ในชั่วเวลาไม่เกินสองเดือน ที่งามพิศได้ตกมาอยู่ในปกครองของคุณป้านี้ ความคิดเห็นในส่วนที่เกี่ยวกับตัวของหล่อนเอง ได้เกิดก่อเป็นรูปเด่นชัดยิ่งกว่าในเวลาอันยืดยาว ที่หล่อนได้ผ่านมาแล้วในร่มอารักขาแห่งผู้บังเกิดเกล้าของหล่อนอย่างมากมายหลายเท่า

ในสมัยที่แล้วมา แม้ในกิจการประจำวันที่หล่อนปฏิบัติเป็นปกติอยู่ในบ้านก็ดี หรือแม้ความประพฤติปฏิบัติทางการศึกษาซึ่งหล่อนได้กระทำ ณ ที่โรงเรียนก็ดี หากจะได้ถูกติบ้างและได้ชมบ้าง ซึ่งเป็นสามัญวิสัย ก็ยังไม่มีผู้หนึ่งผู้ใดกล่าววิพากษ์ออกมาให้เข้าหูหล่อนเป็นถ้อยคำ ในทำนองที่ว่าหล่อนเป็นคนฉลาดหรือคนเขลา แต่ในปัจจุบันนี้ งามพิศจะได้ฟังคำวิพากษ์จากปากคุณป้า สัปดาห์ หนึ่งประมาณสองถึงหกครั้ง เป็นคำสั้นๆ แต่เนื้อความตายตัวอย่างที่จะแปลเป็นอื่นไม่ได้ คุณป้าชอบพูดว่า “ลูกคนนี้มันโง่จริง” หรือมิฉะนั้นก็ “เด็กคนนี้ช่างเซ่อเสียจริงๆ”

แรกทีเดียว งามพิศประหลาดใจในข้อที่คุณป้ามีความเห็นว่าหล่อนโง่และเซ่อ ภายหลังต่อมาหล่อนมีความประหลาดใจตัวเองที่เป็นจริงดังคุณป้าตัดสิน ครั้นแล้วในท้ายที่สุด สมองอันอับเฉาและมึนชาของหล่อนก็รับเอาคำวิพากษ์ของคุณป้าเก็บไว้ เกิดความเชื่อว่าตนเองเป็นผู้ที่หาความฉลาดความสามารถมิได้เสียเลย

การกระทำกิจประจำวัน ซึ่งล้วนแล้วแต่ง่ายดายอย่างที่คุณป้าคิดเห็นอย่างแน่วแน่ ว่าเด็กสาวทุกคนจะต้องทำเป็น แต่ซึ่งงามพิศมักจะทำพลาดจากแบบแผนของคุณป้าเกือบทุกครั้งไปนั่นเอง ทำให้งามพิศต้องคำวิพากษ์ดังกล่าวแล้ว

เช่นการกระทำความสะอาดในห้องต่างๆ ก่อนที่จะกวาดและถู ต้องมีการปัดเช็ดฝุ่นละอองเสียจากวัตถุต่างๆ งามพิศใช้ผ้าผืนที่หล่อนใช้ปัดละอองจากเก้าอี้ โต๊ะ เตียง ตั้งแต่ขาจนถึงพนัก เช็ดละอองที่บนม้าเครื่องแป้งด้วย แต่มีผ้าอีกผืนหนึ่ง ซึ่งสะอาดและผ่องใสกว่าเอาไว้สำหรับเช็ดโถแก้วขวดแก้ว ซึ่งเป็นเครื่องแป้ง คุณป้าตำหนิว่าทำไม่ถูก เพราะเก้าอี้เป็นของต่ำ ม้าเครื่องแป้งเป็นของสูงหาควรที่จะเช็ดด้วยผ้าผืนเดียวกันไม่ ท่านว่าม้าเครื่องแป้งกับโถและขวดนั่นสิจึงจะคู่ควรที่จะเช็ดถูด้วยผ้าผืนเดียวกัน

ในการซักรีดก็อีก งามพิศถือว่าเสื้อผ้าทุกชิ้น เว้นเสียแต่ที่เป็นสีอันน่าสงสัยว่าอาจจะตก ย่อมจะฟอกและแช่หรือขยำรวมกันในภาชนะอันหนึ่งได้ ข้อนี้คุณป้ากล่าวว่างามพิศทำผิดอย่างน่าอับอาย การที่เสื้อกางเกงของคุณลุง-เฉพาะอย่างยิ่ง เสื้อ-รวมอยู่ในอ่างเดียวกับเครื่อง ‘นุ่ง’ ของงามพิศนั้นเป็นสิ่งที่คุณป้าคิดไม่ถึงทีเดียว ว่าจะมีผู้หนึ่งผู้ใดอุตริทำขึ้น และในการรีดผ้าเล่า เตารีดที่ใช้รีดเครื่อง ‘นุ่ง’ ของคุณป้าไปแล้วสดๆ จะใช้รีดเครื่อง ‘ห่ม’ ของคุณหลวงเจ้าของบ้าน หรือแม้แต่ของเด็กชายที่คุณหลวง และคุณป้าเลี้ยงไว้ในฐานะครึ่งบ่าวครึ่งลูกหลาน ก็ไม่ได้เป็นอันขาด

แม้แต่การพับเสื้อผ้าที่ซักแล้ว ซ้อนกันให้เป็นตั้ง งามพิศก็ทำไม่ถูกแบบของคุณป้า คือ หล่อนไม่ระวังที่จะให้เสื้อกางเกงของลุงอยู่เสียตั้งหนึ่งต่างหากจากเครื่อง ‘นุ่ง’ ของหล่อน มิหนำซ้ำปล่อยให้เครื่อง ‘นุ่ง’ เหล่านั้นซ้อนทับบนเสื้อของคุณลุงเสียด้วย เช่นนี้ ให้คุณป้าตบอกและร้องว่า “อะไรไม่รู้จักภาษาเสียเลย”

คุณป้าได้มอบตู้เล็กตู้หนึ่งให้แก่งามพิศ สำหรับใส่เสื้อผ้าสิ่งของกระจุกกระจิกส่วนตัว งามพิศจัดตู้นี้อย่างกระเบียดกระเสียนเนื้อที่ คือให้จุของได้มากที่สุด เผอิญหล่อนจัดตั้งผ้าที่หล่อนใช้นุ่งไว้ชั้นบน ส่วนเสื้อและผ้าเช็ดหน้าอยู่ชั้นล่าง เพราะเนื้อที่ในตู้และส่วนสัดแห่งของเหมาะแก่การจัดเช่นนั้น คุณป้าก็ว่าไม่เป็นศิริมงคล บังคับให้จัดเสียใหม่

นอกจากสิ่งเหล่านี้ ยังมีการเลื่อนขั้นตื้นๆ เช่นการจีบพลู จีบหมาก และการครัวขั้นธรรมดา เช่นการหุงข้าว แกง ปรุงน้ำพริก ซึ่งคุณป้าเห็นว่าหญิงอายุขนาดงามพิศควรจะทำเป็น เจ้าหล่อนก็ทำหาเป็นไม่ เมื่อคุณป้าสั่งให้ทำ ความที่ตนอายว่า ไม่ประสาในเรื่องเช่นนี้ด้วย ความที่หวาดเกรงล่วงหน้าว่า คุณป้าคอยจ้องจะตำหนิอยู่ด้วยรวมกันทำให้งามพิศจับอะไรไม่ถูกยิ่งขึ้น และหมดสติปัญญาเสียทีเดียว ที่จะจับคำแนะนำของคุณป้าให้มั่นเหมาะ

เมื่อเป็นเช่นนี้ งามพิศก็ทำช่องว่างให้คุณป้าวิพากษ์เรื่องสติปัญญาของหล่อนได้ร่ำไป

แต่ถ้าหากว่ายกเว้นเรื่องสติปัญญา ความสามารถในทางการงานไว้เสียทางหนึ่ง คุณป้ามีความเห็นว่างามพิศเป็น ‘เด็กดี’ดัง ที่จะพิสูจน์ได้จากคำที่คุณป้าพูดกับเพื่อนของสามี และกับเพื่อนภรรยาข้าราชการด้วยกัน ในเมื่อกล่าวขวัญถึงหลานสาว “เรียบร้อยดีหร็อก, ว่าง่ายหงิมๆ ไม่สูสีกับใคร” ท่านว่า “ยิ่งผู้ชายละก็ไม่เล่นด้วยเลย”

ก็แน่ละซี งามพิศจะสูสีกับใครที่ไหน ในเมื่อทั้งสมองและจิตใจของหล่อนมืดทึบไปด้วยความระทมทุกข์ จนไม่มีช่องว่างสำหรับที่จะให้สิ่งต่างๆ อันเป็นสิ่งภายนอกรั่วไหลเข้าไปได้ เว้นเสียแต่จะถูกกระตุ้นอย่างแรง หรือถูกบังคับโดยปริยาย ซึ่งทั้งนี้ก็มีแต่คุณป้าคนเดียวเท่านั้น เป็นผู้ทำอยู่เสมอโดยที่ผู้ทำเองก็ไม่รู้สึกตัว

ว่าถึงผู้ชายเล่า ยิ่งไปกว่าไม่เล่นด้วย เวลาถึงสองเดือนเศษที่งามพิศอยู่กับคุณป้าคุณลุง หล่อนไม่เคยแม้แต่จะคิดอยากรู้ว่าผู้ที่หล่อนเคยเห็นบ่อยๆ นั้น เป็นใคร มีนามว่ากระไร ถ้าหล่อนรู้จักนาม ตำแหน่งฐานะอาชีพของเขาเหล่านั้นก็เป็นโดยเผอิญ เพราะหูของหล่อนยังไม่หนวก ตาของหล่อนยังไม่บอด สมองก็เคยแก่การจำสิ่งที่ผ่านหูผ่านตา ก็เที่ยวจำสิ่งต่างๆ เข้าไว้โดยมิต้องรอรับสั่งจากจิตใจเสียก่อน

ก็พอดีกันกับชายทั้งหลายที่มารู้จักตัวงามพิศ !

หลังจากที่คุณป้าได้พาหลานไปเที่ยว ‘ชมตลาด’ แล้วก็มีข่าวแพร่ไปในอำเภอเมือง ว่านายอำเภอได้หลานสาวมาไว้คนหนึ่ง คำว่า ‘สาว’ สะกิดใจเสมียนพนักงาน พ่อค้า ข้าราชการที่เป็นโสดหรือเป็นหม้ายเกือบทุกคน และสะกิดใจผู้ไม่โสดและมิใช่หม้ายหลายคน แต่เมื่อเขาเหล่านั้นได้เห็น ‘สาว’ จะเป็นเด็กก็ไม่ใช่ เป็นผู้ใหญ่ก็ไม่เชิง ขาวเกลี้ยงดีดอกแต่สวมแว่นตา ทั้งหน้าก็ซีด และขรึมอย่างไม่น่าเชื่อว่ามีผู้หญิงสาวคนหนึ่งขรึมได้ถึงเพียงนั้น เขาลืมความหมายแห่งชื่อของหล่อนเสียสนิท กล่าวคือลืมพิศดูให้เห็นประจักษ์ มิหนำซ้ำบางคนยังกล่าวเอาโดยง่ายว่าหล่อนชื่อไม่สมตัว

ตลอดย่านอำเภอเมือง รวมทั้งย่านจังหวัดด้วย จึงเหลือชายอยู่คนเดียวที่เอาใจใส่ต่องามพิศบ้าง ชายนั้นคือสามีของคุณป้า

ขุนจำนงพิทักษ์ราษฎร์ เป็นชายมีอายุเพียงขั้นต้นปูนปัจฉิมวัย และมีภรรยาซึ่งมีอายุเท่ากับท่านขุนเอง ทั้งหาบุตรหรือธิดามิได้ จิตใจจึงใฝ่หาความเป็นหนุ่มสาวอันได้สูญสิ้นไปจากตนแล้ว และจะหาแม้แต่เพียงความเป็นหนุ่มสาวที่อยู่ใกล้พอได้ชมเป็นเครื่องเจริญใจก็ไม่มี

เมื่อภรรยาพาหลานสาวมาอยู่ด้วย ท่านขุนมีความพอใจมาก มีความเอ็นดูในเจ้าหล่อนทันที เมื่อรู้แน่ว่าเจ้าหล่อนจะอยู่ร่วมชายคาเดียวกับตน แต่เมื่อท่านขุนปราศรัยกับงามพิศ ท่านขุนพูดห้าคำ งามพิศตอบเพียงคำเดียว ดังนี้หลายครั้งหลายหน ความพอใจของท่านขุนก็ลดลงเป็นลำดับ และความหวังของท่านขุนในข้อที่จะได้งามพิศเป็นเพื่อนพูดเล่นเจรจาในยามที่ท่านอยู่บ้าน ก็สิ้นไปในไม่ช้า

แต่เผอิญงามพิศมี ‘บทบาท’ อยู่ประการหนึ่งที่ทำให้ลุงเขยของหล่อนไม่สิ้นความพอใจในหล่อนเสียทีเดียว คือหล่อนชอบยืนแหงนคออยู่ที่กรงนกเขาของลุงเขย และบางเวลาเมื่อผ้าหุ้มกรงถูกรูดไว้รอบจนไม่มีช่องว่าง งามพิศก็ใช้มือของหล่อนค่อยๆ บรรจงแหวกที่ตรงช่องประสาน เพื่อเยือนเจ้าสัตว์ที่ถูกขังหลายครั้ง เจ้าหล่อนปราศรัยนกเขาอยู่ในใจ ตาของหล่อนมีน้ำตาคลอ จิตใจของหล่อนร้าวระบมและมักจะลืมตัวว่า กำลังทำสิ่งใดอยู่ในแห่งหนตำบลไหน ถ้ามีเสียงค่อยๆ ดังขึ้นในที่ไม่ใกล้นักหล่อนก็มักจะไม่ได้ยิน ท่านขุนจึงได้เห็นกิริยาเช่นนี้ของหล่อนบางครั้ง แล้วก็พอใจในข้อที่หล่อนชอบสิ่งที่ตนชอบนั้น

แล้วท่านขุนก็เคยคุยเรื่องนกเขาให้งามพิศฟัง ทั้งลักษณะตัวนก คารมที่นกขัน ขันเช่นนั้นเวลาใด ขันแข่ง ขันคู หรือขันท้า วิธีต่อนก ภูมิประเทศที่หานกได้มาก นามของนักเล่นนกที่มีชื่อโด่งดัง บางคราวงามพิศฟังโดยตั้งใจและอยู่ในอาการเป็นปกติจนตลอดเรื่อง ท่านขุนก็รู้สึกเป็นสุขพอใจในเจ้าหล่อนและในตัวของท่านขุนเอง บางคราวงามพิศฟังพลางมีอาการตาลอยสะท้อนถอนใจ ขุนจำนงฯ คาดความคิดของหล่อนไม่ถูก ก็สำคัญว่าหล่อนเบื่อ เกิดความไม่พอใจเล็กน้อย แล้วก็หยุดพูดเสียทันที

อย่างไรก็ตาม ในยามที่ลุงเขยกับหลานสาวชมนกเขาด้วยกัน หรือพูดและฟังเรื่องนกเขานี้ ขุนจำนงฯ เคยลืมเรื่องที่พูดค้างเสียกลางคัน นึกถึงแต่ผู้ฟัง ก็ใช้แขนโอบตัวหลานสาวไว้บ้าง ประสาทของงามพิศก็ทำอาการดังถูกน้ำร้อนลวก งามพิศผละออกห่างจากท่านขุนโดยเร็ว

ต่อมาไม่ช้า นางจำนงฯ ได้มอบหน้าที่ดูแลนกเขาให้แก่งามพิศ ทั้งการให้ข้าวให้น้ำ เปิดปิดผ้าหุ้มกรง ทำความสะอาดในกรง งามพิศทำตามเวลาที่ขุนจำนงฯ กำหนดไว้ให้ และทำด้วยกายและด้วยใจ อย่างที่หล่อนไม่เคยใช้ทำงานสิ่งใดเลยตั้งแต่มาอยู่กับคุณป้า

 

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ