พระราชดำรัสตอบผู้แทนคณะประชาชน ซึ่งเฝ้าถวายชัยมงคลเมื่อวันที่ ๒๗ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๖๘

เราขอขอบใจท่านทั้งหลาย ทั้งฝ่ายศาสนิกบริษัท และวานิชนิกรอันได้มาสโมสรสันนิบาต เพื่อประสาทพรชัย โดยไมตรีจิตต์แด่เราและสมเด็จพระบรมราชินี ณบัดนี้

โดยฐานะแห่งโลกสันนิวาสในเวลานี้ ประเทศต่าง ๆ ย่อมต้องอาศัยซึ่งกันและกัน หมู่ชนต่างๆ ภายในประเทศก็ต้องอาศัยซึ่งกันและกัน ตลอดลงไปจนเอกชนก็ต้องทำกิจหิตานุเคราะห์แก่กันและกันโดยลำดับ มนุษย์เราได้ประจักษ์ ใจขึ้นทุกทีว่า สิ่งที่ควรมุ่งควรปราถนานั้น คือการช่วยกันและกัน หรือจะว่าการสามัคคีทั่วโลกโดยปราศจากความถือชาติถือสกุลนั้นก็ได้ เพราะฉะนั้น การปกครองบ้านเมือง ใช่ว่าจะสำเร็จได้ด้วยผู้มีหน้าที่รับราชการถ่ายเดียวนั้นหามิได้เลย ต้องอาศัยความช่วยเหลือพร้อมเพรียงกันในหมู่พลเมืองทุกชนิด ทุกชีพ ทุกชาติ เช่นในทางให้การศึกษา ซึ่งเราไม่จำเป็นต้องชี้แจงยืดยาวเลยว่า คณะศาสนิกบริษัท เช่นคณะเปรสบิเตียเรียนและมิซซังโรมันขาถอลิข ได้มีคุณูปการแก่บ้านเมืองเพียงไร ด้วยความประจักษ์อยู่แล้ว หรือในทางค้าขายและทางประสาทความสมบูรณ์ให้แก่ประเทศก็เหมือนกัน คงไม่มีเสียงแย้งได้ว่าเราได้รับผลจากการที่พ่อค้าต่างชาติเช่นพวกท่านทั้งหลายเข้ามาทำมาหากินเพียงไร ใช่แต่เท่านั้น เรายังรู้สึกภูมิใจไม่น้อยอีกด้วยที่ได้เห็นพ่อค้าไทยเกิดขึ้นบ้างแล้วจนได้เห็นแต่งคณะผู้แทนเข้ามาอวยพรให้แก่เราในบัดนี้ ทั้งนี้แหละล้วนเป็นพยานส่อให้เห็นได้ดีแท้ว่า เมืองเรามีองค์แห่งความเจรีญพอจะหวังได้เสมอว่ายังจะงอกงามยิ่งขึ้นต่อไป การที่ประชาชนแต่งหัวหน้าคณะผู้แทนมาอำนวยพรแก่เราในครั้งนี้ เป็นที่หมายสำคัญแห่งความพร้อมเพรียงในสามัคคีธรรมว่าเราทั้งหลายจะอยู่ด้วยกัน จะทำมาหากินด้วยกันเป็นอันดี ด้วยความรู้สึกเช่นนี้เราจึงมีความปีติยิ่งนักที่ได้มาต้อนรับท่านทั้งหลายครั้งนี้ เรายินดีรับพรของท่านด้วยความปีติปราโมทย์ และขออำนวยพรตอบแทนให้ท่านทั้งหลายมีความสุขความเจรีญ ให้ทำมาค้าขึ้น มีความปรารถนาสิ่งใดในทางที่ชอบ ขอให้เป็นผลสำเร็จดังมโนรถ กับขอจงได้รับความขอบใจของพระราชินีและตัวเราเองทุกคณะ และจงนำความขอบใจนี้ไปให้แก่บรรดาประชาชนซึ่งท่านเป็นผู้แทนวันนี้โดยทั่วกัน

----------------------------

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ