ตอนที่ ๑๑ ลักษณวงศ์เสด็จเข้าเมืองพาราณสี

๏ ลักษณวงศ์ทรงช้างยักษ์นิมิต ช้างประชิดกันรับอยู่คับคั่ง
พระทรงฤทธิ์รีบรุนกุญชรัง ขยับยั้งเยื้องล่อไม่ต่อพักตร์
พระพิศดูมารร้ายมันกลายแกล้ง บิดกายแปลงเป็นองค์พระทรงศักดิ์
จำได้ว่าพระบิดาชรานัก เห็นผิดพักตร์แล้วก็ไสกุญชรพลัน
อีมารร้ายดูรู้ว่าหมู่ยักษ์ ความกลัวนักชักช้างให้ห่างหัน
เหมือนไก่เห็นตีนงูมันรู้กัน ตัวเนื้อสั่นพรั่นกายก็กลายตน
พลมารเห็นมารทะยานโผน นางยักษ์โจนเหาะหนีขึ้นเวหน
มารประชิดติดตามออกแจจน คำรามรณโห่ลั่นสนั่นไป
ลอยละลิ่วปลิวแล่นออกแน่นฟ้า นางยักษาตัวสั่นอยู่หวั่นไหว
กุมภัณฑ์พลติดตามมาทันใด เข้าล้อมไล่จับตัวแล้วตีพลาง
ตีเปรี้ยงเสียงฉาดพิฆาตผึง ถีบต่อยตึงตบโผงปะเตะผาง
รวบศอกเข้าเข่าชิดแล้วมัดพลาง สงสารนางร้องสั่งกระษัตรา
พระจอมจักรเมียรักไม่รอดแล้ว ขอฝากแต่ลูกแก้วเสน่หา
พลมารฉุดลากกระชากมา ถึงพลับพลาตำหนักพระจักรี
พวกทัพโยธาบรรดามนุษย์ อุตลุดแตกฮือกระพือหนี
วิ่งถลาถาล้มไม่สมประดี ผ้าไม่มีติดตัวเอามือกุม
แม่เพื่อนม้วยช่วยผัวลูกกลัวยักษ์ ละล่ำละลักตีนตำถลำหลุม
หัวล้านโดนกันดังเอามือกุม โขยกขยุมล้มลุกลงคลุกคลาน
อาชาช้างผางผึงตะบึงโผน กระโดดโดนวิ่งลั่นสนั่นขาน
โขยกเหยียบคนตายลงวายปราณ บ้างพิการขาแขนหักระยำ
ในนครชุลมุนออกขุ่นคึก เสียงพิลึกกราดกรีดวะหวีดรํ่า
บ้างซุกซ่อนนอนแนบแอบปะรำ บริกรรมกับตัวด้วยกลัวตาย
บ้างซอกหนีเข้าไปซุกกระชุกนุ่น บ้างหมกมุ่นเข้ากระสอบแล้วหอบหาย
ลูกเขยกลับจับเมียเป็นแม่ยาย ตะกุยตะกายกอดร้องในท้องเรือ
บ้างพาเมียวิ่งอ้อมเอาพ้อมครอบ บ้างนอนหมอบเอาฟูกพันจบฟั่นเฝือ
เข้ากองแกลบแอบตะล่อมเข้าพ้อมเกลือ ความกลัวเหลือซุกซนทุกคนไป
พวกในวังกราดกรีดวะหวีดเสียง เข้าใต้เตียงหมอบมองแล้วร้องไห้
บ้างปิดทวารบานลั่นสนั่นไป ความตกใจซ่อนตัวด้วยกลัวยักษ์
บ้างยอกรวอนไหว้พระไพรสาณฑ์ ให้ศัตรูหมู่มารอย่าหาญหัก
ที่ลางคนเชื่อหน้าทำกล้านัก ถึงไอ้ยักษ์มันก็รู้ว่ากูงาม
บ้างกอดคอพี่น้องแล้วร้องไห้ เป็นสุดใจสุดฤทธิ์ให้คิดขาม
สงสารแก้วโกสุมนางโฉมงาม เจ้าครั่นคร้ามครํ่าครวญรำจวนใจ
เห็นชนนีปิ่นเกศเป็นเพศยักษ์ ยิ่งโศกหนักเพียงชีพจะตักษัย
ได้ยินเสียงร้องสั่งถึงวังใน สะอื้นไห้กอดบาทพระบิดา
สงสารท้าวพรหมทัตกระษัตริย์ศักดิ์ ผิวพระพักตร์ผาดเผือดลงหนักหนา
ปิดทวารขันขึงให้ตรึงตรา พระกายาลั่นระรัวไม่รู้วาย
ประคองกอดโกสุมเข้าอุ้มไว้ ชลนัยน์ไหลนองไม่ขาดสาย
กลัวความมรณาชีวาวาย พระทัยหมายเหมือนพระศอไม่ต่อองค์
พระชนนีลูกรักเป็นยักษ์แล้ว ป่านฉะนี้น้องแก้วจะผุยผง
อันครั้งนี้ชีวิตของบิตุรงค์ เห็นไม่คงคืนแล้วแม่ดวงใจ
เป็นสุดรู้สุดฤทธิ์จะคิดแล้ว พระลูกแก้วเราจะหนีไปที่ไหน
สองกระษัตริย์กันแสงพลางอยู่ปรางค์ไชย สะอื้นไห้ไม่เป็นสมประดี ฯ
๏ จะกล่าวถึงบรรลัยกัปที่จับนาง มัดมาวางไว้ตรงหน้าพลับพลาสี
ลักษณวงศ์กับองค์ชนนี เห็นยักษ์ดังว่าศรมายอนตา
กระทืบบาทสิงหนาทอยู่ฉาดฉาน มึงอีมารแก่แรดแพศยา
เหวยมนตรีตีตบด้วยกะลา เอาเลือดมาล้างตีนอีสิ้นอาย
ผูกเข้าเฆี่ยนสองพันให้สันขาด มารอำมาตย์รับสั่งแล้วลงหวาย
ตีผางตบผางฟันกระจาย[๑] อีมารร้ายร้องทูลขอโทษตัว
พระเร่งกริ้วตรัสสั่งให้ตบซ้ำ แล้วให้จำคาตรวนจนท่วมหัว
ทั้งโซ่ตรวนพวนตรึงไว้ตึงตัว อีมารมัวเสือกร้องจนสิ้นลม
เขาจองจำนำไปไว้โรงรถ นางกำสรดเสือกกายสยายผม
คิดถึงพระธิดาให้ปรารมภ์ แสนระทมแทบเจียนบรรลัยลาญ ฯ
๏ ฝ่ายพระหน่อสุริยวงศ์ผู้ทรงศักดิ์ ตรัสสั่งยักษ์อำมาตย์ชาติทหาร
เอ็งจงไปทูลต่อพระภูบาล จะคิดอ่านแข็งขัดให้ตรัสมา
จะเหยียบเมืองให้ระยำด้วยลํ้าฤทธิ์ รักชีวิตแล้วให้เร่งออกมาหา
ยังรักเมียรูปงามให้ตามมา จะรอท่าไว้ให้ชมภิรมย์รัก
ขุนมารรับสั่งเสร็จระเห็จเหาะ ไปจำเพาะปรางค์องค์พระทรงศักดิ์
เห็นปิดทวารบานชิดสนิทนัก แล้วขุนยักษ์ร้องประกาศพระโองการ
พระนรินทร์ยินเสียงขุนมารร้อง โลมาพองเพียงเพลิงเถกิงผลาญ
พระจึ่งร้องตอบรสพจมาน เราไม่หาญสงครามด้วยความกลัว
จะออกไปยินยอมประนอมเมือง มิให้เคืองเบื้องบาทพระอยู่หัว
จะถวายโฉมฉายถวายตัว ไม่คิดชั่วเชิงชั้นเป็นการกล
มารสดับกลับยังที่นั่งเสด็จ ก็ทูลเสร็จตามสารอนุสนธิ์
พระนรินทร์ปิ่นจอมกระหม่อมพล ก็กราบทูลยุบลพระชนนี
สองกระษัตริย์แสนโสมนัสนัก ตั้งพระพักตร์คอยองค์พระทรงศรี
ฝ่ายพระจอมจักราในธานี ให้บุตรีแต่งโฉมประโลมใจ
พร้อมพระองค์สุริยวงศ์ทั้งวังหลวง ทุกกระทรวงล้วนหน้ามาไสว
ครั้นพร้อมเสร็จพระเสด็จคลาไคล ดำเนินไปด้วยพระบาทเยื้องยาตรา
มิได้ทรงคชสารยานุมาศ ด้วยเกรงราชปรปักษ์เป็นหนักหนา
เสด็จออกถึงนอกพระพารา เห็นยักษาแน่นอัดปฐพี
พระองค์สั่นรัวรัวด้วยกลัวฤทธิ์ พระพักตร์ผิดเศร้าซีดสลดสี
นางไกสุมกลัวสุดแสนทวี พวกสาวศรีตัวสั่นอยู่ทุกคน
ยักษ์มันหยอกก็ขยับจะกลับวิ่ง ออกยุ่งยิ่งซ่อนซับอยู่สับสน
เข้ายัดเยียดเบียดเสียดอยู่เหลือกลน ผู้ดีปนขี้ข้าไม่ว่ากัน
พระทรงฤทธิ์ยาตราถึงหน้าฉนวน ให้ปั่นป่วนปิ้มว่าจะอาสัญ
เห็นนายทวารนั่งกลุ่มล้วนกุมภัณฑ์ พระก้มกายจรจรัลด้วยเจียมองค์
ถึงลับแลเหลือบแลชำเลืองเนตร เห็นลูกรักอัคเรศนวลหง
เป็นมนุษย์ผุดผ่องทั้งสององค์ เหมือนพระลักษณวงศ์องค์อำภา
พระเร่งคิดพิศวงยิ่งสงสัย หรือสายใจมิ่งมิตรเสน่หา
อันม้วยมรณ์ห่อนเห็นจะเป็นมา หรือเทวาช่วยชุบให้คืนชนม์
นั่นมารดาหรือจะว่ามเหสี ดูท่วงทีกิริยาน่าฉงน
เหมือนละม้ายคล้ายกันทั้งสองคน อันเหตุผลยังไม่แจ้งประจักษ์ใจ
ดำริแล้วจรลีเข้าที่เฝ้า จึ่งคุกเข่าจะประนมบังคมไหว้
พระโอรสห้ามพลันในทันใด ภูวไนยอย่าบังคมไม่สมควร
ขอเชิญจอมจุมพลขึ้นบนนี้ มานั่งที่เทียมกันอย่าหันหวน
ทั้งลูกน้อยสุริยวงศ์อนงค์นวล จงเชิญชวนขึ้นมาพลับพลาพลัน
พรหมทัตฟังตรัสให้กริ่งจิต ด้วยเกรงผิดเจียมกายก็ผายผัน
พระลดองค์ลงนั่งบัลลังก์พลัน พระองค์สั่นยอกรขึ้นบังคม
พระโอรสรับกรขึ้นทูนเกศ บิตุเรศหรือจะไหว้ไม่เห็นสม
แต่พอตรัสอัดอั้นตันอารมณ์ พระเกศก้มกอดบาทแล้วโศกี
โฉมอำภาผวาเข้ากอดบาท เพียงจะขาดชีพดับลงกับที่
จอมกระษัตริย์รู้แท้ว่าเทวี พระโศกีกอดสองประคองเคียง
ญาติวงศ์ก็ทรงกันแสงแซ่ ออกจอแจครืนครั่นสนั่นเสียง
สะอึกสะอื้นล้มทับสลับเคียง ดั่งรังเรียงพาดล้มด้วยลมพาน
สามกระษัตริย์เสือกองค์ทรงกันแสง สิ้นเรี่ยวแรงสลบลงน่าสงสาร
นางโกสุมกันแสงด้วยภูบาล เยาวมาลย์ก็สลบลงทันที
สาวสนมกรมวังทั้งสองฝ่าย ลงเสือกกายร้องไห้อยู่อึงมี่
วินาศนิ่งกลิ้งล้มไม่สมประดี ทุกนารีสลบกลาดดาษดา
พวกอำมาตย์มีศักดิ์ยักษ์มนุษย์ อุตลุดวุ่นวายทั้งซ้ายขวา
เข้าชโลมโซมรดสุคนธา บ้างเข้ามาโบกกรายถวายลม
บ้างโปรยประที่พระองค์วงศ์พระญาติ บ้างพ่นสาดสรงพักตร์นักสนม
บ้างฉวยพัดวิชนีเข้าวีลม ช่วยระดมกันระดะไม่ละเลย
สี่กระษัตริย์สาวสนมบรมวงศ์ ก็ฟื้นองค์ด้วยสุคนธ์รำเพยเผย
ชลเนตรนองพรายไม่วายเลย สุดเสวยความเทวษเพทนา
พรหมทัตตรัสพลางทางสะอื้น เจ้างามชื่นยอดสร้อยเสน่หา
พี่สำคัญว่าขวัญเมืองเจ้ามรณา คิดขึ้นมาก็เสียดายไม่วายวัน
แต่จากเจ้าสองศรีไม่มีสุข เสวยทุกข์ทนแค้นแสนกระสัน
มิพอที่จะพรากไปจากกัน พี่รำพันโทษกายไม่วายเลย
พระวงศาว่าโอ้พระแม่เจ้า คิดว่าเขาฆ่าแล้วพระคุณเอ๋ย
กระหม่อมฉันร้องไห้กระไรเลย ความเสบยนั้นไม่มีสักเวลา
อยู่ข้างหลังนางยักษ์มันลักกิน น้องก็สิ้นพี่ก็สูญไม่เห็นหน้า
ไม่รู้เลยว่าม้วยด้วยมารา ไม่เห็นหน้าแล้วก็คิดว่าหนีไป
มาวันนี้แลประจักษ์ว่ายักษ์กิน ก็สุดสิ้นพิศวงที่สงสัย
ใจจะขาดเสียด้วยญาติมาบรรลัย น่าน้อยใจเจ็บแค้นแสนทวี
พระวรนาฏกับราชโอรสรัก ซบพระพักตร์ลงทรงกันแสงศรี
แสนอาลัยด้วยพระวงศ์ปลงชีวี พิโรธนางอสุรีก็สุดใจ ฯ
๏ กรุงกระษัตริย์ตรัสประโลมนางโฉมชื่น อย่าสะอื้นพักตร์น้องจะหมองไหม้
เขามีกรรมตามทันจึ่งบรรลัย หักพระทัยเสียเถิดประเสริฐดี
แม่เงยพักตร์ผัวรักจะถามเหตุ พระทรงเช็ดชลนัยน์ให้โฉมศรี
พระกรกอดลูกยาด้วยปรานี ทรงโศกีตรัสพลางหลั่งนํ้าตา
เมื่อครั้งพี่หวนโกรธพิโรธน้อง ให้จับสองจอมขวัญไปฟันฆ่า
นี่ใครช่วยจึ่งไม่ม้วยมรณา อุตส่าห์พาโอรสคืนมาเมือง ฯ
๏ นางโฉมยงทรงฟังให้คั่งแค้น เป็นสุดแสนกำสรดไม่ปลดเปลื้อง
จึ่งบังคมทูลความไปตามเคือง พระจอมเมืองจะมาถามเนื้อความไย
พระลูกรักทูลสารประทานโทษ พระองค์โปรดจึ่งได้รอดไม่ตักษัย
นี่เหลือเดนเสือสางที่กลางไพร ด้วยเข็ญใจจะมาพึ่งพระบารมี ฯ
๏ อนิจจาดวงจิตพี่ผิดแล้ว นางน้องแก้วขอโทษอย่าโกรธพี่
เป็นความทุ่งเสียท่าอย่าพาที จงแจ้งความตามคดีเถิดขวัญตา
พระทรงธรรม์ฉันทูลไม่ถ้วนถูก จงถามลูกคนจนอนาถา
ได้ทรงฟังว่าโอ้อนิจจา เจ้าอำภานํ้าใจกระไรเลย
แล้วตรัสแก่ลูกเล่าว่าเจ้าพ่อ เจ้าอย่าก่อกรรมผูกนะลูกเอ๋ย
มารดาเจ้าโกรธร้ายกระไรเลย พ่อทรามเชยเชิญแจ้งแสดงความ ฯ
๏ ลักษณวงศ์ฟังองค์บิตุเรศ แสนสังเวชท้าวตรัสดำรัสถาม
จึ่งทูลตรงตามจริงทุกสิ่งความ เป็นบุญตามป้องปัดกำจัดภัย
เมื่อพระองค์ทรงสั่งให้สังหาร เขาจะผลาญลูกรักให้ตักษัย
กระหม่อมฉันชนนีไม่มีใจ ประนมไหว้เทวัญไม่วางกร
เผอิญให้เพชฌฆาตขยาดยั้ง ง่าจังงังยืนพิงกับสิงขร
เพชฌฆาตโศกาด้วยอาวรณ์ เขาปล่อยข้ามารดรสัญจรไป
โฉมอำภาทูลแทงแกล้งกระทบ พระจอมภพเพชฌฆาตนั้นอยู่ไหน
ขัดโองการหาญกล้าชะล่าใจ มาปล่อยให้แม่ลูกนี้รอดตาย
พระองค์จงจับโคตรไอ้เพชฌฆาต มาฟันฟาดแล้วริบให้ฉิบหาย
ใส่ด้วยบทโทษมันนั้นถึงตาย พระฦๅสายอย่าได้เลี้ยงเป็นเยี่ยงไป ฯ
๏ ได้ทรงฟังดังพระแสงมาแทงทรวง แม่พุ่มพวงอำภาช่างว่าได้
เพชฌฆาตทำชอบพี่ชอบใจ จำจะให้ยศศักดิ์เป็นจักรี
พระตรัสพลางทางถามพระโอรส เขาปล่อยปลดเจ้าไปในไพรศรี
น่าสงสารสองคนกับชนนี ได้ทุกข์ทวีภัยพาลประการใด
ทูลกระหม่อมจอมเกศของลูกแก้ว สุดอยู่แล้วเหลือลูกจะเล่าได้
พระมารดาจูงกรลูกจรไป เฝ้าร้องไห้รักกันทุกวันทวี
ไม่เห็นใครเป็นเพื่อนในเถื่อนกว้าง เห็นแต่ช้างกวางเนื้อแลเสือสีห์
ทนลำบากบุกป่าพนาลี จนไม่มีแรงเดินดำเนินเลย
ทั้งหนามเหนี่ยวเกี่ยวกายเป็นรายริ้ว ให้โหยหิวด้วยไม่ได้สิ่งใดเสวย
สุดกำลังล้มนอนเอากรเกย พากันเลยหลับกลิ้งอยู่กลางทาง
ลูกตื่นขึ้นยามเย็นไม่เห็นแม่ ก็หมายแน่ว่าเป็นเหยื่อแก่เสือสาง
ร้องไห้หาแทบชีวาจะวายวาง ตัวคนเดียวเที่ยวไปกลางพนมไพร
จึ่งพบพระสิทธาจารย์กับหลานน้อย ลูกนี้ค่อยสร่างโศกเข้าอาศัย
ได้เรียนรู้วิชาการชำนาญใจ พระดาวบสบอกให้ด้วยเมตตา
แล้วลาขึ้นพาชีฤๅษีเสก เหาะวิเวกไปในห้องพระเวหา
ตามตลบไปจนพบพระมารดา อยู่ในเมืองมยุราพญามาร
ลูกเข่นฆ่าอสุรินทร์เป็นปิ่นยักษ์ จึ่งได้พรรคพวกพหลพลทหาร
เข้าครอบครองพาราอยู่ช้านาน คิดสงสารพระวงศาหนักหนานัก
มเหสีของพระองค์จะกินสิ้น พระนรินทร์หรือจะกริ่งจริงประจักษ์
ด้วยว่านางโฉมงามนั้นทรามนัก วิตกหนักลูกจึ่งยกโยธามา
เจ้าประคุณทูนเกล้าของลูกเอ๋ย กระไรเลยหลงรักเป็นหนักหนา
ไหนพระหลานไหนเล่าพระเจ้าอา ไม่เห็นหน้าแต่สักคนไปหนใด ฯ
๏ พรหมทัตตรัสฟัง[๒]พระโอรส ทรงรันทดพูนเทวษนํ้าเนตรไหล
พ่อไม่รู้ว่าเป็นยักษ์ก็รักไป ถ้าแจ้งใจแล้วจะฆ่าไม่ปรานี
อันหม่อมจอมเอกองค์พระวงศา พ่อคิดว่าไม่สบายเขาหน่ายหนี
ไม่รู้ว่าเป็นภักษ์ยักขินี บิดานี้ชั่วแล้วเจ้าแก้วตา
พระตรัสปลอบลูกพลางทางสะอื้น พ่องามชื่นร่วมสุขเสน่หา
เจ้าอย่าถือข้อผิดแก่บิดา แม่อำภาก็อย่าโกรธพิโรธเลย
อนิจจาดวงใจเจ้าได้ยาก แสนลำบากหนักหนาเจ้าข้าเอ๋ย
บุญเจ้าสุดสายใจกระไรเลย พ่อทรามเชยมีอิทธิ์ฤทธิไกร
แม่อำภาแก้วพี่ศรีสวัสดิ์ เมื่อแรกพลัดดวงเนตรนั้นเหตุไฉน
ขอเชิญโฉมงามเล่าให้เข้าใจ เป็นอย่างไรไปอยู่บูรีมาร
นางโฉมงามทูลความทั้งน้ำเนตร พระปิ่นเกศเมื่อกำลังให้สังหาร
พากันนอนวันนั้นที่กันดาร พญามารหนึ่งมาจะฆ่าฟัน
อันตัวข้ามันจะพาไปเมืองยักษ์ พระลูกรักมันจะฆ่าให้อาสัญ
ครั้นกอดลูกก็จะม้วยลงด้วยกัน จะปลุกสั่นดวงใจไม่ไหวตัว
ก็จำเป็นจำไปกับไอ้ยักษ์ ด้วยความรักลูกน้อยพ่อทูนหัว
เจียนจะขาดใจตายไม่วายกลัว ไอ้คนชั่วตัวกรรมมันนำไป
ทูลพลางทางทรงพระโศกา กัลยามิอาจจะเล่าได้
สะอึกสะอื้นอัดอั้นตันพระทัย พระชลนัยน์โซมพักตร์ละลุ่มลง ฯ
๏ พรหมทัตท้าวทอดพระทัยไห้ แสนสงสารทรามวัยนวลหง
นางโกสุมโอนอ่อนสะท้อนองค์ ทั้งพระลักษณวงศ์ก็โศกา
พระจอมวงศ์สงสัยมเหสี จะภักดีร่วมรักกับยักษา
จึ่งตรัสถามงามขำทั้งนํ้าตา แม่อำภาบอกพี่ให้แจ้งใจ
อสุรศักดิ์ยักษามันพาน้อง ไปร่วมห้องเชยชิดพิสมัย
หรือมันเลี้ยงเพียงฉันกำนัลใน ประหลาดใจที่เป็นยักษ์ไม่รักกิน
นางโฉมยงทรงยศประชดให้ ยักษ์พอใจจึ่งได้สมอารมณ์ถวิล
เป็นบุญหนักมันไม่หักเอาคอกิน พระนรินทร์จึ่งได้พบประสบพักตร์
จะสงสัยอาลัยไปไยเล่า พวกอีเผ่ายักษีไม่มีศักดิ์
จะแกล้งฆ่าพระองค์ผู้ทรงลักษณ์ ยุให้ยักษ์แปลงร่างเป็นกวางทอง ฯ
๏ พรหมทัตได้ฟังยิ่งคลั่งคลุ้ม ดั่งเพลิงสุมทรวงท้าวยิ่งเศร้าหมอง
นํ้าเนตรพรากจากนัยนานอง พระกรสองข้อนทรวงทรงโศกา
ไม่เงยพักตร์ทักถามเนื้อความได้ เจ็บพระทัยแค้นขัดสหัสสา
ฝ่ายโฉมยงองค์เทพอำภา เห็นภัสดากำสรดสลดใจ
จึ่งกราบทูลมูลความไปตามเพศ พระทรงเดชจักรพงศ์อย่าสงสัย
น้องมิได้สู่สมภิรมยใน กับยักษ์ร้ายให้เสื่อมพระเดชา
ถึงพระองค์มิได้รักสมัครแล้ว แต่น้องแก้วยังคิดเสน่หา
สิ้นชีวิตมิได้คิดแก่ชีวา ไม่รักหาร่วมห้องเป็นสองชาย
พญายักษ์หมายจะครองกับน้องน้อย เหมือนหิ่งห้อยแข่งดวงสุริยฉาย
เป็นพระเคราะห์จำเพาะออกจากกาย ตัวเป็นหญิงกลัวชายก็จำจร
เมื่อตกอยู่นคเรศนิเวศน์ยักษ์ เขาก็รักจะใคร่ร่วมสโมสร
น้องระลึกนึกถึงพระภูธร แล้วยอกรอธิษฐานถึงเทวัญ
ประเวณีในกายก็หายสิ้น อสุรินท์ขัดแค้นแสนกระสัน
ด้วยกลัวองค์อสุราจะฆ่าฟัน น้องรำพันล่อลวงให้หลงลม
เสวยแต่ชลนาเป็นอาหาร พญามารมิได้ร่วมภิรมย์สม
พอประสบลูกชายหายปรารมภ์ พาลอยลมเลื่อนฟ้ามากลางคืน
ถ้ารักยักษ์แล้วไม่คิดเอาจิตหนี จะอยู่กับอสุรีสำราญรื่น
ทั้งห้องแก้วแววสว่างทุกวันคืน นางสนมนับหมื่นบำเรอราย
ด้วยคิดถึงบาทบงสุ์พระทรงภพ ให้ลูกรบฆ่ายักษ์นั้นฉิบหาย
ถ้าเมียจะพิศวาสไม่คลาดคลาย พญายักษ์หรือจะตายวายชีวี
กุมภัณฑ์ตายค่อยว่างสว่างอก แสนวิตกถึงเบื้องบทศรี
ก็ยกทัพกลับมายังธานี ด้วยยินดีจะได้พบพระภัสดา
เป็นความสัตย์ของน้องนี้ครองตัว ไมคิดชั่วหลงรักกับยักษา
พระยอดยิ่งขัตติยวงศ์อย่าสงกา อันสัจจาขอถวายพระทรงชัย
แม้นพระองค์ยังแคลงกินแหนงน้อง มิให้หมองหัทยาอัชฌาสัย
จะขอสู้สาบานประจานใจ จะลุยไฟให้เห็นประจักษ์จริง ฯ
๏ จอมนราราชบรมพรหมทัต ได้ฟังอรรถสารสนองพระน้องหญิง
พระเห็นแน่แท้ชัดว่าสัตย์จริง หายประวิงวายโศกค่อยชื่นทรวง
จึ่งตรัสตอบยุพเรศจำเริญพักตร์ พี่สุดรักมิได้หึงคะนึงหวง
ไม่สงสัยแก้วตาสุดาดวง แม่ร่วมทรวงอย่าได้ลุยพระเพลิงเลย
ชะรอยเราพรากสัตว์ให้พลัดกัน กรรมมาทันครั้งนี้เจ้าพี่เอ๋ย
เผอิญให้นิราศสวาทเชย เจ้าไม่เคยมาเป็นให้เป็นไป
อนึ่งคิดถึงคุณเป็นบุญบ้าง พระน้องนางได้พหลพลไพร่
ครองสมบัติสองกรุงจรุงใจ พระโอรสยศไกรก็ชัยชาญ
แม้นว่าอยู่ธานีที่นี่แล้ว พระน้องแก้วก็เปรมเกษมศานต์
ไหนจะได้พวกพหลพลมาร พระลูกรักนงคราญก็น้อยฤทธิ์
เป็นกรรมหนุนบุญสนองพระน้องแก้ว จงผ่องแผ้วปรีดิ์เปรมเกษมจิต
ขอเชิญชื่นเถิดอย่าขืนคะนึงคิด พี่ประสิทธิ์ไอศวรรย์ให้ขวัญตา
พระนุชนางฟังรสพจนารถ ความสวาทความแค้นนั้นหนักหนา
อันโองการพระตรัสดำรัสมา ก็เห็นว่าจังจริงทุกสิ่งอัน
บุญเผอิญให้พระองค์ไปหลงยักษ์ จนเมียรักก็ให้ฆ่าให้อาสัญ
ที่ไม่ตายก็เป็นกรรมมาตามทัน เป็นบุญนั้นจึ่งได้เมียเสมอใจ
น้อยหรือแม่อำภาช่างว่าพี่ ไม่ปรานีบ้างเลยกรรมจะทำไฉน
อย่าฟื้นฝอยหาตะเข็บให้เจ็บใจ ขออภัยเถิดแม่ยอดกระษัตรีย์ ฯ
๏ โฉมอำภาพิศดูนางโกสุม ดั่งปทุมพึ่งแย้มเกสรศรี
ดูแช่มช้อยน้อยน่าจะปรานี พระเทวีทูลถามไปทันใด
เจ้าครอก[๓]น้อยน่ารักจริงองค์นี้ เป็นบุตรีเอกอนงค์พระองค์ไหน
พรหมทัตอั้นอึ้งตะลึงไป ไม่อาจบอกออกได้ให้เกรงนาง
นางทูลเตือนเป็นไฉนจึ่งไม่ตรัส ศรีสวัสดิ์ลูกใครอยู่เคียงข้าง
ท้าวเธอตรัสบอกไปไม่อำพราง เป็นลูกนางอสุรีที่อาธรรม์
เออซิจึ่งมิใคร่จะตรัสเลย เจ้าแม่เอ๋ยทรามชมช่างคมสัน
เจ้าเป็นหญิงเหมือนกันเอ็นดูกัน นางสุวรรณอำภาไม่ว่าไร
พระกุมารดูนางไม่วางเนตร หน่อนเรศโกรธาไม่ปราศรัย
นางโกสุมสุวรรณพรั่นพระทัย บังคมไหว้กราบงามลงสามที
หน่อนรินทร์ร้องตรัสอยู่ฉัดฉาน เหวยทหารไปเอาตัวอียักษี
อำมาตย์วิ่งเร็วพลันไปทันที ก็จับจูงอสุรีระเห็จมา
แสนสงสารนางมารมเหสี เจ้าโศกีกระไรเลยไม่เงยหน้า
เสียงโซ่ตรวนกร่างกริ่งฉุ่งฉิ่งมา ถึงพลับพลาแลดูพระภูมี
ทั้งสองกรข้อนอกเข้าผางผาง สะอื้นพลางทูลองค์พระทรงศรี
โอ้พระจอมเกศาจงปรานี ขอชีวีเมียไว้อย่าให้ตาย
ทอดพระเนตรดูพักตร์เมียรักมั่ง เขาตีหลังเลือดย้อยทุกรอยหวาย
เพราะความรักนี่แลน้องจึ่งต้องตาย แสนเสียดายเคยชื่นทุกคืนวัน ฯ
๏ พระจอมพงศ์เห็นอนงค์กลายเป็นยักษ์ ก็สิ้นรักกลับโกรธอยู่หุนหัน
จงผ่าทรวงดูดวงชีวีมัน หญิงฉกรรจ์ชาติข้าอีหน้าเป็น
อีสองหน้าบ้ากามตะกลามราค มาแกล้งพรากอยู่เมืองให้เคืองเข็ญ
ให้มึงอ้อนวอนว่าเลือดตากระเด็น ที่จะเป็นนั้นอย่าหมายไม่รอดตัว
โอ้พระคุณทูลกระหม่อมของเมียเอ๋ย ไม่สงสารบ้างเลยพระทูนหัว
เมียได้ผิดจงได้โปรดขอโทษตัว ลืงดีชั่วก็ได้เกิดพระธิดา
อันตัวน้องทรงฤทธิ์ไม่คิดแล้ว จงคิดถึงลูกแก้วเสน่หา
ถึงไม่เลี้ยงไว้ในวังเหมือนหลังมา ให้เกี่ยวหญ้าตักนํ้าให้หนำใจ
แม่โกสุมแม่จอมกระหม่อมแม่ ช่างไมแลตูเลยมาเอยได้
เจ้ามาหาแม่หน่อยเถิดกลอยใจ มาจงใกล้ชิดตัวอย่ากลัวเลย
จะขอซมขอสั่งเสียยังแล้ว พระลูกแก้วจงอยู่เถิดนะลูกเอ๋ย
ชีวิตแม่ตั้งแต่จะลับเลย แม่มาเชยชมแม่ให้อิ่มใจ ฯ
๏ พระบุตรีฟังสารนางมารแม่ เจ้าดวงแขดิ้นโดยแล้วโหยไห้
แสนสงสารมารดาสุดอาลัย พระชลนัยน์ซึมโซมชโลมตัว
เจ้ากอดบาทบิดรแล้ววอนว่า อย่าเข่นฆ่าแม่เลยพระทูนหัว
ลูกจะกำพร้าแม่อยู่แต่ตัว ถึงดีชั่วแม่อยู่ได้ชูใจ
บิตุรงค์ทรงฟังพระลูกน้อย หวนละห้อยสังเวชนํ้าเนตรไหล
พอเหลือบพบโอรสยศไกร ตกพระทัยทำโกรธพิโรธจริง
ตบพระเพลาผางผางทางประภาษ เหวยอำมาตย์จับอีกาลีหญิง
อย่าให้มันทำฉะอ้อนวอนประวิง ไปถ่วงทิ้งเสียในกลางทะเลวน[๔]
อำมาตย์มารอุตลุดเข้าฉุดลาก คร่ากระชากมัดผูกอยู่สับสน
ยักขินีครํ่าครวญกระบวนกล ถึงสิ้นชนม์จะไว้เช่นให้เป็นตรา
แล้วนิมิตโฉมสวัสดิ์กำดัดสวาท งามสะอาดแจ่มเจิมเฉลิมหล้า
สร้อยสะอิ้งสังวาลละลานตา ดั่งนางฟ้าลอยนวลมาชวนชาย
กุมภัณฑ์พาเหาะเหินเวหาหาว ยักษาสาวร้องไห้ไม่เหือดหาย
สิ้นบุญแล้วน้องแก้วจะลาตาย เชิญพระชายเนตรชมให้ชื่นตา
แม่โกสุมแก้วตาแม่ลาแล้ว พระลูกแก้วฝากกายกับเชษฐา
สงสารนางโฉมยงองค์ธิดา เจ้าโศกาเกลือกกายแทบวายปราณ
นางยักษ์ร้องร่ำสั่งจนสุดเสียง พรหมทัตพ่างเพียงพระเพลิงผลาญ
เสียดายงามความงงด้วยองค์มาร พระภูบาลแลตามจนลับตา
กุมภัณฑ์พานางไปใกล้สมุทร ลงยั้งหยุดผูกแผ่นศิลาผา
โฉมสมรวอนหวานด้วยมารยา พี่อย่าฆ่าน้องเลยพี่ขุนมาร
พี่โปรดปล่อยน้องไว้ในเขาหลวง ทูลว่าถ่วงสมุทรไทลึกไพศาล
ถ้าน้องมีชีวาอยู่ช้านาน พี่ขุนมารกลับมาจะแทนคุณ
พวกกุมภัณฑ์ฟังสารหวานเสนาะ ให้จับเจาะจิตป่วนออกหวนหุน
ดูนิ่มนวลควรน่าจะการุญ ด้วยเกรงบุญจุมพลก็จนใจ
ประโลมลูบรูปทองว่าน้องแก้ว เป็นกรรมแล้วจำม้วยไม่ช่วยได้
ว่าพลางรุมกันเข้าทันใด โยนลงไปในห้องทะเลวน
พากับเหาะกลับมาพลับพลาพลัน บังคมคัลทูลสนองอนุสนธิ์
พรหมทัตฟังสารบานกมล ตรัสยุบลชวนพระนุชกับบุตรา
อันนางมารให้ประหารชีวาแล้ว ขอเชิญแก้วคืนกรุงบำรุงหล้า
พระตรัสพลางทางสั่งแก่เสนา จงจัดแจงโยธาให้ทันการ ฯ
๏ มนตรีรับวาทินพระปิ่นภพ แล่นตลบเกณฑ์จัดขนัดขนาน
ทั้งรถรัตน์อัสดรกุญชรชาญ ทั้งธงทิวหน้าฉานตระการพราย
กระษัตริย์ทั้งสี่องค์ขึ้นทรงรถ ทรงพระกลดงามเลิศดูเฉิดฉาย
สาวสนมเดินเคียงมาเรียงราย พลนิกายเกณฑ์แห่เป็นกระบวน
เสียงแตรสังข์กังสดาลประสานฆ้อง พิลึกก้องกลองอึงคะนึงหวน
ทำนองงามตามกันทุกคู่ควร ยกกระบวนยาตราเข้าธานี
พลเมืองดูองค์พระทรงสวัสดิ์ นางกระษัตริย์ยอดมิ่งมเหสี
ชวนกันชมบุญญาบารมี ความยินดีทุกอาณาประชากร
สี่กระษัตริย์เสด็จลงจากรถา งามลินลาคลาไคลดั่งไกรสร
เข้าในปรางค์สุวรรณอันบวร สโมสรรวยรื่นชื่นพระทัย
พระทรงยศเสด็จนั่งบัลลังก์รัตน์ ขุนนางอัดน้อมประนมบังคมไสว
โองการตรัสสั่งพลันไปทันใด จงเร่งไปจัดการสมโภชพลัน
ให้ถ้วนทุกพนักงานการฉลอง ตามทำนองเสร็จสิ้นทุกสิ่งสรรพ์
ทุกกรมเตรียมทุกหมวดประกวดกัน จะทำขวัญทั้งสองกระษัตรา
อำมาตย์รับโองการคลานขยาย มาแจกหมายฝ่ายในและฝ่ายหน้า
การของใครใครรับประดับประดา ในพารารายเรียงล้วนโรงงาน ฯ
๏ ครั้นถึงวันชั้นโชคโศลกศาสตร์ พร้อมอำมาตย์พฤฒามหาศาล
บายศรีเงินสุวรรณรัตน์ชัชวาล พนักงานตั้งงามไว้ตามทรง
ปิ่นกระษัตริย์เสด็จเข้าปราสาทเพชร เชิญเสด็จทรามสงวนนวลหง
ขึ้นนั่งเหนือกองทองทั้งสององค์ พระญาติวงศ์นั่งล้อมอยู่พร้อมเพรียง
ได้ศุภฤกษ์ลั่นฆ้องอยู่หึ่งหี่ง ดนตรีอึงแตรสังข์ประดังเสียง
พราหมณ์นิกรถวายพรบังคมเคียง แว่นวิเชียรเวียนเรียงอัคคีเรือง
สยุมพรศุภผลมงคลกิจ ตามประสิทธิ์กรมราชประสาทเรื่อง
ละครโขนหุ่นหนังสนั่นเมือง มีทุกเครื่องมหรสพอยู่ครบครัน
แสนสนุกทุกสิ่งสโมสร ราษฎรเลื่องลือระบือลั่น
มนุษย์ยักษ์จรดลออกปนกัน สมโภชเสร็จเจ็ดวันก็เลิกการ ฯ
๏ โฉมพระลักษณวงศ์พงศ์กระษัตริย์ โสมนัสปริ่มเปรมเกษมศานต์
จึ่งตรัสแก่เสนาบรรดามาร พวกทหารข้าบาทมูลิกา
จงคุมพลจรดลนครยักษ์ ตามสมัครพวกพ้องของยักษา
บอกให้องค์วิรุญวงศ์นั้นเวียนมา ระวังพาราเราอย่าเบาใจ
มารมนตรีต่างประณตบทเรศ พูนเทวษก้มหน้านํ้าตาไหล
เป็นสุดแสนเสน่หาให้อาลัย แต่จำใจจำจรนครตน
บังคมลาพาพลขึ้นเวหา สำแดงเดชเดชาโกลาหล
ไปยังเมืองมยุราพาราตน จรดลโดยสถานสำราญครัน ฯ
๏ ปางราชบรมพรหมทัต เสวยสวัสดิ์ราชัยมไหศวรรย์
คิดถึงขุนเพชฌฆาตไม่ขาดวัน พระทรงธรรม์ตรัสสั่งให้หามา
จึงตั้งตัวนายนั้นให้เลื่อนที่ เป็นจักรีปรากฏด้วยยศถา
ประทานตึกเจ็ดหลังอลังการ์ เบี้ยหวัดห้าสิบชั่งคนโททอง
พวกผู้น้อยให้นามตามขนาน โปรดประทานข้าหญิงทั้งสิ่งของ
ประทานเสร็จสมในพระทัยปอง ท้าวเธอครองพาราสถาพร ฯ


[๑] สมุดไทยเลขที่ ๒ ว่า “ตีผึงตบผางฟันกระจาย”

[๒] ตรัสฟัง = ทรงฟัง

[๓] เจ้าครอก แปลว่า ลูกในวงศ์กษัตริย์

[๔] สมุดไทยเลขที่ ๒ ว่า “ไปถ่วงทิ้งในท้องทะเลวน”

 

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ