- คำนำ
- นิทานเรื่องไชยเชฐ เรื่องต้นก่อนตอนที่ทรงพระราชนิพนธ์เปนบทลคร
- บทลครเรื่องไชยเชฐ
- นิทานเรื่องสังข์ทอง เรื่องต้นก่อนตอนที่ทรงพระราชนิพนธ์เปนบทลคร
- บทลครเรื่องสังข์ทอง
- นิทานเรื่องไกรทอง เรื่องตอนต้น ก่อนตอนที่ทรงพระราชนิพนธ์เปนบทลคร
- บทลครเรื่องไกรทอง
- กลอนตำนานเรื่องพระราชนิพนธ์ไกรทอง
- นิทานเรื่องมณีพิไชย เรื่องตอนต้น ก่อนตอนที่ทรงพระราชนิพนธ์เปนบทลคร
- บทลครเรื่องมณีพิไชย ตอนพราหมณ์ยอพระกลิ่นขอพระมณีพิไชยไปเปนทาษ
- นิทานเรื่องมณีพิไชย ตอนปลาย ต่อเรื่องตอนทรงพระราชนิพนธ์เปนบทลคร
- นิทานเรื่องคาวี (เรียกอิกอย่างหนึ่งว่าเรื่องเสือโค) เรื่องตอนต้น ก่อนตอนที่ทรงพระราชนิพนธ์เปนบทลคร
- บทลครเรื่องคาวี
- เพลงยาวชมพระราชนิพนธ์
- นิทานเรื่องสังข์ศิลป์ไชย เรื่องก่อนตอนที่ทรงพระราชนิพนธ์เปนบทลคร
- บทลครเรื่องสังข์ศิลป์ไชย
- นิทานเรื่องสังข์ศิลป์ไชยตอนปลาย ต่อเรื่องตอนทึ่ทรงพระราชนิพนธ์บทลคร
ตอนที่ ๑ นางสุวิญชาถูกขับไล่
ช้า
๏ เมื่อนั้น | องค์พระไชยเชฐเรืองศรี |
แต่มาอยู่ป่าพนาลี | ได้เจ็ดราตรีทิวาวัน |
ให้หมอเถ้าเอาช้างไปเที่ยวค้น | ทุกตำบลโป่งป่าพนาสัณฑ์ |
ไม่ประสบพบช้างตัวสำคัญ | จนสิ้นแดนเหมันต์ภารา |
ฯ ๔ คำ ฯ
ปีนตลิ่ง
๏ เมื่อพระมเหษีจะมีเหตุ | ให้เขม่นไนยเนตรทั้งซ้ายขวา |
พระทอดถอนหฤไทยไปมา | หวนรำฦกตรึกตราถึงเวียงวัง |
สงสารสุวิญชาโฉมศรี | เทวีมีครรภ์อยู่ข้างหลัง |
จะประสูตรลูกแก้วแล้วฤๅยัง | ไม่มีที่หวังที่ไว้ใจ |
นางก็ไร้สุริวงศ์พงศ์เผ่า | ใครจะเอาใจดูหูใส่ |
จำจะเลิกพหลพลไกร | กลับคืนเข้าไปยังภารา |
ฯ ๖ คำ ฯ
ร่าย
๏ คิดพลางทางสั่งเสนี | จงตระเตรียมโยธีทั้งซ้ายขวา |
เร่งรัดผูกช้างผูกม้า | จะคืนเข้าภาราเวลานี้ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | เสนีรับสั่งใส่เกษี |
ออกมาจัดกันทันที | พร้อมเสร็จดังมีพระบัญชา |
ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา
๏ เมื่อนั้น | องค์พระไชยเชฐก็หรรษา |
จึงสระสรงทรงเครื่องสุคนธา | ทรงมหาภูสิตพรายพรรณ |
ครั้นเสร็จเสด็จบทจร | ขึ้นทรงอัศดรผายผัน |
ให้ยกพวกพลช้างดั้งกัน | คืนเข้าเหมันต์ธานี |
ฯ ๔ คำ ฯ กราวนอก เชิด
๏ ครั้นถึงจึงประทับม้าทรง | เสด็จลงเกยแก้วมณีศรี |
พอสิ้นแสงสนธยาราตรี | จรลีเข้ายังวังใน |
ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ
๏ เมื่อนั้น | เจ็ดนางนารีศรีใส |
แจ้งเหตุว่าเสด็จมาแต่ไพร | ดีใจเปรมปริ่มยิ้มพราย |
ชวนกันอาบน้ำทาแป้ง | จัดแจงแต่งตัวเฉิดฉาย |
นุ่งยกห่มตาดนาดกราย | ผันผายไปเฝ้าพระภูมี |
ฯ ๔ คำ ฯ เพลงช้า
๏ เมื่อนั้น | องค์พระไชยเชฐเรืองศรี |
เห็นนางสาวสรรค์มาอัญชลี | จึงปราไสนารีทั้งเจ็ดคน |
พี่จากน้องไปคล้องคชสาร | ทรมานนอนป่าพนาสณฑ์ |
เช้าค่ำรำฦกถึงนฤมล | เจ้าอยู่ดีทุกคนฤๅฉันใด |
อันนางสุวิญชานงเยาว์ | พี่ฝากฝังให้เจ้าเอาใจใส่ |
ครรภ์นางก็แก่แต่วันไป | เปนกะไรคลอดลูกแล้วฤๅยัง |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | เจ็ดนางทูลไปดังใจหวัง |
ข้าทุกข์แทนนฤมลพ้นกำลัง | เปนธุระระวังนั่งรำพึง |
พอวันหนึ่งนางคลอดโอรสา | ก่อนน่าพระเสด็จเข้ามาถึง |
รูปร่างพริ้งพร้อมดังกล่อมกลึง | งามแม้นเหมือนหนึ่งเทวดา |
ฯ ๔ คำ ฯ เจรจา
๏ เมื่อนั้น | พระไชยเชฐฟังคำที่ร่ำว่า |
เห็นทั้งท่อนไม้ใส่พานมา | ผ่านฟ้านิ่งอึ้งตลึงตไล |
เสน่ห์นางเจ็ดคนเข้าดลจิตร | จะทันพิจารณาก็หาไม่ |
ให้ชิงชังสุวิญชาแล้วว่าไป | จะเลี้ยงไว้ทำไมในธานี |
ว่าพลางทางขยับจับพระขรรค์ | หมายจะไปห่ำหั้นบั่นเกษี |
ลงจากแท่นแค้นใจจรลี | เจ็ดนางนารีก็ตามไป |
ฯ ๖ คำ ฯ เสมอ
๏ ครั้นถึงจึงเห็นนางสุวิญชา | ยิ่งโกรธาหุนหันมันไส้ |
กระทืบบาทกึกก้องทั้งห้องใน | ชี้หน้าว่าไปกับนงลักษณ์ |
เสียแรงเราชุบเลี้ยงถึงเพียงนี้ | ควรฤๅมีลูกอ่อนเปนท่อนสัก |
ให้อับอายขายหน้านักหนานัก | สิ้นรักใคร่กันแล้ววันนี้ |
แม้นเลี้ยงไว้ในเมืองจะเลื่องฦๅ | ขึ้นชื่อว่าเปนเมียเสียศักดิ์ศรี |
ชอบแต่สังหารผลาญชีวี | ภูมีฮึดฮัดขัดแค้นใจ |
ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา
โอ้
๏ เมื่อนั้น | สุวิญชาตัวสั่นหวั่นไหว |
กรรแสงพลางทางทูลภูวไนย | เขาจะคิดอย่างไรเมียไม่รู้ |
แต่แรกเจ็บท้องร้องครวญคราง | เจ็ดนางมานั่งหนุนหลังอยู่ |
แล้วขับไล่ข้าไทมิให้ดู | เมียไม่รู้ทันเท่าเขาคิดคด |
นางว่าข้าไม่เคยจะคลอดลูก | เอาผ้าผูกพันตาเสียมืดหมด |
เมื่อแรกประสูตรพระโอรส | เสียงร้องปรากฎเหมือนเสียงคน |
บัดนี้ลูกอ่อนเปนท่อนไม้ | เพราะเขาปิดตาไว้ไม่เห็นหน |
พระองค์จงคิดดูเล่ห์กล | ลูกคนใครห่อนเปนท่อนไม้ |
เมื่อฟังคำข้างเดียวมาเกรี้ยวโกรธ | จะลงโทษน้องรักให้ตักไษย |
เมียจะผินภักตราไปหาใคร | ร่ำพลางสอื้นไห้ไปมา |
ฯ ๑๐ คำ ฯ โอด
ร่าย
๏ เมื่อนั้น | พระไชยเชฐฟังคำจึงซ้ำว่า |
เหม่เหม่ดูดู๋สุวิญชา | ยังขืนกลับมาว่าเขาพาโล |
ยักเยื้องพูดจาสารพัด | เจ้าสำบัดสำนวนกวนโมโห |
เมื่อลูกเปนท่อนไม้ไอ้กะโต | ข้ามิใช่ชายโง่จะงงงวย |
เจ็ดนางรักเจ้าเรารู้แจ้ง | ว่าเขาแกล้งใส่ไคล้ไม่เห็นด้วย |
อย่าพักทำกำสรดระทดระทวย | จะมอดม้วยไม่ทันรุ่งพรุ่งนี้ |
ว่าพลางทางเรียกเสนา | ใครอยู่บ้างข้างหน้าเข้ามานี่ |
จงเอาตัวสุวิญชากาลี | ไปประหารชีวีให้วายปราณ |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | เสนาคำนับรับบรรหาร |
เข้าผูกรัดมัดมือเยาวมาลย์ | ลนลานรีบพาออกมาพลัน |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | สุวิญชาตระหนกอกสั่น |
เหลียวดูภัศดาแล้วจาบัลย์ | ครวญคร่ำรำพรรณวิงวอน |
ฯ ๒ คำ ฯ
โอ้
๏ โอ้ว่าพระองค์ทรงเดช | โปรดเกษหยุดยั้งมั่งก่อน |
พระจะให้ห่ำหั่นบั่นรอน | โทษกรน้องนี้ไม่มีเลย |
ช่างเชื่อแต่เจ็ดนางไปข้างเดียว | ไม่แลเหลียวดูมั่งนั่งนิ่งเฉย |
แต่ก่อนร่อนชะไรก็ไม่เคย | อกเอ๋ยน้องคิดเห็นผิดใจ |
นางวิ่งเข้ากอดบาทภัศดา | ขอโทษกรวอนว่ากราบไหว้ |
เสนาเข้าคร่าเอาตัวไป | อรไทยครวญคร่ำร่ำโศกา |
ฯ ๖ คำ ฯ โอด เชิด
ร่าย
๏ ครั้นออกมานอกทวารวัง | พอเห็นพี่เลี้ยงนั่งอยู่พร้อมหน้า |
นางร้องเรียกไปมิได้ช้า | เชษฐาโปรดด้วยช่วยน้องไว้ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | สี่พี่เลี้ยงย่างเหย่าเข้ามาใกล้ |
เห็นเขาจูงสุวิญชาพาไป | ตกใจตัวสั่นเข้ากั้นกาง |
พวกเสนาว่าหลีกไปให้พ้น | ต่างคนฮึดฮัดขัดขวาง |
พระพี่เลี้ยงชิงไว้ไม่ละวาง | แล้วถามว่าโทษนางเปนอย่างไร |
ฯ ๔ คำ ฯ เจรจา
๏ ครั้นรู้แน่ตระหนักประจักษ์ความ | จึงห้ามเสนาว่าไม่ได้ |
ถ้าแม้นขืนฆ่าฟันให้บรรไลย | นานไปเราร่อยจะพลอยตาย |
ท่านจงหยุดยั้งรั้งรอ | ข้าจะไปทูลขอนางโฉมฉาย |
มิให้ม้วยมอดวอดวาย | ว่าแล้วสี่นายจรลี |
ฯ ๔ คำ ฯ เสมอ
๏ ครั้นถึงจึงคลานเข้าไปเฝ้า | ก้มเกล้าประนตบทศรี |
กราบทูลไปพลันทันที | พระภูมีเปนไฉนจึงใจเบา |
ธรรมดาลูกอ่อนเปนท่อนไม้ | มีมั่งฤๅไม่แต่ก่อนเก่า |
แต่เพียงนี้มิรู้ดูเอา | ยิ่งกว่ามัวเมามึนตึง |
ธรรมดาเมียหลวงกับเมียน้อย | ย่อมคอยหยิบผิดคิดหวงหึงษ์ |
ช่างไม่ตรองตรึกให้ฦกซึ้ง | เหมือนไม่รู้ถึงทันเมีย |
ล้วนเหล่าฤษยาเปนอารมณ์ | มีแต่จะเรียกลมให้เรือเสีย |
ทั้งเล่ห์กลกระทำยำเยีย | จะให้เขาผัวเมียได้รำคาญ |
ถึงว่านางจะเปนเช่นนั้นไซ้ | ก็ยังไม่ควรสั่งให้สังหาร |
รู้ถึงสิงหฬมิเปนการ | จะมาผลาญเสียสิ้นทั้งเหมันต์ |
มนุษย์ฤๅจะสู้กับหมู่ยักษ์ | จะเคี้ยวเล่นเปนผักไม่พักหั่น |
พระองค์จงโปรดยกโทษทัณฑ์ | อย่าให้ชีวันนางมอดม้วย |
ฯ ๑๒ คำ ฯ เจรจา
สามเส้า
๏ เมื่อนั้น | พระไชยเชฐได้ฟังก็เห็นด้วย |
จริงอยู่พี่ว่าข้างงงวย | เพราะใครใครไม่ช่วยห้ามปราม |
มีแต่จะเติมเสริมซ้ำ | จึงพลอยพล้ำเผลอไปไม่ไต่ถาม |
น้องนี้โฉดเฉาเบาความ | นี่หากว่าพี่ห้ามจึงได้คิด |
ถ้าสิงหฬรู้ไปที่ไหนนั่น | จะพากันย่อยยับดับจิตร |
ใครจะออกต่อต้านทานฤทธิ์ | น่าที่ชีวิตรจะม้วยมรณ์ |
ตายแล้วฤๅยังอยู่สุวิญชา | กลับไปให้หาเข้ามาก่อน |
อย่าให้ห้ำหั่นบั่นรอน | ทำโทษโรธกรเยาวมาลย์ |
ฯ ๘ คำ ฯ เจรจา
ร่าย
๏ เมื่อนั้น | เจ็ดนางนั่งฟังอยู่ในม่าน |
ได้ยินสี่พี่เลี้ยงทูลทัดทาน | ว่าขานเปนแยบก็แปลบใจ |
นิ่งอยู่ดูเห็นจะเปนรอง | ชวนกันเผยม่านทองสองไข |
โกรธาชี้หน้าแล้วว่าไร | นี่อะไรมากลุ้มรุมชิงชัง |
ชิชะท่านสารพัดรู้ | มาข่มขู่ตะคอกหลอกผู้หญิง |
ลิ้นลมคมสันขยันจริง | พูดแยบแอบอิงสอพลอพลอย |
ฤๅทั้งสี่แจ้งใจว่าใครทำ | จึงพิดทูลปรักปรำให้ยับย่อย |
ช่างซื้อหน้ามาเฝ้าทูลตะบอย | ข้าสิน่ากลัวน้อยไปเมื่อไร |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | พระพี่เลี้ยงเคืองขัดอัชฌาไศรย |
จึงว่าข้าทูลขออรไทย | กลการอะไรมาโกรธฟุ้ง |
ชาติวัวระวังสันหลังขาด | เห็นแต่กาบินผาดก็สดุ้ง |
เรารู้อยู่เต็มใจในไส้พุง | อย่าหยาบยุ่งกรุ่งกริ่งเจรจา |
หากว่าภูวไนยไม่ให้ถาม | นางรูปงามจึงออกมาลอยหน้า |
แม้นทรงฤทธิ์ให้เราพิจารณา | ที่ไหนเจ้าจะมาท้าทายอึง |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | เจ็ดนางพิโรธโกรธขึ้ง |
จึงร้องว่าอย่าพักรำพึง | ข้าไม่อยากพรั่นพรึงทั้งสี่นาย |
จะถามไถ่อย่างไรก็ถามกัน | ที่จะเปนเช่นนั้นอย่านึกหมาย |
มาช่วยกันแก้หน้าว่าไม่อาย | เที่ยวเอาความร้ายมาบ้ายทา |
ทั้งสี่นี้ดูเหมือนงูงอด | จะคอยมองย่องตอดกระมังหนา |
เมื่อลูกเปนท่อนสักประจักษ์ตา | ยังจะแค่นมีหน้าว่ากั้นกาง |
ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา
สมิงทองไทย
๏ เมื่อนั้น | พระไชยเชฐนิ่งฟังทั้งสองข้าง |
ผลกรรมจำให้เริศร้าง | พระเคืองข้องหมองหมางในอารมณ์ |
ฟังสี่พี่เลี้ยงก็เห็นชอบ | ฟังเจ็ดนางตอบก็เห็นสม |
เห็นชอบเปนผิดคิดนิยม | ด้วยว่าอาคมเข้าดลใจ |
พระตรัสห้ามความเสียทั้งสองข้าง | จะถากถางเถียงกันหาควรไม่ |
อันนางสุวิญชานั้นไซ้ | พี่ขอชีวิตรไว้ก็ตามที |
แต่ตัวมันนั้นอัประมงคล | เร่งขับไปให้พ้นจากกรุงศรี |
อย่าให้มานั่งเฝ้าเซ้าซี้ | แม้นช้าชีวีจะบรรไลย |
ฯ ๘ คำ ฯ เจรจา
ร่าย
๏ เมื่อนั้น | สุวิญชาได้ฟังนั่งร้องไห้ |
โศกศัลย์รันทดสลดใจ | ทรามไวยไม่เปนสมประดี |
ดังหนึ่งจะพินาศขาดจิตร | สุดสิ้นชีวิตรลงกับที่ |
นางเข้ากอดบาทาพระสามี | โศกีครวญคร่ำร่ำไร |
ฯ ๔ คำ ฯ โอด
โอ้
๏ โอ้ว่าพระทูลกระหม่อมแก้ว | จะขับเมียเสียแล้วฤๅไฉน |
พระเคืองข้องน้องผิดด้วยสิ่งไร | ภูวไนยไม่ทรงพระเมตตา |
ถึงกะไรไต่ถามความสักนิด | ถ้าแม้นผิดแล้วก็ตามแต่โทษา |
นี่ทรงฤทธิ์ไม่พิจารณา | ชรอยกรรมเวราของน้องนี้ |
เมื่อเมียได้กุมภามาเลี้ยงไว้ | ก็จากเวียงไชยไปในไพรศรี |
มาเปนบาทบริจาพระสามี | พอประจบครบปีจะจำไกล |
เที่ยงนางกลางคืนถึงเพียงนี้ | จะเดินดงพงพีกะไรได้ |
ตัวเปนผู้หญิงจะวิ่งไป | หนทางกลางไพรพนาดร |
โปรดให้เมียพักแต่สักคืน | พออยู่ไฟอยู่ฟืนเสียน่อยก่อน |
ร่ำพลางนางคิดอาวรณ์ | สองกรข้อนทรวงเข้าโศกา |
ฯ ๑๐ คำ ฯ โอด
ร่าย
๏ เมื่อนั้น | พระไชยเชฐฟังคำที่ร่ำว่า |
ยิ่งมีโมโหโกรธา | จึงร้องด่าสำทับขับไป |
เหม่อีอัปรีทรลักษณ์ | มึงอย่างพักมานั่งร้องไห้ |
ยังขืนขัดผัดวันขออยู่ไฟ | หัวจะขาดปลิวไปไม่ทันรู้ |
อย่าว่าแต่คืนหนึ่งถึงครู่เดียว | พระอินทร์มาเขียวเขียวไม่ให้อยู่ |
เร่งไปให้พ้นบ้านเมืองกู | ค่ำมืดไม่รู้ไม่เข้าใจ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | วิฬาร์ฟังว่าน่ามันไส้ |
เจ็บจิตรสุดที่จะคิดไป | น้อยใจเปนพ้นคณนา |
ถึงโศกีก็ไม่มีใครเอนดู | ยังจะอยู่เอาอะไรให้เร่งว่า |
จึงวิ่งเข้าแย่งยุดฉุดมือมา | ไปภาราเราเถิดนะทรามไวย |
เมื่อพลัดพรากจากเมืองมาคราวแล้ว | แต่หม่อมแม่กับอีแมวยังมาได้ |
ดึกดื่นคืนค่ำค่อยคลำไป | ร้องไห้ไยให้เสียน้ำตา |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | สุวิญชาตอบคำวิฬาร์ว่า |
ข้าก็รู้อยู่สิ้นแล้ววิฬาร์ | ท่านไม่เมตตาจึงขับไป |
เมื่อความผิดนิดหนึ่งก็ไม่มี | คิดแค้นเท่านี้จึงร้องไห้ |
วิฬาร์อย่าเพ่อคลาไคล | ทรามไวยวิ่งกลับคืนมา |
โอ้
๏ ยอกรก้มกราบกับตีนผัว | พ่อทูนหัวจงโปรดเกษา |
ซึ่งว่าโทษตัวน้องชั่วช้า | พระจงพิจารณาให้แจ้งใจ |
นี่ไม่ถามความเลยมาเฉยเสีย | พระจะดูหน้าเมียก็หาไม่ |
ว่าพลางนางทรงโศกาไลย | อรไทยพ่างเพียงจะมรณา |
ฯ ๔ คำ ฯ โอด
ร่าย
๏ บัดนั้น | วิฬาร์น้อยใจเปนนักหนา |
คิดแค้นแล่นไปด้วยโกรธา | ฉุดมือนางมาแล้วว่าไป |
คิดบ้างเปนไรในสวนขวัญ | หนียักษ์ตัวสั่นดังลูกไก่ |
จักระแหล่นชีวันจะบรรไลย | ยังแต่ลมหายใจอยู่รวยรวย |
ไม่พบเราบ่าวนายก็ตายแล้ว | พูดอ้อนวอนแมวให้ช่วยด้วย |
ทีนี้แทนคุณให้ที่ไม่ม้วย | ทั้งเจ้าข้ารื่นรวยบริบูรณ์ |
เสียแรงรักภักดีสุจริต | แทบจะเอาชีวิตรมาสาบสูญ |
อนิจาอาภัพลับเหมือนปูน | หม่อมเมียท่านทูลท่านเชื่อกัน |
ว่าพลางพานางลีลาศ | ลงจากปราสาทเฉิดฉัน |
วิฬาร์นำน่าจรจรัล | นางโศกศัลย์ดำเนินเดินมา |
ฯ ๑๐ คำ ฯ ทยอย
๏ เมื่อนั้น | พระไชยเชฐผันแปรแลหา |
เห็นโฉมงามเดินตามหลังวิฬาร์ | ให้คืนคิดเมตตาอาไลย |
ความรักหักห้ามโมโหหาย | แสนเสียดายไม่กลั้นน้ำตาได้ |
นี่เนื้อว่าเวรกรรมได้ทำไว้ | จึงเกิดเข็ญเปนไปถึงเพียงนี้ |
เสียทีเพียรพากลำบากกาย | ปิ้มจะตายเพราะมิ่งมารศรี |
ได้สมสองครองกันพอครบปี | จะมาจากอกพี่ไปทั้งรัก |
นิจาเอ๋ยเดินพลางร้องไห้พลาง | สงสารนางนักหนาน่าอกหัก |
จะเรียกกลับอับอายเสนานัก | พระทรงศักดิ์อักอ่วนป่วนใจ |
ไม่มีศุขผุดลุกผุดนั่ง | ร้อนรุมคลุ้มคลั่งดังเพลิงไหม้ |
แต่รัญจวนครวญคร่ำร่ำไร | ภูวไนยโศกาจาบัลย์ |
ฯ ๑๐ คำ ฯ โอด
๏ เมื่อนั้น | สุวิญชามิใคร่จะผายผัน |
กรรแสงพลางทางลงอัฒจันท์ | แว่วเสียงโศกศัลย์สดุ้งใจ |
จึงยืนยั้งฟังศัพทสำเนียง | ได้ยินเสียงผัวรักร้องไห้ |
นางตีอกฟกช้ำร่ำไร | ทรามไวยวิ่งกลับคืนมา |
ฯ ๔ คำ ฯ โอด
โอ้
๏ ยอกรกราบลงกับเบื้องบาท | ใจจะขาดด้วยความเสนหา |
เปนกรรมตามสนองทั้งสองรา | พระจะทรงโศกาไปว่าไร |
ธรรมดาจารีตเปนกระษัตริย์ | โองการตรัสขาดแล้วไม่คืนได้ |
น้องนี้จะขอลาคลาไคล | สัญจรไปตามกรรมได้ทำมา |
นางยกบาทผัวขึ้นทูลเกษ | ชลเนตรไหลหลั่งทั้งซ้ายขวา |
ตีอกชกเกล้าเข้าโศกา | ซบกับบาทาพระสามี |
ฯ ๖ คำ ฯ โอด
ร่าย
๏ เมื่อนั้น | เจ็ดนางร้อนใจดังไฟจี้ |
เห็นนางสุวิญชามาโศกี | กลัวว่าเขาจะดีกันผัวเมีย |
คิดวิตกอกไหม้ไส้ขม | ในอารมณ์นั้นจะใคร่ให้ขับเสีย |
จึงชี้หน้าว่านางช่างทำเยีย | มาอะลิ้มอะเหลี่ยภูวไนย |
อีหน้าด้านมารยาพิรากวน | ทำกระบวนชวนผัวให้ร้องไห้ |
จะพะนึงพะเน้าเอาอะไร | ไปไปแล้ววกหกกลับมา |
คนกระลีกระลำส่ำเสีย | ให้เพื่อนเมียพลอยอายขายหน้า |
ไสหัวไปให้พ้นภารา | มึงอย่ามายียวนกวนพระไทย |
บ้างว่าน่าเกลียดเคียดค้อน | ขอดค่อนงอนว่าไม่ปราไส |
บ้างยั่วเย้าเฝ้าทูลตะบอยไป | ปรานีมันไยอีใจคด |
แต่เลือดร้ายในกายยังกอกเสีย | มานั่งนับกับเมียที่อัปรยศ |
ชั่วชาติอุบาทว์ไม่เปนรศ | เชิญเสด็จทรงยศเข้าห้องใน |
ฯ ๑๒ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | วิฬาร์ฟังว่าไม่อดได้ |
ความโกรธกระโดดโลดเข้าไป | แล้วจูงมืออรไทยออกมา |
ทำลอยหน้าลอยตาพาที | ตัวเปนทาษีแล้วมิสา |
ทั้งโหดไร้ไม่มีปัญญา | ขืนจะขึ้นแข่งหน้าว่าไม่ฟัง |
รูปร่างของตัวก็ชั่วช้า | แล้วหยูกยาอาคมก็ไม่ขลัง |
สารพัดวิบัติให้ผัวชัง | ถึงจะโปรดปรานมั่งก็เจ็บใจ |
ช่างอาภัพอับจนหม่นหมอง | จะผินพึ่งพี่น้องก็ไม่ได้ |
จึงต้องจ้างช่างทำท่อนไม้ | ไปซ่อนใส่สมหวังแล้วครั้งนี้ |
เอออะไรที่ไหนมานั่งวอน | ให้เขาค่อนแคะว่าน่าบัดสี |
มิใช่แม่แก่เถ้าเมื่อไรมี | แต่เปนหม้ายเพียงนี้ไม่น้อยใจ |
มันไม่ต้องอารมณ์สมประกอบ | ผิดชอบชั่วดีมีผัวใหม่ |
เที่ยงนางกลางคืนแม่มาไป | กลัวอะไรมืดค่ำกรรมของตัว |
จะเที่ยวหาหมอยามนตร์ดล | ทำเสน่ห์เล่ห์กลซนหาผัว |
ให้มันขลังทั้งรักทั้งกลัว | ขึ้นนั่งซังตั้งตัวเปนผู้ดี |
ฯ ๑๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | สุริยาเคืองเคียดมันเสียดสี |
จึงชี้หน้าว่าอีวิฬารี | มึงพาทีเถียงแทนช่วยแค้นเคือง |
กูจะตอบสำนวนไม่ควรคู่ | เหมือนเอาทองไปถูรู่กระเบื้อง |
ไสหัวมึงไปเสียจากเมือง | จะยักเยื้องอย่างไรเขาไม่ฟัง |
อีแมวอุบาทว์ชาติขี้ข้า | มึงไม่รู้ว่าฟ้าจะเคืองหลัง |
แม้นเจ้าข้ามิไปให้พ้นวัง | กูจะสั่งให้เขาไสคอไป |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | วิฬาร์ฟังว่าน่ามันไส้ |
จะออมอดลดละมันทำไม | ตายไหนตายไปคงให้ฦๅ |
จึงร้องว่าแน่คะหม่อมเมียเอก | อภิเศกขึ้นใหม่เมื่อไรฤๅ |
บัญชาแทนรับสั่งนั่งชี้มือ | มาออกหน้าค่าชื่อไม่อายใจ |
เจ้าสิคนสบเสียนางเมียต้น | จะฆ่าผู้ฟันคนก็ทำได้ |
มานั่งขับเหนื่อยปากลำบากใจ | เอาจับใส่หีบฝังเสียทั้งเปน |
อีพวกเหล่าเจ้าเสน่ห์เล่ห์กล | แต่ละคนใจคอไม่พอเล่น |
มันตาร้อนตาไฟมิใช่เย็น | เอาคนฝังทั้งเปนอีอัปรี |
แม้นเจ้าข้าพากันวายชนม์ | ถ้ารู้ถึงสิงหฬยักษี |
เหมันต์ก็จะหมดทั้งธานี | อสุรีเคี้ยวเล่นเปนผักไป |
ว่าพลางพานางจรลี | ลงจากปราสาทศรีที่อาไศรย |
ออกนอกพระทวารวังใน | เดินไปตามถนนธานี |
ฯ ๑๒ คำ ฯ เพลง
๏ ครั้นออกมานอกประตูเมือง | พอเรื่อเรืองรุ่งแจ้งแสงศรี |
วิฬาร์ทูลความตามคดี | เมื่อเทวีประสูตรพระโอรส |
ข้าระวังนั่งเฝ้าแฝงประตู | แอบดูเห็นแน่แก่ตาหมด |
อีทั้งเจ็ดทุจริตคิดคด | ลักองค์โอรสใส่หีบมา |
ข้าวิ่งแอบอ้อมด้อมตามไป | พอถึงต้นไทรสาขา |
มันยั้งหยุดขุดหลุมที่ฉายา | แล้วฝังหีบรีบมาเสียทันที |
ข้าไปดูที่ฝังสังเกตไว้ | จำได้สันทัดสนัดสนี่ |
ทูลพลางทางรีบจรลี | นำนางเทวีไปทันใด |
ฯ ๘ คำ ฯ เชิด
๏ ครั้นถึงพระไทรสาขา | วิฬาร์จึงแจ้งแถลงไข |
มันฝังองค์พระโอรสไว้ | อยู่ใต้ร่มไทรต้นนี้ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | นางสุวิญชาโฉมศรี |
ดีใจเปนพ้นพันทวี | ก็ขุดลงตรงที่ฝังไว้ |
ฯ ๒ คำ ฯ
ล่องเรือ
๏ ขุดไปไม่พบพระโอรส | นางกำสรดดิ้นโดยโหยไห้ |
สอื้นพลางทางถามวิฬาร์ไป | เหตุไฉนไม่พบพระลูกยา |
ฯ ๒ คำ ฯ
ร่าย
๏ บัดนั้น | วิฬาร์หลากใจเปนนักหนา |
ฤๅผีสางบังหูบังตา | มาหลอนหลอกหยอกข้าดอกกระมัง |
คิดแล้วนางแมวยกมือไหว้ | ขอให้ได้พระกุมารเหมือนใจหวัง |
เทพไทองค์ใดที่กำบัง | จะแต่งตั้งสังเวยที่ร่มไทร |
ข้าจะรำฉุยฉายถวายมือ | ให้เลื่องฦๅว่าแมวนี้รำได้ |
บนพลางทางแลดูไป | ก็เห็นหีบที่ในหลุมนั้น |
ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา ฉุยฉาย
๏ เมื่อนั้น | สุวิญชาปรีดิ์เปรมเกษมสันต์ |
เอาหีบมาเปิดฝาดูพลัน | จึงเห็นโอรสนั้นเปนชาย |
ยกพระลูกน้อยขึ้นใส่ตัก | พิศภักตร์ลักขณาเฉิดฉาย |
ทรงศรพระขรรค์สำหรับกาย | ทั้งม้ารถพรรณรายก็มีมา |
นางแสนพิศวาศพระลูกรัก | จูบภักตร์แล้วทูนเหนือเกษา |
พ่อคุณทูลหัวของมารดา | จะหาไหนได้เหมือนเช่นนี้ |
แม่คิดว่าอาสัญบรรไลย | ตามจากแม่ไปไม่เห็นผี |
ร่ำพลางทางทรงโศกี | มารศรีพ่างเพียงจะขาดใจ |
ฯ ๘ คำ ฯ โอด
๏ ครั้นสร่างโศกาปฤกษาแมว | เราพบลูกแล้วจะไปไหน |
ฤๅจะกลับหลังยังเวียงไชย | ทูลให้ทราบเบื้องบาทา |
เมียท่านทำการถึงเพียงนี้ | จะดูพระสามีพิพากษา |
เจ้าจะเห็นอย่างไรนางวิฬาร์ | จงว่ามาให้แม่แจ้งใจ |
ฯ ๔ คำ ฯ เจรจา
๏ บัดนั้น | วิฬาร์เคืองขัดอัชฌาไศรย |
จึงตอบวาจาไปทันใด | ช่างไม่อายแก่ใจฤๅไรนา |
เขาขับหนีตีด่าว่าตัวชั่ว | ยังแค่นคิดถึงผัวจะไปหา |
ไม่เจ็บจำน้ำคำอีสุริยา | มันด่าว่านั้นน้อยไปเมื่อไร |
ข้างผัวก็หลงงงงวย | เมียว่าไรว่าด้วยไม่ถามไถ่ |
จะขืนไปบอกเล่าเขาทำไม | เขาจะเชื่อที่ไหนว่าลูกตน |
เมื่อรักผัวไม่คิดถึงตัวแล้ว | อีแมวก็จะไปในไพรสณฑ์ |
จะอุส่าห์สัญจรซอนซน | กว่าจะถึงสิงหฬเวียงไชย |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | สุวิญชาฟังแจ้งแถลงไข |
แต่วิฬาร์ยังว่าน่าอายใจ | คิดมานะพระไทยขึ้นมา |
จำจะผายผันสัญจร | ไปนครสิงหฬยักษา |
แต่ขัดสนจนเสียด้วยมรคา | ไม่รู้ว่าตำแหน่งแห่งใด |
นางจึงยอกรขึ้นเพียงผม | บังคมเทวาในป่าใหญ่ |
เชิญช่วยนำข้าคลาไคล | ไปถึงเวียงไชยฉับพลัน |
ฯ ๖ คำ ฯ รัว
ยานี
๏ มาจะกล่าวบทไป | ถึงท้าวสหัสไนยรังสรรค์ |
อาศน์อ่อนร้อนเร่าดังไฟกัลป์ | เร่งคิดอัศจรรย์เปนพ้นนัก |
จึงเล็งทิพเนตรลงมา | เห็นนางสุวิญชามีศักดิ์ |
มาประสบพบองค์โอรสรัก | จะไปสู่สำนักพระบิดา |
จำกูจะให้นำไป | ถึงกรุงไกรสิงหฬยักษา |
อย่าให้นางทนทุกข์ทรมา | เวทนาแก่องค์พระกุมาร |
ฯ ๖ คำ ฯ
ร่าย
๏ จึงตรัสสั่งพระวิศณุกรรม์ | จงจรจรัลลงไปในไพรสาร |
พานางสุวิญชานงคราญ | ไปส่งถึงสถานธานี |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | พระวิศณุกรรม์เรืองศรี |
รับสั่งท้าวสุชัมบดี | บังคมลาจรลีลงมาพลัน |
ฯ ๒ คำ ฯ กลม
๏ ครั้นถึงจึงมีวาจา | เจ้าอย่าวิโยคโศกศัลย์ |
เราจะมาพานางจรจรัล | ไปส่งยังเขตรขัณฑ์เวียงไชย |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | สุวิญชานารีศรีใส |
ชื่นชมเปรมปรีดิ์ดีใจ | ยอกรบังคมไหว้เทวา |
แล้วอุ้มองค์โอรสยศยง | วางลงยังราชรถา |
พระวิศณุกรรม์ขับมา | วิฬาร์นำน่าคลาไคล |
ฯ ๔ คำ ฯ เชิด
๏ ครั้นถึงหิมวันต์บรรพต | ให้หยุดรถอยู่ริมภูเขาใหญ่ |
เห็นน้ำพุจากผาชลาไลย | อรไทยยินดีปรีดา |
จึงยกเอาลูกน้อยกลอยใจ | ลงจากพิไชยรถา |
พาไปสระสรงคงคา | วิฬาร์ก็พาเสด็จไป |
ฯ ๔ คำ ฯ ลงสรง
๏ ครั้นชำระสระสรงพระลูกแล้ว | คลาศแคล้วจากเชิงเขาใหญ่ |
นางเปลื้องภูษาผ้าสไบ | ผูกเปนเปลให้เจ้าไสยา |
กอดจูบลูกแก้วแล้วเชยชม | ค่อยวางลงบรรธมในเปลผ้า |
นอนเสียเถิดพ่ออย่าโศกา | ปลอบพลางกัลยาก็กล่อมไป |
ฯ ๔ คำ ฯ
กล่อม
๏ เจ้านอนไปเถิดแม่จะกล่อม | เจ้างามละม่อมจะไกวให้ |
ขวัญอ่อนอย่าอ้อนอาไลย | หลับไปเถิดพ่ออย่าโศกา |
แม่ลูกมีกรรมลำบาก | ต้องตกยากนอนหลับกับเปลผ้า |
นอนเสียเถิดพ่ออย่าโศกา | ปลอบพลางกัลยาก็กล่อมไป |
ฯ ๔ คำ ฯ
กล่อม
๏ เจ้านอนไปเถิดแม่จะกล่อม | เจ้างามลม่อมจะไกวให้ |
ขวัญอ่อนอย่าอ้อนอาไลย | หลับไปเถิดพ่ออย่าโศกา |
แม่ลูกมีกรรมลำบาก | ต้องตกยากนอนหลับกับเปลผ้า |
แม้นอยู่เวียงวังพระบิดา | จะไสยาอู่ทองรององค์ |
ตื่นบรรธมนางนมจะแซ่ซ้อง | ค่อยประคององค์วางในอ่างสรง |
ครั้นเห็นลูกหลับไปดังใจจง | บังอรเอนองค์ลงไสยา |
ฯ ๖ คำ ฯ ตระ
ร่าย
๏ ครั้นพระสุริยันตวันชาย | แสงสายบ่ายบังพฤกษา |
พระกุมารก็ฟื้นตื่นนิทรา | กัลยาโอบอุ้มเอามาพลัน |
โลมลูบจูบกอดให้กินนม | เชยชมรับมิ่งสิ่งขวัญ |
แล้ววางองค์ลงเหนือรถสุวรรณ | วิศณุกรรม์นำน่าพาจรลี |
ฯ ๔ คำ ฯ เชิด
๏ สุริยาสายัณห์ลงรอนรอน | ก็ถึงพระนครท้าวยักษี |
เทวาลากลับไปทันที | เทวีอุ้มลูกคลาไคล |
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด
๏ เดินพลางทางทรงโศกา | ชลนาแถวถั่งหลั่งไหล |
ชวนนางวิฬาร์ผู้ร่วมใจ | รีบไปเฝ้าองค์พระบิดา |
ฯ ๒ คำ ฯ เพลง
๏ ครั้นถึงท้องพระโรงรูจี | เทวีคิดเกรงท้าวยักษา |
ยั้งหยุดยืนแฝงทวารา | ตรึกตรองกิจจาจะเพ็ดทูล |
ฯ ๒ คำ ฯ
ช้า
๏ เมื่อนั้น | ท้าวสิงหฬราชนเรนทร์สูร |
สถิตย์เหนือแท่นรัตน์เรืองจำรูญ | พร้อมมูลข้าเฝ้าท้าวพระยา |
ว่าขานกิจการนัคเรศ | ให้เขม่นไนยเนตรทั้งซ้ายขวา |
พระยายักษ์นิ่งนึกตรึกตรา | จะได้ลาภฤๅว่าจะได้ทุกข์ |
ฯ ๔ คำ ฯ
ร่าย
๏ แต่ก่อนร่อนชะไรไม่เคยเปน | จะพูดเล่นเจรจาไม่ผาศุก |
จึงตรัสเรียกกระดานหมากรุก | มาทรงเล่นกับมุขมนตรี |
ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา
๏ เมื่อนั้น | นวลนางสุวิญชาโฉมศรี |
แอบประตูดูองค์อสุรี | เห็นท่วงทีเริงรื่นชื่นบาน |
อุ้มองค์ลูกน้อยกลอยใจ | ร้องไห้เข้าไปตรงน่าฉาน |
ก้มเกล้าประนตบทมาลย์ | นงคราญซวนซบสลบลง |
ฯ ๔ คำ ฯ โอด
๏ เมื่อนั้น | ท้าวสิงหฬเร่งคิดพิศวง |
แปลกนางสุวิญชาโฉมยง | ด้วยพระองค์ชราหูตามัว |
พิศดูเอ๊ะนี่มีธิดา | เปนไรมาสลบซบหัว |
ท้าวค่อยประคองต้องตัว | ลูบทั่วสรรพางค์นางเทวี |
ตรัสเรียกเท่าไรก็ไม่ขาน | พระยามารเรียกหมออึงมี่ |
พลางทรงนวดฟั้นให้ทันที | เสนีนิ่งได้ไม่ช่วยกู |
ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา
๏ ครั้นนางค่อยฟื้นสมประดี | เทวียังทรงกรรแสงอยู่ |
ประคอบปลอบเล้าโลมนางโฉมตรู | จะใคร่รู้เนื้อความจึงถามไป |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ จอมเอยจอมขวัญ | เหมันต์เกิดเข็ญเปนไฉน |
ฤๅผัวเจ้าเขาทำให้ช้ำใจ | ได้ลำบากยากไร้อับจน |
มีธุระอะไรนะบังอร | จึงมายังนครสิงหฬ |
เหตุไรไม่มีรี้พล | มาแต่สองคนกับอีแมว |
นี่ลูกเต้าของใครได้ไหนมา | ดูหน้าตายิ้มย่องผ่องแผ้ว |
ยังเล็กนักได้สักกี่เดือนแล้ว | ลูกแก้วจงแถลงแจ้งกิจจา |
ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา
๏ เมื่อนั้น | สุวิญชาบังคมก้มหน้า |
นางคิดพิดทูลแต่อัชฌา | ด้วยกลัวจะโกรธาพระสามี |
เดิมยกลูกให้พระไชยเชฐ | ไปจากนัคเรศยักษี |
เธอร่วมเรียงเลี้ยงลูกไว้ดิบดี | มิได้มีอาธรรม์อันใด |
เมื่อจะเกิดเหตุนั้นลูกครรภ์แก่ | เปนกรรมแต่หนหลังมาซัดให้ |
เขาบอกข่าวช้างเผือกที่ในไพร | พระสามีดีใจไปคล้องช้าง |
ข้าคลอดลูกชายภายหลัง | เพื่อนเมียมานั่งอยู่รอบข้าง |
สมคเนเล่ห์กลอีเจ็ดนาง | จะแกล้งล้างผลาญข้าให้บรรไลย |
เอาลูกน้อยนี้ใส่ในหีบผ้า | ให้ทาษาไปฝังนอกกรุงใหญ่ |
พอผัวกลับมาถึงเวียงไชย | มันเอาท่อนไม้ไปให้ดู |
พระไชยเชฐนั้นไม่ทันคิด | จำจิตรขับข้าด้วยอดสู |
อันที่ฝังลูกยาวิฬาร์รู้ | มาขุดดูได้ลูกที่ต้นไทร |
เดชะสมภารพระหลานขวัญ | เทวัญเอารถลงมาให้ |
แล้วช่วยพามาส่งถึงกรุงไกร | จงทราบใต้บาทบงสุ์พระทรงฤทธิ์ |
ฯ ๑๔ คำ ฯ เจรจา
๏ เมื่อนั้น | ท้าวสิงหฬฟังเรื่องให้เคืองจิตร |
จึงว่าชะไชยเชฐช่างไม่คิด | ถึงชอบผิดก็ควรจะบอกกู |
น้อยฤๅขับไล่ไม่ไว้หน้า | ให้พ่อตาอัปรยศอดสู |
มันเชื่อฤทธิ์จะลองฝีมือดู | เห็นว่ากูแก่เถ้าจะเข้าโลง |
เมื่อเมียมันพาลผิดฤษยา | เห็นตัวอิจฉาอยู่โต้งโต้ง |
อ้ายคนหลับตาบ้าลำโพง | โป้งโย้งพูดฮึกไม่ตรึกตรา |
งมเงาแล้วมิหนำซ้ำจองหอง | ถ้าอยู่ใกล้จะถองให้หนักหนา |
จำจะหามาถามตามกิจจา | มันจะว่าอย่างไรจะใคร่ฟัง |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | วิฬาร์แค้นคิดถึงความหลัง |
เห็นนางทูลปิดงำอำปลัง | นี่เนื้อยังรักผัวกลัวจะเคือง |
วิฬาร์ขัดใจเข้าไปทูล | ว่านางเล่าเค้ามูลไม่สิ้นเรื่อง |
พอผัวเขากลับมาถึงเมือง | มันยักเยื้องยุยงให้โกรธา |
หม่อมเมียว่าไรก็เปนนั่น | สารพันแคะไค้พิไรว่า |
ไม่ไต่ถามความพิจารณา | สั่งให้เข่นฆ่านางโฉมตรู |
หากสี่พี่เลี้ยงมาขอไว้ | ทั้งเจ้าข้าจึงได้รอดอยู่ |
เธอว่ายับขับเสียไม่เลี้ยงดู | นางผัดพอเช้าตรู่จะจรลี |
เธอยิ่งกราดเกรี้ยวเคี่ยวเข็น | ถ้าขืนอยู่ก็เห็นจะเปนผี |
ข้าจึงพานางมาในราตรี | ปิ้มชีวีจะม้วยด้วยเจ็บใจ |
ทั้งผัวเมียเขารุมกันด่าว่า | หาเกรงใต้บาทาผ่านฟ้าไม่ |
ขันคึกฮึกฮักเปนพ้นไป | ว่าจะสู้ภูวไนยไม่พรั่นพรึง |
ฯ ๑๒ คำ ฯ เจรจา
๏ เมื่อนั้น | ท้าวสิงหฬพิโรธโกรธขึ้ง |
ลุกขึ้นกระทืบบาทตวาดอึง | สุวิญชาดูดู๋มึงไม่บอกกู |
ช่างรักผัวกระไรกระนี้หนอ | ให้หม่อมพ่อไชยเชฐมาลบหลู่ |
ความโตความใหญ่พ่อไม่รู้ | หากวิฬาร์ลูกกูมันเจ็บอาย |
อัปรยศครั้งนี้เปนที่สุด | ถึงชีวิตรม้วยมุดก็ไม่หาย |
มันดูหมิ่นถิ่นแคลนกูมากมาย | จะปล่อยแก่แก้อายไม่เกรงมัน |
ชะไอ้ไชยเชฐลูกเขย | คงได้เล่นกันเหวยอย่าคึกขัน |
ขัดเขมรเปนเกลียวเคี้ยวฟัน | โจนจากแท่นสุวรรณทันที |
เขี้ยวงอกออกข้างละสามวา | ไนยนาดังแสงพระสุริย์ศรี |
สำแดงแผลงฤทธิ์อสุรี | เพียงพื้นปัถพีจะโทรมทรุด |
ฯ ๑๐ คำ ฯ คุกภาษ
๏ จับศรสพายแล่งแกว่งตระบอง | ขึ้นคาดกลองสำคัญชั้นสุด |
แล้วให้เตรียมทัพสำหรับยุทธ | กู้จะไปรบมนุษย์เมืองเหมันต์ |
พระยามารมายังเกยลา | ยืนท่าพหลพลขันธ์ |
ร้องเรียกโยธีนี่นัน | หุนหันฮึดฮัดขัดใจ |
ฯ ๔ คำ ฯ เจรจา
๏ ครั้นพร้อมเสร็จเสด็จขึ้นทรงรถ | ยกอสุรจัตุรงค์ทัพใหญ่ |
กระทืบบาทเร่งราชรถไชย | ออกไปจากวังไม่รั้งรอ |
ฯ ๒ คำ ฯ กราว
๏ เมื่อนั้น | สุวิญชาขวัญหนีดีฝ่อ |
วิ่งตะกายน้ำลายไม่ติดคอ | กลัวพ่อจะไปฆ่าพระสามี |
ตามยุดท้ายรถกำสรดพลาง | นวลนางร้องทูลท้าวยักษี |
จงผินภักตรามาพาที | เทวีครวญคร่ำร่ำวิงวอน |
ฯ ๔ คำ ฯ
โอ้ปี่
๏ โอ้ว่าพระองค์ผู้ทรงเดช | โปรดเกษลูกมั่งจงยั้งก่อน |
พระจะยกพลมารไปราญรอน | ทำโทษโรธกรกับเขาไย |
คิดเห็นเปนกรรมลูกเที่ยงแท้ | จึงได้แต่ทุกข์ทนหม่นไหม้ |
พลัดพรากพ่อแม่มาเดินไพร | นี่หากได้พึ่งบาทพระบิดา |
ชีวิตรจึงรอดไม่วอดวาย | ทั้งกุมารหลานชายเปนศุขา |
ครั้งนี้มิทรงพระเมตตา | ก็จะเปนเวราแก่ข้านี้ |
ประทานโทษเถิดทูลกระหม่อมเอ๋ย | อย่าไปเลยจงคืนเข้ากรุงศรี |
ให้เห็นแก่นัดดาของภูมี | เทวีทูลพลางทางโศกา |
ฯ ๘ คำ ฯ โอด
ร่าย
๏ เมื่อนั้น | ท้าวสิงหฬให้คิดเสนหา |
เหลียวมาปลอบองค์พระธิดา | อย่าโศกาอาวรณ์ร้อนรน |
จึงมีสิงหนาทประกาศร้อง | ให้เลิกกองทัพกลับเข้าสิงหฬ |
ง่าหัดถ์รับนางนฤมล | ขึ้นนั่งบนรถาแล้วพาที |
พ่อขัดใจไชยเชฐมันดูแคลน | เจ็บแค้นดังหัวอกเปนฝี |
หากสงสารหลานน้อยคนนี้ | ดับโมโหเสียทีเอาบุญไว้ |
ตรัสพลางทางเหลือบเห็นวิฬาร์ | รื้อคิดโกรธาขึ้นมาใหม่ |
ชังลูกชังหลานงุ่นง่านใจ | แกว่งตระบองร้องให้กลับรถ |
เสนาเร่งขับพลขันธ์ | จะไปเหยียบเหมันต์ให้แหลกหมด |
กูจะได้แก้แค้นแทนทด | กระทืบบาทเร่งรถรีบไป |
ฯ ๑๐ คำ ฯ เชิด
๏ เมื่อนั้น | สุวิญชาอกสั่นหวั่นไหว |
วอนว่าพาทีพิรี้พิไร | พระบิตุรงค์จงได้เมตตา |
หลานน้อยนี้จะเปนกำพร้าพ่อ | ลูกขอประทานโทษา |
ทูลพลางนางซบภักตรา | กอดบาทพระบิดาโศกาไลย |
ฯ ๔ คำ ฯ โอด
๏ เมื่อนั้น | ท้าวสิงหฬกลับคิดพิศมัย |
จึงโลมเล้าธิดายาใจ | อย่าร้องไห้ไปเลยนะลูกรัก |
พ่อคิดแค้นขึ้นมาก็งุ่นง่าน | จะใคร่ยกพลมารไปหาญหัก |
อันโทษตัวผัวเจ้ามันฮึกฮัก | จะยกให้หลานรักอย่าทุกข์ร้อน |
แล้วดำรัสตรัสร้องเปรยไป | ลูกหลานมันร้องไห้ไม่หยุดหย่อน |
ให้กลับพหลพลนิกร | คืนเข้าพระนครมิทันช้า |
ฯ ๖ คำ ฯ เชิด
๏ ครั้นถึงจึงขึ้นบนปราสาท | เสด็จนั่งเหนืออาศน์อันเลขา |
เชยชมพระราชนัดดา | เปนที่เสนหาพระยายักษ์ |
ขนานนามประทานหลานชาย | ชื่อนารายน์ธิเบศร์สมศักดิ์ |
ให้พี่เลี้ยงนางนมพร้อมพรัก | บำรุงรักษ์พระกุมารสำราญใจ |
ฯ ๔ คำ ฯ เจรจา