦๅ
ไตรภพกระลอกกลอกกลาย  
๏ เฉกเขาไกรลาสหลวงหมาย ปางทุ่มทำลาย
กูยอแต่มือเดียวเบา  
๏ ใดท่านแกล้งกล่าวข่มเรา ยกฤทธิ์รามเอา
เปนยิ่งกูไม่ขอฟัง  
๏ บใฝ่กิจท่านลำพัง เพราะเหตุกูหวัง
สีดาเปนศรีเมืองมาร  
๏ อย่าควรขัดแขงแถลงสาร โต้ตอบป่วยการ
จงเร่งไปลวงดวงจันทร์  
๏ ม้ารีศสร้อยเศร้าโศกศัลย์ รอยเวรก่อนทัน
จึ่งดลพันเอิญอันตราย  
๏ คิดแล้วจึ่งทูลแถลงถวาย พระยศยิ่งชาย
ทุกเทพท้าวฦๅขจร  
๏ ฝูงญาติเปนสุขสโมสร ลงกาสถาวร
บมีอริราชราวี  
๏ โสดสุริยวงศ์ทวารวดี หลานอัชบาลมี
มหิทธิพ้นภพไตร  
๏ เทวาครุฑาอาศัย สามัญพึ่งไท
ทั้งทศทิศนานา  
๏ พระองค์พงศ์พรหมนาถา ต่างมีกฤษดา
นุภาพปราบจักรวาฬ  
๏ ทรงเวทางคศาสตร์เชี่ยวชาญ ไม่มีแก่นสาร
บควรจะก่ออาธรรม์  
๏ หนึ่งโฉมมณโฑสาวสวรรค์ ปวงนาฏกำนัล
อเนกเนื่องบริพาร  
๏ ธจะลักเมียเขามาสมาน สมาคมให้กาล
วิบัติอุบัตินานา  
๏ ทศกัณฐ์ครั้นฟังโกรธา แผดสุรบัญชา
ประกาศก้องโรงธาร  
๏ ลงกาเกาะกลางชลฉาน สองชายสามานย์
ดั่งฤๅจะรู้ข่าวนาง  
๏ ท่านยกฤทธิ์รามออกขวาง กล่าวกลกั้นกาง
ประสงค์จะขัดโองการ  
๏ อย่าหวังว่าเราเปนหลาน อาณาจักรมาร
ก็มีสำหรับแผ่นดิน  
๏ ไยดื้อดึงเดาโดยถวิล บรู้ชีวิน
จะวอดทั้งบุตรภรรยา  
๏ ม้ารีศฟังเจ้าลงกา ตะลึงจินดา
จะทัดก็สุดท่วงที  
๏ กูผู้เฒ่าสอนยักษี ไม่ฟังวาที
จะม้วยทั้งเมืองวอดวาย  
๏ จะพาฝูงญาติฉิบหาย โอ้แสนเสียดาย
ลงกาเสมอเมืองแมน  
๏ ย่อมฤทธิอิทธินับแสน ล้ำฟ้าดินแดน
จะเสียด้วยท้าวเดียวดาย  
๏ จะนำพวกพลฉิบหาย ถึงตัวกูตาย
ทั้งหลายจงรอดชีวัน  
๏ เสียตัวเสียญาติอาสัญ เพราะท้าวอาธรรม์
มิเอาคดีอันดี  
๏ คิดแล้วจึ่งทูลทศศีร์ ข้าทัดภูมี
ด้วยเห็นมนุษย์วุฒิไกร  
๏ ไม่ฟังจะแขงขัดไฉน ผู้ข้าขอไป
จะล่อจะลวงรามา  
๏ ฝากแต่พวกพ้องพงศา ทั้งบุตรภรรยา
พระเจ้าจงเลี้ยงโดยธรรม์  
๏ ทศเศียรคลายเศร้าสรวลสันต์ สั่งเสนาพลัน
จงเทียบนิกรโยธา  
๏ มโหทรรับสั่งออกมา สรรพลมารา
อันรู้ขนบครบการ  
๏ กอปรกลรณรงค์ชำนาญ สรรพหมู่บริพาร
แลราชรถรูจี  
๏ ราพณ์โสรจเสาวคนธวารี สวมรัตนราชี
พิพัฑฒเอี่ยมอาภรณ์  
๏ จับศัสตรประสิทธิ์ถ้วนกร ยุรยาตรบทจร
มาขึ้นยังแก้วเกยผจง  
๏ ม้ารีศแปลงกายยรรยง เสด็จโดยจำนง
เปนกวางสุวรรณพรรณราย  
๏ แกมนพมณีเฉิดฉาย หูหางเพราพราย
สิริเทพแกล้งกลึงเกลา  
๏ เยื้องอกยกตัวดูเฉลา ผันผยองพริ้งเพรา
ทำนองดั่งม้าสุริยา  
๏ ทศกัณฐ์ครั้นเห็นหรรษา ยกหัตถ์อสุรา
มาลูบมฤคเชยชม  
๏ แล้วขึ้นทรงรถบรม อรรคยานเลื่อนลม
ขึ้นสู่ประเทศคัคนานต์  
๏ กงดุมเฉวียนฉวัดชัชวาล โตกตั้งประติษฏิยาน
กระจังจำรัสรูจี  
๏ งอนทูบงามทวยทองตรี มุขมาศมณี
ประกับประกิตเกาะกัน  
๏ บังแทรกบังสูรย์สุริยัน ชุมสายพรายพรรณ
มยุรฉัตรเจษฎา  
๏ เนืองหมู่พลพยุหเสนา ดาษดื่นซ้ายชวา
สะพราศสะพร้อมทุกภาย  
๏ พลมารเริงรื่นไพร่นาย กวางทองพรรณราย
ก็นำนิกรกรีธา ฯ  

ฯ ฉาน ฯ

๏ แต่องค์สุริยปิ่นลงกา ถวิลโฉมสีดา
ตระลึงในรถนิ่งนาน  
๏ บมิชายชมไม้ไพรสาณฑ์ รีบเร่งพลมาร
มาใกล้พอเห็นกุฎี  
๏ จึ่งให้โลทันสารถี เลื่อนรถมณี
ประหยัดซึ่งศัพทสำเนียง  
๏ ซับซาบอย่าอึกไอเสียง ค่อยย่องมองเมียง
เข้ายั้งพหลมนตรี ฯ  

ฯ เชิด ฯ

๏ แล้วราพณาสูรยักษี ลงยืนธรณี
ตรัสเรียกอสูรกวางพลัน  
๏ ดั้นเดินโดยไพรพนสัณฑ์ กวางทองพรายพรรณ
ก็นำยุบาทยาตรา ฯ  

ฯ ฉาน ฯ

๏ ใกล้อาศรมบทคฤหา องค์เจ้าลงกา
เข้าแฝงพุ่มไม้ใบบัง  
๏ ม้ารีศนึกในใจหวัง ไปแต่ลำพัง
เกลือกนางจะไม่ติดใจ  
๏ จึ่งซ้ำเสกเวทวิสัย เสน่ห์ล่ออรไท
ประสิทธิวิทยาคม  
๏ ผันผยองย่องเยื้องทรวดสม เหลียวเพราพึงชม
ทำนองดั่งสีหลีลา  
๏ ฝูงมฤคในไพรพฤกษา ตามกวางรจนา
อเนกรายเรืองชม  
๏ จนถึงศาลาอาศรม สรวมสวัสดิ์อุดม
ก็เวียนอยู่ตรงกระษัตรีย์  
๏ ร้อนอาสน์อมรินทร์เรืองศรี สุชามบดี
ก็ส่องซึ่งทิพนัยนา  
๏ เห็นม้ารีศมารยักษา แปลงเปนกวางมา
จะลวงพระอรรคเทพี  
๏ เหตุราพณาสูรยักษี จะเสียชีวี
วินาศสุดพงศ์มาร  
๏ ฤๅษีเทวาทุกสถาน จะแสนสำราญ
เปนสุขทั้งสามโลกี  
๏ ตริแล้วดลใจมหิษี ให้ทอดทฤษฎี
มฤคต้องติดใจ ฯ  

ฯ เชิด ฯ

๏ สีดาเยาวยอดพิสมัย นั่งหน้าศาลาลัย
กับสองกระษัตริย์ชาญณรงค์  
๏ ชายชมมิ่งไม้ไพรระหง เห็นกวางทองผจง
วิจิตรด้วยแก้วแพรวพราย  
๏ งามล้ำมฤคมาศทั้งหลาย ยกย่างพรรณราย
ดั่งสีหจากถ้ำสุวรรณ  
๏ แกมรัตนารายฉายฉัน ต้องแสงสุริยัน
จำรูญระยับจับใจ  
๏ นางให้มีจิตพิสมัย กราบบาทภูวไนย
ธิราชเรืองวิทยา  
๏ พระองค์จงโปรดเกศา จับมฤคโสภา
พิจิตรให้เมียชม  
๏ จะเลี้ยงไว้ในอาศรม ให้คลายเกรียมกรม
ที่จากนครจรลี  
๏ แม้คืนอยุทธยากรุงศรี จะพามฤคี
ไปฝากทั้งสามกระษัตรา  
๏ แสนสนมสุรางค์ซ้ายขวา จะชมมฤคา
เปนศรีนิเวศเวียงวัง  
๏ แม้นตายเมียจะเอาหนัง ลาดบนบัลลังก์
จะปูเปนอาสน์ไสยา  
๏ เมียติดตามนาถนาถา ทุเรศในวนา
นิราศร้างสิ่งสบาย  
๏ โปรดเกศเมียเถิดฦๅสาย ได้กวางจะคลาย
ฤทัยที่พลัดพระนคร  
๏ จึ่งพระภุชพงศ์ทรงศร ตรัสสนองสุนทร
พจนารถสุดสายใจ  
๏ กวางนี้พี่พะวงสงสัย มฤคมาศในไพร
แต่ก่อนบห่อนเห็นมี  
๏ จะประดับเนาวรัตน์เรืองศรี รอยยักขินี
ฤๅผีโขมดดงดอน  
๏ แปลงเพศมาล่อหลอน บมิควรบังอร
จะรักมฤคผิดไป ฯ  

๑๑

๏ วรราชฟังภูเบศ ก็นองเนตรธาราไหล
นรนาถมาตัดใจ นิฤๅเรียกว่าเมตตา
๏ พระเดชเดโชไชย ธปราบได้ทุกทิศา
ผีโขมดอันมารยา จะอาจหลอกก็ผิดที
๏ พระองค์อย่าคิดแคลง กินแหนงบาทบทศรี
เที่ยงแท้มฤคี นิเกิดขึ้นที่เขาทอง
๏ ตัวจึ่งเปนสุวรรณ งามเฉิดฉันไม่มีสอง
จอมภพผู้ครอง นิกรโลกจงปรานี
๏ เชิญจับมฤคมาศ ให้ข้าบาทคลายหมองศรี
มิได้มฤคี ชีวิตเมียจะม้วยมรณ์
๏ โอนองค์ลงกราบบาท ไทธิราชผู้ทรงศร
กันแสงสะอื้นวอน ซอนซบพักตร์กับตักไท
๏ สมเด็จพระนฤเบศ ยลยุพเรศก็พิสมัย
สร้วมกอดเช็ดชลนัยน์ ลูบโลมนุชอย่าโศกี
๏ วิมลเนตรมณีนิล อันเฉิดฉินจะหมองศรี
พักตร์ผ่องเพียงจันทรี จะชอกช้ำละอองนวล
๏ จะจับมฤคมาศ ให้สายสวาดิอย่ากำสรวล
กันแสงสะอื้นครวญ นิ่งเถิดน้องอย่าอาทร
๏ จึ่งสั่งพระอนุชา ให้รักษาพระสายสมร
พี่จะพเนจร ไปตามจับมฤคินทร์
๏ พระลักษณ์ก้มกราบบาท ทูลสนองนาถนฤบดินทร์
ข้าเห็นมฤคินทร์ แหนงจิตหลากประหลาดใจ
๏ ด้วยฝูงละมั่งป่า ก้มกินหญ้าโดยวิสัย
บมิดูพระภูวไนย ตามรีตสัตว์ในดงดอน
๏ กวางนี้บกินหญ้า ดูพักตราพระทรงศร
แล้วดูอนงค์อร พระพิเคราะห์ดูจงดี
๏ ข้าเห็นมฤคา เวียนตรงหน้ามหิษี
ดั่งจะล่อพระเทพี ดีร้ายยักษ์มาทำกล
๏ ภูวนาถจะคลาไคล ฝ่ายหลังไซร้จะขัดสน
พระเจ้าจงผ่อนปรน ดำริดูให้จงดี
๏ สีดาครั้นได้ฟัง ก็คลุ้มคลั่งกันแสงศรี
เจ้าลักษณ์ช่างพาที ดั่งหนึ่งกลัวอสุรา
๏ สุวรรณกวางที่กลางไพร ทูลภูวไนยว่ายักษา
เทพท้าวนิมนต์มา ให้สังหารอสุรี
๏ ถึงกวางจะเปนกล กรจุมพลทรงศรศรี
จะกลัวมฤคี ด้วยอันใดจึ่งทัดทาน
๏ พระไม่เสด็จไป จะบรรลัยในไพรสาณฑ์
นี่น้องพระภูบาล จะแกล้งทัดให้ม้วยมรณ์
๏ ว่าพลางกันแสงโศก วิโยคข้อนอุราสมร
กอดบาทพระสี่กร สลบนิ่งบติงองค์
๏ ภูธรบวรนาถ เห็นสายสวาดิก็พิศวง
เอะแก้วพี่ปลดปลง ชีวาตม์แล้วกระมังนา
๏ พระกรประคองต้อง อรน้องกนิษฐา
ยังละมุนอุ่นอุรา จึ่งรู้ว่าไม่วายปราณ
๏ ชุบชลชำระพักตร์ พระเยาวลักษณ์สุดสงสาร
ยุพยอดยุพาพาล ก็พลันฟื้นสมประดี
๏ แล้วปลอบอนงค์สมร กล่าวสุนทรประโลมศรี
แก้วตาอย่าโศกี ให้เรียมร้อนอุระกรม
๏ เจ้าลักษณ์จงรักษา วนิดาในอาศรม
พี่จะเข้าไพรพนม พนาเวศพเนจร ฯ

๑๖

๏ สั่งแล้วพระจับธนูศร ทายทอดวรกร
ยุบาทเยื้องยาตรา ฯ  

ฯ เชิด ฯ

๏ สมัยนั้นอสุรกวางมายา เห็นพระรามา
ลีลาศย่างจรลี  
๏ เผ่นโผนเข้าพนศรี แล่นข้ามคีรี
ลงสู่อรัญมรรคา  
๏ แล้วเหลียวหลังเหลือบแลหา เห็นไล่ห่างมา
ค่อยร่ายเข้าชายไพรวัน  
๏ พระเสด็จยุรยาตรผาดผัน ครั้นฉุกจะทัน
อสุรกวางมายา  
๏ เผ่นโผนขึ้นจอมภูผา เลียบเหลี่ยมศิลา
เข้าลับยังเวิ้งคีรี  
๏ มาแปดโยชน์หย่อนวิถี เดชะกำลังพี
ริยภาพหน่อภุชพงศ์  
๏ เพียงกมลาสน์ลีลาหงส์ รวดเร็วยิ่งยง
กระบัดก็ไล่มาทัน  
๏ ม้ารีศจึ่งเหาะเห็จหัน กลางหาวเหิรพลัน
เข้าแฝงในกลีบเมฆา  
๏ รำพึงในใจยักษา กูจะมรณา
แต่เปล่าประโยชน์ฤๅมี  
๏ จะให้สมคิดทศศีร์ แทนแค้นไพรี
จงสามกระจัดพรัดพราย  
๏ นรนาถรู้เลศอุบาย ชุมมนตร์พระพาย
ให้พัดกระจัดเมฆา  
๏ หลิ่วชายนัยน์เนตรเบื้องขวา ก่งศรศักดา
ประภาพผาดแผลงไป  
๏ เสียงเพียงฟ้าฟาดแสนไศล แสดงเดโชไชย
ไปปักอุระอสุรี  
๏ ม้ารีศครั้นต้องศรศรี ตกยังธรณี
ก็ร้องด้วยเพโทบาย  
๏ ศัพทเสียงเฉกเสียงนารายณ์ ว่าพี่จำตาย
เพราะเลศอันกวางราญรอน ฯ  

๑๑

๏ วรราชสีดา เคร่าครวญท่าพระทรงศร
บงเนตรคอยภูธร สถิตหน้าศาลาลัย
๏ สดับศัพทกวางร้อง รัญจวนข้องฤทัยไฉน
แว่วเสียงพระภูวไนย ประจักษ์แจ้งระลุงหลง
๏ โอ้โอะกูใจกาจ มาใช้ราชสุริยวงศ์
ตามกวางจนให้พระองค์ บพิตรท่านอนาทร
๏ นางโหยละห้อยหา นราเมศธิเบศร
เสียแรงดั้นดงดอน มาติดตามพระจักรี
๏ ป่วยการเมียประติพัทธ์ พระทรงยศเรืองศรี
กวางร้ายมาโกลี แกล้งก่อกรรมให้จำตาย
๏ สองกรข้อนอุรา พระยอดฟ้ามาสูญหาย
เมียรักจักขอตาย ไปตามท้าวในเมืองอินทร์
๏ เทเวศฤๅษีสิทธ์ ได้แจ้งกิจจะติฉิน
ไทท้าวทั่วแดนดิน จะดำเนียนดูอัปรีย์
๏ ว่าเมียนี้สามานย์ จึ่งจงผลาญพระโฉมศรี
แกล้งใช้นฤบดี ไปตามทรายจนวายชนม์
๏ เจ้าลักษณ์เจ้าลีลาส ตามภูวนาถอันอยู่หน
ไปช่วยพระจุมพล อย่าช้าทีจะมีภัย
๏ พระลักษณ์สนองนาฏ พระอรรคราชอย่าสงสัย
พระเดชพระภูวไนย ทั้งตรีโลกบเท่าทัน
๏ เฉกกวางประเล่ห์ริ้น จะบินตีพระคชกรรม์
ตรีเศียรทูษณ์ขรพลัน พิราพบัดปราชัย
๏ พรหมินทร์สุรินทรา ทุกชั้นฟ้าก็หวาดไหว
ชุมนุมทั้งแดนไตร นิมนต์ท้าวมาผลาญมาร
๏ ดั่งฤๅจะพ่ายแพ้ แก่กวางร้ายอันเดียรฉาน
แม้แน่นทั้งจักรวาฬ บอาจอิ่มกำลังศร
๏ ถ้าท้าวเปนเหตุการณ์ จะบันดาลอุบาทว์จร
ดินฟ้าแลสาคร จะมอดไหม้ประลัยกัลป์
๏ พี่นางอย่าสงสัย ว่าพระภูวไนยจะอาสัญ
เสียงนี้คือกุมภัณฑ์ อุบายร้องด้วยมายา
๏ นางท้าวธตอบตัด บเอาอรรถนำพา
ขึ้งเคืองพระนุชอา ดูรข้อนอุระราญ
๏ จะแล่นเข้าสู่กุณฑ์ ให้เปนจุณธุลีลาญ
ไปโดยพระนฤบาล บอยู่คร่ำระกำกวน
๏ พระลักษณ์สดับศัพท์ เสาวนิศถ่ายทวน
จะไปก็ไม่ควร จะอยู่ไซร้ก็ไม่ดี
๏ ตริพลางจึ่งทูลพลาง พระพี่นางอย่าโศกี
จะโดยดั่งเสาวนีย์ ไปตามท้าวในหิมวา
๏ ทูลพลางก็ยอกร อภิวาทวันทา
ฝากฝูงสุราอา รักษทั่วทั้งดงดอน
๏ ทวยเทวจัตุโล กบาลองค์อดิศร
สุรวัชรินทร แลจตุพักตร์อันศักดา
๏ นรเทวะจงทรง กรุณรสรักษา
พี่นางอย่าให้อา ดูรอันตรายปอง
๏ แล้วนบอำลาบาท ภูวนาถผาดผยอง
พลางเดินแล้วเมิลมอง มาดูนาฏในศาลา
๏ ขุกคิดก็คืนยัง วรราชกัลยา
ก้มกราบกับบาทา พระพี่นางแล้วถอนใจ
๏ ทูลว่าจะอยู่เปลี่ยว แต่ผู้เดียวอนาถไฉน
น้องนี้ให้หนักใจ ที่จะจากพเนจร ฯ

๑๖

๏ ว่าแล้วนบลาบังอร เข้าสู่ดงดอน
ระทึกฤทัยจรจรัล  
๏ เทพฟังน้องท้าวรำพัน แต่เห็นเหตุอัน
อสูรจักวายปราณ  
๏ ทวยเทพจึ่งไม่บริบาล แย้มเยี่ยมพิมาน
สำรวลเร่งเริงใจ  
๏ โปรยคันธบุปผามาลัย อวยพรภูวไนย
แล้วหับพิมานรูจี  
๏ ขุนราพณ์ก็แปลงอินทรีย์ เปนเพศโยคี
ออกจากอรัญตรงมา  
๏ สงบเสงี่ยมเสี่ยมสารสุทธสา ทรสำรวมตา
ดูต่ำชำเลืองธรณิน  
๏ บมิเหยียบมดปลวกโดยถวิล ครั้นใกล้เทพิน
ก็อวยสวัสดิสาทร  
๏ วรราชสีดาดวงสมร ฤๅษีถวายพร
ก็โสมนัสศรัทธา  
๏ หฤทัยไม่คิดกังขา อาสน์ปูรจนา
ก็เชิญฤๅษีมีญาณ  
๏ ทศเศียรฤๅสิทธ์เสี่ยมสาร แถลงถามเยาวมาลย์
ว่าไยมาอยู่กลางไพร  
๏ เหตุการณ์พิบัติมีไฉน กูเห็นนางใจ
กูอ่อนระทวยปรานี  
๏ ป่ากว้างล้วนช้างเสือสีห์ เจ้าเปนสตรี
บสมที่อยู่เดียวดาย  
๏ ควรสถิตปราสาทเฉิดฉาย แสนนางรอบราย
จำนำบำเรอบริบาล  
๏ บควรทุเรศราชฐาน โทนเถื่อนกันดาร
ด้วยสรรพยากทุกอัน  
๏ อรรคราชจึ่งเฉลยคำพลัน ว่าเจ้าจอมธรรม์
ธิราชวงศ์โยทธยา  
๏ มอบเมืองไว้น้องรักษา มาทรงจรรยา
อยู่แรมอรัญกุฎี  
๏ ตัวข้าผู้เปนมหิษี โดยด้วยภักดี
มาอยู่บำเรอราชา  
๏ หนึ่งข้าใคร่แจ้งกิจจา พระสิทธามา
เพื่อสิ่งประสงค์อันใด  
๏ ทศเศียรฤๅษีเฉลยไข ว่ารูปเที่ยวใน
อรัญญจาริกมา  
๏ เบื้องอาศรมบทคฤหา อยู่เกาะลงกา
พิภพท้าวทศกัณฐ์  
๏ ท่านนั้นสุรภาพเข้มขัน พระเวททั้งพัน
ก็อยู่ในใจชำนาญ  
๏ ครุฑาเทวาทุกสถาน สากลจักรวาฬ
ก็น้อมพำนักเนืองนอง  
๏ เพียบโภไคศวรรย์ก่ายกอง แต่ไร้คู่ครอง
เปนปิ่นอนงค์กำนัล  
๏ ท้าวทั้งสามภพเสาะสรร ส่งโฉมนางอัน
วิลาสมาเลือกนานา  
๏ ก็บได้สบสมจินดา บัดนี้ยังหา
ที่พึงพระทัยก็บมี  
๏ สีดาสนองวัจนฤๅษี ใดท่านเปนชี
จึ่งกล่าวให้ผิดกิจการ  
๏ เสพสมาคมด้วยมารพาล ประพฤติเจือจาน
กุศลระคนอาธรรม์  
๏ รากษสเหล่านั้นเดียดฉันท์ เบียดเปียฬพรตกรรม์
ฤๅษีมุนีเกลียดกลาย  
๏ เจ้ากูพระรามฦๅสาย เปนหน่อนารายณ์
พระเกียรติเลื่องฦๅขจร  
๏ มาทรงพรตในสิงขร เทวาอวยพร
ฤๅษีมุนีสมญา  
๏ ทศกัณฐ์ครั้นฟังโกรธา จึ่งเฉลยวัจนา
จงนางสดับคำแสดง  
๏ สมัยหนึ่งกระต่ายอวดแขง สู่สารตัวแรง
จะชัยชนะกลใด  
๏ ผิฉะนั้นดุจลูกกวางไพร สู้สีหราชใจ
สมรรถฤทธาพล  
๏ เฉกสองมนุษย์เดินหน ดั่งฤๅจะผจญ
ประทะสมเด็จอสุรา  
๏ ยุพราชเฉลยวัจนสิทธา ตรีเศียรกากนา
พิราพแลทูษณ์ขรมาร  
๏ พลสิบสี่สมุทรแหลกลาญ ยับย่อยดรธาน
ฤๅษียังได้ยินฤๅ  
๏ รากษสใครนับใครถือ หากเขาเล่าฦๅ
เปนเหตุด้วยจักวอดวาย  
๏ สิ้นทั้งลงกาฉิบหาย เพราะศรนารายณ์
คือเจ้ากูพระรามา  
๏ ราพณาสูรเกรียงโกรธา สำแดงเดชา
นุภาพดาลดูไกร  
๏ กลับเปนรูปมารมไห ยืดยืนเยี่ยมไพร
คือดั่งพระสุเมรุคีรี  
๏ ครบเศียรสิบเศียรรัศมี ยี่สิบเนตรมี
ละดวงดั่งดวงสุริยา  
๏ เทพีผาดเห็นยักษา พ่างเพียงชีวา
ชีวิตจะสิ้นสุดสกนธ์  
๏ กรีดร้องมองตามพนาสณฑ์ บมิเห็นจุมพล
ก็ปิดพระเนตรโศกา  
๏ ทศเศียรแผดเสียงโกลา ดูดู๋สีดา
ช่างกล่าวบังอาจทัดเทียม  
๏ ยกฤทธิ์มนุษย์บเจียม ตนกล่าวเลียบเลียม
ทระนงดั่งนี้เพื่อใด  
๏ หากสุนทรลักษณ์วิไล สุดหาโฉมใน
สามโลกบทัดเท่าทัน  
๏ คิดใคร่ผลาญชีพชีวัน เหตุหวังเปนขวัญ
พิภพกรุงลงกา  
๏ จะปูนบริรักษ์รักษา ถนอมสร้อยสุดา
บให้ระคายฤทัย  
๏ ปลอบพลางยื่นมือบไคล ช้อนแผ่นดินใน
สถานราชสีดา  
๏ ขึ้นใส่บนท้ายรถา สถานนั้นคณนา
ได้โยชน์ในแคว้นมณฑล  
๏ เหาะโดยอากาศเวหน ดับแสงสุริยน
ชรอุ่มชรอ่ำอัศจรรย์  
๏ ทวยเทพสร้อยเศร้าโศกศัลย์ ทุกข์ถึงทรงธรรม์
ทั้งสามสมเด็จกระษัตรีย์ ฯ  

๑๑

๏ วรราชสีดา ครั้นยักษามาพาหนี
ข้อนทรวงเข้าโศกี พิลาปอาบสุชลนัยน์
๏ เหลียวซ้ายก็เปล่าตา จะแลขวาบเห็นใคร
ฤๅมีที่อาศัย สำนักใครจะรอดปาง
๏ กูผิดกูคิดพลั้ง รอยกรรมหลังจึ่งหมองหมาง
ใช้ท้าวไปตามกวาง แล้วซ้ำใช้พระอนุชา
๏ ไปตามพระจักรี ทีนี้สุดที่แลหา
โอ้โอะอนิจจา ฤๅห่อนพ้นจากมือมาร
๏ คร่ำครวญรัญจวนจิต กรรมโพ้นติดจึ่งตามผลาญ
ไฉนเลยพระภูบาล จะรู้ข่าวมันพาหนี
๏ อารักษ์อันรักษา ทุกทางท่าพนาลี
ช่วยทูลว่ายักษี มันลอบลักเอาเมียมา
๏ ร่ำพลางนางผันแปร ชะแง้แลทุกทิศา
ห่อนเห็นพระภรรดา ก็โศกสิ้นสมประดี ฯ

๑๖

๏ ปางนั้นสดายุปักษี อยู่ยอดฉิมพลี
ก็เห็นอสูรอาธรรม์  
๏ ลักราชลีดาผาดผัน ใส่รถจรจรัล
จะไปยังเกาะกรุงมาร  
๏ สกุณโกรธเพียงเพลิงผลาญ เผ่นโผนบินทะยาน
ด้วยฤทธิ์กำลังเกรียงไกร  
๏ กางปีกปิดแสงสุริย์ใส เข้ากั้นรถไชย
ก็ร้องสำทับอสุรา  
๏ ว่าเหวยทศเศียรโมหา วรราชสีดา
เปนเมียพระรามฤทธิรงค์  
๏ มึงคนมนทโม่ห่ใหลหลง ลอบลักโฉมยง
จะม้วยทั้งเมืองดรธาน  
๏ เร่งส่งนางมาอย่าช้านาน หาไม่จะผลาญ
ให้ม้วยแต่ในพรับตา  
๏ ทศเศียรจึ่งตอบวาจา ใช่การสกุณา
จะห้ามจะแหนผิดที  
๏ ใช่วงศ์พงศ์พันธุ์ปักษี จะจวบชีวี
ด้วยสองมนุษย์สามานย์  
๏ เองอย่ากล่าวอื้ออวดหาญ จะสาดศรผลาญ
ให้กลิ้งในพื้นพสุธา  
๏ ปักษีตอบขุนยักษา ทศรถบิดา
พระรามสหายแห่งกู  
๏ นางนี้สุณิสาโฉมตรู จะนำดนู
ไปคืนแก่องค์จักรี  
๏ ว่าแล้วโถมเข้าราวี รุกไล่อสุรี
ก็ย่นจนรถทศกัณฐ์  
๏ เท้าถีบปีกตีบุกบัน จิกคอกุมภัณฑ์
ก็หล่นวินาศดาษดิน  
๏ สกุณร่ำคำรณร้องฉิน ทศเศียรอสุรินทร์
จงส่งสีดามาพลัน  
๏ ทศกัณฐ์คับแค้นหุนหัน จับศรยืนยัน
ก็แผลงด้วยแรงกายา  
๏ ไหวหวั่นครรชิตทิศา ศรทำฤทธา
ไปรุกไปราญราวี  
๏ ขุนราชวิหคปักษี แกว่งสองปีกตี
ธนูอสูรยับยัน  
๏ ถีบฉัตรธงฉานหักหัน โถมจิกทศกัณฐ์
ประยุทธบนรถทองพราย  
๏ ทศเศียรจับตรีศูลผาย อ่านเวทอุบาย
แล้วพุ่งยังขุนสกุณา  
๏ สกุณไกวกวักปีกร่อนรา ตรีศูลอันมา
ตระบัดก็กลับหลังพลัน  
๏ บมิฝืนลมปีกอันมหันต์ คืนยังทศกัณฐ์
บต้องบถูกสกุณี  
๏ จึ่งราพณาสูรยักษี โกรธดังอัคคี
ก็ขว้างคทาธรทอง  
๏ ปักษีบทันผันผยอง ต้องเพชรตะบอง
ก็ถอยกำลังกายา  
๏ ตกจากภาคพื้นเวหา ฟุบเหนือพสุธา
อนาถลาญสมประดี  
๏ ขุนมารเร่งรถปลาตหนี ชื่นชมเปรมปรีดิ์
ก็ดั้นมาโดยเมฆิน  
๏ สกุณฟั่นฟื้นชีวิน ตระบัดโบยบิน
กระพือคำรณติดตาม  
๏ กางปีกกั้นรถบมิขาม ทระนงคุกคาม
ทะยานเข้าถีบทศกัณฐ์  
๏ สิบหน้าเลือดย้อยแดงฉัน เล็บปากดั่งฟัน
ด้วยเทพศัสตรแสนตาว  
๏ จิกชักหักรถกลางหาว กำกงร่วงพราว
ระทมลงโซมธรณี  
๏ คั้นคาบกลางตัวสารถี เยาะหยันอสุรี
ฉวัดเฉวียนโบยบิน  
๏ ราพณาสูรอุ้มเทพิน รณรงค์สกุณิน
แต่สองในกลางเมฆา  
๏ ต่างไวต่อไวสหัสสา ขว้างสรรพศัสตรา
ด้วยโกรธเกรียงเกรียมใจ  
๏ พสุธาอากาศหวาดไหว ทศเศียรชิงชัย
จนสิ้นกระบวนยุทธการ  
๏ สิ้นศัสตราวุธแผลงผลาญ แต่มือเปล่าดาล
ระทดสลดหฤทัย  
๏ สกุณาร่ารื่นเริงใจ กล่าวคำไยไพ
ว่าเหวยอสูรเกี่ยงตาย  
๏ อย่าหวังฆ่าชีพกูวาย สิ้นภพทั้งหลาย
บควรคะนึงป่วยที  
๏ เว้นแต่แหวนก้อยมหิษี เครื่องทรงพระศุลี
นั้นแลจะฆ่ากูตาย  
๏ ราพณาสูรฟังเปรมปราย ห่อนคิดความอาย
มโนมานะฤๅมี  
๏ จึ่งถอดธำมรงค์เทพี วรราชมหิษี
ก็บิดสะบัดปัดกร  
๏ ถอดแหวนจากหัตถ์สายสมร ทศเศียรฤทธิรอน
ก็ขว้างยังขุนสกุณา  
๏ จึ่งสดายุราชปักษา ต้องแหวนจักรา
จะปิ่มชีวิตวายชนม์  
๏ ปีกหักตกจากเวหน คาบแหวนนฤมล
ก็ล้มยังพื้นปัฐพี  
๏ ทศเศียรอุ้มนางวางหนี กลัวพระจักรี
จะตามมาทันอสุรา ฯ  

๑๑

๏ อรรคราชเทพี เห็นปักษีตกเวหา
ทอดองค์ลงโศกา ก็ครวญคร่ำน้ำเนตรนอง
๏ โอ้ขุนทิชาชาติ ทรงอำนาจบมีสอง
ควรฤๅไม่ตรึกตรอง บอกดวงใจให้ศัตรู
๏ ขืนคิดว่ายักษี มันจะมีความอดสู
ไม่คิดคะนึงดู ว่าอสุรามันอาธรรม์
๏ สองกรกระทุ่มทรวง ระลวงโศกกันแสงศัลย์
ไฉนเลยพระทรงธรรม์ จะทันเมียที่ไหนมี
๏ นางทรงโศกาดูร พอพบมยูรปักษี
จึ่งสั่งว่าพี่ปรานี ช่วยทูลท้าวด้วยเถิดรา
๏ คร่ำครวญโดยอัมพร เห็นวานรปลายพฤกษา
เปลื้องสไบอันทรงมา ก็โยนไว้ให้วานร
๏ ร้องสั่งกระบิลไพร จงทูลไท้ผู้ทรงศร
ว่าท้าวยี่สิบกร มันพาน้องไปลงกา ฯ

๑๖

๏ ทศเศียรถึงกรุงยักษา รำพึงจินดา
ด้วยโฉมยุพินเยาวมาลย์  
๏ จะนำไปสู่ราชฐาน กริ่งเกลือกรำคาญ
ลืดาจะกลั้นใจตาย  
๏ กูจะชวดเชยชมสบาย ตริแล้วพาสาย
สมรไปสู่อุทยาน  
๏ ครั้นถึงสวนศรีพิศาล วางองค์นงคราญ
ในที่ประทับพลับพลา  
๏ มอบสาวอสุรีรักษา อีกแสนเสนา
ทั้งองค์สหัสกุมาร  
๏ แล้วองค์อสูรกล่าวคำหวาน ปลอบโยนเยาวมาลย์
ว่าเจ้าอย่าเศร้าโศกา  
๏ พี่จะแสนสุขเสนหา ตราบเท่าชีวา
วินาศสิ้นสุดกัลป์  
๏ เจ้าค่อยอยู่ยังสวนขวัญ พี่ขอลาพลัน
จะคืนมาสู่สมสมร  
๏ ว่าแล้วท้าวยี่สิบกร เหาะขึ้นอัมพร
มาสู่นิเวศลงกา  
๏ ฝ่ายนาถนารายณ์นาถา คอนหนังมฤคา
ตระบัดก็รีบดำเนิน  
๏ ข้ามธารผ่านโขดเขาเขิน หฤทัยบเพลิน
รำถึงสีดารอนรอน  
๏ โดยด่วนเดินดั้นดงดอน บัดพระสี่กร
ก็พบพระลักษณ์อนุชา  
๏ พระตระหนกตกใจนักหนา จึ่งถามกิจจา
ดั่งฤๅเจ้าละเทพี  
๏ ให้ผิดโบราณคดี ไพรพฤกษ์สตรี
อยู่เดียวจะดาลดลภัย  
๏ พระอนุชาก้มเกล้าทูลไข โดยอัศจรรย์ใน
ประถมเหตุมีมา  
๏ นารายณ์ทิ้งหนังมฤคา ลงเหนือพสุธา
ก็รีบดำเนินเดินพลัน  
๏ แล่นพลางพลางเศร้าโศกศัลย์ บันลุอรัญ
กุฎีบยลเยาวมาลย์  
๏ พระเข้าค้นทั่วทิศสถาน บได้พบพาน
พระนุชสุดโศกา  
๏ ทุกทิศหาเหลือหา โดยรอบคณนา
ประเทศแคว้นกุฎี ฯ  

๑๑

๏ ท้าวทรงกันแสงครวญ รัญจวนจิตพระจักรี
ร้องร่ำคำนึงศรี สวัสดิ์สร้อยสุดาสมร
๏ มิเคยพลัดก็จำพราก มิเคยจากมาจำจร
อกพี่เสมอถอน ฤทัยไกลไปจากองค์
๏ ปานนี้จะเศร้าสร้อย โหยละห้อยเพียงพิศวง
ใครเลยจะดำรง ฤทัยน้องให้เคลื่อนคลาย
๏ ใครหนอมาลอบลัก พระวรอัครโฉมฉาย
จงช่วยมาทำลาย ชีวิตเราให้ม้วยมรณ์
๏ คิดมาก็เสียแรง กูแบกแล่งธนูศร
มาเที่ยวพเนจร จะกันเมียบรอดปาง
๏ ไทท้าวทั้งธรณิน จะติฉินให้หมองหมาง
ว่าพี่นี้พานาง มาทอดทิ้งเสียกลางดง ฯ

๑๖

๏ พระลักษณ์สร้อยเศร้าพิศวง ครั้นค่อยดำรง
สติก็ทูลภูมี  
๏ ว่าพระจะทรงโศกี อยู่ไยช้าที
จงเร่งไปตามเยาวมาลย์  
๏ พระได้สมประดีบนาน ด่วนด่วนโดยกาล
ตระบัดจากศาลาลัย  
๏ ผายผ่านเถื่อนธารเทินไพร บมีทางไป
ก็ดั้นอรัญจรลี  
๏ ขึ้นข้ามเขาโขดคีรี รอนแรมมามี
ลำดับกำหนดเจ็ดวัน  
๏ จึ่งพบดาบแลพระขรรค์ หักเยินย่อยยัน
ก็ตกอยู่เรี่ยรายทาง  
๏ สองท้าวสนเท่ห์อางขนาง ใครหนอลักนาง
ชะรอยจะเกิดยุทธการ  
๏ แม้นเราตามพบจะผลาญ ชีพิตให้ลาญ
ด้วยศัสตรแสงศรพล  
๏ ผาดเห็นรถหักเกลื่อนหน สารถีสิ้นชนม์
ด้วยเล็บแลบาทสกุณี  
๏ ดีร้ายสดายุปักษี รณรงค์อสุรี
จะรีบไปช่วยจงทัน  
๏ พอพบสกุณีด้วยพลัน คาบธำมรงค์อัน
วิจิตรกลิ้งกลางดิน  
๏ ทั้งสองนรนาถนรินทร์ สร้วมกอดสกุณิน
พิลาปถามกิจจา  
๏ ปีกหางย่อยยับแสนสา หัสเพียงชีวา
วินาศนี้เพื่อใด  
๏ สกุณชำเลืองเฉลยไข ทศเศียรอาจใจ
มาลักสีดาพาจร  
๏ กูกางปีกปิดทินกร บดบังอัมพร
บันดาลดั่งราตรีกาล  
๏ เข้ารณรงค์ชิงเยาวมาลย์ อสูรรอนราญ
จนศัสตรสิ้นสุดลง  
๏ กูจึ่งกล่าวถ้อยทระนง ว่ากลัวธำมรงค์
ในหัตถ์แห่งนางโฉมตรู  
๏ ราพณาสูรห่อนอดสู ถอดทิ้งถูกกู
ก็ตกลงจากเมฆา  
๏ มันเร็วรีบอุ้มสีดา เหาะไปลงกา
นิเวศเกาะกรุงมาร  
๏ ตรงทิศทักษิณพิศาล เร่งตามไปราญ
ประยูรโคตรอสุรี  
๏ กูไว้ใจท่าสองศรี หวังแถลงคดี
ให้แจ้งซึ่งข่าวบังอร  
๏ บอกแล้วถวายแหวนภูธร ขุนทิชากร
บนานก็สิ้นชีวา  
๏ สองท้าวแสนโศกสหัสา ร่ำรักสกุณา
ผู้เปนสหายบิตุรงค์  
๏ พระพิลาปพิไรใหลหลง ว่าท่านผู้ทรง
พหลกำลังฤทธา  
๏ ดั่งฤๅพ่ายแพ้ยักษา เพราะซื่อสัจจา
ไปบอกยุบลไพรี  
๏ เสร็จพระร่ำรักปักษี นรนาถจักรี
จะปลงพระศพแทนคุณ  
๏ จึ่งพระกฤษณรักษ์ศักดิ์สุน ทรเดชอดุลย์
ก็จับธนูดูยง  
๏ โน้มน้าวพรหมาสตร์แล้วทรง แผลงเปนเมรุปลง
พระศพสกุณด้วยพลัน  
๏ แล้วสองภูวนาถผาดผัน กรายกรตามกัน
เข้าสู่วนานต์ดานดง  
๏ ผ่านแถวแนวพฤกษ์ไพรระหง ชมช่อบุษบง
สาโรชบานบังใบ  
๏ รวยรวยเสาวคนธ์ยวนใจ หฤทัยท้าวไท
ถวิลพธูเทพี  
๏ มาสิบหกโยชน์วิถี สองสุรกษัตรีย์
ก็สบอสุรกุมภณฑ์  
๏ สองมือโอบอ้อมพนสณฑ์ พระเสด็จจรดล
ก็หลงเข้าวงมือมาร  
๏ ครึ่งตัวสูงสุดไพศาล สองตาเหลือกลาน
ดั่งดวงประกายพรึกพรรณ  
๏ เขี้ยวโง้งเงื่อนงาคชกรรม์ ซีกฟันละอัน
ดั่งแท่งศิลายาวรี  
๏ ลิ้นแลบลามเลียธรณี สกนธ์กายล่ำพี
พันฦกนิคับดงดาน  
๏ เอางูต่างสร้อยสังวาล เลี้ยวเลิกพังพาน
ก็ผกผงาดรอบตน  
๏ กระดูกสิงสัตว์เกลื่อนหน กองท่ามภูวดล
จะทัดจะเท่าศิขรินทร์  
๏ กุมภณฑ์ผาดเห็นภูมินทร์ ร้องก้องแดนดิน
ว่าเหวยมนุษย์สองนาย  
๏ ไม่รู้สึกชีพจะวาย หลงเดินมาตาย
ในมือพระกาลเพื่อใด  
๏ สองมืออสูรรวบภูวไนย ด้วยเดชาไว
ยกูณฐ์บันดาลร้อนรึง  
๏ ขุนมารนิ่งนึกรำพึง หมื่นปีปลายหึง
แต่ต้องซึ่งสาปอิศรา  
๏ กูกินสิงสัตว์หนักหนา ผู้คนไปมา
กระดูกก็เกลื่อนกลางไพร  
๏ ไม่เหมือนสองชายนี่ไฉน จึ่งร้อนดั่งไฟ
มหามหัตอัศจรรย์  
๏ ฤๅวิษณุรักษ์รังสรรค์ จากอาสน์อนัน
ตนาคไวกูณฐ์มา  
๏ เปนพระราเมศมหา มหิทธิเดชา
นุภาพปราบอาธรรม์  
๏ เพื่อกูจะพ้นสาปสรร เพราะเบื้องบุญอัน
บดินทรโปรดปรานี  
๏ คิดแล้วกุมภณฑ์ยักษี ถามอรรถคดี
ว่าท่านนี้ฤๅอวตาร  
๏ จากหลังอุรคินทร์เลอสมาน มาแผ้วพงศ์มาร
อันบังด้วยโมห์อาธรรม์  
๏ ภูวนาถเฉลยวัจนกุมภัณฑ์ เรานารายณ์อัน
สฤษฏิเปนรามา  
๏ บัดนี้ทศเศียรยักษา มันลักชายา
ไปสู่นิเวศเวียงมาร  
๏ เราจึ่งตามมาจะผลาญ อสูรมารพาล
จงสิ้นทั้งญาติประยูร  
๏ กุมภณฑ์ก้มเกล้าท่าวทูล แถลงโทษแต่มูล
กิจดึกดำบรรพ์  
๏ ว่าสยมภูวรังสรรค์ โกรธาข้าอัน
บังอาจหยอกนารี  
๏ อันสมญานิลมาลี จึ่งองค์พระจักรี
พิโรธขว้างจักรมา  
๏ ต้องข้าขาดกึ่งกายา แล้วเจ้าโลกา
ประสาทสาปส่งไป  
๏ ให้ทนเทวษอยู่เถื่อนไพร เลี้ยงชีวาลัย
ด้วยสัตว์อันหลงเข้ามือ  
๏ ข้าทูลถามเมื่อใดคือ จะพ้นสาปฤๅ
บพ้นเทวษกลใด  
๏ โลเกศเล่าตรัสอรรถไข ว่าปางใดไว
ยกูณฐ์แห่งหริรามา  
๏ แปรเปนสุริยวงศ์โยทธยา ทรงนามรามา
กับองค์กนิษฐ์ไชยชาญ  
๏ ไปตามยอดเยาวยุพาล ได้แนะทิศสถาน
สถิตนิเวศอสุรี  
๏ จึ่งสุดเขตสาปพระศุลี คืนสู่ดุษฎี
ด้วยเดชองค์อวตาร  
๏ บัดนี้ทศเศียรผู้หาญ ลักนาฏนงคราญ
ไปสู่พิภพลงกา  
๏ นรนาถฟังข่าวชายา ผ่าวร้อนอุรา
รันลุงระลวงหฤทัย  
๏ ชลนาพรึมพร่ำเพรื่อไพร คั่งคลอคลองนัยน์
เนตรกลั้นกลืนพลัน  
๏ แล้วจึ่งตรัสถามภุมภัณฑ์ ลงกาทศกัณฐ์
จะไปไฉนอสุรา  
๏ กุมภณฑ์นบสนองบัญชา ว่ากรุงลงกา
อยู่ตรงทักษิณทิศไป  
๏ ทางทุรัศท่าเถื่อนเนินไศล เดินกึ่งเดือนไกล
จะพบนครพานรินทร์  
๏ อันสมมุตินามขีดขิน พาลีลูกอินทร์
ดำรงพิภพถาวร  
๏ ผิพระหริรักษ์สังหรณ์ ไปดลพานร
จงถามหนทางสืบไป  
๏ ทูลแล้วกุมภณฑ์ตักษัย จุติขึ้นไป
ก็ผ่านพิมานเมืองรมย์  
๏ เทวกุมภณฑ์ไหว้ชม สมภารอุดม
ทั้งสองสมเด็จกษัตรา  
๏ ฝ่ายพระกฤษณรักษ์นาถา กับองค์อนุชา
ประเวศโดยอารญ  
๏ พระพลางคำนึงนฤมล โอ้แก้วกับตน
มาจากอุระแรมไกล  
๏ เห็นนกร่อนร้องก้องไพร เคล้าคู่บไคล
อนาถดั่งเรียมอาทร  
๏ สาลิกาจับเพกานอน หว้าจับหว้าวอน
นางนกมาชมร่มรัง  
๏ ไก่จับปุ่มไก่ประนัง เสียงขันแข่งฟัง
สนั่นเสนาะสำเนียง  
๏ เปล้าจับเปล้าคู่จับเคียง แก้วจับแก้วเมียง
แม่นกวิหคเหิรพนม  
๏ ดอกบัวจับบัวบินสม คู่เคล้าคลึงชม
ซะแซ่ซะซ้อร่อกัน  
๏ กระทาจับคนทาขัน คล้าจับคล้าปัน
เหยื่อป้อนแล้วร่อนชมไพร  
๏ หมู่ยูงจับยอดยูงไสว แผ่แพนฟ้อนใน
ยอดพฤกษร้องก้องดง  
๏ ยางจับยางยืนงวยงง แล้วบากบินลง
ยังห้วยละหานหาปลา  
๏ กะลุมพูจับจอมภูผา คับคาคาบคา
มารองเปนรังเรียงทำ  
๏ สีชมพูจับชมพู่นำ เบญจวรรณไต่ลำ
ลดาอยู่คลอคลึงนาง  
๏ พอเศร้าแสงสุริยารางราง ชรอุ่มอับทาง
พนานตย่ำสนธยา  
๏ เซ็งเสียงแรดฟานโคลา มฤคินทรคชา
ออกโพ้นประพาสอารัญ  
๏ สมัยนั้นยักษิณีไพรวัน สกนธ์กายเทียบทงัน
พิฦกพิศพ้นปลายตาล  
๏ นามอัสมุขีนางมาร เสาะแสวงอาหาร
มาสบทั้งสองภูวไนย  
๏ ยักษีมีจิตพิสมัย พิศทรงวิไล
วิลาสล้ำอำมรินทร์  
๏ ความรักอักอ่วนครวญถวิล มุ่งดูภูมินทร์
ทั้งสองไม่ใคร่วางตา  
๏ ค่อยย่องมองแฝงภูผา อสุรเพียงชีวา
จะเด็ดด้วยรักจักรี  
๏ สององค์บเห็นยักษี ชายชมมฤคี
ลิลาศมาตรงนางมาร  
๏ จึ่งอัสมุขีใจหาญ เห็นสองนฤบาล
มาใกล้ก็ป่วนยวนใจ  
๏ สุดรักสุดกลั้นพิสมัย ผาดโผนว่องไว
เข้าฉวยพระศรีอนุชา  
๏ โอบอุ้มขึ้นบนเวหา กอดรัดกระษัตรา
กระสันต์กระเษมเปรมปรีดิ์  
๏ บันเทิงเริงราคฤดี น้องพระจักรี
ก็ดาลตะลึงลานใจ  
๏ พอค่ำคลุ้มลงไรไร ชรลุ่มพื้นไพร
พนัสมืดมัวดิน ฯ  

ฯ เชิด ฯ

๏ จึ่งพระหริวงศ์ทรงศิลป์ ผาดเห็นอสุรินทร์
มาอุ้มพระนุชพาจร  
๏ พิศวงหฤทัยภูธร นรนาถสี่กร
สะอื้นแล้วออกวาที  
๏ ว่าเมียรักยักษ์พาหนี พ่อเพื่อนชีวี
มาซ้ำนิราศคลาดคลา  
๏ ค่ำคลุ้มบมิรู้แห่งหา ยักษีจะพา
พระนุชไปหนใด  
๏ จึ่งทรงพรหมาสตร์ศรไชย พาดสายแผลงไป
ก็แจ้งดั่งแสงสุริยง  
๏ พระลักษณ์ลานจิตพิศวง เห็นแสงศรทรง
ประจักษ์ก็คืนสมประดี  
๏ จึ่งน้อมศิโรโมลี ร่ายเวทวิธี
นักสิทธ์ประสิทธิ์ไพบูลย์ ฯ  

ฯ ตระ ฯ

๏ ดาลหย่อนอสุรอสูร ตกห้วยหาดยูร
ยาตรยังพสุธา  
๏ พระแกว่งขรรค์เพชรเจษฎา รอนหัตถ์บาทา
อสูรขาดบมินาน  
๏ ยักษีวิ่งร้องลนลาน หนีดั้นดงดาน
บอาจจะเหลียวหลังมา ฯ  

ฯ เชิด ฯ

๏ พระเหลือบเล็งไทเชษฐา ดั้นโดยหิมวา
ก็สบสมเด็จกระษัตรีย์  
๏ สองทรงโศกเศร้าหมองศรี กลัวยักขินี
จะพาไปซ่อนเลียไกล  
๏ พระนุชถี่ถ้วนทูลไท แต่มารพาไป
จนคืนมาสบทรงธรรม์  
๏ นารายณ์ชื่นชมหฤหรรษ์ เพลาสายัณห์
ก็ยั้งประทับแรมทาง  
๏ พระนุชปลูกพลับพลาพลาง สรรพรรณแววหาง
มยุรลาดหลังคา  
๏ แล้วจึ่งนั่งนวดเชษฐา คอยภัยพาธา
สิงสัตว์บให้แผ้วพาน  
๏ ครั้นรุ่งจำรูญสุริย์ฉาน องค์อรรคอวตาร
กับนาถกนิษฐครรไล  
๏ ข้ามห้วยเหวธารผ่านไศล เมิลรุกขเนินใน
พนานตโรยกลิ่นขจร  
๏ ภุมรารายระเริงฟอน เฟ้นเสาวคนธ์ธร
สุมาลย์กรลบอบดง  
๏ พระเพ่งพลางคิดพิศวง ถึงนาฏอนงค์
ทุเรศสมรจรเรียม  
๏ พระเห็นเล็บนางพิศเฟี้ยม เล็บนุชเรียมเกรียม
อุระอนาถใจกรม  
๏ ดุจช้องนางคลี่คลี่ผม เรียมคลี่ช้องชม
สุคันธเกศกลิ่นเกลา  
๏ เห็นขานางพิศเพียงเพลา นุชเคยแนบเนา
มาจำบำราศแรมเชย  
๏ ภูวนาถบากเบือนเสบย เสด็จลีลาเลย
มาสู่อรัญกัทลี ฯ  

ฯ สกุณี ฯ

๏ พอเพียงสุริยแรงศรี เทพดลกระษัตรีย์
ทั้งสองให้พักร่มไทร ฯ  

ฯ สาธุการ ฯ

๏ เสาวคนธพระพายุพาไคล ขจรกลิ่นมาลัย
กรลบระเรื่อยฉายา  
๏ จึ่งนาถนารายณ์นาถา เอนองค์นิทรา
บนตักพระลักษณ์ภูมี ฯ  

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ