ตอนที่ ๔ ลักษณวงศ์ตามหามารดาจนได้พบนางทิพเกสร

๏ ขอยกบทงดเรื่องในเมืองยักษ์ กล่าวถึงลักษณวงศ์โอรสา
เย็นระยับอับแสงพระสุริยา ที่มนตราตรึงกายก็คลายองค์
วิเวกเสียงปักษีชะนีโหย พฤกษาโบยโกญจนาป่าระหง
ผวาตื่นฟื้นสมประดีคง ไม่เห็นองค์ชนนีที่เคียงนอน
ให้เสียวเสียวเหลียวหาในป่าใหญ่ เสียงเรไรหริ่งหริ่งริมสิงขร
ยะเยือกเย็นเส้นหญ้าวนาดร ยิ่งอาวรณ์หวั่นหวั่นพรั่นพระทัย
เจ้ากู่ก้องร้องเรียกตะโกนหา พระมารดาจรดลไปหนไหน
ยิ่งเรียกเรียกก็ยิ่งเงียบสงัดไป แสงอุทัยมืดมืดเข้าหมอกมัว
พระสุรเสียงสำเนียงสนั่นแจ้ว ลูกตื่นแล้วมาเถิดแม่ทูนหัว
แม่ไปไหนให้ลูกอยู่แต่ตัว ลูกเกรงกลัวเสือสิงห์มันวิ่งมา
เจ้าครวญคร่ำรํ่าเรียกจนสุดเสียง เที่ยวมองเมียงตามสุมทุมพุ่มพฤกษา
ยิ่งแลเหลียวเปลี่ยวเปล่าในหิมวา เจ้าโศกากัมปนาทเพียงขาดใจ
ทูลกระหม่อมจอมโลกของลูกเอ๋ย ลูกแลไม่เห็นเลยไปอยู่ไหน
หรือเกิดเหตุเภทพาลประการใด แม่บรรลัยจากลูกเมื่อนิทรา
หรือเสือสิงห์ผีสางที่กลางชัฏ มาขบกัดกินเล่นเป็นภักษา
แม้นมอดม้วยด้วยสัตว์มันบีฑา พระมังสาเลือดเนื้อจะเรี่ยราย
หรือหัสดินอินทรีมาโฉบฉาบ พิฆาตคาบซากศพไปสูญหาย
จึงทอดทิ้งลูกไว้ให้ไกลกาย ไม่วอดวายหรือพระแม่จะจากจร
โอ้สงสารผ่านเกล้าเจ้าประคุณ[๑] มาสิ้นบุญเสียจริงริมสิงขร[๒]
อุตส่าห์เซซังมาในป่าดอน พอหยุดนอนลงวันนี้ก็มีภัย
เมื่อแรกหยุดไสยาเวลาเช้า จนตราบเท่าสิ้นแสงพระสุริย์ใส
ไม่พลิกฟื้นตื่นเลยประหลาดใจ แล้วรํ่าไรกลิ้งเกลือกลงโศกา
เจ้าประคุณทูลเกศของลูกเอ๋ย มาละเลยลูกไว้ให้โหยหา
จะตายเป็นมิได้เห็นพระมารดา นี่เนื้อว่ากองกรรมมาจำเป็น
พระสุริยงก็ลงไปลับแล้ว พระแม่ทูลกระหม่อมแก้วไม่แลเห็น
ยิ่งพลบค่ำก็ยิ่งยํ่ายะเยือกเย็น ยิ่งเขม้นก็ยิ่งมืดลงมัวดง
วังวังสังเวชริมเวิ้งเขา สงัดเหงาหิมวาป่าระหง
สะอื้นอั้นรันทดระทวยองค์ สลบลงแน่นิ่งไม่ติงกาย
พอสิ้นแสงสุริยาในอากาศ ก็โอภาสจันทร์แจ่มจำรัสฉาย
นํ้าค้างโรยโปรยปรายกระจายพราย พระพายชายพัดเชยรำเพยพาน
เสาวคนธ์หล่นโรยมารื่นรื่น เจ้าพลิกฟื้นวรองค์น่าสงสาร
ไม่เห็นองค์มารดายุพาพาล ยิ่งแดดาลเดือดดิ้นอยู่โดยเดียว
เห็นสิ้นบุญแล้วพระทูลกระหม่อมแม่ ลูกแลแลก็ยิ่งสุดนัยน์ตาเหลียว
จะอยู่ไยในดงแต่องค์เดียว จะท่องเที่ยวติดตามไปตามบุญ
แล้วยกหัตถ์วันทาเทพารักษ์ ที่สำนักลำเนาภูเขาขุน
แม้นมารดาข้าบาทไม่สิ้นบุญ ขอพระคุณอย่าให้แคล้วหนทางเดิน
พระชลนัยน์ไหลหลั่งลงพรากพราก เสด็จจากสิงขรชะง่อนเขิน
จะแลเหลียวลิงโลดสันโดษเดิน ด้วยแสงจันทร์แจ่มจำเริญในราวไพร
ค่อยลอดลัดดัดเดินมากลางดง กันแสงทรงโศกปิ้มจะตักษัย
พระพายพัดกวัดกิ่งพฤกษาไทร เห็นเงาไม้หมายเหมือนพระชนนี
วิ่งผวาคว้ากอดเอากิ่งแก้ว เห็นผิดแล้วดังจะล้มลงกับที่
แล้วแข็งขืนฟื้นสมประฤๅดี[๓] เจ้าโศกีลัดลอดลินลามา
เสียงกระหึมครึมครางฝูงช้างโขลง ทั้งผีโป่งปู่เจ้าลำเนาผา
เสียงอุโฆษโขมดเกริ่นเนินวนา กุมารากัมปนาทเพียงขาดใจ
จนดาวเดือนเลื่อนลับภูเขาแก้ว เสียงแจ้วแจ้วไก่ขันอยู่หวั่นไหว
เหมือนเสียงแม่แลเหลียวละลานใจ เป็นเสียงไก่วังเวงบรรเลงลอย
หยุดสะอื้นขืนจิตคิดระทด นํ้าพระเนตรไหลหยดลงผ็อยผ็อย
พระสุริยงทรงเวชยันต์ลอย สว่างพร้อยพุ่มพฤกษ์อยู่พรายพราย
สงสารลักษณวงศ์ทรงกันแสง ไม่รู้แห่งทางไปให้ใจหาย
บาทระยำยับย่อยเป็นรอยราย ค่อยทรงกายเซซังมากลางดง ฯ
๏ ขอยกเรื่องกล่าวเนื่องถึงดาวบส[๔] อันทรงพรตอยู่ในไพรระหง
ตบะกิจฤทธิ์เรืองจำเริญองค์ หนังเสือทรงผูกชฎาประคำคล้อง
พระมุนีมีนามมหาเมฆ อดิเรกฤทธีไม่มีสอง
สำรวมฌานมัสการ[๕]พระเพลิงกอง อยู่ในห้องหิมวาพนาลี
เธอได้นางกลางสัตตบงกช พระดาวบสเลี้ยงไว้ในไพรศรี
หอมรำจวนนวลเนื้อกุมารี ดั่งมาลีเสาวรสเรณูนวล
พระฤๅษี[๖]มีศักดิ์ก็รักใคร่ ให้อยู่ในอาศรมสุดสงวน
จนประมาณนานเนิ่นจำเริญนวล อายุล้วนแปดขวบประจวบกัน
จึงตั้งนามตามศักดิ์สายสมร ชื่อทิพเกสรสาวสวรรค์
พระสิทธาหาเลี้ยงทุกคืนวัน อยู่ในบรรณศาลาสิทธาจารย์
ครั้นรุ่งเช้าดาวบสจะเข้าป่า แสวงหาผลไม้ในไพรสาณฑ์
จึงสอนแก้วกัลยายุพาพาล เยาวมาลย์แม่อย่าไปไกลศาลา
ชิงช้าตาผูกไว้จงไกวเล่น เวลาเย็นแล้วอย่าลืมเก็บบุปผา
ครั้นเสร็จสอนคอนคานสาแหรกคลา เข้าสู่ป่าตามเพศพระชีไพร ฯ
๏ จะกล่าวถึงลักษณวงศ์พงศ์กระษัตริย์ โทมนัสเศร้าสร้อยละห้อยไห้
ได้เจ็ดวันดั้นเดินผู้เดียวไป พอเกือบใกล้อาศรมก็สุดแรง
เห็นศาลาหน้ามุขตระหง่านเงื้อม ดูละเลื่อมเหลืองแลระยับแสง
มีเสาหงส์ธงปลิวอยู่กลางแปลง ให้คลางแคลงสงสัยอยู่ไปมา
นี่อาศรมฤๅษีหรือผีสร้าง อยู่ที่กลางวุ้งเวิ้งชะวากผา
ถึงตายเป็นก็ให้เห็นประจักษ์ตา กุมารารีบไปในไพรวัน
ถึงกุฎีฤๅษีริมสิงขร เห็นนางทิพเกสรสาวสวรรค์
กุมารีศรีสวัสดิ์วิไลวรรณ อยู่หน้าบรรณศาลาเอกากาย
ไม่เห็นองค์ทรงศักดิ์พระนักสิทธ์ นิ่งพินิจนึกในพระทัยหมาย
อันนักสิทธ์ย่อมสถิตอยู่เดียวดาย เหมือนนิยายเล่าไว้แต่ไรมา
อาศรมนี้ก็เป็นที่ฤๅษีแล้ว ไยนางแก้วจึงมาอยู่น่ากังขา
จะว่าคู่สู่สมภิรมยา ดูกานดาเด็กนักไม่ควรความ
จะนิ่งอยู่ไหนจะรู้เนื้อความเล่า จำจะเข้าให้ใกล้ได้ไถ่ถาม
แล้วตรงมาศาลาพังงางาม เจ้าถามตามประสาเด็กด้วยยินดี
นี่แน่นางใครมาสร้างพระอาศรม ของทรามชมหรือของพระฤๅษี
ก็ผู้ใหญ่ไปไหนไม่เห็นมี อยู่กุฎีองค์เดียวน่าเปลี่ยวใจ ฯ
๏ ปางทิพเกสรบวรนาฏ เห็นองค์ราชกุมารมาปราศรัย
เป็นกุศลคู่สร้างแต่ปางไกล ให้มีใจโสมนัสสวัสดี
จึงตอบความตามเด็กไม่ขวยเขิน พี่ช่างเดินมาได้ในไพรศรี
ตัวคนเดียวเที่ยวเดินในพงพี ไม่กลัวผีเสือช้างช่างกล้าครัน
นี่อาศรมพ่อตา[๗]ข้าสร้างไว้ ท่านยังไปเที่ยวเก็บพฤกษาฉัน
มานั่งนี่เถิดพี่ได้พูดกัน ทั้งเผือกมันของข้ายังถมไป
หน่อกระษัตริย์ฟังสารสำราญจิต เข้านั่งชิดกัลยาแล้วปราศรัย
แม่อารีดีจริงพี่ขอบใจ จะเล่าให้แจ้งความแต่ตามตรง
พี่ชื่อลักษณวงศ์พงศ์กระษัตริย์ จากสมบัติมาในไพรระหง
กับมารดรนอนค้างอยู่กลางดง เมื่อฟื้นองค์หาแม่ไม่เห็นเลย
ตัวคนเดียวเที่ยวมาในป่าสูง เห็นแต่ฝูงสิงสัตว์แลน้องเอ๋ย
แสนกันดารบ้านเมืองไม่มีเลย อดเสวยข้าวน้ำระกำครัน
พี่โหยหิวโรยแรงมานานนัก แทบว่าจักบรรลัยในไพรสัณฑ์
พระฤๅษีดีดอกหรือดุดัน อยู่ด้วยกันยังจะได้หรือไฉยา ฯ
๏ นางฟังเล่าเข้าใจให้สงสาร เจ้าลบลานเข้าไปเลือกลูกพฤกษา
ทั้งม่วงปรางนางหยิบมานานา แสบท้องมากินเถิดอย่าเกรงใจ
พระฤๅษีใจดีไม่ดุดอก จะช่วยบอกพ่อตาให้อาศัย
ได้วิ่งเล่นเย็นเช้าสบายใจ เก็บดอกไม้ถวายตาเพลาเย็น
ชิงช้าตาผูกไว้ที่ต้นแก้ว พี่กินแล้วข้าจะพาไปไกวเล่น
พี่เคยไกวหรือว่าไกวยังไม่เป็น พี่แลเห็นแล้วหรือที่ตรงนี้ไป ฯ
๏ พระฟังนางค่อยสว่างที่ความทุกข์ พลอยสนุกยิ้มแย้มอยู่แจ่มใส
มากินของด้วยกันหน่อยจึงค่อยไป แล้วทรามวัยเจ้าเสวยทั้งสององค์
จนอิ่มหนำสำเร็จสำรวลสรวล พระเชิญชวนจูงนางนวลหง
ไหนชิงช้าพาไปเถิดโฉมยง แล้วสององค์เดินเรียงมาเคียงกัน
ขึ้นชิงช้าหาเชือกทำสายชัก ทั้งพระลักษณวงศ์สาวสวรรค์
ช้าเจ้าหงส์ส่งเสียงประสานกัน ดังจักจั่นแจ้วแจ้วในดงดอน
ไม่ขวยเขินด้วยสองยังเด็กนัก อารมณ์รักเหมือนเพื่อนสโมสร
จนบ่ายแสงสุริย์ศรีวรีวร ชวนกันจรลงสรงพระคงคา
แล้วโฉมงามทรามสงวนนวลหง ชวนพระลักษณวงศ์เก็บบุปผา
ที่ปลูกไว้ใกล้บรรพศาลา เก็บจำปาพุทธชาดอัญชันปน
ยี่สุ่นแซมแกมกับชมพูเทศ การะเกดชุมแสงทั้งสร้อยสน
บ้างหล่นกลาดดาษกลางแผ่นดินดล เสาวคนธ์รื่นรสเรณู
พระเก็บพุดหยุดยื่นให้โฉมศรี กุมารีรับจากหัตถ์แล้วทัดหู
เก็บสุกรมชมชื่นแล้วยื่นชู สำรวลเรียงเคียงคู่กันสองรา
แล้วชวนกันผันผายมาอาศรม สองภิรมย์นั่งร้อยพวงบุปผา
เวลาด่วนจวนเจ้าพ่อตามา ทั้งสองราเล็งแลชะแง้คอย ฯ
๏ จะกล่าวถึงบาทบงสุ์พระทรงพรต เที่ยวเลี้ยวลดเลือกหาพฤกษาสอย
ได้กล้วยกล้ายหลายพรรณทั้งมันกลอย ตะวันคล้อยกลับมาศาลาลัย
ถึงกุฎีพระฤๅษีก็ปลงหาบ กุมารกราบพระสิทธานํ้าตาไหล
พระสิทธาทัศนาเห็นหน่อไท ไม่แจ้งใจจึ่งถามเนื้อความพลัน
กุมารานี่มาแต่ไหนเล่า ช่างเท่าเท่ากับเกสรสาวสวรรค์
หน่อกระษัตริย์มัสการพระทรงธรรม์ กันแสงศัลย์เล่าเรื่องแต่แรกมา
พระมารดาข้าพลัดกำจัดจาก ความลำบากหลานรักนี้หนักหนา
พบพระองค์จงช่วยชูชีวา ขอศึกษาเป็นศิษย์พระทรงญาณ ฯ


[๑] ประคุณ = พระคุณ โบราณใช้คำนี้มาก

[๒] สมุดไทยเลขที่ ๒๕ ว่า “มาสิ้นบุญเสียจริงจริงที่สิงขร”

[๓] สมุดไทยเลขที่ ๒๕ ว่า “แล้วแข็งขืนยืนไม่สมประฤๅดี”

[๔] ดาวบส = ดาบส

[๕] มัสการ = นมัสการ

[๖] ฤๅษี = ฤษี

[๗] พ่อตา = พ่อใหญ่ ในชั้นหลังเรียก เจ้าตาหรือพระเจ้าตา

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ