ตอนที่ ๕ ลักษณวงศ์อยู่เรียนวิชากับพระฤๅษี สำเร็จแล้วไปตามหาพระมารดาที่เมืองมยุรา

๏ พระฤๅษีแจ้งคดีแต่หนหลัง[๑] อนิจจังอนัตตาน่าสงสาร
จากสมบัติพลัดแม่มาแดดาล แล้วเล็งญาณแจ้งจิตในกิจจา
ว่านางทิพเกสรพระหลานรัก กับพระลักษณวงศ์เสน่หา
เคยเป็นคู่สู่สมภิรมยา พระสิทธาแย้มยิ้มละไมไป
หากโฉมตรูเจ้าไม่รู้ในความรัก แล้วทรงศักดิ์ตรัสแจ้งแถลงไข
บิดาเจ้าหลงรักอียักษ์ไพร ไม่อาลัยลูกเมียจนเสียการ
เมื่อมารดาเจ้าพามานอนนั้น ท้าวกุมภัณฑ์พาไปในไพรสาณฑ์
ไปอยู่เมืองมยุราพญามาร ไม่ช้านานเจ้าจะพบประสบกัน
อยู่ศาลาตาเถิดจะสั่งสอน ให้รุ่งเรืองฤทธิรอนจึงผายผัน
แล้วสั่งสอนธิดาวิลาวัณย์ จงรักกันพี่น้องทั้งสองรา
อย่าหยาบหยามจำความที่ตาสั่ง เมื่อภายหลังจะได้พึ่งพระเชษฐา
แล้วเธอเลือกเผือกมันที่มีมา ให้นัดดาสองเสวยสว่างใจ
สุริยงลงลับในไพรสัณฑ์ กระจ่างแจ้งแสงจันทร์พฤกษาไสว
แล้วชวนสองหลานน้อยผู้กลอยใจ เข้านอนในอาศรมแล้วสวดมนต์[๒]
ทั้งคาถาอาคมอันเลิศแล้ว ให้คลาดแคล้วสาตราเป็นห่าฝน
นฤมิตบิดเบือนในกายตน ถึงอับจนจวนตัวไม่กลัวตาย
หน่อกระษัตริย์สังวัธยายเวท ซึ่งวิเศษจำได้ดังใจหมาย
ทั้งเวทมนตร์บ่นคล่องไม่เคลื่อนคลาย แสนสบายอยู่ในบรรณศาลา ฯ
๏ อยู่วันหนึ่งจึงองค์พระทรงพรต ลูกไม้หมดจะไปสอยผลพฤกษา
สั่งกุมารหลานรักทั้งสองรา วันนี้ตาจะออกไปในไพรพนม
เจ้าอยู่หลังสังวัธยายเวท อยู่แต่เขตศาลาพระอาศรม
พระสั่งสอนแล้วจรเข้าไพรพนม สำราญรมย์เที่ยวในพนาดร
๏ ฝ่ายกุมารลักษณวงศ์พงศ์กระษัตริย์ โสมนัสจำคำฤๅษีสอน
อุตส่าห์บ่นมนตราสถาพร เจ้าไม่จรจากบรรณศาลา
นางโฉมยงองค์ทิพเกสร เฝ้าวิงวอนชักชวนพระเชษฐา
พ่อตาไปไกลลับไม่กลับมา เล่นชิงช้าเถิดอย่าบ่นพระมนตร์เลย
พระฟังนางทางตอบว่าตาสั่ง แม้นผิดพลั้งตาจะตีเจ้าพี่เอ๋ย
เวลานี้พี่ไม่เล่นแล้วทรามเชย พระแกล้งเลยเล่าบ่นพระมนตรา
นางเกสรค้อนควักแล้วผินผัน ได้เห็นกันดีแล้วพระเชษฐา
แต่นี้ไปใครอย่าได้มาพูดจา ไม่ปรารถนาเรียกพี่แต่นี้ไป
พระแกล้งเฉยเลยเล่าแต่คาถา กัลยาแค้นเพียงเลือดตาไหล
เข้านั่งเคียงส่งเสียงให้แซ่ไป ทะยานใจจังฑาล[๓]พระโฉมยง
พระรู้แจ้งว่านางแกล้งมาส่งเสียง ไม่ทุ่มเถียงลุกหนีนวลหง
นางโฉมงามวิ่งตามมาเคียงองค์ จะให้ลักษณวงศ์เจ้าลืมมนตร์
หน่อกระษัตริย์ขัดเคืองชำเลืองค้อน แม่เกสรนี่มาแกล้งทุกแห่งหน
เขาลุกหนีแล้วยังเที่ยวจังฑาลคน จนเวทมนตร์ลืมเลือนออกเบือนไป
นางฟังคำซํ้าแค้นเข้าหยิกข่วน เขาได้กวนหรือมาลงเอาเขาได้
ปากของใครใครก็ร้องให้ก้องไป เจ้าหัวใจหรือมาห้ามจำนรรจา
พระรับหัตถ์ปิดป้องประคองไว้ อุ่ยอะไรมาหยิกเอาหนักหนา
ทะยานใจเขาไม่ไปเล่นชิงช้า พ่อตามาเถิดจะฟ้องให้ต้องตี
ไยมิฟ้องข้าจะร้องกระนั้นแหละ แกล้งกระแทะ[๔]เข้าไปผลักพระโฉมศรี
ลักษณวงศ์เดินตรงเข้ากุฎี กุมารีตามหลังมานั่งเคียง
พี่ฟ้องแล้วหรือยังมานั่งนิ่ง ถ้าฟ้องจริงแล้วจะร้องให้สุดเสียง
พระถอยหนีศรีสวัสดิ์เข้านั่งเคียง ขยับเรียงไล่ล้อทำลิ้นเลียน
ยิ่งว่าก็ยิ่งกวนไปเจียวนะ ไม่ฟังละคงจะฟ้องให้ต้องเฆี่ยน
เขายิ่งหนีแล้วก็ยิ่งล้อเลียน ตัวไม่เรียนแล้วมาร่านทะยานใจ
นางฟังคำซํ้าค้อนว่าเคืองจริง ก็นั่งนิ่งโศกานํ้าตาไหล
พระหยอกนางไยนวลมิกวนไป สาแก่ใจสิจะฟ้องลองดูที
แล้วแย้มยิ้มพริ้มพรายด้วยหายโกรธ จึงเอื้อนโอษฐ์สัพยอกนางโฉมศรี
คิดว่ากล้าไยมากลัวเอาเต็มที กลัวต้องตีจงไปหยิบแตงโมมา
จริงหรือนั่นฉันจะเอาไอ้ลูกโต แถมส้มโอให้อีกพระเชษฐา
พี่ไม่ฟังขืนจะยังฟ้องพ่อตา เล่นชิงช้าฉันไม่ไปช่วยชัก
แล้วกอดจูบพูดจาประสาเด็ก ด้วยเล็กเล็กอยู่ทั้งสองไม่ถือศักดิ์
นางเกสรวอนชวนพระทรงลักษณ์ ไปขึ้นชักชิงช้าเล่นให้เย็นใจ
พระฟังคำซํ้าชวนเป็นหลายครั้ง มิตามมั่งก็จะขัดอัชฌาสัย
จะจู้จี้ขี้คร้านรำคาญใจ จึงว่าไปซีไปเล่นเสียเห็นวัน
กุมารีดีใจเข้ากอดรัด หน่อกระษัตริย์พานางทางผายผัน
พระแกล้งเมินเดินไปมิใคร่ทัน นางแจ่มจันทร์วิ่งไปจนลับตา
พระแกล้งร้องเวยวายตะกายวิ่ง สมรมิ่งตกใจเป็นหนักหนา
ร้องกราดกรีดหวีดวิ่งผวามา ถึงเชษฐากอดไว้ไม่วางมือ
ทำเป็นกลัวตัวสั่นรำพันบอก ผีมันหลอกข้าน้อยไปแล้วหรือ
ไอ้ปากอ้าตากลวงเท่ากำมือ ร้องหือหืออยู่ตรงข้างหนทางไป
นางฟังความคร้ามจิตด้วยใจหญิง หมายว่าจริงมั่นคงไม่สงสัย
ก็พากันกลับมาศาลาลัย เก็บดอกไม้ไว้ท่าพระอาจารย์ ฯ
๏ ฝ่ายพระองค์ทรงพรตปรากฏกล้า ได้พฤกษาเต็มสองกระเช้าสาน
กลับกุฎีถึงที่ศาลาลาน เรียกกุมารกระษัตราธิดาดวง
มานั่งพร้อมล้อมข้างแล้ววางหาบ ตาได้ลาภมาฝากแต่เขาหลวง
แล้วทรงธรรม์ปันให้มะม่วงพวง ของทั้งปวงปริงปรางออกวางพลัน
ทั้งเผือกมันเลือกกองให้สองหลาน พระทรงญาณขึ้นนั่งบัลลังก์ฉัน
เป็นสุขทุกราตรีทิวาวัน จะนับวันนั้นนานประมาณปี
กุมารลักษณวงศ์ก็ทรงฤทธิ์ แสนประสิทธิ์มนตร์เวทวิเศษศรี
ชำนิชำนาญการณรงค์จะราวี พระฤๅษีให้ศรพระขรรค์ชัย
เจ้าลองแรงแผลงเล่นทุกเย็นเช้า อำนาจน้าวก่งศิลป์แผ่นดินไหว
ไม่หวาดหวั่นครั่นคร้ามผู้ใดใคร กำเริบใจจะประจญประจัญบาน
วันหนึ่งเข้าไสยาเวลาดึก อนาถนึกคั่งแค้นแสนสงสาร
คิดถึงแม่แต่จากกันก็ช้านาน โอ้ป่านนี้[๕]ทูลกระหม่อมจะกรอมใจ
รำลึกถึงลูกน้อยจะสร้อยเศร้า ทุกคํ่าเช้าจะกำสรดกันแสงไห้
จะแลเหลียวเปลี่ยวเปล่าแล้วเศร้าใจ ด้วยอยู่ในเงื้อมมือพญามาร
โอ้แม่คุณทูลเกล้าของลูกเอ๋ย พระแม่เคยอยู่ปราสาทราชฐาน
เวรใดให้แม่ไปแดดาล พระกุมารทรงโศกโศกาลัย
สะอึกสะอื้นกำสรดระทดจิต สุขุมคิดคั่งแค้นไม่หลับใหล
จนไก่แก้วแจ้วขันสนั่นไป วิหคไพรตื่นจากรังอยู่พรั่งพร้อม
นํ้าค้างร่วงปทุมมาลย์ก็บานชื่น รื่นรื่นลมเชยระเหยหอม
สงสารหน่อกระษัตราอุรากรอม แล้วอดออมกลั้นไว้ในอารมณ์
ครั้นรุ่งเช้าดาวบสบรรทมตื่น สำราญรื่นนั่งหน้าพระอาศรม
ลักษณวงศ์ตรงเข้ามาบังคม แล้วทรามชมทูลลาสิทธาจารย์
หลานรำลึกตรีกถึงพระแม่เจ้า จะโศกเศร้าแสนสุดน่าสงสาร
พระเจ้าตาว่าอยู่ในเมืองมาร แม้นนิ่งนานชนนีจะมรณา
หลานขอลาตาตามไปเมืองยักษ์ สังหารหักโคติวงศ์[๖]ไอ้ยักษา
แม้นม้วยยับแล้วจะรับมารดามา พระเจ้าตาช่วยชี้หนทางตาม ฯ
๏ พระฤๅษีฟังสารพระหลานรัก เห็นแหลมหลักเหล็กเพชรไม่เข็ดขาม
จึงตรัสว่าตาหรือจะห้ามปราม จะแจ้งความเวียงไชยให้ไคลคลา
แต่ตัวตาปรารมภ์ปรารภนัก ด้วยหลานรักยังอ่อนพระชันษา
กลศึกลึกเหลือจะอุปมา ยิ่งมหาสินธุแสนทวี
อันความรักมักเสียความรู้สิ้น ใครดูหมิ่นมักม้วยลงเป็นผี
นั่นแหละหลานการกลในโลกีย์ คือดนตรีรูปรสสุคนธา
อันโลกีย์นี้หลานประมาณสาม คือรสกามรสกลิ่นรสภักษา
ยังไม่หวานปานรสวาจา เป็นขายอย่าหมิ่นชายระคายแคลง
เข้าณรงค์จงดำริให้เหลือหลาย ศึกไม่วายแต่ตะวันนั้นยอแสง
อย่าคํ่าตามพระอาทิตย์คิดระแวง ที่ตาแจ้งจงจำคำตาไว้
อันเมืองยักษ์จักไปนั้นไกลสุด ข้ามสมุทรหิมวาพฤกษาไสว
จะชุบม้าให้พาเจ้าเหาะไป ได้ชิงชัยช่วยเจ้าเบากำลัง
แล้วปั้นรูปพาชีด้วยขีผึ้ง[๗] พระหัตถ์คลึงภาวนาคาถาขลัง
เป็นพญาพาชีมีกำลัง แล้วตรัสสั่งสอนราชนัดดา
ถึงเมืองยักษ์จักปลอมเข้ากรุงศรี เอาพาชีเสกซ่อนท้าวยักษา
ให้น้อยเข้าเท่าเล็บแล้วไคลคลา อันมิ่งม้าเจ้าอย่าไว้ให้ไกลกาย
อย่าพลาดพลั้งจงระวังพระขรรค์ศร เมื่อยามนอนเจ้าอย่าตื่นให้เที่ยงสาย
สิ้นอาวุธแล้วเหมือนสุดชีวาวาย พระหลานชายเจ้าจะไปจงไชโย
ที่เภทภัยสารพัดกำจัดแคล้ว ให้ผ่องแผ้วเป็นบรมสุโข
จงปรากฏทุกทิศอิศโร มีเดโชไชยะชนะยักษ์ ฯ
๏ พระรับพรอ่อนเกศลงกราบไหว้ ให้อาลัยพระมุนีผู้มีศักดิ์
สะอึกสะอื้นขืนข่มอารมณ์รัก แล้วผินพักตร์ตรัสสั่งนางกัลยา
แม่เกสรอยู่ก่อนเถิดนะน้อง อย่าหม่นหมองมิ่งแม่จงสุขา
พี่รำลึกตรึกถึงพระมารดา จำจะลาพลัดพรากไปจากกัน
เยาวมาลย์ฟังสารยิ่งสร้อยเศร้า ให้เปลี่ยวเปล่าหฤทัยนางจอมขวัญ
ตามประสาทารกที่รักกัน มิอาจกลั้นชลนาด้วยอาลัย
ทั้งสองกรข้อนอกว่าโอ้พี่ จะแกล้งหนีน้องแล้วหรือไฉน
อยู่อยู่หรือมาจู่จากอกไป จะทิ้งให้น้องเที่ยวคนเดียวกรอม
ยามเย็นจะได้เล่นกับใครเล่า เหมือนพี่เจ้ารักน้องประคองถนอม
ถึงหยิกข่วนกวนหน่อยค่อยอดออม ชิงอะไรพี่ก็ยอมให้ดีดี
ทีนี้อยู่คนเดียวจะเปลี่ยวแล้ว ใครจะเก็บดอกแก้วให้น้องนี่
ถึงพวงงามก็จะงามอยู่ตามที ตั้งแต่นี้จะร่วงลงโรยรา
พี่เคยเย้ายั่วน้องให้ร้องไห้ ประเดี่ยวใจก็มาปลอบให้หรรษา
พี่อย่าไปเลยเป็นไรนะพี่อา อยู่กับข้าจะได้เล่นปิดตากัน
เราเคยวิ่งชิงลูกมะตูมหล่น ทั้งสองคนปรีดิ์เปรมเกษมสันต์
พี่ได้สุกน้องได้อ่อนก็ผ่อนกัน สารพันพี่เจ้าจะตามใจ
แต่นี้เอ๋ยใครเลยจะชวนเล่น ทุกเช้าเย็นมีแต่น้องจะร้องไห้
ใครจะปลอบน้องเล่าให้เบาใจ เมื่อแลไปก็จะเห็นแต่รังเรียง
น้องเคยร้องข้าเจ้าหงส์พี่ทรงรับ เมื่อน้องขับพี่ก็ขานประสานเสียง
เราเคยกินเคยอยู่เป็นคู่เคียง เมื่อยามเที่ยงเล่นนํ้าในลำธาร
เมื่อสาดพี่พี่คิดสาดแต่พอสู้[๘] ถึงเข้าหูเข้าตาไม่ว่าขาน
แต่นี้ไปไหนน้องจะชื่นบาน เมื่อเล่นธารจะได้สาดกับผู้ใด
น้องเคยเล่นชิงช้าเชษฐาชัก กระชากหนักกลัวน้องจะร้องไห้
เมื่อทีพี่น้องแกล้งให้แกว่งไกว กระชากไปลอยลอยไม่ว่าเลย
แต่นี้ไปไหนเล่าจะเห็นพักตร์ โอ้พี่ลักษณวงศ์ของน้องเอ๋ย
ไม่สงสารเกสรที่วอนเลย พี่ไม่เคยที่จะขัดให้เคืองใจ
พี่สิ้นรักน้องแก้วเสียแล้วหรือ จึงดึงดื้อเข้าดงไปจงได้
โอ้โอ๋อนิจจาไม่อาลัย ว่าจะไปแล้วก็ไปเอาจริงจริง
เคยขุดดินมาปันแล้วปั้นเล่น เป็นหมีเม่นนกเนื้อแลเสือสิงห์
พี่ประดิษฐ์ปั้นเล่นเห็นเป็นจริง ใส่ล้อเลื่อนลากวิ่งพนันกัน
โอ้สุดแสนสงสารเกสรเอ๋ย จะชวดเชยรูปสัตว์ที่พี่ปั้น
พระพี่เอ๋ยอยู่เถิดเป็นเพื่อนกัน จะได้ปั้นล้อเล่นเหมือนก่อนมา
เพลาบ่ายชายแสงพระสุริยน เราสองคนเคยแข่งขนานหน้า
เข้าชิงรับจับหาบพระพ่อตา ถึงศาลาชิงเลือกเอาเผือกมัน
พี่เคยเล่นเล่นอยู่ด้วยน้องแก้ว จะหักใจไปแล้วเข้าไพรสัณฑ์
เมื่อยามเย็นก็จะเย็นยะเยือกครัน โอ้นับวันก็จะเปลี่ยวอยู่เดียวดาย
ถึงเพลาสระสรงลงสระศรี เคยชวนพี่ลงเล่นกระสินธุ์สาย
เก็บกระจับปันกันพนันทาย แล้วกำทรายกองปั้นเนินบรรพต
เอากระจับเข้าประดับเป็นปักษิณ กินรากินรินขมิ้นสด
แล้วชี้บอกหยอกกันว่าบรรพต เอานํ้ารดให้ละลายกระจายไป
โอ้ที่ไหนจะได้เล่นเหมือนเช่นหลัง จะตั้งนั่งโศกานํ้าตาไหล
เอ็นดูน้องเถิดพี่อย่าเพ่อไป ต่อปีหน้าฟ้าใหม่จึ่งไคลคลา
ถ้าพี่ไปแล้วน้องจะไปด้วย น้องจะช่วยรบยักษ์ให้หนักหนา
จะขอไปเป็นเพื่อนพระพี่ยา แม้นพี่มิเมตตาจะลาตาย
สองพระกรข้อนทรวงสะอื้นอ้อน ทินกรร้อนกล้าเพลาสาย
ทั้งเสโทโซมทั่วสกนธ์กาย ยิ่งฟูมฟายชลนัยน์พิไรครวญ
พระกุมารทรงฟังก็สังเวช ชลเนตรหยดย้อยละห้อยหวน
ประคองกอดสาวสวรรค์แล้วรัญจวน แม่นิ่มนวลนิ่งเถิดอย่าโศกา
พี่รีบจรแล้วพี่จะรีบกลับ จะมารับดวงจิตขนิษฐา
ครั้นจะนิ่งก็เหมือนทิ้งพระมารดา ให้ก่นกินนํ้าตาจนตรอมตาย
เทพเจ้าก็จะชวนกันสรวลเย้ย พระน้องเอ๋ยอดสูไม่รู้หาย
ใครเลยเขาจะเห็นว่าเป็นชาย แม้นวอดวายเสียดีกว่ามีชนม์
ด้วยเป็นการผ่านเกล้านะเจ้าพี่ จึงจำลาจรลีระเหหน
ค่อยอยู่เถิดนิ่มน้องจงครองตน นฤมลแม่จงอยู่กุฎีพลาง
นางเกสรฟังเหตุพระเชษฐา สองพระกรข้อนอุราเข้าผางผาง
ร้องไห้ดิ้นเพียงจะสิ้นชีวาวาง ไม่เสื่อมสร่างโศกสมประดีเลย ฯ
๏ พระดาวบสโศกาผวากอด โอ้แม่ยอดนัยนาของตาเอ๋ย
เจ้าจงฟังตาห้ามเถิดทรามเชย อย่าร้องไห้ไปเลยนะหลานยา
อันพี่ของนัดดานี้ตาเห็น คงจะเป็นจอมทศทิศา
สังหารมารย่อยยับจะกลับมา เขาก็รักนัดดาดั่งดวงใจ
พี่เจ้าไปครั้งนี้นะศรีสวัสดิ์ เหมือนไปหาสมบัติมาไว้ให้
หลานจะได้สำราญเมื่อนานไป จะเป็นใหญ่ยอดหญิงสนมนาง
นิ่งเถิดนิ่งเถิดแม่ทูนหัว เอ็นดูตัวผุดผ่องจะหมองหมาง
อย่าร้องไห้ไปเลยจะเป็นลาง เขาจะไปกลางทางจะเสียที
ลักษณวงศ์ไปแล้วกลับมานะ เจ้าอย่าละทิ้งน้องให้หมองศรี
ตาเล่าก็ชรามายายี ไมรู้วันชีวีจะวางวาย ฯ
๏ สองกุมารฟังสารฤๅษีสอน ก็ค่อยผ่อนโศกเศร้าบรรเทาหาย
นางเกสรวอนว่ากับพี่ชาย จะผันผายไปแล้วอย่าอยู่นาน
แม้นว่าพบมารดาในเมืองยักษ์ พี่จงลักกลับหลังยังสถาน
หรือจะคิดตอบตามสงครามมาร รีบประหารเสียให้ยับแล้วกลับมา
พระทรงฟังเกสรฉะอ้อนไห้ ชลนัยน์คลอเนตรทั้งซ้ายขวา
แล้วจูบกอดพลอดสั่งกันสองรา บังคมลาบาทบงสุ์พระทรงญาณ
พระฤๅษีชี้บอกหนทางให้ พ่อรีบไปตามทิศเฉียงอีสาน
จะพบเมืองมยุราพญามาร แล้วพระหลานจะได้พบพระชนนี
พระรับคำจำได้ทุกสิ่งสรรพ์ จับพระขรรค์ศรทรงอันเรืองศรี
เผ่นขึ้นนั่งหลังนิลพาชี จรลีทักษิณได้สามลา
ขยับองค์ลงเท้ากระทืบโกลน สินธพโผนเผ่นขึ้นพระเวหา
พระทรงญาณหลานสาวเปล่าอุรา ไม่พริบตาแลตามจนลับองค์ ฯ
๏ หน่อกระษัตริย์ทัศนาพระอาศรม ลับพนมแนวไม้ไพรระหง
พระชลนัยน์ไหลหลั่งชโลมลง ระทวยองค์ลงกับหลังอาชาไนย
อัสดรร่อนรีบเข้ากลีบเมฆ แสนวิเวกหวาดหวั่นพระทัยไหว
เข้าดั้นหมอกออกเมฆมาไรไร กำหนดได้มรคาสิทธาทาย
คว้างคว้างดั่งวายุพาพัด จนกำดัดแสงแดดออกแผดสาย
พยับส่องต้ององค์อยู่พรายพราย พระโฉมฉายชักพญาอาชาชาญ
คล้อยคล้อยลอยลงในสิงขร อัสดรเดินไปในไพรสาณฑ์
สบายกายด้วยพระพายรำเพยพาน สุธาธารราบรื่นดั่งทรายโรย
รื่นรื่นชื่นกลิ่นผกามาศ บุปผชาติลมชายไม่หายโหย
พระหอมกลิ่นสุกรมเมื่อลมโชย ยิ่งดิ้นโดยกรมจิตคิดรำจวน
เห็นนางนกกกลูกประคองกอด สะท้อนทอดหฤทัยอาลัยหวน
เหมือนแม่เจ้าคราวกอดถนอมนวล เลี้ยงสงวนลูกไว้ไม่ไกลกาย
พระชลนัยน์ไหลหลั่งลงผ็อยผ็อย ยิ่งละห้อยโหยไห้มิใคร่หาย
ขืนอารมณ์ชมรุกขะเรียงราย ริมเชิงชายสิงขรดูอ่อนเอน
มะเดื่อดกตกเกลื่อนระดาดาษ ก็โอภาสผลแดงดั่งแสงเสน
วายุโบกโยกโยนโอนระเนน ในบริเวณหว่างสิขรินทร์เรียง
แก้วกระทุ่มกุ่มกระถินทั้งฝิ่นฝาง กระโดนพะยอมยางยูงพะยูงเหียง
เรียบเสลาเถาสลิดสลับเรียง นกเขาเคียงคู่คูบนยอดแค
กิ่งมะไฟไก่ฟ้าเข้าแฝงกิ่ง นางนวลนิ่งแนบนางไม่ห่างแห
ฝูงกระลิงเลียบกิ่งต้นแกแล รอกกระแตเต้นตื่นออกรื่นเริง
จิกมะดันจันมะดูกกระดึงหอม เลียบกระดอมกิ่งกระโดดโลดเถลิง
ชะลูดสอดสลอดแทรกเป็นซุ้มเชิง แลละเลิงโลดลิ่วละลิบบน
ม่วงละมุดมูกมันแมงเม่าโมก กระสังโศกสักขีสีเสียดสน
ตาตุ่มเตงเปงปีบตีนเป็ดปน เสาวคนธ์ฟูฟุ้งจรุงใจ
แล้วชมสัตว์จัตุบาทอันกลาดป่า มฤคาโคกระทิงวิ่งไสว
โคเถลิงเริงร้องคะนองไพร กิเลนไล่นางกิเลนตลบซอน
ฝูงจิ้งจอกออกจากชะวากผา บ้างเห่าหาเห็ดแหกกระหึ่มหอน
คชสีห์มีงวงสองงางอน ทั้งไกรสรโตเต้นมาตามกัน
บ้างยืนหยัดดัดกายแล้วเกาขน ลงเกลือกตนกลางเตียนแล้วเหียนหัน
คชสารร่านเริงกำเริบมัน ก็ยืนยันซึมโยกเผยอตา
พงศ์กระษัตริย์ทัศนาในป่าสูง เพลินด้วยฝูงนกเนื้อในเชิงผา
ชมสิงขรชะง่อนงํ้าเงื้อมสุธา ล้วนศิลาเลื่อมเลื่อมเป็นลายลาย
ดูกระจ่างดั่งกระจกแอร่มแจ่ม วะวาบแวมวาววับระยับฉาย
ดูพร่างพร่างลางก้อนเป็นทรายพราย ชะโงกหงายแหงนตระหง่านเป็นธารกลาง
เสียงน้ำโถมโครมกระแทกสะท้านเสียว ดูกลิ้งเกลียวพุ่งพลั่งดังผางผาง
ศิลาพังดังกระทบกระเทือนทาง กะกังกางโกงก้องลงดินกึง
ที่ลางแห่งแสงใสค่อยไหลเชื่อม เงากระเพื่อมแลเห็นแผ่นผาผึง
ที่เห็นโปร่งน้ำปรุเป็นผลุพรึง บ้างลึกซึ้งแซกซอกในตรอกทราย
พระชมพลางทางรออัศวราช ยุรยาตรลงสรงกระแสสาย
ทั้งม้าทรงลงธารสำราญกาย แสนสบายขึ้นมานั่งยังคิรี
๏ จะกล่าวลึงวานรริมเนินผา ที่รับฝากภูษาของโฉมศรี
บ้างโลดโผนโจนเล่นริมคิรี ฝูงกระบี่ร่ายไม้[๙]มาใกล้ธาร
แลเห็นลักษณวงศ์พงศ์กระษัตริย์ กับกัณฐัศว์ฤทธิแรงกำแหงหาญ
ลิงพินิศพิศวงพระกุมาร ประโลมลานเลิศลํ้าในโลกา
แลละม้ายคล้ายองค์นางนงลักษณ์ ที่ขุนยักษ์ลักไปให้ภูษา
หรือโอรสโฉมงามติดตามมา ฝูงลิงป่าเรียกเพื่อนมาเกลื่อนไป
แล้วเมียงมองร้องถามด้วยสงสาร พระกุมารนี้เจ้ามาแต่เมืองไหน
มีทุกข์ร้อนหรือว่าจรมาโดยใจ ท่านชื่อไรบอกนามแต่ตามจริง
หน่อนรินทร์ยินพานเรศถาม ให้แคลงความนึกในพระทัยกริ่ง
แล้วยิ้มพลางทางตรัสแก่ฝูงลิง ธุระสิ่งไรเจ้าจึงถามความ
ตัวเรานี้มีทุกข์นั้นเหลือทุกข์ จึงจำบุกหิมวาพนาหนาม
ด้วยยักษ์ลักมารดาเรามาตาม เรามีนามลักษณวงศ์ผู้ทรงฤทธิ์
ท่านเที่ยวอยู่รู้บ้างหรือไม่ดอก กระบี่บอกให้แจ้งประจักษ์จิต
ฝูงกระบิลยินคำพระทรงฤทธิ์ ก็แจ้งจิตว่าเป็นบุตรนางเทวี
จึงหยิบเอาภูษานั้นมาให้ แล้วลิงไพรบอกความถึงโฉมศรี
อุสราพามาริมคิรี นางเทวีสั่งความให้ตามไป
พระรับผ้าวานรมาเพ่งพิศ ประจักษ์จิตมั่นคงไม่สงสัย
สลดจิตคิดเพียงจะขาดใจ ชลนัยน์นองเนตรไม่หยุดเลย
เอาภูษาผ้าทรงขึ้นทูนเกล้า โอ้แม่เจ้าประคุณของลูกเอ๋ย
ความรักลูกผูกใจกระไรเลย เวราเคยทำไว้ให้ไกลกัน
ลูกตามหามาเห็นแต่ภูษิต แม่เปลื้องปลิดฝากไว้ในไพรสัณฑ์
โอ้สงสารป่านฉะนี้จะโศกครัน จะนับวันคอยลูกทุกค่ำคืน
รินรินกลิ่นแม่ยังจำได้ ยิ่งอาลัยทอดองค์ลงสะอื้น
ให้อัดอั้นเจ้ากลั้นโศกากลืน สลบลงยังพื้นพระธรณี ฯ
๏ ฝ่ายอาชาวานรเห็นแน่นิ่ง ต่างก็วิ่งเข้าพยุงพระโฉมศรี
บ้างหักกิ่งบุปผาสุมาลี มาพัดวีหอมรื่นค่อยฟื้นกาย
ฝ่ายพญาม้าทรงก็โลมเล้า อย่าโศกเศร้านักเลยพ่อโฉมฉาย
เราได้ความแล้วจะตามไปแก้อาย ลุยทลายให้เป็นภัสม์ธุลีลง
ถึงร้องไห้ไหนจะพบพระแม่เจ้า จะช้าเปล่าอยู่ไยในไพรระหง
เร่งตรึกการที่จะราญรณรงค์ เราก็คงจะได้พบพระมารดร
ลักษณวงศ์ทรงฟังอาชาปลอบ ก็ชื่นชอบสว่างโศกสโมสร
จึงเอื้อนอรรถวัจนากับวานร คราวนี้ร้อนเราจะรีบไปเมืองยักษ์
แม้นเสร็จสรรพแล้วจะกลับมาแทนคุณ ที่การุญเราก็รู้อยู่ประจักษ์
ฝูงกระบิลยินคำให้คิดรัก จึงชี้ช่องเมืองยักษ์แล้วอวยชัย
จงไปดีมาดีศรีสวัสดิ์ ให้ฆ่าสัตว์รากโษส[๑๐]มันตักษัย
พระรับพรกุมศรพระขรรค์ชัย ก็เผ่นขึ้นมโนมัยอันชัยชาญ
อัศวราชผาดโผนผยองเหาะ จากละเมาะพุ่มพฤกษะไพรสาณฑ์
เขม้นมุ่งกรุงยักษ์ลอยทะยาน พระกุมารโศกทรงกันแสงครวญ
รำลึกถึงมารดานํ้าตาไหล พระพายโบกกลิ่นสไบให้หอมหวน
รินรินกลิ่นแม่มารัญจวน ลูกหอมหวนซับซาบนาสามา
เหมือนมารดรนอนแนบกับลูกรัก ไม่ยลพักตร์ได้พบแต่ภูษา
แม่ทรามชมชมลูกทุกเวลา จนตกมายากไร้ไม่วายรัก
โอ้เมื่อใดลูกจะได้บังคมบาท ให้สมมาดพบแม่แน่ประจักษ์
จะหักหาญผลาญโคติวงศ์ยักษ์ อันลูกรักมิได้คิดชีวิตแล้ว
จะวอนตายวายเป็นก็ตามบุญ ขอแทนคุณแม่ทูลกระหม่อมแก้ว
ขอเทวาพาไปอย่าได้แคล้ว แจ้วแจ้วสุรเสียงเจ้าโศกา
สุริยงลงลับเหลี่ยมสิงขร พระจันทรแจ่มแจ้งพระเวหา
พระรีบชักอัสดรเหาะร่อนมา พอจันทราจวบจวนจะลับลง
เห็นเขาหนึ่งยอดเยี่ยมเป็นเหลี่ยมย่อ ดั่งทรงศอปักษาพญาหงส์
พระชักชวนอัสดรให้ร่อนลง ก็ตรงเข้าหยุดพักสำนักนอน ฯ


[๑] สมุดไทยเลขที่ ๑๓ ว่า “พระฤๅษีแจ้งยุบลแต่หนหลัง”

[๒] สมุดไทยเลขที่ ๑๓ ว่า “แล้วก็ชวนพระกุมารอันชาญชัย เข้านอนในอาศรมแล้วสอนมนตร์

[๓] จังฑาล = จัณฑาล ในที่นี้มีความหมายว่า รังแก หรือแกล้ง

[๔] สมุดไทยเลขที่ ๑๓ ว่า “แกล้งกระแซะ...”

[๕] สมุดไทยเลขที่ ๑๓ ว่า “โอ้สงสาร....”

[๖] โคติวงศ์ = โคตรวงศ์

[๗] ขีผึ้ง = ขี้ผึ้ง โบราณเรียกอย่างนั้น

[๘] สมุดไทยเลขที่ ๑๓ ว่า “เมื่อสาดพี่พี่ก็สาดแต่พอสู้”

[๙] ร่ายไม้ แปลว่า โหนไปเป็นจังหวะตามกิ่งไม้

[๑๐] รากโษส = รากษส

 

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ