- คำนำ
- พระราชหัตถเลขา ว่าด้วยพระราโชบายเกี่ยวกับการศึกษาของชาติ
- พระราชหัตถเลขา ลงวันที่ ๒๑ มิถุนายน ร.ศ. ๑๒๙
- พระราชหัตถเลขา ลงวันที่ ๔ กรกฎาคม ร.ศ. ๑๒๙
- พระราชหัตถเลขา ลงวันที่ ๑๙ กรกฎาคม ร.ศ. ๑๒๙
- สำเนาหนังสือทูลเกล้าฯ ถวาย ลงวันที่ ร.ศ. ๑๒๙
- พระราชหัตถเลขา ลงวันที่ ๒๑ กรกฎาคม ร.ศ. ๑๒๙
- พระราชหัตถเลขา ลงวันที่ ๖ สิงหาคม ร.ศ. ๑๒๙
- สำเนาหนังสือทูลเกล้าฯ ถวาย ลงวันที่ ๗ สิงหาคม ร.ศ. ๑๒๙
- พระราชหัตถเลขา ลงวันที่ ๗ สิงหาคม ร.ศ. ๑๒๙
- ประกาศกระแสพระบรมราชโองการ เรื่อง การศึกษาของประเทศสยาม
- พระราชหัตถเลขา ลงวันที่ ๑๐ สิงหาคม ร.ศ. ๑๒๙
- สำเนาหนังสือทูลเกล้าฯ ถวาย ลงวันที่ ๑๑ สิงหาคม ร.ศ. ๑๒๙
- ลายพระราชหัตถ์ถึงกระทรวงทางราชการ ลงวันที่ ๑๑ สิงหาคม ร.ศ. ๑๒๙
- พระราชหัตถเลขา ลงวันที่ ๒๗ กันยายน ร.ศ. ๑๒๙
- พระบรมราชวินิจฉัย เรื่องเจ้าต่างกรม
- ธรรมเนียมขุนนางไทยโบราณ
- เรื่อง พระมหามนเทียรในกรุงเก่า
- พระบรมราชาธิบาย เรื่อง แบบกราบบังคมทูลพระกรุณานำแขกเมืองถวายเครื่องราชบรรณาการ แลการทูลเบิกกราบถวายบังคมลา
- พระบรมราชวินิจฉัย เรื่องพระราชพิธีลงสรงเจ้าฟ้าลูกหลวงเอก
- ว่าด้วยพระนามพระเจ้าแผ่นดิน
- กองแก้วกองทอง
- พระบรมราชวินิจฉัย เรื่อง บายศรี
- เรื่องพลับพลาที่เสวยกับเรื่องเสาหงส์
- พระบรมราชาธิบาย ว่าด้วยลายจีนซึ่งเขียนเครื่องถ้วยกระเบื้องกังไส
- พระราชหัตถเลขานิมัยปัจฉิมลิขิตในรัชกาลที่ ๕
พระบรมราชวินิจฉัย เรื่อง บายศรี
๑เมื่อ พ.ศ. ๒๔๔๕ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระราชปรารภให้จัดการตกแต่งพระอุโบสถวัดเบญจมบพิตร ซึ่งพระองค์ได้ทรงสถาปนาขึ้นด้วยวิธีตกแต่งหลายอย่าง มีการเขียนภาพด้วยฝีมืออันประณีต เป็นต้น ดังพระราชปรารภตอนหนึ่งว่า “คือ คิดถึงการที่จะเป็นภาพอันงดงามมากกว่าที่จะให้เป็นการแสดงธรรม แต่ถ้าจะเขียนให้งาม แลมีธรรมในนั้นด้วยก็ยิ่งดี แต่คงจะถือรูปภาพเป็นสำคัญ เพราะถือว่าเป็นเครื่องประดับฝาผนัง ไม่ใช่เอาฝาผนังเป็นธรรมกถึก” จึงได้มีพระราชดำรัสสั่งให้สมเด็จฯ กรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ เมื่อครั้งทรงดำรงพระยศเป็นกรมขุน ทรงรับหน้าที่เขียนภาพด้วยพระองค์หนึ่ง แลสมเด็จฯ กรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ ได้กราบบังคมทูลรับจะทำการสนองพระเดชพระคุณจนเต็มความสามารถ ดังข้อความตอนหนึ่งแห่งลายพระหัตถ์ฉบับหนึ่งว่า “ข้าพระพุทธเจ้าจะทำให้ถึงคนเก่าเขาเท่านั้น เพื่อให้ปรากฏว่า คนรู้วิชาช่างเขียนเต็มตามวิธีของชาติแห่งตน ยังมีมาจนถึงรัชกาลของใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท” เมื่อจะทรงเขียนภาพพุทธประวัติ ตอนราชาภิเษกสมโภชพระสิทธารถ ตามพระราชกระแสทรงดำริจะเขียนภาพบายศรีแลพิธีสมโภช จะได้ท่างาม แต่เมื่อให้ภาพนั้นมีลักษณะถูกต้องตามขนบธรรมเนียมแลประเพณี จึงได้ทรงค้นเรื่องอภิเษก ที่ปรากฏในหนังสือวรรณคดีพระราชนิพนธ์๒ เรื่องรามเกียรติ์ บทละครเรื่องอิเหนา แลบทละครเรื่องสังข์ทอง พร้อมกับมีบันทึกความเห็นแลวิธีสมโภชขึ้นกราบบังคมทูล ขอพระบรมราชวินิจฉัย ก่อนที่จะทรงเขียนภาพทูลเกล้าถวายเพื่อทอดพระเนตรดังสำเนาพระราชหัตถเลขา แลสำเนาลายพระหัตถ์กราบบังคมทูลต่อไปนี้
-
๑. เอกสารของกองจดหมายเหตุแห่งชาติ เลขที่ ข. ๒๔/๑๔ ↩
-
๒. พระราชนิพนธ์ทั้ง ๓ เรื่องนี้ คือ เรื่องรามเกียรติ์ เป็นพระราชนิพนธ์ในรัชกาลที่ ๑ ฉบับเขียนพระระเบียงวัดพระศรีรัตนศาสดาราม พิมพ์ที่โรงพิมพ์ครูสมิท บางคอแหลม แต่ไม่ปรากฏว่าพิมพ์เมื่อไร พระราชนิพนธ์บทละครเรื่องอิเหนา ฉบับพิมพ์ พ.ศ. ๒๔๑๗ ส่วนพระราชนิพนธ์บทละครเรื่องสังข์ทองเป็นฉบับพิมพ์จำหน่ายเป็นตอนๆ สันนิษฐานว่า พิมพ์ในระยะเวลาใกล้เคียงกับเรื่องอิเหนา ↩