ตอนที่ ๑๕ ลักษณวงศ์ตามหานางทิพเกสรไปถึงเมืองยุบล แล้วได้นางยี่สุ่นเป็นพระชายา

๏ ขอยกเรื่องโฉมงามเจ้าพราหมณ์น้อย ที่โศกสร้อยสืบเสาะแสวงหา
จะกล่าวถึงลักษณวงศ์ทรงศักดา ต้องมนต์ยาวิชาธเรศสนิทนอน
ครั้นมนต์ยาเสื่อมสร่างสว่างเนตร พอสุริเยศเยี่ยมเมรุสิงขร
พิรุณโรยโปรยปรายละอองออน ก็ซับซาบเกสรสุมาลี
หอมฟุ้งจรุงรสเรณูรื่น มาชวยชื่นนาสาพระโฉมศรี
พลิกผวาคว้ากอดพระเทวี ไม่พบศรีสวาทเศร้าเปล่าอุรา
เอะประหลาดหลากจิตผิดสังเกต ลืมพระเนตรเหลียวซ้ายแล้วแลขวา
ไม่ยลพักตร์เยาวลักษณ์ดวงสุดา ก็โหยหาครวญครํ่ารํ่าพิไร
กันแสงทรงโศกศัลย์ถึงขวัญเนตร เยาวเรศยาจิตพิสมัย
โอ้โอ๋แก้วแววตาสุมาลัย เออผู้ใดพาพรากไปจากทรวง
แม้นมิได้พานพบประสบมิตร มิขอคิดคืนหลังเข้าวังหลวง
จะเที่ยวตามแก้วตากานดาดวง ระกำทรวงสู้ม้วยด้วยทรามวัย
แม้นใครคืนเยาวลักษณ์อัคเรศ ถึงดวงเนตรยอดรักจะควักให้
เราไม่คิดฆ่าฟันให้บรรลัย อันความสัตย์นี้จะไว้แก่เทวา
พี่เสียใจสุดใจพี่อยู่แล้ว เหมือนเสียแก้วนัยน์เนตรทั้งซ้ายขวา
เสียแรงเรืองฤทธิรณจนลือชา มาเสียเมียแนบอุราน่าอับอาย
เมื่อครั้งก่อนอ่อนฤทธิ์แล้วอ่อนร่าง พระมารดาอยู่กับข้างก็สูญหาย
ต้องวิโยคโศกหนักพอหักอาย ถึงพวกชายก็จะเห็นหัวอกกัน
อันครั้งนี้สุดอายหัวอกโศก ทั้งตรีโลกก็จะชวนกันสรวลสันต์
ชอบแต่ฟาดฟันกายให้ตายพลัน ครองชีวันยืนอยู่หรือดูดี
สงสารนักจักรพงศ์ดำรงโลก กันแสงโศกโหยไห้ในไพรศรี
แต่พลบคํ่าสนธยาเข้าราตรี จนรุ่งศรีเรืองแสงสุริยง
อัสดรวอนทูลว่าทูลเกล้า อย่าโศกเศร้ารำพึงตะลึงหลง
มิใช่ว่าตื่นอยู่ได้รู้องค์ เขาขืนคงชิงนางจะน้อยใจ
หลับสนิทแล้วเขาคิดสะกดเล่า นี่หากเขามิได้ฆ่าให้ตักษัย
เสียแต่ยอดเยาวลักษณ์จงหักใจ เร่งตามไปให้พบประสบกัน
แต่พระรามสุริย์วงศ์อันทรงเดช กับดวงเนตรสีดาสาวสวรรค์
ทั้งพระลักษมณ์อนุชาฤทธาครัน อยู่ด้วยกันสามองค์ดำรงรัก
แต่ตื่นอยู่แล้วน้องประคองข้าง ยังเสียนางโฉมยงผู้ทรงศักดิ์
ละเลิงหลงด้วยพยศทศพักตร์ มาเสียศักดิ์อับอายแก่ชายชาญ
เธอยังคิดมานะสละอาย เที่ยวสืบสายเรื่องราวฟังข่าวสาร
จนได้นางล้างโคตรกุมภัณฑ์พาล พอแก้การอัปยศด้วยเดชา
จงดับโศกเชิญเสด็จระเห็จเหาะ เที่ยวสืบเสาะมิ่งมิตรขนิษฐา
ดีร้ายจะได้เหมือนพระรามา ได้ดูหน้าข้าศึกฮึกคะนอง
พระทรงยศฟังรสสุนทรเรื่อง ค่อยปลดเปลื้องบรรเทาที่เศร้าหมอง
ขึ้นทรงม้าอาชาไนยดั่งใจปอง เผ่นผยองล่องฟ้าเที่ยวหานาง
กระเหว่าแว่วดังเสียงสำเนียงนุช ขยับหยุดฟังเปล่าเห็นเขาขวาง
ทอดพระเนตรแลหาทุกท่าทาง พระดูพลางเรียกพลางมากลางดง
เที่ยวลัดเลาะเสาะแสวงทุกแห่งหน สุดจะค้นเหาะหาในป่าระหง
โหยละห้อยลอยฟ้ากับม้าทรง เห็นนครร่อนลงเที่ยวสืบความ
แล้วปลอมแปลงแต่งกายให้คล้ายเขา ดูลาดเลาหลอกหลอนแล้ววอนถาม
ไม่ได้ข่าวร้อยชั่งก็ตั้งตาม พยายามยากแค้นเป็นแสนตรม
ไม่เป็นอันบรรทมกรมเทวษ เสวยแต่ชลเนตรจนซูบผอม
พระองค์อบแต่ละอองจนหมองมอม กำลังตรอมมิได้ตรงลงสรงชล
เที่ยวไปทุกธานีบุรีรุด ยิ่งสืบนุชก็ยิ่งสูญอนุสนธิ์
ค่อยเลื่อนฟ้ามองหานฤมล ถึงยุบลนครังอลังกรณ์
จอมกษัตริย์ครองเมืองเรืองพระยศ ชื่อท้าวกรดสุริกาลชาญสมร
มเหสีชื่อมณีอัมพร จอมสมรเอกองค์อนงค์ใน
มีพระราชธิดาวราพักตร์ วิไลลักษณ์เลิศลํ้าในตํ่าใต้
ชื่อยี่สุ่นสุมาลีศรีประไพ นางทรามวัยชันษาสิบห้าปี
โฉมพระลักษณวงศ์ทรงสวัสดิ์ พระชักอัสดรลงในสวนศรี
รำถึกถึงพระคุณพระมุนี เสกพาชีขอดชายภูษาทรง
แล้วลินลามาตามพนัสสวน มีแต่ล้วนจำปาแลกาหลง
เห็นกระท่อมทับยายอยู่ชายดง จักรพงศ์ค่อยคลายสบายบาน
ตำหนักสร้างกลางสวนแสนสนุก มีหน้ามุขทางลงสรงสนาน
ไม่เห็นคนรักษาพยาบาล พระกุมารหยุดพักตำหนักใน
ทอดพระเนตรเห็นยายอยู่ชายสวน พระคิดควรจะไปหาเข้าอาศัย
จำจะแปลงไปให้เห็นว่าเข็ญใจ ทำอย่าให้ยายเฒ่ารู้เท่าทัน
แล้วเปลื้องเครื่องอาภรณ์ศรพระแสง เอาห่อแฝงซุกซ่อนในสวนขวัญ
จึ่งเสด็จลินลามาโดยพลัน จรจัลเข้าไปหายายมาลี
เห็นมาลายายปลิดประดิษฐ์ร้อย เป็นพวงสร้อยสนสับประดับสี
พระแย้มโอษฐ์พจมานไปทันที คุณยายนี้ช่างร้อยมาลัยงาม ฯ
๏ ยายมาลีเห็นองค์พระทรงศักดิ์ ให้นึกรักภูวไนยแล้วไถ่ถาม
พ่อหนุ่มน้อยอยู่ไหนนะโฉมงาม ทำไมลามเข้ามาเล่นในอุทยาน
คุณยายจ๋าหลานจนเป็นคนยาก แสนลำบากบุกป่าพนาสาณฑ์
กับน้องน้อยเวทนามาช้านาน เยาวมาลย์นุชน้องเจ้าหายไป
อนิจจาอนิจจังน่าสังเวช บังเกิดเหตุยากเข็ญเป็นไฉน
นี่พ่ออยู่ธานีบุรีใด เออทำไมจึ่งมาในป่าดง
เป็นลูกใครรูปร่างเหมือนอย่างเขียน ดูงามเจียนรูปเจ้าราวกับหงส์
พระฟังยายซักความถามถึงวงศ์ จักรพงศ์แจ้งเรื่องจนจบความ ฯ
๏ แม่ยาย[๑]เจ้าหลานจะเล่าก็ใจหาย เจียนจะตายอยู่ในป่าพนาหนาม
เป็นบุญไม่มรณาได้มาตาม แม่รู้ความน้องข้าบ้างหรืออย่างไร
ชื่อเกสรรูปนางนั้นร่างน้อย กำลังละห้อยพักตร์น้องก็หมองไหม้
ได้ฟังข่าวเล่ากันเป็นฉันใด ใครเขาไปได้นางอย่างพรางเลย ฯ
๏ อนิจจังฟังว่าก็น่ารัก ไม่รู้จักเยาวมาลย์นะหลานเอ๋ย
ไม่รู้ข่าวเล่าความนางทรามเชย แม่ละเลยหลงพี่ไปแห่งใด
โอ้แม่คุณฉันชํ้าระยำยาก บุกลำบากเหนื่อยมาขออาศัย
ไม่เห็นตัวพ่อตานี้อาลัย ตาไปไหนจึ่งอยู่แต่แม่ยาย ฯ
๏ พ่อเอ๋ยยายจะเล่าถึงเฒ่าชั่ว แก่แต่ตัวนํ้าใจนี้ใจหาย
แต่หลงรักชาววังคลั่งไม่วาย จวนจะตายยังเที่ยวเพ้อละเมอรัก
พ่อจะอยู่ด้วยยายหรือสายใจ[๒] ยุพเรศชื่อไรไม่รู้จัก
ฉันชื่อลักษณวงศ์ผู้ทรงลักษณ์ ขอหยุดพักพึ่งแม่แต่พอคลาย
อุเหม่เจ้าลักษณ์น่ารักเจียวหลานแก้ว จะอยู่แล้วบังอรจงสอนง่าย
อย่าคบพาลพาผิดมาติดยาย ค่อยสบายแล้วพ่อจึ่งจรจัล
พ่ออยู่แล้วแก้วตารักษาเหย้า ยายจะเข้าไปเฝ้าสาวสวรรค์
ชื่อยี่สุ่นสุมาลีศรีสุวรรณ พระนางนั้นเป็นราชธิดา
เอามาลัยไปถวายประดับองค์ นางจะทรงออกนั่งที่ข้างหน้า
พรุ่งนี้จะสระสนานประสานงา ผัดพญาช้างทรงชื่อกรงทอง
สั่งแล้วเอามาลัยเข้าไปถวาย นางโฉมฉายงามศรีไม่มีสอง
บังคมลามาเรือนเตือนพระทอง อย่าเศร้าหมองพรุ่งนี้จะมีงาน ฯ
๏ พระสดับวาทียายมาลีโลม คิดถึงโฉมเกสรยอดสงสาร
แม้นมาด้วยพี่จะพายุพาพาล ชมคเชนทร์สระสนานสำราญใจ
เดชะบุญพรุ่งนี้ให้พี่พบ ให้ประสบมิ่งมิตรพิสมัย
พระนิ่งนึกบรรทมยิ่งตรมใจ จนอาทิตย์อุทัยประเทืองเรือง
พนักงานช้างมิ่งวิ่งระเห็จ ตีสิบเบ็ด[๓]
เสร็จสรรพประดับเครื่อง
ขุนนางขี่คองามอร่ามเรือง ทนายตามนองเนืองถือเครื่องยศ
พฤฒาเฒ่าถือสังข์มานั่งแซ่ ทั้งเกณฑ์แห่กองหัตถ์ก็จัดหมด
ทั้งพวกห้อเหี้ยมหาญพานพยศ ก็เตรียมหมดคอยองค์พระทรงภพ
ทั้งชายหญิงวิ่งพรูมาดูดาษ เอี่ยมสะอาดห่มนุ่งฟุ้งตรลบ
โฉมพระลักษณวงศ์ดำรงภพ เที่ยวตลบหาองค์อนงค์นาง ฯ
๏ ปางพระกรดสุริกาลเกศกระษัตริย์ พร้อมขนัดนางงามตามสล้าง
ทั้งเอกอัครธิดาพญานาง องค์สำอางยี่สุ่นสุมาลี
เสด็จขึ้นพลับพลาหน้าสนาม เรืองอร่ามพราวพรับระยับศรี
ส่วนโฉมยงองค์ยี่สุ่นสุมาลี พระเทวีเยี่ยมพักตร์ดังเพ็งจันทร์
ดูชายหญิงยืนนั่งสะพรั่งพักตร์ เห็นพระลักษณวงศ์ทรงกระสัน
ส่วนพระหน่อสุริย์วงศ์ผู้ทรงธรรม์ ก็ผินผันพักตร์พบประสบตา
พระชายเนตรเคียงคมประสมเนตร[๔] ร่ายพระเวทแล้วประทับด้วยคาถา
ทั้งสององค์หลงเล่นนัยนา เขาแห่มาพรั่งพรูไม่ดูเลย
ตั้งโห่แห่แตรสังข์ประดังเสียง คชาเคียงเรียงหน้างาจะเสย
หัสดินทร์เป็นลำดับประทับเกย พราหมณ์ก็เอ่ยโองการพระอิศรา
นํ้าสังข์โรยโปรยประศีรษะช้าง ยืนสล้างเริงเรียงอยู่เคียงหน้า
แล้วปล่อยห้อควบปลิวเป็นทิวมา ดูบาทาดั่งว่าลอยมากลางลม
ให้คนขยันสันทัดเข้าผัดช้าง พอผัดผางช้างพวยจะฉวยผม
งวงกับพัดปัดใกล้มันไล่กลม[๕] ข้างถลมคนถลำปะรำมิด
อ้ายช้างแย่งแทงซ้ำปะรำหัก[๖] ไล่สลักคว้าไขว่กันหวิดหวิด
อ้ายคนผัดวิ่งรุดจนสุดฤทธิ์ อ้ายช้างชิดฉวยแย่งแล้วแทงตาย
ครั้นคนครืนตื่นอึงอุตลุด วิ่งสะดุดล้มควํ่าคะมำหงาย
บ้างผ้าลุ่ยของตกหกกระจาย อ้ายคนร้ายคอยรูดเอาแหวนทอง
สระสนานการเสร็จเสด็จเข้า พระนงเยาว์ยี่สุ่นก็มุ่นหมอง
ไม่ยลพักตร์ยอดรักพระรูปทอง นวลละอองอาดูรพูนทวี
พระกุมารมาดหมายสายสวาท ไม่เห็นนาฏนุชน้องก็หมองศรี
ต่างองค์ต่างตรมไม่สมประดี พระจักรีปั่นป่วนรัญจวนใจ ฯ
๏ ยายมาลีเห็นองค์พระทรงศักดิ์ ไม่เบือนพักตร์พูดจาทักปราศรัย
แต่กลับมาก็ไสยาสน์ประหลาดใจ จึ่งปราศรัยพจมานกับหลานรัก
พ่อพุ่มพวงดวงเนตรเหตุไฉน ไม่เล่าให้ยายฟังแจ้งประจักษ์
สระสนานการสุขสนุกนัก พ่อยอดรักดูสบายหรือสายใจ ฯ
๏ พระนรินทร์ยินยายภิปรายถาม พระจำจิตแจ้งความเฉลยไข
หลานไม่รู้ว่าสำราญประการใด ในอกใจไฟจี้ก็เจียนกัน
พ่อดวงเนตรเหตุไรไฉนหลาน จึ่งรำคาญเคืองแค้นแสนกระสัน
แม่ยายเอ๋ยอกพองเป็นหนองครัน ดังใครหันหน้าปืนจ้องยืนยิง
ด้วยเจ็บใจจากน้องหมองเทวษ ไม่วายเนตรสอดหาสมรมิ่ง
ได้เห็นองค์นงรามนั้นงามจริง เจ้าครอกหญิงยอดราชธิดา
เจ้าทรงโฉมเฉิดฉินเป็นปิ่นสมร ช่างเหมือนแม่เกสรขนิษฐา
แต่หลงแลดูนางไม่วางตา พยักหน้านางยิ้มก็ยินดี
ครั้นดูนานเห็นผิดจริตนุช เพียงจะทรุดแทรกพื้นแผ่นดินหนี
นางจะเคืองพระทัยหรือไมตรี ไม่รู้ที่จะประมาณในการคิด
ทั้งแสนทุกข์ถึงน้องต้องวิโยค ทั้งแสนโศกถึงตัวด้วยกลัวผิด
ทั้งความรักนิ่มนุชก็สุดฤทธิ์ เห็นสุดคิดหลานแล้วเจ้าคุณยาย ฯ
๏ ยายมาลีตีอกดูเอาเถอะ ทำหลงเลอะเล่นข้าให้ฉิบหาย
พ่อแก้วตาจะมาพาให้ยายตาย จงผันผายไปให้พ้นจากเรือนเรา
เจ้าคุณยายอย่าตะพายแต่โมโห จะสุโขโอ่เอี่ยมขึ้นเทียมเขา
จะขี่วอช่อฟ้าหลังคาเพรา คนคุกเข่าขอรับประนมกร
อันเดือนนี้ในโฉลกเป็นโชคหลาน โหราจารย์ทายไว้จะได้สมร
ตกที่นั่งจักรีพระสี่กร พระเคราะห์จรคุมจันทร์จะได้เมีย
แต่จะได้ที่พึ่งเป็นผู้เฒ่า เป็นคนเข้าปราศรัยจะได้เสีย
พิเคราะห์ความเห็นงามข้างได้เมีย แม่อย่าเสียใจลาภจะสูญลอย ฯ
๏ ไม่ได้แล้วแก้วตาอย่าว่าเล่น ไม่ทันเห็นก็จะยับเป็นสับฝอย
ยิ่งยากแล้วยังมาซํ้าระยำพลอย อย่ากล่าวถ้อยเจรจาจงคลาไคล
พระกุมารเห็นยายไม่คลายโกรธ จึ่งเอื้อนโอษฐ์พจนาแล้วปราศรัย
เอ็นดูหลานคนเข็ญไม่เห็นใคร เมื่อแม่ไม่เมตตาก็ถ้าจน
ยายได้ฟังสุนทรอันอ่อนหวาน สงสารหลานจะต้องเร่ระเหระหน
จึ่งปลอบว่าขวัญตารักษาตน จงเจียมจนพ่อคุณอย่าวุ่นวาย
พระอ่านมนต์สญชีพ[๗]ให้ยายชื่น เห็นไม่ขืนอารมณ์คงสมหมาย
จึ่งว้าวอนอ่อนหวานประโลมยาย อันหลานชายนี้มาตรองทำนองความ
ตัวก็จนแล้วเป็นคนไม่มีจ้าว[๘] มีแต่คาวปากคนว่าหยาบหยาม
จะขอเข้าเป็นข้าพะงางาม เมื่อถึงยามทุกข์ร้อนได้ผ่อนเย็น
ช่วยทูลทีเถิดแม่ยายถวายฉัน ที่การนั้นก็จะทำไปตามเข็ญ
เป็นขอเฝ้าฉันก็เหลาไม้กลัดเป็น พอวิ่งเต้นตามเสด็จพระธิดา
แม้นกุศลหนหลังประทังช่วย ก็คงรวยดั่งมาดปรารถนา
รับเบี้ยหวัดซัดเพลาะให้เหมาะตา ได้เสื้อผ้าเงินทองมาเลี้ยงยาย
สองสนองสนทนาปรึกษากัน พระสุริยันเลี้ยวลับดับดวงหาย
พระรูปทองหมองหมางไม่วางวาย คิดถึงสายสมรมิตรไม่นิทรา
เข้ายามหนึ่งพระคะนึงถึงยามสอง แต่ตรึกตรองรำจวนให้หวนหา
จนยามสามยํ่ายามเป็นสามครา พระกรก่ายพักตราแล้วบรรทม
สวาทมิตรจิตจงจนทรงฝัน ว่าสาวสวรรค์เจ้ามาแนบพระทรวงสม
ละเมอทรงพระสรวลสำรวลชม แต่โลมลมจนพระกรนั้นอ่อนเอียง
สะดุ้งฟื้นตื่นคว้าริมฝาเฝือง ออกปล่างเปรื่องเชี่ยนขันสนั่นเสียง
พระเนตรลายหมายแน่ว่านางเมียง พระส่งเสียงร้องเชิญนางโฉมงาม
แม่ขวัญเมืองเคืองพี่หรือน้องแก้ว มาถึงแล้วมิ่งมิตรอย่าคิดขาม
พระเดินตรงหลงคว้าพะงางาม เลียงโครมครามยายตื่นรู้สึกตัว
จึ่งร้องทักหลานรักอะไรนั่น ไม่มีขวัญเลยนะพ่อทูนหัว
พระรู้สึกองค์แน่ก็แก้ตัว อ้ายคนชั่วเป็นขโมยขึ้นเมียงมอง
ฉันลุกไล่มันถลาฉันคว้าผิด รอดชีวิตโดดผางไปทางช่อง
ยายมาลีดีใจดั่งได้ทอง พ่อร่วมห้องมิเสียแรงรักษาเรือน ฯ
๏ พระนรินทร์เอนองค์ลงเทวษ โอ้แม่เกศนารีไม่มีเหมือน
พี่แสนสวาทจนเพ้อละเมอเฟือน ขอบุญเตือนเนื้อเย็นให้เห็นรัก
ได้ยินเสียงฆ้องยามเข้ายํ่ารุ่ง พระสะดุ้งทรวงเพียงจะโทรมหัก
ภาณุมาศผาดเผ่นพอเห็นพักตร์ พระทรงศักดิ์เก็บเลือกมาลากรอง
ร้อยสลับกลับก้านเป็นนาคเกี้ยว ตลบเลี้ยวกอดกรหงอนผยอง
พระร้อยลิ้นด้วยกลีบจำปาทอง ตาทั้งสองสอดใส่มะกลํ่ากลม
ดอกยี่สุ่นเป็นพื้นไว้ยืนที่ แล้วสอดสีดอกเทียนเป็นเศียรสม
เอารักซ้อนซ้อนกลีบเป็นเกล็ดกลม แทรกสุกรมมะลุลีมะลิลา
แล้วแต่งสารสอดใส่เป็นไส้นาค ดูหลากหลากมาลิศเป็นปริศนา
พระร้อยแล้วพิศดูก็ปรีดา แล้วหยิบมายื่นให้ยายมาลี ฯ
๏ ยายมาลีรับพวงมาลัยนาค ก็ออกปากงามจริงทุกสิ่งศรี
เอาถวายพระธิดาเจ้าธานี เห็นท่วงทีดีแล้วพ่อแก้วตา
สัพยอกหยอกองค์พระทรงทวีป แล้วเร่งรีบจรจัลด้วยหรรษา
เข้าเฝ้าเจ้าจอมขวัญกัลยา ถวายพวงมาลารูปนาคี
องค์ยี่สุ่นทรงโฉมโสมนัส ยื่นพระหัตถ์รับพวงมาลีศรี
ใส่พระกรแย้มยิ้มด้วยยินดี ชะวันนี้มาลัยประหลาดงาม
นี่ยายร้อยหรือว่าใครผู้ใดร้อย ช่างงามน้อยหรือเป็นงูดูน่าขาม
ยายประนมบังคมแล้วทูลความ สีมือ[๙]งามนี้กุมารเป็นหลานชาย
เจ้าพลัดพรากจากเมืองได้เคืองเข็ญ ผู้เดียวเด่นเดินมาน่าใจหาย
กุศลส่งโปร่งปลอดไม่วอดวาย มาฝากกายอยู่กับข้าก็ปรานี
เจ้ารู้เจียมกายาประสายาก จะขอฝากตัวอยู่ใต้บทศรี
ถวายตัวเป็นข้าฝ่าธุลี มาลัยนี้เป็นของถวายมือ ฯ
๏ พระยุพินยินสารโสมนัส ดังจันทรสัมผัสพระหัตถ์ถือ
เฉลียวคิดว่าคนนี้มีฝีมือ ชะรอยคือพระรูปทองที่ต้องตา
ให้หวั่นหวั่นหวามหวามความสวาท นุชนาฏนิ่งนึกเสน่หา
พระเสาวนีย์ตรัสว่ากุมารา สมัครมาแล้วก็ตามแต่ใจจง
เขาชื่อไรหลานชายของยายเฒ่า นิจจาเจ้ายากจนเป็นคนหลง
ขอประทานชื่อลักษณวงศ์ นางโฉมยงฟังชื่อยิ่งชื่นใจ
ยายมาลีทูลลามาหาหลาน พระกุมารปรีดาเข้าปราศรัย
แม่ยายเจ้าประคุณฉันอุ่นใจ นี่ได้การหรือมิได้จึ่งรีบมา
พ่อดวงจิตสมคิดเราแล้วหลาน เยาวมาลย์เห็นจะรักเจ้าหนักหนา
ท่านจะใช้สาวใช้ให้ไปมา อย่าชะล่านะจะค้างอยู่กลางคัน
จักรพงศ์ทรงภุชก็สุดปลื้ม ดังจะลืมเกสรสาวสวรรค์
ให้แสนรักโฉมดรุณยี่สุ่นครัน สุดกระสันถึงสารที่ส่งไป ฯ
๏ ปางพระยอดนารีศรีสมร ยอดสุนทรเลิศลํ้าในต่ำใต้
จำเดิมได้นาคาสุมาลัย รำจวนใจจูบพวงภุชงค์ชม
แกล้งบรรจงให้วิจิตรเป็นปริศนา ร้อยมาลาเกี่ยวก้านประสานสม
เห็นเงื่อนสารอยู่ในโอษฐ์นาคาอม นางทรามชมชักสารสะดุ้งใจ
พระทรวงเสียวเหลียวดูหน้าสาวสาว พอหมดคราวเบือนหน้าแล้วปราศรัย
นางข้าเหล่าสาวสรรค์กำนัลใน พากันไปเถิดฉันจะบรรทม
ศรีสวัสดิ์ใส่ดาลทวารชิด ขึ้นสถิตแท่นสักจำหลักถม
ค่อยคลายคลี่ศุภสารออกอ่านชม ปางประถมลิขิตประดิษฐ์คำ ฯ
๏ ในเรื่องสารทูลถวายพระสายสมร แม่จันทรแจ่มโลกวิไลขำ
ด้วยความตรอมทรวงตรึงรึงระกำ สุดจะกลํ้ากลืนไว้ดั่งไฟฟอน
พี่ชื่อลักษณวงศ์ผู้ทรงภุช เป็นราชบุตรนฤบาลชาญสมร
พระนามท้าวพรหมทัตนรินทร ครองนครพาราณสีบุรีเรือง
ได้สดับคำข่าวที่กล่าวโฉม งามประโลมโลกลือระบือเลื่อง
แสนเทวษต้องทิ้งพระมิ่งเมือง สู้ฝืดเคืองข้ามเขาลำเนาดง
กันดารแดนยักษาแลเสือสีห์ แทบชีวีจะบรรลัยในไพรระหง
เสี่ยงกุศลถึงยุพินปิ่นอนงค์ ไม่ปลดปลงปลอดมาถึงธานี
เมื่อเสด็จวันงานสนานช้าง ได้ยกพักตร์น้องนางสำอางศรี
แสนสวาทมาดหมายไม่วายทวี สักราตรีมิได้หลับลงเต็มตา
สุดตรมแล้วจึ่งตรองสนองสาร ถึงเยาวมาลย์มิ่งมิตรขนิษฐา
ขอฝากกายถวายชีพชีวา อนาถามิได้มีต้นไม้ทอง
แม่แก้วเกศนาเรศจำเริญราช นุชนาฏนวลนางอย่าหมางหมอง
ตัดสวาทเหมือนขาดเชื่อมแผ่นดินทอง อันจะครองชีวิตอย่าคิดเอย ฯ
๏ ครั้นเสร็จอ่านสารองค์พระทรงยศ ดั่งได้รสอำมฤคมาทรงเสวย
เจ้าจับสารจุมพิตแล้วชิดเชย เอาเสียดเสยแทรกถันแล้วบรรทม
ทอดพระทัยรำจวนให้หวนหา ขอเทวาโปรดด้วยช่วยอุ้มสม
แม้นมิได้ร่วมชื่นภิรมย์ชม อกจะกรมกรอมม้วยลงด้วยรัก
อย่าเลยจะบรรหารสารสวัสดิ์ ให้พระฉัตรชมพูรู้ประจักษ์
ดำริแล้วโฉมยงนางนงลักษณ์ ก็แต่งอักษรรสพจมาน
แล้วสอดใส่เป็นไส้มาลัยนาค จึ่งหับปากนาคปิดมิดสมาน
ครั้งรุ่งจรัสรัศมีสุริยกาล เยาวมาลย์คอยหายายมาลี
พอเหลือบเห็นยายชรา[๑๐]เข้ามาเฝ้า โฉมเฉลาปรีดิ์เปรมเกษมศรี
ยื่นพระหัตถ์รับห่อสุมาลี พระเสาวนีย์แย้มพรายภิปรายเปรย
พวงมาลัยนาคาดูน่ารัก เสียดายนักโรยรายแล้วยายเอ๋ย
รักจะใคร่ได้ใหม่เอาไว้เชย เคียงเขนยคํ่าคืนพอชื่นตา
จะร้อยใหม่ที่ไหนจะเหมือนเก่า จงคืนเอาพวงนี้ไปเคหา
ให้ร้อยใหม่เหมือนเก่าแล้วเอามา พอสุริยาสายัณห์ให้ทันเชย
ยายมาลีประนมบังคมกลับ มาถึงทับแจ้งสารว่าหลานเอ๋ย
พระธิดาชอบพระทัยกระไรเลย นางทรามเชยพอเห็นก็ตักเตือน
พวงมาลัยถวายวานประทานกลับ ให้งามสรรพร้อยใหม่ให้ได้เหมือน
พ่อเร่งร้อยดวงจิตอย่าบิดเบือน พอบ่ายเคลื่อนสุริยาจะคลาไคล
พระกุมารยิ้มรับแล้วกลับพักตร์ ไปตำหนักกลางสวนที่อาศัย
พิศดูนาคาสุมาลัย แล้วชักไส้คลี่สารออกอ่านพลัน ฯ
๏ ในเรื่องสารว่ายี่สุ่นดรุณเรศ ทอดพระเนตรเห็นสารเกษมสันต์
แต่กอดสารจูบสารแล้วอ่านพลัน พระทัยนั้นลิงโลดอาลัยลาน[๑๑]
พระองค์หมายมาถวายชีวาวาตม์ ก็แสนสวาทพิศวงให้สงสาร
พระนเรศหรือมาเวทนานาน ทนกันดารแดดลมระบมกาย
ไม่ควรสมจะบรรทมกระท่อมทับ ขอเชิญกลับวังราชปราสาทฉาย
ไม่ควรเลยจะเสวยโภชนายาย ควรเสวยของถวายสุคนธาร
เวลาดึกกำดัดสงัดเงียบ จงเลี่ยงเลียบหลีกไปให้ไกลสถาน
เมือสิ้นแสงจันทร์จำรัสชัชวาล นฤบาลจงเสด็จไปเสียเอย ฯ
๏ จักรพงศ์ทรงอ่านสารสนอง น้อยหรือน้องฉลาดเพี้ยนเปลี่ยนเฉลย
ที่คำขับนั้นเห็นนวลจะชวนเชย เมื่อไรเลยสุริยนจะสนธยา
พระทรงฤทธิ์ยิ่งคิดก็ยิ่งรัก ก้มพระพักตร์กรองดวงพวงบุปผา
ประเดี๋ยวใจมาลัยเป็นนาคา เสร็จแล้วมามอบหมายให้ยายพลัน
ฝ่ายยายเฒ่าเข้าวังดั่งประสงค์ ถวายพวงภุชงค์แก่สาวสวรรค์
แล้วยอกรประนมบังคมคัล จรจัลมายังกระท่อมตน ฯ
๏ ปางพระยอดกัลยาเจ้าฟ้าหญิง ประคองมิ่งมาลัยพระทัยฉงน
ไม่เห็นไส้นาคาสารากล นฤมลหมองไหม้พระทัยแคลง
หรือพระองค์ทรงอ่านซึ่งสารน้อง ไม่ทันตรองทรงฤทธิ์มาคิดแหนง
ขอเทเวศเรืองเดชช่วยชี้แจง ให้ท้าวแจ้งใจน้องเสด็จมา
เมื่อไรเลยสุริยงจะลงลับ จะคอยรับเสด็จพระเชษฐา
เผยพระแกลแลดูพระสุริยา วนิดาเดือดดาลรำคาญใจ ฯ
๏ ปางพระลักษณวงศ์ผู้ทรงศักดิ์ ให้ร้อนรักรึงจิตพิสมัย
แต่เวียนอ่านสารสนองสว่างใจ จนสุริย์ใสเลี้ยวลับอัสดง
ทำและเลียมเยี่ยมยายแล้วผายผัน ดำเนินไปตำหนักจันทน์ของนวลหง
มาหยิบห่ออาภรณ์แลศรทอง ประดับองค์ดุจองค์อมรินทร์
แล้วแก้รูปอาขาม้าขี้ผึ้ง รำลึกถึงทรงพรตปรากฏศิลป์
นั่งประนมภาวนาไม่ราคิน ขี้ผึ้งภิญโญใหญ่เป็นพาชี
พระแย้มโอษฐ์ออกเอื้อนพี่เพื่อนชีพ แต่เรารีบค้นหามารศรี
ไปเที่ยวทนทรมาทุกธานี มาอยู่นี่ลาภเกิดประเสริฐครัน
พระธิดากรุงกระษัตริย์เจ้านัดแนะ จำจะแวะเข้าไปหาสุดาสวรรค์
อัสดรอ่อนเศียรสนองพลัน นางแจ่มจันทร์ยังทุกข์อยู่ในไพร
สงสารเกสรน้อยจะคอยหา จะมาช้าอยู่แล้วกรรมทำไฉน
แม้นทราบถึงยอดสร้อยจะน้อยใจ จงรีบไปเถิดอย่าเห็นแก่มุ้งทอง
ทรงพระสรวลตรัสว่าพี่ม้าแก้ว ถ้าไปแล้วเห็นจะตายด้วยรายหมอง
กุศลส่งคงสมอารมณ์ปอง เรื่องนางน้องหยุดสักหน่อยจึงค่อยตาม ฯ
๏ อนิจจาฟังฟังก็สังเวช พระทรงเดชเดินป่าพนาหนาม
ไม่มีแท่นบรรทมให้สมงาม จึ่งตรัสความว่าจะอยู่บรรทมสบาย
เท่านั้นเถิดอัสดรอย่าค่อนพ้อ นี่ปากคอกระไรน่าใจหาย
พระจันทร์แจ่มแจ้งฟ้าดาราราย เราผันผายเข้าไปหยุดอยู่ในวัง
พระตรัสแล้วทรงพญาอาชาชาญ เผ่นทะยานเหาะไปดั่งใจหวัง
เห็นปราสาทสามปรางค์อยู่กลางวัง ให้อำปลังมิได้แจ้งประจักษ์ใจ
ปราสาทไหนขององค์พระนงนุช จำจะหยุดฟังสารเขาขานไข
แล้วชักม้าลงแฝงกำแพงใน พระตรัสให้กัณฐัศว์ประทับคอย
จึ่งแอบองค์ไปที่หน้าศาลาเฉียง คอยฟังเสียงนางร้องสนองถ้อย
บ้างเดินท่ารำละครอยู่อ่อนช้อย ล้วนน้อยน้อยหน้านวลเที่ยวกรีดกราย
รังสีจันทร์จับแสงกับแป้งผัด ยิ่งจำรัสนวลเพริศดูเฉิดฉาย
ใส่มงกุฎสาวน้อยเที่ยวลอยชาย เที่ยวเดินกรายชวนกันใส่รัดเกล้ามา
หยิบบุหรี่ยื่นส่งให้นงนุช แมไปจุดให้ทีเจ้าพี่จ่า
บ้างเล่นงูกินหางกลางชาลา ล้วนแต่ผ้าพันเอวไม่อายกัน
บ้างก็เล่นปะเปิงมือปะอก พูดตลกเจรจาเป็นน่าขัน
บ้างเรียกร้องน้องสูบบุหรี่จันทน์ ประทานฉันเถิดแม่ฉิมอย่ายิ้มเยาะ
บุหรี่จันทน์เห็นแววอยู่แล้วแม่ กระนั้นแน่ฉันทายให้ถูกเปาะ
บ้างเดินชักจังหน่อง[๑๒]ทำนองเพราะ แล้วกระเดาะลิ้นล่อหัวร่อกัน
บ้างเข้าฉุดแขนชักเล่นซักส้าว มือใครยาวสาวสอดเอาสองถัน
บ้างก็เล่นปิดตาเที่ยวหากัน พอไล่ทันกอดคอหัวร่อดัง
พอพวกนางโขลนจ่าเขามาพบ วิ่งตรลบหนีเร้นไม่เห็นหลัง
นางจ่าจ้านขันเจนตระเวนวัง ร้องด่าดังว่านางดอกประดู่บาน
พระธิดาเธอบรรทมอยู่ที่นี่ ไยจึ่งมีเกรียวกราวออกฉาวฉาน
ไม่กลัวหลังจะหวะเป็นชะลาน นี่ปรางค์องค์นงคราญหรือปรางค์ใคร ฯ
๏ หน่อนรินทร์ยินคำนางโขลนจ่า ก็รู้ว่าปรางค์อนงค์ไม่สงสัย
พระแฝงองค์มาหาอาชาไนย พี่ร่วมใจน้องรู้จักแล้วปรางค์นาง
จะด่วนจรดวงจันทร์ยังแจ่มจัด เห็นผิดนัดนุชน้องจะหมองหมาง
เราแอบอยู่สวนศรีจำปีพลาง ให้ฝูงนางกำนัลสนิทนอน
พระทรงภพกับสินธพหยุดประทับ จนเดือนดับลับราชสิงขร
พระขึ้นทรงกัณฐัศว์อัสดร ก็เหาะร่อนเข้าริมบัญชรไชย
ชม้อยมองตามช่องบัญชรหับ อัจกลับแสงกระจ่างสว่างไสว
กำนัลนางนอนกลาดออกดาษไป งามประไพฉากพับสลับบัง
ขยับองค์ลงยืนที่พื้นมุข เกษมสุขสมในพระทัยหวัง
พอยามสองฆ้องยํ่าประจำวัง กระซิบสั่งอาชาวราฤทธิ์
พี่จงออกไปนอกนคเรศ เมื่อเกิดเหตุจรจัลให้ทันจิต
อัสดรสอนองค์พระทรงฤทธิ์ พ่อดวงจิตระวังองค์ให้จงดี
แล้วซบเศียรลงประณตบทบาท เผ่นผงาดเหาะไปยังไพรศรี
ปางพระหน่อนฤเบศร์ธเรศตรี ทรงสะกดนารีสนิทนอน
ยกพระกรเผยพระแกลแลสว่าง ค่อยเยื้องย่างคลาไคลดั่งไกรสร
เสาวรสหอมหวนรำจวนจร พระภูธรแสนชื่นฤทัยทวี
กรายพระกรกรีดแหวกวิสูตรแก้ว วะวาบแววนพรัตน์จำรัสศรี
เห็นพระยอดกัลยากุมารี บรรทมหลับอยู่บนที่บัลลังก์ทอง
ตะลึงหลงด้วยงามทรามสวาท ภูวนาถเปรมปรีดิ์ไม่มีสอง
ค่อยลดองค์ลงนั่งบัลลังก์ทอง เสียวสยองซาบสิ้นทั้งอินทรีย์
เห็นมาลัยใส่กรสมรมิ่ง ประจักษ์จริงว่าเป็นองค์นางโฉมศรี
พระชมโฉมเยาวลักษณ์ภคินี ชะเจ้าพี่องค์อ่อนดั่งท่อนทอง[๑๓]
ดั่งทองทิพหยิบวางไว้กลางแท่น ถึงแกล้งทำก็ไม่แม้นเสมอสอง
เสมอศักดิ์แล้วไม่เทียมแม่รูปทอง แม่รูปทิพลอยล่องลงมาดิน
ละไมหน้าน่ารักพระพักตร์ผ่อง พระพักตร์ผิวแสงส่องพระเกศิน
พระเกศแสงแมงทับ[๑๔]ระยับนิล ระยับนวลภุมรินโขนงนาง
โขนงเนตรสองปรางอย่างจะย้อย อย่างจะแย้มแช่มช้อยทั้งสองข้าง
ทั้งศรีแขงแสงขำดูสำอาง ดูแสงโอษฐ์สุกอย่างว่าครีบทอง
ดูคล้ายคล้ายศอหงส์ที่ทรงศอ ประสานสมกลมคอลออปล้อง
ลออเปล่งเคร่งพุ่มปทุมทอง ปทุมเทียบเปรียบลองก็หมองนวล
แกมมณีผ้ากรองล้วนทองสอด ล้วนทองสุกแลตลอดทรวงสงวน
เป็นริ้วงามตามริมนั้นนิ่มนวล ดูนุ่มนิ่มน่าจะชวนให้มือชม
แม่โฉมสงวนด่วนจะโลมโสมนัส สุดมนุษย์สุดกระษัตริย์ไม่เปรียบสม
กระษัตริย์แสนเมืองมิ่งจะชิงชม จะชิงชัยกว่าจะล้มชีวาลา
พระชมโฉมเทวีศรีสวัสดิ์ ยกพระหัตถ์มิ่งมิตรขนิษฐา
แม่บรรทมเท่านั้นเถิดขวัญตา ขอเฝ้ามาเฝ้าแม่จงแลดู ฯ
๏ สะดุ้งองค์งามปลื้มก็ลืมเนตร เห็นทรงเดชเรืองยศให้อดสู
ลุกสะบัดขวัญเมืองชำเลืองดู ไมเคยรู้รสรักก็ชักอาย
ทำมารยาทีโกรธพิโรธตรัส ใครแนะนัดวิ่งวางมาปรางค์ฉาย
กรรมแล้วกรรมทำกล้ามาหาตาย ช่างมาดหมายมาคุมเหงไม่เกรงใจ
เจ้าครอกน้อยเนื้อเหลืองน่าเคืองนัก ไม่รู้จักขอเฝ้าก็เป็นได้
ฉันเจ้าของนาคาสุมาลัย ยังมิได้เคยเฝ้าก็เข้ามา
ชะใครเชิญให้มานั่งจึ่งตั้งเรื่อง เป็นน่าแค้นแสนเคืองนี่หนักหนา
นี่ศาลาขอเฝ้าหรือเข้ามา ดูดู๋กล้าขึ้นมานั่งบัลลังก์ทอง
พี่ไม่เคยรู้แห่งตำแหน่งไหน คิดว่าเข้ามาได้ถึงในห้อง
ไม่เคยพบบัลลังก์ขึ้นนั่งลอง ผิดแล้วน้องแก้วพี่ขอทูลลา
ขยับองค์ทีจะลงมาจากอาสน์ ชม้ายผาดพิศดูขนิษฐา[๑๕]
เจ้าโกรธพี่จริงแล้วหรือแก้วตา พระภูษานี้ช่างหอมกระไรเลย
ไฮ้อะไรจี้ไชพิไรเพ้อ ช่างไม่เก้อแค่นว่าเจ้าข้าเอ๋ย
เป็นพี่ทุกคำปากไม่อยากเลย ข้าไม่เคยเดี๋ยวก็ร้องให้ก้องไป.
ร้องให้ดังเถิดจะฟังพระสุรเสียง จะเพราะลํ้าสำเนียงสักเพียงไหน
เขายิ่งว่ายิ่งท้าทายไม่อายใจ ไม่ออกไปหรือจะทูลพระทรงฤทธิ์
พี่ยอมตายขอถวายชีวาวาตม์ ด้วยสุดสวาทพุ่มพวงแม่ดวงจิต
อย่าพักท้าข้าจะทูลพระทรงฤทธิ์ ล้างชีวิตเอาชีวามาไว้เชย
น้อยหรือคมลมคำช่างรํ่าว่า จะควรฆ่าพี่เจียวหรือน้องเอ๋ย
อย่าพักทูลพระจอมกระหม่อมเลย แม่ทรามเชยเอาพระขรรค์พี่ฟันลง
ในเรื่องสารที่สนองประคองคิด แม่ดวงจิตลืมแล้วหรือนวลหง
เสียแรงมาถึงชีวาจะปลดปลง ขออุ้มองค์เสียสักหน่อยไม่น้อยใจ
ไม่น่าขันเขาที่ไหนใครให้สาร แกล้งมาพาลพูดเล่นก็เป็นได้
น่าน้อยจิตสาวสรรค์กำนัลใน ช่างหลับใหลหมดม้วยไม่ช่วยกัน
นางโฉมยงลงจากพระแท่นที่ ทำเป็นทีจะไปปลุกนางสาวสรรค์
ผินพระพักตร์ค้อนองค์พระทรงธรรม์ เจ้าแอบม่านสุวรรณทำรัญจวน
จักรพงศ์เอนองค์อิงเขนย บรรทมเฉยมิได้ตามทรามสงวน
สมรมิ่งเมียงมองชม้อยม้วน แล้วหันหวนมายังแท่นอันรูจี
เข้าผลักองค์ภูวนาถบนอาสน์แก้ว เจ้ากรรมแล้วทำอะไรอย่างไรนี่
พระทรงโฉมฉวยกรนางเทวี นางโฉมศรีเดือดดิ้นไม่ผินพักตร์
นางแกะปลิดบิดกรภูธรกอด นาสิกสอดศรีสวัสดิ์สะบัดผลัก
นางยิ่งข่วนพระยิ่งเรียงเข้าเพียงพักตร์ ยิ่งหยิกหนักพระยิ่งจูบประจงชม
ดังระเด่นปางอยู่ในคูหา สมพาสนุชบุษบาภิรมย์สม
สองสำเริงละเลิงลาญสำราญรมย์ ดังตรีโลกจะล่มทำลายลง
นางลืมเกรงทรงฤทธิ์บิตุเรศ พระทรงเดชลืมเมืองเรืองระหง
นางลืมเหล่าสาวสรรค์กำนัลอนงค์ พระลืมองค์เกสรสุมามาลย์
สองสนุกดั่งได้เชยเสวยสวรรค์ จนไก่แก้วแจ้วขันสนั่นขาน
แสงหิรัญเรืองรอบขอบจักรวาล นฤบาลสาวสวรรค์ก็บรรทม
สว่างรอบขอบฟ้าดาราดับ กำลังหลับเคียงชิดสนิทสนม
กำนัลนางต่างฟื้นตื่นระงม สาวสนมพระพี่เลี้ยงก็เมียงมอง
แหวกวิสูตรดูองค์นางทรงโฉม เห็นชายโลมแนบชมประสมสอง
ก็ตีอกตื่นตกประหม่ามอง ขยับย่องยืนขึงตะลึงลาน
เข้ากอดคอเพื่อนเคียงเข้าเรียงหู มาไปดูพระธิดาช่างกล้าหาญ
แล้วพากันหมอบมองค่อยย่องคลาน เข้าแหวกม่านแล้วสะกิดให้กันดู
ใครที่ไหนรูปร่างอย่างพระลักษมณ์ มาร่วมรักพระธิดาน่าอดสู
เห็นวุ่นวายตายจริงแล้วอกถู กระชุบซิบเอียงหูเข้าหากัน
ขยับถอยค่อยย่องมาห้องนอก ทำมือบอกใบ้ห้ามเนื้อความขัน
คนโน้นเห็นคนนี้เห็นประหลาดครัน พัลวันเข้ามาถามความอะไร
เสียงซุบซิบซุบซับไม่หับปาก อีเพื่อนยากตายแน่แม่ข้าไหว้
เจ้าครอกเราคบชายสบายใจ เราไม่ได้ด้วยสักหน่อยจะพลอยตาย
เจ้าคนนั้นรูปร่างเหมือนอย่างเขียน เข้าแนบเนียนนฤมลอยู่จนสาย
จริงหรือขากับผัวข้าที่ตาย จะคล้ายคล้ายหรือจะดีสักเพียงไร
ไฮ้อะไรพูดเล่นไม่เห็นทุกข์ กว่าถั่วสุกงาน้อยก็พลอยไหม้
ที่อยากดูลุกพรูจะเข้าไป ก็คว้าไขว่ยึดมืออย่าอื้ออึง
ครั้นนิ่งอยู่ก็เหมือนกูไม่รู้เห็น เนื้อความเข็ญชั่วช้าจะมาถึง
เอาตัวรอดรักตัวอย่ากลัวอึง ทูลให้ถึงพระจอมกระหม่อมเมือง
แล้วชวนกันขึ้นเฝ้าเจ้าพิภพ ประนมนบทูลถวายขยายเรื่อง
ขอพระเดชเดชาวราเรือง มาปกเกล้าปลดเปลื้องที่ภัยพาล
บัดนี้องค์พระธิดาวราโฉม ชายประโลมลักชมสมสมาน
เข้าร่วมแท่นแอบองค์นางนงคราญ ดูอาการเจ้าแม่ไม่รู้ตัว
พระภูษาทรงห่มก็มิดชิด หลับสนิทอยู่กับชายเป็นลายชั่ว
แต่ชายนั้นองอาจประมาทมัว พระอยู่หัวจงทราบบาทบงสุ์
ได้ทรงฟังก็ตะลึงให้อึ้งอั้น พระหวนหันอยู่ในจิตพิศวง
ดังใครตัดเศียรพรากไปจากองค์ เสียดายทรงพระธิดาวิลาวัณย์
ตบพระหัตถ์องค์สั่นอยู่หวั่นไหว กูขอบใจมึงนักอีสาวสรรค์
ชะใครช่างอุกอาจประมาทกัน กูจะฟันลงให้ยับอยู่กับกร
อียี่สุ่นมันก็รู้คบชู้ชัด มันแนะนัดให้ชู้มาเคียงหมอน
อีกาลีนอกจิตกูบิดร จะฟันฟอนเสียให้ศพประกบกัน
เสด็จลุกจากอาสน์ออกพระโรง มายืนโถงกวัดแกว่งพระแสงขรรค์
เหวยมนตรีจัดทัพลงฉับพลัน ผูกฉัททันต์พระที่นั่งให้กูทรง
บัดนี้มีชายชาติอันอาจหาญ อหังการไม่กลัวจะผุยผง
มาลอบรักลูกกูดูอาจอง ทำทะนงเข้ามานอนในปรางค์ทอง
แต่ก่อนไรใครไม่อาจมาอวดหาญ อ้ายนี่พาลจะกระไรจึ่งจองหอง
จะรีบไปล้อมราชปราสาททอง จงจัดกองทัพพลันให้ทันกาล
อำมาตย์รับโองการแล้วคลานกลับ มาจัดทัพพหลพลทหาร
ประเทียบคชบวรกุญชรชาญ ก็เสร็จการเข้ามาทูลนรินทร ฯ


[๑] แม่ยาย = แม่ใหญ่ คือ ยาย

[๒] สมุดไทยเลขที่ ๑๖ ว่า “พ่อจะอยู่ด้วยยายหรือสายเนตร

[๓] สมุดไทยเลขที่ ๓ ว่า “ตีสิบเอ็ด...”

[๔] ประสมเนตร หมายถึง มนต์เสกตาให้หญิงรัก

[๕] สมุดไทยเลขที่ ๓ ว่า “งวงก็พัดปัดใกล้มันไล่กลม”

[๖] สมุดไทยเลขที่ ๓ ว่า “อ้ายช้างแทงแยงซ้ำปะรำหัก”

[๗] มนต์สญชีพ หมายถึง มนตร์ชุบคนตายให้ฟื้น แต่เอามาใช้เป็นมนตร์มหาละลวยเป่าให้งงหลงรัก

[๘] จ้าว = เจ้า

[๙] สีมือ = ฝีมือ

[๑๐] สมุดไทยเลขที่ ๓ ว่า “...ยายมาลา...”

[๑๑] ลาน โบราณเขียน ลาญ แปลว่า ปลื้ม

[๑๒] จังหน่อง = จ้องหม่อง

[๑๓] ตั้งแต่กลอนว่า “ชะเจ้าพี่องค์อ่อนดังท่อนทอง” ถึง “จะชิงชัยกว่าจะล้มชีวาลา” ทำนองแต่งเป็นกลบทนาคบริพันธ์

[๑๔] แมงทับ = แมลงทับ

[๑๕] สมุดไทยเลขที่ ๑๗ ว่า “ชม้อยผาดเลือบพิศขนิษฐา”

 

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ