คำฉันท์สอนหญิง

อินทรวิเชียร ๑๑

[๑]๏ ข้าขอเผด็จแสดง ผจงแต่งซึ่งคำสอน
ไว้เป็นสุนทรกลอน คดีโลกลำดับความ
๏ ไว้ให้แก่นาเรศ เฉลิมเกศอนงค์งาม
รุ่นสาวเจริญทราม พิศวาสแสวงชาย
๏ นารีอันมีศักดิ์ วรพักตร์ดั่งเดือนฉาย
สงวนตัวไม่มัวระคาย จะระคนด้วยมลทิน
๏ เสมือนดังวิเชียรรัต นะลือระบือระบิล
เป็นอรรคนาริน รจนาวราโฉม
๏ ควรเป็นมงคลขวัญ นัยเนตรวิเศษโสม
นัสนาฎสวาทโลม ฤดีชายให้ถวิล
๏ อย่าหยิ่งเผยอผยอง ลำพองตนกระมลทิน
ปากร้ายผูกไพริน แก่เพื่อนมิตรสนิทนาง
๏ จงเจียมเสงี่ยมจิต แต่งจริตให้สำอาง
พูดจาอย่ารานทาง แก่เพื่อนรักสมัครตน
๏ เดินเหินอย่าเมินพักตร์ แลชำลักชำเลืองยล
เห็นชายทำอายฉงน ระริกร่านัยน์ตามัน
๏ แต่งกายให้สมศักดิ์ วรพักตร์วิไลวรรณ
คนดำห่มแดงฉัน ไม่ฉายเฉิดประเสริฐศรี
๏ คนขาวจะนุ่งห่ม อันใดใดก็งามดี
คนดำต้องห่มสี แต่หม่นหมองแลเขียวคราม
๏ ห่มแดงแลสีนวล บมิควรจะเห็นงาม
ชายเห็นจะเย้ยหยาม บริภาษให้บาดใจ
๏ ลุกนั่งระวังตน อย่าลุกลนทะลึ่งไป
ภูษาแลผ้าสไบ จงปกปิดให้มิดกาย
๏ อย่าทำกระดางลาง ตลกโลนเหมือนผู้ชาย
สตรีให้มีอาย เป็นที่ฟังจะบังควร
๏ ยามเดินอย่าเมินประมาท ให้พลั้งพลาดล้มเซซวน
ยามยืนอย่ายืนยวน กมลขึงตะลึงแล
๏ ยามนอนอย่านอนหงาย เอากรก่ายวิลาศแปร
กอดอกอดูรแด ฤดีดิ้นถวิลชาย
๏ ยามกินอย่ากินเติบ ค่อยป้อนเปิบให้สบาย
ข้าวตกลงเรี่ยราย ไม่สู้ดีอัปรีย์ตน
๏ เคี้ยวข้าวดังจับจับ จะอาภัพวิบัติคน
ซดแกงเหมือนเสียงกรน ดังโฮกโฮกกระโชกลม
๏ นอนหลับละเมอฝัน บ้างเคี้ยวฟันสยายผม
ครางครวญรัญจวนตรม กลสะอื้นไม่ฟื้นตัว
๏ บ้างนอนน้ำลายไหล บ้างถอนใจดูน่ากลัว
เสียงกรนเหมือนเสียงวัว ดูอนาถประหลาดใจ
๏ บ้างนอนเป็นท่ายักษ์ ย่อมชั่วนักคนจัญไร
มือสอดเข้าไว้ใน ระหว่างขาท่าอัปรีย์
๏ ระมัดระวังตัว อย่านอนชั่วมักไม่ดี
โรคาจักยายี อายุน้อยจักถอยแรง
๏ นอนดีจะมีทรัพย์ กิติศัพท์เป็นศักดิ์แสง
คำสอนให้นอนตะแคง เอาแขนพาดไปตามสกนธ์
๏ เหยียดเท้าลำดับบาท เอากรพาดหนุนเศียรตน
เป็นสวัสดิมงคล ชื่อสีหไสยา
๏ ยามเดินอย่าเดินเหย่า ระเหยาะย่างเหมือนอย่างกา
อย่าเดินเอาศิรา ชะโงกเงื้อมไปก่อนกาย
๏ ให้เดินผจงบาท ด้วยลีลาศชำเลืองชาย
แอ่นอกให้ผึ่งผาย เหมือนดังเป็ดวิเศษดี
๏ เดินเหมือนคชาทรง มงคลราชหัสดี
จะเป็นเฉลิมศรี ศุภสุนทรานาน
๏ ยามกินอย่าผินพักตร์ บริโภคกระยาหาร
แสนทรัพย์ศฤงคาร จะเนืองนองดั่งน้ำไหล
๏ ประจิมจักมียศ เป็นยอดอย่างสุรางค์ใน
อุดรจักมีภัย อย่าผินพักตร์รับอาหาร
๏ เป็นหญิงอย่าใจบาป วาจาหยาบพูดสามานย์
กล่าวโลนตลกพาล เหมือนเช่นชายบ่อายใจ
๏ นารีอันมียศ มธุรสย่อมแจ่มใส
เยื้อนยิ้มพริ้มละไม พจนารถสวาทหวาน
๏ อย่ากล่าวยุบลบ่อน สบถล่อนให้เกินการ
อวดโอ้พูดโวหาร ยกตัวตั้งอวดมั่งมี
๏ อย่าค่อนนินทาท่าน มิใช่การกระสัตรี
ความชั่วแลความดี ย่อมมีทั่วทุกตัวคน
๏ เขาชั่วก็ชั่งเขา อย่าเก็บเอามาใส่ตน
ใครประเสริฐบังเกิดผล จงเอาอย่างในทางดี
๏ อย่าทำเป็นแม่สื่อ ให้เขาลือว่าอัปรีย์
ชักชายให้สมศรี ชักสตรีให้สมชาย
๏ เป็นหญิงอย่าง่วงเหงา นอนขี้เซาอยู่จนสาย
การเรือนเร่งขวนขวาย เอาใจใส่ในเคหา
๏ ข้าวปลาอย่าคาหม้อ ไว้เหลือหลอให้บูดรา
ถ้วยชามอย่าให้คา หมั่นล้างคว่ำทำให้ดี
๏ ครัวไฟอย่าให้รก สกปรกมักอัปรีย์
หม้อข้าวฝาละมี อย่าเปลี่ยนผลัดพลัดกันไป
๏ หุงข้าวอย่าผินหลัง หมั่นระวังทั้งฟืนไฟ
เสร็จสรรพดับให้ได้ อย่าทิ้งไว้จักไหม้เรือน
๏ กินแล้วอย่าฉุยแฉ่ ให้พ่อแม่ต้องตักเตือน
อย่าทิ้งไว้ให้กลาดเกลื่อน เปื้อนครัวไฟนั้นไม่ดี
๏ แดดออกดูตากของ ฝนตกรองเอาวารี
เย็นย่ำค่ำราตรี อย่าจรลีจากเคหา
๏ หญิงสาวจักไปไหน มีเพื่อนไปจงไคลคลา
คนเดียวอย่าลีลา เขานินทาว่าสามานย์
๏ ผู้ชายเขาล้อเลียน เป็นหนามเสี้ยนให้รำคาญ
เมินหน้าอย่าว่าขาน ตอบคนพาลแพ้ภัยตัว
๏ พูดจาว่าโดยดี อย่าข่มขี่ให้เขากลัว
รักนวลสงวนตัว สิ่งใดชั่วจงหลีกหนี
๏ นุ่งห่มพอสมศักดิ์ โสมมนักมักไม่ดี
แต่งตัวนักก็จักมี คนนินทาว่าล่อชาย
๏ พี่น้องไปมาหา นั่งพูดจาอย่าทำอาย
พบปะเข้าทักทาย ปากเราะรายพูดให้ดี
๏ ลุงอาแลตาปู่ ไปมาสู่ด้วยไมตรี
ข้าวปลาหาหุงจี่ ตามยากมีให้ท่านกิน
๏ แม้นว่ามีข้าไทย จงปลอบใช้อย่าใจทมิฬ
ร้ายนักมักติฉิน นินทาว่าส่งค่าตัว
๏ มีข้าว่าปั้นเจ๋อ ทำหยิ่งเย่อให้เขากลัว
รักมันมันรักตัว ทำใจชั่วบ่าวมันชัง
๏ มีข้าเหมือนศัตรู พึงให้รู้น้ำใจหวัง
ความลับที่ควรบัง อย่าได้เล่าแก่บ่าวตน
๏ มันมักชักชู้ให้ อย่าเชื่อใจอีสัปดน
วิสัยอีคนจน ได้สินบนไม่รักนาย
๏ ตัวดีมีคนรัก ทำทรลักษณ์จักได้อาย
หัวแหวนแสนเสียดาย ตกแตกทะลายหายราคา
๏ เปรียบเหมือนกับหญิงสาว ทำรานร้าวใส่กายา
ชายดีมีปรีชา ไม่ปรารถนาจักเชยชม
๏ เปรียบเหมือนกับดอกไม้ ม้วนแทรกใส่ในอาจม
ผู้ใดใครจักชม ดอกโสมมไม่นำพา
๏ ถ้าว่าสุมาลี เกสรมีงามรจนา
เป็นที่เสน่หา จิตเมตตาทุกตัวคน
๏ โบราณท่านย่อมว่า ตัวเป็นข้ารักษาตน
นานไปเป็นกุศล คงจะพ้นเป็นทาสี
๏ เป็นข้าผ้าเหม็นสาบ ใจยุ่งหยาบหญิงอัปรีย์
ทำชั่วตัวไม่ดี เป็นทาสีอยู่จนตาย

กาพย์ ฉบัง ๑๖

๏ เป็นหญิงยศยิ่งเพราพราย อย่าจงจิตหมาย
เชยชู้เป็นคู่เคียงนาง  
๏ บุพเพสันนิวาสแต่ปาง ก่อนสมชมนาง
เสน่ห์สนิทพิสมัย  
๏ ถึงอยู่นัคเรศแรมไพร ทางไกลเท่าไกล
คงประสบพบสมร  
๏ ตามบุญวาสนาแต่ก่อน อย่ามีอาวรณ์
กังวลแสวงสวามี  
๏ ปรนนิบัติไว้องค์อินทรีย์ เสมือนดังดวงมณี
มีสีประเสริฐเฉิดโฉม  
๏ ร้อนใจอะไรชายจักประโลม ใครเห็นแล้วโสม
นัสเสน่ห์น่าถนอม  
๏ กิริยาวาจาอดออม จัดไว้เป็นจอม
มงกุฎสุดานาริน  
๏ ความสัตย์กตัญญูยุพิน เป็นสายเกาบิล
สังวาลแลสร้อยสวมทรง  
๏ อัธยาอาศัยในอนงค์ จัดเป็นธำมรงค์
สุวรรณวลัยใส่กร  
๏ สติปัญญาถาวร จัดเป็นอาภรณ์
ภูษิตวิเศษเจษฎา  
๏ หนึ่งจิตเมตตากรุณา มุทิตาอุเบกขา
เป็นผ้าสไบใส่สี  
๏ สำหรับประดับกระสัตรี ให้เอี่ยมองค์ฉวี
สมศักดิ์ตระกูลกัลยางค์  
๏ หญิงใดได้ทรงสำอาง จักงามกว่านาง
ที่แต่งเครื่องเครื่องอาภรณ์  
๏ แม้ผู้เสาวภาคย์สุนทร ฟังวัจนาคำสอน
ที่พี่ร่ำพรรณนา  
๏ จักมียศเลื่องเดชา กฎทั่วชาวชวา
ว่ากำภุญชัยสยาม  
๏ ดีกว่านารีรูปงาม ใครไม่มีความ
ประทุษฐ์โทษนินทา  
๏ จักมีชายมุ่งหมายเมตตา รับขวัญหรรษา
สรรเสริญเจริญอวยพร  
๏ เทวาอารักษ์ฤทธิรอน จักให้นามกร
ชื่อแม่มงคลกัลยา  
๏ เงินทองสมบัติวัตถา ไหลหลั่งลอยมา
ดังว่านทีศรีใส  
๏ นารีมีศรีประไพ แม้อยู่ที่ใด
ที่นั้นเป็นสุขถาวร  
๏ ดับโศกโรคภัยราญรอน กำจัดดัสกร
ศัตรูและหมู่โจรา  
๏ เสมือนดวงเนาวรัตนา ควรคู่ราคา
ร้อยชั่งมาตั้งใส่พาน  
๏ ชายใดได้ชมสมสมาน จักมีศฤงคาร
สมบัติสมบูรณ์พูนผล  
๏ อนึ่งให้นอบน้อมจอมสกนธ์ ปรนนิบัติผัวตน
โดยสุจริตพิสมัย  
๏ ถึงมีทาสาข้าไทย อย่าได้ไว้ใจ
ให้หุงให้หาอาหาร  
๏ ตาดูหูใส่ในการ กลัวคนสามานย์
ใส่ยาจักฆ่าสามี  
๏ วัตถาอาภรณ์อันดี สำหรับสามี
จงจีบประดับพับวาง  
๏ อย่าปนภูษาผ้านาง มลทินจักหมาง
จักหมองจักมัวผัวตน  
๏ เย็นค่ำย่ำแสงสุริยน นั่งนอบมอบสกนธ์
เข้าปรนนิบัติพัดวี  
๏ เจรจาสำรวลสรวลศรี อย่าได้พาที
คำเท็จเผด็จกล่าวกลอน  
๏ ผจงปัดปูที่นอน เรือดไรในหมอน
จงหาอย่าได้คายคัน  
๏ คำใดผัวร่ำรำพรรณ สอนสั่งฟังกัน
จำไว้อย่าให้ใหลหลง  
๏ จวนใกล้ไขแสงสุริยง ตื่นจัดบรรจง
น้ำสรงชำระพักตรา  
๏ เสร็จสรรพแล้วกลับออกมา หุงหาโภชนา
บรรจงอย่าให้ใครทำ  
๏ แต่งให้ผัวกินอิ่มหนำ ยกมาล้างคว่ำ
แล้วตัวจึงค่อยหากิน  
๏ บิดรมารดาสวามิน อย่าให้ติฉิน
รังเกียจรังกนหม่นหมาง  
๏ ไปลามาไหว้ให้สำอาง คิดเหมือนพ่อนาง
แม่บังเกิดเกล้าเกศี  
๏ พี่น้องญาติกาสามี เจรจาพาที
โอบอ้อมถนอมใจกัน  
๏ ไปมาหาของกำนัล ใส่โตกเชี่ยนขัน
คำนับให้สมพักตรา  
๏ ความลับผัวแจ้งกิจจา ไว้ในอุรา
อย่าได้แถลงแพร่งพราย  
๏ ปากบอนข้อนกล่าวบรรยาย ผัวจักได้อาย
ให้ควรสงวนภัสดา  
๏ แม้ว่าสามีโกรธา อย่าตอบวัจนา
อดออมถนอมน้ำใจ  
๏ หายโกรธจึงค่อยเฉลยไข เล่าความตามนัย
ยุบลแต่ต้นเหตุมี  
๏ ผัวเห็นจริงดังพาที จิตมีปรานี
ความรักนั้นมากขึ้นไป  
๏ อนึ่งสามีมีใจ รักร่วมพิสมัย
สังวาสสวาทหฤหรรษ์  
๏ จงมีปรีดาเสมอกัน อย่าทำเดียดฉันท์
ให้ขัดให้ข้องขุ่นเคือง  
๏ ไฟลุกฝอยลุกรุ่งเรือง ไฟดับฝอยประเทือง
ให้ดับระงับตามกัน  
๏ หญิงใดสามีผูกพันธ์ มีจิตคิดกระสัน
ประสงค์จำนงในนาง  
๏ แม้รู้อย่าทำรานทาง กล่าวคำให้ระคาง
ระบัดระเบียดเสียดสี  
๏ อดออมถนอมใจดี ค่อยพูดพาที
ประเล้าประโลมภายหลัง  
๏ ไฟลุกอย่าเอาเผาอัง จักไหม้พองพัง
ให้ดับด้วยสายชลธี  
๏ หวงหึงริษยาราวี จักเกิดด่าตี
วิวาทบาดใจในกัน  
๏ ประเวณีเป็นที่สำคัญ ดุจดังเพลิงกัลป์
จักเผาซึ่งโลกโลกา  
๏ รักใดไป่รักเท่ากาม์ มืดมิดโมหา
ไป่คิดชีวิตวางวาย  
๏ ลางนางบ้างผูกคอตาย กินยาพิษวาย
ชีวิตบ่คิดอินทรีย์  
๏ ลางนางด่าว่าราวี ราวกับทาสี
ตะกุยตะกายกัดกัน  
๏ ตบต่อยแย่งยื้อยืนยัน ราวีตีรัน
ประเจิดประจานตัวเอง  
๏ ใช่ผัวเขาจักกลัวเกรง เขายิ่งข่มเหง
ให้เจ็บให้ช้ำร่ำไป  
๏ หญิงดีมีอัธยาศัย ตั้งจิตตนไว้
ให้เป็นท่ามกลางอุเบกขา  
๏ ตามใจสามีปรีดา พลอยมีเสน่หา
เมียน้อยมันเหมือนน้องนาง  
๏ พูดจาอย่าให้เคืองระคาย เอาใจไว้พลาง
กันคนติฉินนินทา  
๏ เมื่อมันมีจิตอหังการ์ ล่วงเกินอิจฉา
ไม่เจียมเสงี่ยมใจตน  
๏ บอกให้ผัวรู้ยุบล สองหนสามหน
ทีหลังอย่าไว้แม่มัน  
๏ ถ้าผัวมัวเมาเข้ากัน จิตคิดบิดผัน
ไปอยู่กับหมู่ญาติกา  
๏ นานนานจึงเวียนไปมา อย่าทิ้งภัสดา
ระวังระไวไปพลาง  
๏ สามีมีจิตจืดจาง จักเห็นคุณนาง
กลับรักภิรมย์สมสมัย  
๏ ชั่วดีนี้สุดแต่ใจ อาฌาอาศัย
ไว้เป็นที่ตั้งบังควร  
๏ อย่าให้ผัวร้างแรมสงวน จักเสียศรีนวล
อนงค์เป็นพงศ์ผู้ดี  
๏ หญิงใดแรมร้างสามี เปรียบเหมือนมาลี
ไม่มีเจ้าของหวงแหน  
๏ สำหรับผึ้งต่อตัวแตน เบียนบ่อนซ้อนแกน
ก็โรยไป่รื่นรสสุคนธ์  
๏ ทาแป้งแต่งเกินสกนธ์ สำหรับคำคน
จักเคาะจักข้อนนินทา  
๏ แหวนดีจักมีราคา เพราะหัวจินดา
ประดับสำหรับธำมรงค์  
๏ ราชรถย่อมงามเพราะธง กวัดไกวงามยง
ก็เรืองประยศทศไตร  
๏ สระบัวเปี่ยมน้ำเย็นใส เป็นที่ชื่นใจ
แก่ฝูงมัจฉาวารี  
๏ เพลิงพลุ่งมีเปลวอัคคี จักรุ่งเรืองศรี
สว่างกระจ่างแจ่มแสง  
๏ นารีมีคู่สู่แสวง คนย่อมยำแยง
บห่อนจักเย้ยไยไพ  
๏ ผัวร้างแรมจิตพิสมัย จักตรมตรอมใจ
เทวษบ่เว้นวายวัน  
๏ ผัวรักร่วมเรียงเคียงขวัญ พักตร์ผ่องเพียงจันทร์
จรัสจรูญเรืองฉาย  

กาพย์สุรางคนางค์ ๒๘

  ๏ แม้ผู้มีปรีชา ฟังคำวัจนา เสกสรรบรรยาย
จักมีศรีสวัสดิ์ จำรัสเพริศพราย ฝูงชนทั้งหลาย จักซ้องสาธุการ
  ๏ ถ้าว่าตัวดี แม้มีบุตรี เอี่ยมองค์นงคราญ
จักได้สั่งสอน ให้อ่อนพจมาน กิริยาอาการ เหมือนดังมารดา
  ๏ แม้แม่เสเพล ลูกเก่งเกเร สอนยากนักหนา
จักว่ามันนัก มันจักโกรธา ย้อนเอามารดา ให้ได้อัประมาณ
  ๏ ลูกร้ายใจชั่ว มันไม่รักตัว คบชู้สาธารณ์
เขาตินินทา ว่าทุกประการ ว่าอีหน้าด้าน เหมือนดังแม่มัน
  ๏ ไม่ชั่วแต่ลูก เขาด่ามาถูก ถึงแม่ทุกวัน
เพราะแม่ไม่ดี บุตรีใจฉกรรจ์ สืบพืชสืบพันธุ์ พากันยุ่งไป
  ๏ เขาจักขอสู่ เขาย่อมแลดู พงศ์พันธุ์ผู้ใหญ่
ดูช้างดูหาง เยี่ยงอย่างกวัดไกว ดูนางเล่าไซ้ ให้ดูมารดา
  ๏ หญิงไม่มีพ่อ ถึงงามลออ ดังเทพธิดา
ชายสูงตระกูล จำรูญพักตรา เขาไม่ปรารถนา สู่สมชมนาง
  ๏ แม้ผู้มีปรีชา ฟังคำวัจนา เสกสรรบรรยาย
จักมีศรีสวัสดิ์ จำรัสเพริศพราย ฝูงชนทั้งหลาย จักซ้องสาธุการ
  ๏ คติอันนี้ สำหรับสตรี มีแต่ก่อนปาง
รุ่นสาวสุริย์วงศ์ เอวองค์สำอาง จัดเป็นสามอย่าง ชั่วดีมีมา
  ๏ ที่เขาสู่ขอ พ่อแม่ยกยอ แต่งการวิวาห์
ทุนสินหอห้าง ตามอย่างมารดา ไม่อายพักตรา จัดเป็นอย่างดี
  ๏ ที่รักกันเอง มิได้ครื้นเครง ลอบชมสมศรี
ติดตามชายไป ถือใจว่าดี ใจหญิงอย่างนี้ จัดเป็นอย่างกลาง
  ๏ ที่ชั่วกว่านั้น โลโภโมหัน ใจมันกระดางลาง
ศาลาอาศัย ปลูกไว้ริมทาง มิให้ชายหมาง รักทั่วทุกคน
  ๏ มีครรภ์อ้อต้อ ไม่รู้จักพ่อ เป็นลูกกลางถนน
ผู้หญิงอย่างนี้ อัปรีย์ยิ่งคน เขาเรียกอีป่น ชั่วจนมรณา
  ๏ สามอย่างนี้ไซ้ ใครรักอย่างไหน ตามใจเถิดหนา
รักดีได้ดี ไม่มีคระหา รักชั่วมัวหน้า เขาด่าจนตาย
  ๏ ลางคนแม่หม้าย ได้ลูกเขยไว้ เป็นผัวแม่ยาย
พี่เมียน้องเมีย ไกล่เกลี่ยเรี่ยราย หึงกันวุ่นวาย ไม่อายพักตรา
  ๏ ผู้หญิงอย่างนี้ อาภัพอัปรีย์ ชั่วนักชั่วหนา
ไม่ใช่จักแกล้ง แต่งคำนินทา เห็นอยู่แก่ตา ฟ้าผ่าจริงจริง
  ๏ แม้ผู้มีศักดิ์ อย่าทำทรลักษณ์ เหมือนน้ำใจหญิง
รักนวลสงวนหน้า วงศาอย่าประวิง จักงามเพริศพริ้ง เป็นภูมิผู้ดี
  ๏ ถึงผัวตกไร้ ยากเย็นเข็ญใจ อย่าเอาตัวหนี
ผัวยากเมียยาก ลำบากแสนทวี ผัวมีเมียมี ภักดีต่อกัน
  ๏ จงมีศรัทธา ได้ของอะไรมา เปรี้ยวเค็มหวานมัน
จงแบ่งทำบุญ เพิ่มพูนสมสรรค์ กรวดน้ำรำพัน ให้แก่ญาติกา
  ๏ อุตส่าห์ถือศีล ให้เป็นอาจิณ หมั่นฟังเทศนา
เห็นคนยากไร้ มีใจศรัทธา ข้าวน้ำผักปลา กรุณาให้ทาน
  ๏ อย่าเข้าบ่อนใหญ่ เล่นโปชนไก่ ทำใจสามานย์
เป็นหญิงนักเลง เล่นเพลงเสงการ ปากกล้าหน้าด้าน ประจานกายตน
  ๏ อย่าเป็นละคร เที่ยวเล่นเที่ยวฟ้อน ทุกแห่งทุกหน
เป็นหญิงไม่อาย ผู้ชายเข้าปน จับจูบลูบสกนธ์ ให้หม่นหมองศรี
  ๏ อย่าร้องสักวา ดอกสร้อยมาลา ทับโทนมโหรี
หากินกับบ้าน งานการจงดี รักษาอินทรีย์ อย่าได้ไปไกล
  ๏ อย่าลงคงคา ช้อนกุ้งช้อนปลา น่าอายสุดใจ
เก็บผักมาขาย ได้เฟื้องได้ไพ หากินเป็นไร ไม่บาปไม่กรรม
  ๏ ด้วยตัวเป็นหญิง กับข้าวทุกสิ่ง ให้รู้จักทำ
รู้ต้มรู้แกง ของแห้งของน้ำ ผักพล่าปลายำ ทำให้ดีดี
  ๏ รู้เย็บผ้าสงฆ์ จีวรสบง กระทงใบศรี
รู้ปักรู้พวง สร้อยสรวงมาลี จีบพลูบุหรี่ ฟั่นธูปฟั่นเทียน
  ๏ ให้รู้ทอผ้า บัวดอกเมล็ดงา ม่วงไหมให้เนียน
แกะประจำกัน สารพรรณวาดเขียน ให้นางมีเพียร เรียนรู้วิชา
  ๏ รู้หนังสือไทย ขัดเข้าจักได้ อ่านตำรายา
ได้อ่านสวดมนต์ เล่าบ่นคาถา ตามแต่ปัญญา เป็นทางนิพพาน
120      
  ๏ เป็นลูกผู้ดี รู้ไว้ถ้วนถี่ คดีการงาน
ดีกว่าร่ำเร่อ พร่ำเพ้อป่วยการ แก่จนนมยาน ไม่รู้แกงกิน
  ๏ ไม่จำคำสอน ทำแสนแง่แสนงอน ผัดหน้าทาขมิ้น
พ่อแม่เรียกใช้ ทำไม่ได้ยิน ดัดจริตดีดดิ้น ยกคอล่อชาย
  ๏ ห่มผ้าพลัดไพล่ เต้นมาเต้นไป ทำได้ไม่อาย
ส่งเสียงจะแจ้ว ลอยหน้าจนหงาย ห่มสีนุ่งลาย กรีดกรายเที่ยวไป
  ๏ ลางคนใจชั่ว ไม่อยากมีผัว เป็นห่วงเป็นใย
เที่ยวเล่นตามสนุก เป็นทุกข์เมื่อไร หาเฟื้องหาไพ กินเล่นตามสบาย
  ๏ พอออกจากเรือน ผู้ชายเป็นเพื่อน เที่ยวเดือนหงายหงาย
แรมร้อนนอนค้าง โรงห้างผู้ชาย ประเดี๋ยวคว่ำประเดี๋ยวหงาย ไม่อายพักตรา
  ๏ ผู้หญิงอย่างนี้ เชื้อชาติกาลี ไม่ดีเลยนา
จักขึ้นเรือนไหน เขาไม่เจตนา พี่น้องวงศา ขายหน้าอัประมาณ
  ๏ ลูกมีตระกูล อย่าทำทารุณ ดูเยี่ยงหญิงพาล
ค่อยมาค่อยไป อยู่ให้นานนาน ทำบุญให้ทาน จงตั้งศรัทธา
  ๏ เดชะบารมี ขอให้ข้านี้ ได้คู่เสน่หา
ผู้ชายเฉลียวฉลาด เปรื่องปราชญ์ปรีชา ที่มีกิริยา เป็นภูมิผู้ดี
  ๏ แม้คนสกปรก ชาติเปรตเศษนรก ใจร้ายราวี
อย่าได้กล้ำกราย จงหน่ายแหนงหนี ขอคนที่ดี เป็นที่รักเอย


[๑] คัดและตรวจสอบชำระจากเอกสารสมุดไทย เลขที่ ๑๓ หมวดวรรณคดี หมู่กลอนสุภาษิตและคำสอน สำนักหอสมุดแห่งชาติ

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ