บทนำเรื่อง
สุภาษิตสอนสาวแต่งเป็นกลอนสุภาพ ยังไม่เคยพิมพ์เผยแพร่มาก่อน การตรวจสอบชำระเพื่อจัดพิมพ์คราวนี้นำมาจากเอกสารสมุดไทย เลขที่ ๑๓ หมวดวรรณคดี หมู่กลอนสุภาษิตและคำสอน ซึ่งเก็บรักษาไว้ที่กลุ่มหนังสือตัวเขียนและจารึก สำนักหอสมุดแห่งชาติ
สุภาษิตสอนสาวเป็นคำสอนในเรื่องของหลักประพฤติปฏิบัติอันดีงามเพื่อเป็นแบบอย่างให้สตรีนำไปปฏิบัติตน ซึ่งมีทั้งข้อห้ามและข้อที่ควรนำไปปฏิบัติ ดังที่ผู้แต่งได้บอกถึงจุดมุ่งหมายในการแต่งว่า
๏ จะสอนสาวคราวรุ่นเจริญศรี | |
ให้เลื่องชื่อลือชาทุกราตรี | เหมือนมณีเกิดประดับสำหรับกาย |
กำหนดจิตคิดจำที่คำสอน | จะถาวรดังดวงวิเชียรฉาย |
เป็นที่หวังสังรเสริญแก่ฝูงชาย | จะเปรมปรายปราโมทย์จำนงจง |
เป็นสตรีรู้มีอัชฌาสัย | จะอำไพเอี่ยมสำอางดังนางหงส์ |
เนื้อหาของสุภาษิตสอนสาวเป็นคำสั่งสอนให้สตรีรู้ถึงหน้าที่และข้อพึงปฏิบัติตนในการเป็นแม่บ้านแม่เรือน กิริยามารยาทและอิริยาบถต่าง ๆ เช่น การเดิน การลุกนั่ง ตลอดจนการใช้คำพูด การเรียนรู้งานบ้านงานครัว หลักการประพฤติตนให้เป็นคนดี ให้ระมัดระวังในการใช้คำพูด ไม่พูดจาหยาบคาย ไม่พูดเพ้อเจ้อ ไม่พูดในสิ่งไม่ดีให้รู้จักพูดอย่างสุภาพและมีสติ ดังคำสอน
ที่ควรพูดแล้วจึงพูดแต่สุภาพ | ที่คำหยาบนั้นอย่าข้องสนองสาร |
จะเที่ยวพูดกับเพื่อนอย่าเชือนเฉย | อย่าละเลยงานการที่ฝึกสอน |
อย่าพูดเพ้อแปรดแปร้นทำแสนงอน | ผู้ใหญ่สอนเจ้าจงจำไว้ใส่ใจ |
ที่สิ่งชั่วอย่าได้กล่าวสมาคม | จะพลอยข่มศรีหน้าให้ตามอม |
เป็นธิดามีหน้าลูกผู้ดี | จะวาทีอย่าให้หยาบจงน้ำนวล |
เดินอย่างระมัดระวังและสงบเสงี่ยมไม่เดินไกวแขนมากไปจนสุดแขน ควรหัวเราะแต่พองาม ไม่ชม้ายชายตาให้ผู้ชาย ดังคำสอน
จะเดินก็ให้ดูมารยาท | ให้สมชาติลูกสกุลอันแจ่มใส |
อย่าโลดเต้นเช่นลิงหญิงจังไร | เขาไยไพเยาะเล่นไม่เป็นการ |
ไม่ควรสรวลแล้วอย่าสรวลให้แพร่งพราย | อย่าชวนชายตาฉ่ำชำเลืองชม |
อย่าเดินชายกรายแขนให้เกินขนาด | อวดฉลาดพูดเล่นไม่เห็นสม |
ให้สตรีรู้จักแต่งกายอย่างพอดี เหมาะสมตามฐานะ และวางตนอย่างสงบเสงี่ยม ดังคำสอน
จะแต่งตัวให้ดูแต่สุภาพ | ทำราบราบพอควรอัชฌาสัย |
งามจริตจิตเจียมเสงี่ยมใจ | จะอำไพยิ่งกว่าเครื่องอาภรณ์ |
และคำสอนว่า
สงบเสงี่ยมเจียมตัวประสาหญิง | อย่าเย่อหยิ่งคารมให้เสียงมี่ |
ให้รู้จักหน้าที่สำหรับการเป็นแม่เรือนในเรื่องงานบ้านงานครัว สิ่งของเครื่องใช้ในครัวต้องหมั่นดูแลอย่าให้ขาด ดังคำสอน
เป็นสตรีรู้มีอัชฌาสัย | จะอำไพเลื่องลือระบือหอม |
ถึงพี่น้องรอบข้างเป็นนางจอม | จะเฝ้าถนอมตัวได้เมื่อไรมี |
รู้ระบอบชอบผิดจิตสุภาพ | ให้ราบคาบแช่มช้อยเจริญศรี |
งานการสนใจสิ่งไรมี | ให้ถ้วนถี่รู้ประคิ่นทั้งกินนอน |
รู้เก็บหอมรอบริบไว้เป็นเรือน | อย่าเลื่อนเปื้อนจงจำที่คำสอน |
อนึ่งปูนเกลือข้าวน้ำแลฟืนรอน | อย่านิ่งนอนไว้ให้หมดมันไม่ดี |
ให้รู้จักประหยัดอดออม ดังคำสอน
อย่าดูถูกเงินเฟื้องสลึงบาท | เมื่อยามขาดยืมใครไม่ได้สิ้น |
รู้เก็บหอมจะได้ออมไว้ซื้อกิน | วันคืนยังไม่สิ้นอย่าเชื่อใจ |
และ
งานการสนใจสิ่งไรมี | ให้ถ้วนถี่รู้ประคิ่นทั้งกินนอน |
รู้เก็บหอมรอบริบไว้เป็นเรือน | อย่าเลื่อนเปื้อนจงจำที่คำสอน |
ให้มีความกตัญญู รู้จักเคารพนบนอบต่อบิดามารดา และญาติพี่น้อง ดังคำสอน
อนึ่งบิดามารดาคณาวงศ์ | ทั้งเผ่าพงศ์พี่น้องอย่าห่างเหิน |
จงนบนอบเช้าค่ำให้จำเริญ | อย่าทำเมินจะได้พึ่งกันต่อไป |
ให้รู้จักระมัดระวังในการใช้จ่าย อย่าเป็นคนตระหนี่หรือใจใหญ่เกินไป ให้มีความสมเหตุสมผลในการใช้เงิน ดังคำสอน
ตระหนี่นักมักตัดหนทางสั้น | ใจใหญ่นักมักพลันจะฉิบหาย |
ที่ควรเสียแล้วจึงเสียอย่าเสียดาย | รู้เทถ่ายมื้อเช้าไว้เป็นเย็น |
ระมัดระวังตนไม่ชิงสุกก่อนห่ามหรือกระทำการที่ไม่เหมาะสมก่อนเวลาอันควร ดังคำสอน
อดเปรี้ยวจะได้เคี้ยวซึ่งของหวาน | บูราณว่าเริงนักมักเป็นไข้ |
อย่าชิงสุกก่อนห่ามตามน้ำใจ | เป็นไพร่เสียก่อนจึงเป็นนาย |
คำสอนนี้ยังกล่าวถึงลักษณะของหญิงที่ประพฤติไม่ดี ได้แก่หญิงที่ชอบแต่งตัวให้ผู้ชายสนใจ คอยชม้ายชายตาให้ผู้ชาย ไม่ใส่ใจในกิจการงานเรือน ผู้หญิงเหล่านี้จะไม่เป็นที่ปรารถนาของผู้ชายที่ดี ชีวิตของหญิงเหล่านี้จะประสบความหายนะ และไม่มีผู้ใดจะคบหาด้วย ดังความว่า
เป็นหญิงพาลใจจ้านไม่รู้อาย | คบผู้ชายมากแขกเห็นแปลกหน้า |
ทำชม้อยช้อยชายชำเลืองตา | เล่นหน้าดัดจริตให้พิกล |
ลางทีหญิงแสนงอนทำค้อนควัก | ตาชำลักสอดแสวงทุกแห่งหน |
ทำขวยเขินเมินพูดกับเพื่อนตน | แต่งแต่กลเล่นตัวทั้งตาปี |
งานการสิ่งใดมิได้ทำ | อาบแต่น้ำแล้วก็วิ่งเข้าหาหวี |
ผัดหน้าตะบอยสอยระเบียบให้เรียบดี | แล้วสีสีผึ้งกินหมากไปปากคม |
พ่อแม่เรียกใช้มิใคร่จะลุก | ข้าวหุงสุกแล้วก็พลอยเข้าประสม |
อันหญิงถ่อยเช่นนี้อย่านิยม | สมาคมคบหาเป็นราคี |
นอกจากนี้ผู้แต่งยังสอนให้สตรีรู้จักที่จะประพฤติปฏิบัติดีทั้งกาย วาจา และน้ำใจ ทั้งดูแลเหย้าเรือนมิให้บกพร่อง ระวังรักษากาย ไม่เข้าใกล้คนไม่ดีและสิ่งไม่ดี โดยเปรียบเทียบการประพฤติปฏิบัติดีของสตรีว่า หญิงที่มีกิริยาสุภาพ คำพูดที่สุภาพอ่อนหวานเปรียบเสมือนมงกุฎประดับเหนือเศียรเกล้า กิริยามารยาทที่เรียบร้อยเสมือนมีบริวารมากมายที่ช่วยเหลือช่วยดูแล ความซื่อสัตย์กตัญญูเป็นพละกำลังให้พ้นจากสิ่งไม่ดี การนำข้อปฏิบัติที่ดีไปใช้เสมือนมีฉัตรชัยไว้กางกั้น และการมีสติปัญญาจะเป็นเครื่องปกป้องคุ้มครองภัย ดังความว่า
เอาจริตจิตเจียมเสงี่ยมงอน | ต่างอาภรณ์เครื่องประดับแลภูษา |
เอาถ้อยคำสำนวนสุนทรา | ต่างมหามงกุฎกรรเจียกจอน |
เอามารยาทกริยาอัชฌาสัย | เป็นนางในบริวารสลับสลอน |
เอาข้อวัตรประนิบัติสถาวร | เป็นฉัตรกั้นทินกรไว้กับกาย |
เอาความสัตย์กตัญญูเป็นหมู่ทหาร | จะต่อต้านข้าศึกให้สูญหาย |
เอาสติปัญญาอันเพริศพราย | เป็นป้อมค่ายค้นคูประตูเมือง |
สตรีที่ปฏิบัติตามคำสอน มีค่าเสมือนเพชรแท้อันบริสุทธิ์ที่ประดับอยู่บนเรือนแหวนทองนพคุณ จะเป็นที่สรรเสริญชื่นชมยินดีแก่คนทั่วไป และเป็นที่หมายปองแก่บุรุษผู้ดี ดังความว่า
เหมือนวิเชียรงามละไมอำไพแสง | กระจ่างแจ้งจับฟ้าเวหาหวน |
ไม่มีฝ้าฟองระคายสลายนวล | เป็นคู่ควรนัคเรศบุรีเรือง |
แม้นมีอยู่ในนิเวศประเทศใด | จะอำไพออกชื่อระบือเลื่อง |
ควรประดับแหวนทองอันรองเรือง | ที่เนื้อเหลืองเก้าน้ำธรรมดา |
และ
ฟังแล้วจงจำที่คำสอน | ให้ถาวรเป็นสุขศุภผล |
เป็นที่หวังสังรเสริญแก่ฝูงชน | เหมือนอุบลบัวทิพย์ประทุมทอง |
เบิกบานอยู่ในสระมุจลินท์ | ไม่แผ้วพักราคินมลทินหมอง |
หอมระรื่นชื่นรสสุคนธ์ละออง | เป็นที่ปองภุมเรศประเวศชม |
เรื่องสุภาษิตสอนสาวได้ให้ข้อคิดแก่สตรีเพื่อนำคำสอนไปปฏิบัติใช้ได้จริงในชีวิตประจำวัน เนื่องจากเป็นคำสอนที่เป็นประโยชน์ ด้วยคตินิยมของสังคมไทยที่มีต่อสตรียังคงมุ่งหวังให้สตรีรู้จักที่จะประพฤติปฏิบัติตนให้เป็นคนดี มีคุณค่าในสังคม