พากย์เอราวัณ

พระราชนิพนธ์รัชกาลที่ ๒

๏ อินทรชิตบิดเบือนกายิน เหมือนองค์อมรินทร์
ทรงคชเอราวัณ  
๏ ช้างนิรมิตฤทธิแรงแข็งขัน เผือกผ่องผิวพรรณ
สีสังข์สะอาดโอฬาร์  
๏ สามสิบสามเศียรโสภา เศียรหนึ่งเจ็ดงา
ดังเพชรรัตน์รูจี  
๏ งาหนึ่งเจ็ดโบกขรณี สระหนึ่งย่อมมี
เจ็ดกออุบลบันดาล  
๏ กอหนึ่งเจ็ดดอกดวงมาลย์ ดอกหนึ่งแบ่งบาน
มีกลีบได้เจ็ดกลีบผกา  
๏ กลีบหนึ่งมีเทพธิดา เจ็ดองค์โสภา
แน่งน้อยลำเพานงพาล  
๏ นางหนึ่งย่อมมีบริวาร อีกเจ็ดเยาวมาลย์
ล้วนรูปนิรมิตมารยา  
๏ จับระบำรำร่ายส่ายหา ชำเลืองหางตา
ทำทีดังเทพอัปสร  
๏ มีวิมานแก้วงามบวร ทุกเกศกุญชร
ดังเวไชยันต์อมรินทร์  
๏ เครื่องประดับเก้าแก้วโกมิน ซองหางกระวิน
สร้อยสายชนักถักทอง  
๏ ตาข่ายเพชรรัตน์ร้อยกรอง ผ้าทิพย์ปกตระพอง
ห้อยพู่ทุกหูคชสาร  
๏ โลทันสารถีขุนมาร เปนเทพบุตรควาญ
ขับท้ายที่นั่งช้างทรง  
๏ บรรดาโยธาจัตุรงค์ เปลี่ยนแปลงกายคง
เปนเทพไทเทวัญ  
๏ ทัพหน้าอารักษ์ไพรสัณฑ์ ทัพหลังสุบรรณ
กินรนาคนาคา  
๏ ปีกซ้ายฤๅสิทธ์วิทยา คนธรรพ์ปีกขวา
ตั้งตามตำรับทัพไชย  
๏ ล้วนถืออาวุธเกรียงไกร โตมรศรไชย
พระขรรค์คทาถ้วนตน  
๏ ลอยฟ้ามาในเวหน รีบเร่งรี้พล
มาถึงสมรภูมิไชย ฯ  

ฯ เจรจา ฯ

๏ เมื่อนั้นจึงพระจักรี พอพระสุริย์ศรี
อรุณเรืองเมฆา  
๏ ลมหวนอวลกลิ่นมาลา เฟื่องฟุ้งวนา
นิวาสแถวแนวดง  
๏ ผึ้งภู่หมู่คณาเหมหงส์ ร่อนราถาลง
แทรกไซ้ในสร้อยสุมาลี  
๏ ดุเหว่าเร้าเร่งพระสุริย์ศรี ไก่ขันปีกตี
กู่ก้องในท้องดงดาน  
๏ ปักษาตื่นตาขันขาน หาคู่เคียงประสาน
สำเนียงเสนาะในไพร  
๏ เดือนดาวดับเศร้าแสงใส สร่างแสงอโณทัย
ก็ผ่านพยับรองเรือง  
๏ จับฟ้าอากาศแลเหลือง ธิบดินทร์เธอบรรเทือง
บรรทมฟื้นจากไสยา ฯ  

ฯ เจรจา ฯ

๏ เสด็จทรงรถแก้วโกษีย์ ไพโรจน์รูจี
จะแข่งซึ่งแสงสุริย์ใส  
๏ เทียมสินธพอาชาไนย เริงร้องถวายไชย
ชันหูระเหิดหฤหรรษ์  
๏ มาตลีสารถีเทวัญ กรกุมพระขรรค์
ขับรถมากลางจัตุรงค์  
๏ เพลารอยพลอยประดับดุมวง กึกก้องกำกง
กระทบกระทั่งธรณี  
๏ มยุรฉัตรชุมสายพรายศรี พัดโบกพัชนี
กระบี่ระบายโบกลม  
๏ อึงอินทเภรีตีระงม แตรสังข์เสียงประสม
ประสานเสนาะในไพร  
๏ เสียงพลโห่ร้องเอาไชย เลื่อนลั่นสนั่นใน
พิภพเพียงทำลาย  
๏ สัตภัณฑ์บรรพตทั้งหลาย อ่อนเอียงเพียงปลาย
ประนอมประนมชมไชย  
๏ พสุธาอากาศหวาดไหว เนื้อนกตกใจ
ซุกซ่อนประหวั่นขวัญหนี  
๏ ลูกครุฑพลัดตกฉิมพลี หัสดินอินทรี
คาบช้างก็วางไอยรา  
๏ วานรสำแดงเดชา หักถอนพฤกษา
ถือต่างอาวุธยุทธยง  
๏ ไม้ไหล้ยูงยางกลางดง แหลกหลู้ล้มลง
ละเอียดด้วยฤทธิโยธี  
๏ อากาศบดบังสุริย์ศรี เทวัญจันทรี
ทุกชั้นอำนวยอวยไชย  
๏ บ้างเปิดแกลแก้วแววไว โปรยทิพย์มาลัย
ซ้องสาธุการบูชา  
๏ ชักรถรี่เรื่อยเฉื่อยมา พุ่มบุษป์มาลา
กงรถไม่จดธรณิน  
๏ เร่งพลโยธาพานรินทร์ เร่งรัดหัสดิน
วานรให้เร่งรีบมา ฯ  

ฯ เจรจา หยุดทัพ ฯ

๏ เมื่อนั้นพระศรีอนุชา เอื้อนอรรถวัจนา
ตรัสถามสุครีพขุนพล  
๏ เหตุไฉนสหัสนัยน์เสด็จดล สมรภูมิไพรสณฑ์
เธอมาด้วยกลอันใด  
๏ สุครีพทูลทัดเฉลยไข ทุกทีสหัสนัยน์
เสด็จด้วยหมู่เทวา  
๏ อวยไชยถวายทิพย์มาลา บัดนี้เธอมา
เห็นวิปริตดูฉงน  
๏ ทรงเครื่องศัสตราแย่งยล ฤๅจะกลับเปนกล
ไปเข้าด้วยราพณ์อาธรรม์  
๏ พระผู้เรืองฤทธิแข็งขัน คอยดูสำคัญ
อย่าไว้พระทัยไพรี ฯ  
๏ เมื่อนั้นอินทรชิตยักษี ตรัสสั่งเสนี
ให้จับระบำรำถวาย  
๏ ให้องค์อนุชานารายณ์ เคลิบเคลิ้มวรกาย
จะแผลงซึ่งศัสตรศรพล ฯ  

ฯ เจรจา ฯ

๏ อินทรชิตสถิตเหนือเอรา วัณทอดทัศนา
เห็นองค์พระลักษณ์ฤทธิรงค์  
๏ เคลิบเคลิ้มหฤทัยใหลหลง จึงจับศรทรง
พรหมาสตร์อันเรืองเดชา  
๏ ทูนเหนือเศียรเกล้ายักษา หมายองค์พระอนุชา
ก็แผลงสำแดงฤทธิรณ  
๏ อากาศก้องโกลาหล โลกลั่นอึงอล
อำนาจสะท้านธรณี  
๏ ศรเต็มไปทั่วราศี ต้ององค์อินทรีย์
พระลักษณ์ก็กลิ้งกลางพล ฯ  

ฯ เจรจา อินทรชิตกลับทัพ ฯ

๏ เมื่อนั้นองค์พระจักรี เสด็จออกยังศรี
สุวรรณราชพลับพลา  
๏ ครั้นล่วงสายัณหเวลา หวาดหวั่นวิญญา
ระทดพระทัยพันทวี  
๏ คอยข่าวนุชน้อยโฉมศรี จนจวนพระรวี
จะสิ้นซึ่งแสงรอนรอน  
๏ บเห็นพวกพลพานร นำข่าวสังหรณ์
มาแจ้งยุบลร้ายดี  
๏ หนึ่งทักขิณเนตรจักรี เกิดลางกาลี
กระเหม่นนิมิตผิดผัน  
๏ ส่ำเสียงศิลป์ลั่นอัศจรรย์ เสียงพลกุมภัณฑ์
ก็โห่สำเนียงเกรียงไกร  
๏ ฤๅพวกไพรีมีชัย ผลาญนุชดวงใจ
สิ้นชีพในกลางณรงค์ ฯ  

ฯ เจรจา ฯ

๏ เสด็จจากสุวรรณราชพลับพลา รีบเร่งลีลา
ลุแหล่งณรงค์ราวี  
๏ พระเสด็จลุยเลือดโยธี เที่ยวหาพระศรี
อนุชผู้ร่วมหฤทัย  
๏ บมิพบพระเพื่อนเข็ญใจ มืดมัวทั่วไป
ด้วยเปนเวลาราตรี  
๏ เสด็จพลางทางทรงโศกี แซ่เสียงปักษี
วังเวงวิเวกในวนานต์  
๏ สกุณีเหมือนจะมีอาการ บอกแจ้งแสดงสาร
พระนุชให้เรียมฟัง  
๏ พระเสด็จประทับแทบร่มรัง หวั่นหวั่นหวาดหวัง
ระทวยระทดหฤทัย ฯ  

ฯ เจรจา ฯ

๏ จับจันทวาทิตย์ทันใด ลั่นสายศิลป์ไชย
โชติช่วงดังดวงจันทรา  
๏ เพียงจันทร์เพ็ญบูรณ์โสภา ส่องสว่างเวหา
กำจัดซึ่งมืดมณฑล  
๏ แสงจันทร์แจ่มฟ้าสากล จึ่งพระภุชพล
บพิตรเธอทอดทัศนา  
๏ พบศพชามพูวราชา พระเร่งโศกา
สลดระทดหฤทัย  
๏ โอ้ชามพูวราชชาญไชย ท่านเรืองฤทธิไกร
เปนยอดทหารโหรา  
๏ บัดนั้นพระเสด็จยาตรา ลุยเลือดโยธา
อเนกนองปัฐพี  
๏ พบศพบุตรพระยาพาลี โอ้ว่าขุนกระบี่
กระบินทร์มาสิ้นสุดปราณ  
๏ ท่านอาสาสื่อเมืองมาร มีคุณูปการ
แก่เราทุกสิ่งนานา  
๏ ไม่ควรม้วยด้วยยักษา พระเสด็จยาตรา
มาพบสุครีพขุนพล  
๏ น้องเจ้าขีดขินมณฑล ตัวท่านถวายพล
ภักดีด้วยความสัตยา  
๏ ครั้งหนึ่งมีคุณอาสา หักฉัตรอสุรา
ธิราชก็รุกราญรอน  
๏ ควรฤๅมาม้วยด้วยศร ดับนั้นภูธร
ก็พบคำแหงหนุมาน  
๏ พระเจ้าเร่งเศร้าสงสาร โอ้โอ๋หนุมาน
เปนยอดทหารเดชา  
๏ ตัวท่านทำการอาสา ถวายแหวนสีดา
แล้วนำยุบลข่าวสาร  
๏ เราจึ่งแจ้งคดีโดยการ แห่งยอดเยาวมาลย์
สีดาผู้เฉิดโฉมสวรรค์  
๏ เราตั้งใจจะปูนรางวัล แก่ขุนกระบี่อัน
มีจิตกระตัญญูมา  
๏ ดับนั้นพระเสด็จยาตรา เห็นพระอนุชา
ธิราชเธอกลิ้งกลางพล  
๏ ต้องศรพรหมาสตร์ฤทธิรณ กรึงแน่นทรวงบน
ตลอดจนยอดปฤษฎางค์ ฯ  

๑๑

๏ พระวิ่งเข้าประคองเกศ พระเยาวเรศขึ้นมาวาง
ลงเหนือพระเพลาพลาง พิลาปแล้วก็โศกา
๏ พระวินิจจิตโศก วิโยคไห้อยู่โหยหา
โอโอ๋พระอนุชา ในอกพี่ร้อนดังเพลิงฮือ
๏ พ่อถือพระขรรค์อยู่กับกร พ่อทรงศรอยู่กับมือ
รู้พระเวทอันเลื่องฦๅ ในแผ่นภพธาตรี
๏ พี่อดนอนเจ้าอดกิน อดได้สิ้นสิบสองปี
ควรฤๅให้ไพรี มาลอบล้างให้บรรลัย
๏ เจ้าไม่ระวังพระองค์เลย พ่อทรามเชยผู้พิสมัย
ฤๅเจ้าเมินประมาทไป พ่อร่วมใจจึงมรณา
๏ จะนับในประยูรพงศ์ สุริย์วงศ์อยุทธยา
แต่องค์พระอนุชา ทั้งสามราชกุมาร
๏ กับพี่เปนสี่ชาย อันเพริศพรายด้วยศรผลาญ
ตรีโลกไม่ต้านทาน สะท้านทั่วทิศาดล
๏ อยู่สองให้ครองกรุง บำรุงราชมณฑล
พี่น้องเราสองคน นิราศร้างบุรีมา
๏ กับเจ้าสีดาเดียว มาท่องเที่ยวอรัญวา
สิ้นสัตย์พระชนกา ธิราชแล้วจะคืนวัง
๏ เวราสิ่งใดหนอ มาเกิดก่อให้จริงจัง
แหวะดวงพระทรวงหวัง วิโยคยกเอาดวงใจ
๏ เมียรักก็จากแล้ว ฤๅน้องแก้วมาบรรลัย
อกเอ๋ยจะอยู่ไย ให้หนักฟ้าแลแผ่นดิน
๏ เทวาจะฦๅข่าว ทุกไทท้าวจะติฉิน
ว่าพี่แพ้แก่ไพริน จนสุดสิ้นพระอนุชา
๏ เสียยศทั้งเสียศักดิ์ พ่อยอดรักมาอัปรา
เสียทีที่เกิดมา ในวงศาพระสุริยน
๏ เพ่งพิศพระวรพักตร์ พ่อยอดรักผู้นฤมล
เห็นเนตรพระยุคล สลบหลับไม่ลืมแล
๏ พิศโฉมยิ่งโทมนัส ให้กลุ้มกลัดในดวงแด
พระวิลาศคือวงแข ดังฤๅมาเศร้าอยู่โรยรา
๏ ผิวเนื้อเจ้าเหลืองาม อร่ามรูปดังทองทา
พ่อเอ๋ยมาไสยา อยู่เหนือพื้นธุลีทราย ฯ

ฯ โอด ฯ

๏ พระจับศรกระชากฉุด พรหมาสตร์ไม่หลุดออกจากกาย
จะฉุดหนักก็เกรงสาย สวาดิพี่จะเจ็บองค์
๏ พระค่อยค่อยประคองชัก กลัวเจ้าลักษณ์จะปลดปลง
กรึงแน่นระนังองค์ พระทัยท้าวเธอโกรธา
๏ ใครหนอช่างประสาท พรหมาสตร์ให้อสุรา
มาแผลงผลาญพระอนุชา พระนุชน้องให้วายปราณ
๏ เร่งมาแก้ซึ่งไสยเวท ให้พ้นเภทพระเยาวมาลย์
หาไม่จะแผลงผลาญ พิภพโลกให้ยับยัน
๏ ผาดแผดพระสุรเสียง สำเนียงก้องอากาศสวรรค์
ฝูงเทพเทวัญ ก็เย็นระย่อยะเยือกใจ
๏ ครั้นวายกริ้วแล้วกรมจิต ครั้นขุกคิดก็อาลัย
ทอดถอนพระหฤทัย พระชลนัยน์ก็ไหลลง ฯ

ฯ โอด ฯ

๏ ทรงกันแสงกำสรดสร้อย ไห้ละห้อยพระทรวงทรง
โอบอุ้มพระวรองค์ มาแนบไว้กับกายา
๏ พ่อเอ๋ยเมื่อแรกเรา จะกราบเกล้าอำลามา
จากศรีอยุทธยา พระมารดาเราสามองค์
๏ ปรารมภ์ด้วยเจ้าลักษณ์ ยังเด็กนักจะเดินดง
ในป่าพนาระหง พระวงศาก็อาวรณ์
๏ หากวางพระหฤทัย ด้วยพี่ไซ้จึงให้จร
ควรฤๅพระสายสมร มาสิ้นชีพชีวา
๏ กิตติศัพท์จะเฟื่องฟุ้ง ไปถึงกรุงอยุทธยา
พระญาติวงศา จะว่าพี่มิอาลัย
๏ จะว่ารักเมียยิ่งกว่าน้อง ไม่ปกป้องให้มีภัย
ละเจ้าให้ออกไป ประยุทธด้วยยักษ์แต่ลำพัง
๏ จนสุดสิ้นสวรรคต พี่เร่งระทดถึงความหลัง
ใครเลยจะเล็งหวัง ประจักษ์แจ้งในใจจง
๏ แต่บรรดาพระหน่อนาถ อันร่วมราชบิตุรงค์
หาไหนได้เหมือนองค์ เจ้าลักษณ์พี่ไม่มีเลย
๏ เจ้าร่วมรักพ่อร่วมร้อน เจ้าร่วมที่นอนพ่อร่วมเขนย
เจ้าร่วมสรงพ่อร่วมเสวย สว่างร้อนทุกเวลา
๏ ไปไหนนิดก็ติดต้อย แต่น้อยน้อยจนใหญ่มา
ร่ายเรียงพระมารดา สัญญาว่าร่วมอุทรกัน
๏ โอ้พ่อลำเพาภาคย์ เจ้าเพื่อนยากผู้เฉิดฉัน
พิศไหนก็พรายพรรณ ดังสีสุวรรณมาทาบทา
๏ เจ้าแรกรุ่นกำดัดชม ภิรมย์รสเสนหา
ด้วยสาวสวรรค์กัลยา พ่อละเสียไม่อาลัย
๏ รักพี่ออกมาตาม พยายามถึงกลางไพร
จนเจ้ามาตักษัย ฤทัยพี่ดิ้นอยู่แดดาล
๏ ครั้นเมื่อต้องโมกขศักดิ์ ก็ปิ้มจักบรรลัยลาญ
ใช้ให้หนุมาน ทะยานไปศรีอยุทธยา
๏ ทูลข่าวพระเพลารถ จึงได้โอสถนั้นมา
ทาทันพระสุริยา พระอนุชาจึงคืนองค์
๏ ครั้งสองเมื่อต้องศาตร นาคบาศก็ยิ่งยง
รึงรัดพระวรองค์ อยู่เหนือพื้นพนาดอน
๏ พิเภกเขาบอกแจ้ง พี่จึงแผลงธนูศร
เปนครุฑมาราญรอน พระเวทมารก็บรรลัย
๏ ครั้งนี้สิศรศาตร พรหมาสตร์เขาเกรียงไกร
จะเหลียวหาไม่เห็นใคร จะแก้ไขพระอนุชา
๏ สุดรู้ก็สุดฤทธิ สุดที่จะคิดนะน้องอา
ใครเลยจะเอายา มาชุบช่วยพระน้องเรา
๏ แม้นรอดแล้วจะแทนท่าน คุณนั้นปานพระเมรุเขา
ไฉนหนอพระนงเยาว์ ยุพาพี่จะคืนคง
๏ คิดมาน่าน้อยใจ เจ้าช่างไม่ระวังองค์
สู้ศึกฤๅมาทะนง ถนัดแล้วอยู่เต็มกาย
๏ พระไห้ร่ำแต่ย่ำยาม จนยามสามไม่วางวาย
พระชลเนตรไม่เหือดหาย เปนสายเลือดลงรินริน
๏ จะปลุกสั่นสักเท่าไร ไม่หวาดไหวพระกายิน
โอ้โอ๋พระยุพิน ไม่ผินพักตร์มาพาที
๏ ไก่ขันอยู่แจ้วแจ้ว จะรุ่งแล้วพระโฉมศรี
เคยปลุกพี่พาที ไปสรงสินธุสาคร
๏ ได้ยินเสียงดุเหว่าร้อง พระกอดน้องผู้สายสมร
ลุกขึ้นเถิดเราจะจร พระกรสั่นแล้วโศกา
๏ จะปลอบปลุกสักเท่าใด ไม่หวาดไหวพระกายา
โอ้โอ๋พระอนุชา เจ้าม้วยแล้วฤๅไฉน
๏ มาตรแม้นเจ้าม้วยแล้ว พระขรรค์แก้วอันเกรียงไกร
จะกรีดศอให้บรรลัย ไปพบเจ้าในเมืองสวรรค์
๏ สิ้นเสียงที่กันแสง สุดที่แรงจะรำพัน
เอนองค์พระทรงธรรม์ ลงกับเกศพระอนุชา ฯ

๑๖

๏ อุส่าห์ฟื้นฝืนสติภาวนา ว่าโอ้โอ๋อนิจจา
ได้คำเดียวก็หายเสียง  
๏ พระบ่ายศิโรตม์ลงเรียบเรียง ทอดทบสลบเคียง
พระน้องอยู่เหนือปัฐพี ฯ  

ฯ เจรจา โอด ฯ

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ