- คำนำ
- ๒๘๗ ประกาศขนานนามพระพุทธปฏิมากรประจำรัชกาล
- ๒๘๘ ประกาศเรื่องเถรจั่นแทงผู้มีชื่อแล้วหนีไป และห้ามไม่ให้บวชกุลบุตรอายุพ้น ๒๔ ถึง ๗๐ เป็นเถรเป็นเณร
- ๒๘๙ ประกาศเรื่องให้สึกพระสงฆ์สามเณรที่สูบฝิ่น
- ๒๙๐ ประกาศให้เรียกชื่อพระที่นั่งสุทธาสวรรย์ว่า พระที่นั่งสุทไธสวรรย์ พระที่นั่งพุทธาสวรรย์ให้เรียกว่า พระที่นั่งพุทไธสวรรย์
- ๒๙๑ ประกาศให้ทำบาญชีพระสงฆ์สามเณรที่เปนช่างทองและช่างอื่นๆ ขึ้นทูลเกล้าฯ ถวาย
- ๒๙๒ ประกาศให้พระสงฆ์บูชาพระแก้วมรกฎในเดือน ๘ แรม ๘ ค่ำ
- ๒๙๓ ประกาศเรื่องภิกษุสามเณรรักใคร่ผู้หญิงจนถึงเปนปาราชิก ให้มาลุกะโทษ จะยกโทษให้
- ๒๙๔ ประกาศห้ามไม่ให้เอาแผงไม้ไผ่ จาก, มาทำเปนพะเพิงในพระอารามหลวง
- ๒๙๕ ประกาศห้ามไม่ให้ชักสื่อแลชวนภิกษุสามเณรประพฤติอนาจาร
- ๒๙๖ ประกาศให้ใช้คำว่าฉศกแทนฉ้อศก
- ๒๙๗ ประกาศห้ามมิให้ภิกษุสามเณรคบผู้หญิงมาพูดที่กุฎี
- ๒๙๘ ประกาศเรื่องพระราชาคณะ ถานา เปรียญ สึกมากเกินไป จะต้องเข้าเดือนทำการพิมพ์
- ๒๙๙ ประกาศเรื่องให้สำรวจคฤหัสถ์อาศรัยวัด
- ๓๐๐ ประกาศว่าด้วยวิธีคิดอธิกมาศ
- ๓๐๑ ว่าด้วยวันธรรมสวนะ
- ๓๐๒ ประกาศวิธีบอกศักราช
- ๓๐๓ คำประกาศเรื่องปวารณา
- ๓๐๔ พระราชกำหนดเรื่องนาฬิกา
- ๓๐๕ ประกาศว่าด้วยพระอาทิตย์ถึงดาวฤกษ์อัสยุชก็เปนมหาสงกรานต์
- ๓๐๖ ประกาศเรื่องพัชวาลวิชนี
- ๓๐๗ ประกาศเรื่องราชทูตไปเจริญทางพระราชไมตรี
- ๓๐๘ ประกาศใช้คำนำพระนามพระบรมวงศานุวงศ์
- ๓๐๙ ประกาศให้ใช้คำต่อแลคำตาย
- ๓๑๐ ประกาศให้คงใช้คำที่เรียกภูษามาลาแลวัดพนัญเชิง
- ๓๑๑ ประกาศให้เรียกคลองผดุงกรุงเกษมแลถนนเจริญกรุง
- ๓๑๒ ประกาศให้ใช้คำว่าใส่ในที่ควร
๒๘๘ ประกาศเรื่องเถรจั่นแทงผู้มีชื่อแล้วหนีไป และห้ามไม่ให้บวชกุลบุตรอายุพ้น ๒๔ ถึง ๗๐ เป็นเถรเป็นเณร
(ณวัน เดือน ๑๑ ปีชวด พ.ศ. ๒๓๙๕)
กฎประกาศแก่ พระราชาคณะ พระครู ถานานุกรม เปรียญอนุจร ทุกๆ พระอารามหลวงแลวัดขึ้นทั้งคณะกลาง คณะเหนือ คณะใต้ ในแขวงจังหวัดกรุง แลหัวเมืองปักษ์ใต้ฝ่ายเหนือทั้งปวงจงทั่ว
ด้วยมีรับสั่งพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมสมเด็จพระปรมานุชิตชิโนรส ศรีสุคตขัติยวงศ์สั่งว่า ณวันพุธ เดือน ๑๑ ขึ้น ๙ ค่ำ ปีชวดจัตวาศก พระบาทสมเด็จบรมนารถบรมบพิตรพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ผู้ทรงพระคุณธรรมอนันตคุณวิบูลยปรีชาอนันตมหาประเสริฐ เสด็จออกณพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ทรงพระราชปรารภเหตุอันพระยาศรีสุริยวงศกราบทูลพระกรุณาว่า เถรจั่นบวชอยู่ณวัดทองเพลงแทงเอาผู้มีชื่อแล้วหนีไปยังเอาตัวมิได้ จึงมีพระบรมราชโองการมารพระบัณฑูรสุรสิงหนาทดำรัสเหนือเกล้าฯ สั่งว่า ทุกวันนี้คนพาลอายุเกินอุปสมบทหลีกหลบเข้าบวชเปนเถรเปนเณร อาศรัยวัดทำการทุจริตหยาบช้าต่างๆ มีเปนอันมาก แต่ที่กุลบุตร์จะบวชเปนสามเณร ตั้งแต่อายุยังอยู่ในทารกภูมิ์ไปจนถึงอายุได้ ๒๑ ปี ควรที่จะอุปสมบทบวชเปนภิกษุ แม้นมีความขัดข้องด้วยเหตุอันใดอันหนึ่ง มิได้อุปสมบทก็ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เปนสามเณรไปอีก ๓ ปี จนถึงอายุได้ ๒๔ ปี ถ้าพ้นไปกว่านั้นไม่อุปสมบทก็ให้สึกเสีย เปนคฤหัสถ์จะได้รับราชการแผ่นดิน ห้ามอย่าให้บวชเปนเถรเปนเณรสืบไปอีกกว่านั้น อนึ่งถ้าภิกษุชราอายุถึง ๗๐ ปีแล้ว จะปฏิบัติในสมณธรรมมิได้ จะประจุออกบวชเปนเถร เปนเณร ก็ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้บวช มิได้ห้าม แม้นคฤหัสถ์ชราอายุล่วงถึง ๗๐ ปีแล้ว จะหากินเลี้ยงชีวิตในฆราวาศนั้นขัดสน จะบวชเปนเถรเปนเณรพอได้บิณฑบาตฉันเลี้ยงชีวิตโดยง่าย ก็จะได้หักบาญชีคฤหัสถ์ ห้ามแต่อายุกว่า ๒๔ ปีขึ้นไปจนถึง ๗๐ ปี มิให้บวชเปนเถรเปนเณรในระหว่างนั้นเปนอันขาดทีเดียว แม้นล่วงพระราชบัญญัติครั้งนี้ อุปัชฌาย์อาจารย์ผู้บวชให้ก็จะมีโทษฝ่ายพุทธจักร์ ตัวกุลบุตรผู้บวชก็จะมีโทษทั้งฝ่ายพุทธจักร์แลพระราชอาณาจักร์ทั้ง ๒ ฝ่ายเปนมหันตโทษ ถ้าพระราชาคณะถานานุกรมเปรียญ อนุจรทั้งปวงทุกๆ พระอาราม แจ้งในพระราชกำหนดกฎประกาศนี้แล้ว ก็จงกระทำตามพระราชบัญญัตินี้จงทุกประการ