- คำนำ
- นิทานเรื่องไชยเชฐ เรื่องต้นก่อนตอนที่ทรงพระราชนิพนธ์เปนบทลคร
- บทลครเรื่องไชยเชฐ
- นิทานเรื่องสังข์ทอง เรื่องต้นก่อนตอนที่ทรงพระราชนิพนธ์เปนบทลคร
- บทลครเรื่องสังข์ทอง
- นิทานเรื่องไกรทอง เรื่องตอนต้น ก่อนตอนที่ทรงพระราชนิพนธ์เปนบทลคร
- บทลครเรื่องไกรทอง
- กลอนตำนานเรื่องพระราชนิพนธ์ไกรทอง
- นิทานเรื่องมณีพิไชย เรื่องตอนต้น ก่อนตอนที่ทรงพระราชนิพนธ์เปนบทลคร
- บทลครเรื่องมณีพิไชย ตอนพราหมณ์ยอพระกลิ่นขอพระมณีพิไชยไปเปนทาษ
- นิทานเรื่องมณีพิไชย ตอนปลาย ต่อเรื่องตอนทรงพระราชนิพนธ์เปนบทลคร
- นิทานเรื่องคาวี (เรียกอิกอย่างหนึ่งว่าเรื่องเสือโค) เรื่องตอนต้น ก่อนตอนที่ทรงพระราชนิพนธ์เปนบทลคร
- บทลครเรื่องคาวี
- เพลงยาวชมพระราชนิพนธ์
- นิทานเรื่องสังข์ศิลป์ไชย เรื่องก่อนตอนที่ทรงพระราชนิพนธ์เปนบทลคร
- บทลครเรื่องสังข์ศิลป์ไชย
- นิทานเรื่องสังข์ศิลป์ไชยตอนปลาย ต่อเรื่องตอนทึ่ทรงพระราชนิพนธ์บทลคร
ตอนที่ ๑ ท้าวสันนุราชหานางผมหอม
ช้า
๏ มาจะกล่าวบทไป | ถึงท้าวสันนุราชจอมกระษัตริย์ |
เสวยราชย์ธานีบุรีรัตน์ | กรุงพัทธวิไสยสวรรยา |
ท้าวมีอัคเรศมเหษี | ชื่อคันธมาลีเสนหา |
อยู่ด้วยกันแต่หนุ่มคุ้มชรา | ชัณษาหกสิบสี่ปีปลาย |
น่าพระทนต์บนล่างห่างหัก | ดวงพระภักตร์เหี่ยวเห็นเส้นสาย |
เกษาพึ่งจะประปะราย | รูปกายชายจะพีมีเนื้อ |
พระเสวยมื้อละชามสามเวลา | ทรงกำลังวังชาประหลาดเหลือ |
พอใจเกี้ยวผู้หญิงริงเรือ | ผูกพันฟั่นเฝือไม่เบื่อใจ |
ราวกับหนุ่มคลุ้มคลั่งนั่งบ่น | จะหางามเล่นสักคนหนึ่งให้ได้ |
รำพึงคนึงคิดเปนนิจไป | มิได้ว่างเว้นสักเวลา |
ฯ ๑๐ คำ ฯ
ร่าย
๏ เมื่อจะมีเหตุเภทไภย | ให้เร่าร้อนฤไทยเปนนักหนา |
จึงชวนกำนัลกัลยา | ลงมายังที่ตำหนักแพ |
ฯ ๒ คำ ฯ เพลง
๏ ท้าวเสด็จนั่งเหนือเรือบัลลังก์ | สาวสนมกรมวังเซงแซ่ |
พระเอนอิงพิงพนักผันแปร | เหลียวแลเห็นผะอบลอยมา |
หยิบขึ้นเขม้นอยู่เปนครู่ | เปิดดูก็เห็นเส้นเกษา |
หอมกลิ่นรวยรื่นชื่นวิญญา | พระนิ่งนึกตรึกตราในอารมณ์ |
ผมนี้ดีร้ายนางสาวน้อย | แกล้งลอยหาคู่สู่สม |
ชรอยบุญเราเคยได้เชยชม | จึงพบผะอบผมกัลยา |
ฉุนคิดเคลิ้มคลั่งขึ้นทั้งแก่ | กระสันเสียวเหลียวแลชำเลืองหา |
เห็นนางพนักงานคลานเข้ามา | ยิ้มแย้มพยักหน้าว่านงลักษณ์ |
ค่อยขยดลดองค์ลงนั่งใกล้ | เห็นมิใช่ผุดลุกขึ้นกุกกัก |
ดูนางห้ามแหนยิ่งแค้นนัก | ให้ละล่ำละลักลืมองค์ |
ท้าวกอดผะอบทองประคองไว้ | มิได้ชำระสระสรง |
ขึ้นจากเรือสุวรรณบรรจง | เสด็จตรงมายังวังใน |
ฯ ๑๒ คำ ฯ เชิด
๏ ครั้นถึงจึงเข้าไปในห้อง | ขึ้นบนแท่นทองผ่องใส |
กอดผะอบประทับกับทรวงไว้ | ถอนฤไทยครวญคร่ำรำพรรณ |
ฯ ๒ คำ ฯ
โอ้ช้า
๏ โอ้ว่านวลน้องเจ้าของผม | ถ้าได้ชมจะถนอมเปนจอมขวัญ |
เกษาหอมฟุ้งดังปรุงจันทน์ | จะทรงโฉมโนมพรรณฉันใด |
ทรวดทรงสูงต่ำดำขาว | ชัณษาแก่สาวสักคราวไหน |
แม้นรู้ว่าอยู่บุรีใด | พี่จะไปติดตามเจ้าทรามชม |
ถึงจะเปนกะไรก็ไม่ว่า | แต่ให้ได้เห็นหน้าเจ้าของผม |
คิดละห้อยละเหี่ยเสียอารมณ์ | ร้องไห้ร้องห่มไม่สมประดี |
ฯ ๖ คำ ฯ โอด
ร่าย
๏ เมื่อนั้น | นางคันธมาลีมเหษี |
เห็นพระพร่ำกำสรดโศกี | จึงเข้าไปในที่บรรธม |
แล้วนางทูลทัดภัศดา | พระอย่าโศกเศร้าด้วยเผ้าผม |
จงคิดรั้งรักหักอารมณ์ | แม้นเคยคู่สู่สมไม่คลาศแคล้ว |
หยุดยั้งตั้งสติตริตรอง | ดับความมัวหมองให้ผ่องแผ้ว |
ทรงพระชรานักหนาแล้ว | ทูลกระหม่อมเมียแก้วจงหักใจ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ท้าวสันนุราชเคลิ้มองค์หลงใหล |
เห็นเมียมาเซ้าซี้พิรี้พิไร | ขัดใจเกรี้ยวกราดตวาดอึง |
ดูดู๋ทำราวกับสาวแส้ | ไม่เจียมตัวว่าแก่สักนิดหนึ่ง |
แกล้งมานั่งเฝ้าพเน้าพนึง | จะคอยหึงษ์หวงข้าฤๅว่าไร |
ฉวยพระขรรค์งันงกกะปลกกะเปลี้ย | พิโรธโกรธเมียดังเพลิงไหม้ |
สดุดโดนสาวสรรค์กำนัลใน | แล่นไล่ลุกล้มไม่สมประดี |
ฯ ๖ คำ ฯ เชิด
๏ เมื่อนั้น | องค์อรรคชายามารศรี |
ความกลัวอาญาพระสามี | วิ่งหนีไปซ่อนซอนซุก |
เหล่าพวกสาวสรรค์กำนัลนาง | วิ่งวางวนเวียนจนเจียนจุก |
บ้างเข้าแฝงม่านคลานคลุก | บ้างลุกแอบเตียงเมียงมอง |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ท้าวสันนุราชยิ่งเศร้าหมอง |
แสนคนึงถึงเจ้าผะอบทอง | เสด็จตรงออกท้องพระโรงไชย |
ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ
ช้า
๏ ลดองค์ลงนั่งเหนืออาศน์ | พรั่งพร้อมอำมาตย์น้อยใหญ่ |
จึงตรัสสั่งมหาเสนาใน | เร่งไปร้องป่าวชาวภารา |
ผู้ใดใครรู้เห็นบ้าง | ตำแหน่งนางผมหอมเสนหา |
ถ้าแม้นนำไปได้นางมา | เงินทองเสื้อผ้าจะรางวัล |
ทั้งเย่าเรือนไร่นาจะหาให้ | ข้าไทชายหญิงทุกสิ่งสรรพ์ |
จงเร่งรีบรัดจัดกัน | ไปป่าวร้องให้ทันวันนี้ |
ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา
ร่าย
๏ บัดนั้น | อำมาตย์รับสั่งใส่เกษี |
ออกมาเกณฑ์กันทันที | เสนีตีฆ้องร้องป่าวไป |
ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา
๏ บัดนั้น | ฝ่ายเถ้าทัศประสาทชาติไพร่ |
ฟังเสียงร้องป่าวก็เข้าใจ | นึกได้ลูกสาวของเจ้านาย |
ผมหอมปรากฎรศเร้า | จะนำเขาไปพามาถวาย |
กูจะได้พึ่งบุญเปนคุณยาย | คิดแล้วเดินชายมาถามทัก |
ท่านขามานี่จะบอกเล่า | นางผมหอมข้าเจ้านี้รู้จัก |
รูปโฉมโนมพรรณขยันนัก | จะอาษาทรงศักดิ์ไปพามา |
ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา
๏ บัดนั้น | เสนีถามซักเปนหนักหนา |
เห็นถ้อยยำคำมั่นสัญญา | ก็รีบพายายเถ้าเข้าวังใน |
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด
๏ ครั้นถึงจึงคลานเข้าไปเฝ้า | ก้มเกล้าทูลแจ้งแถลงไข |
ยายเถ้ารับคำจะนำไป | ว่าได้รู้จักนางเทวี |
เปนลูกสาวท่านท้าวพรหมจักร | ปิ่นปักจันทราบุรีศรี |
แต่เมืองนั้นพลไพร่ไม่มี | นกอินทรีย์กินตายเสียก่ายกอง |
ที่ในวังยังแต่นางผมหอม | งามพร้อมสารพัดไม่ขัดข้อง |
บิดาซ่อนนางไว้ที่ในกลอง | จงทราบลอองพระบาทา |
ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา
๏ เมื่อนั้น | ท้าวสันนุราชสำรวลร่า |
ชื่นชมสมถวิลจินดา | ดังได้เห็นหน้านางนงเยาว์ |
จึงตรัสว่าถ้าสมคเนนึก | อึกกะทึกใจหายแล้วยายเถ้า |
มั่งมีดีกว่าค้าตะเภา | ทุกข์ร้อนอะไรเล่ากับเงินทอง |
ยายจะเอาอะไรไปบ้าง | ท่าทางกันดารบ้านช่อง |
เร่งรีบคลาไคลดังใจปอง | ให้ได้นางในกลองกลับมา |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | ยายเถ้าทูลพลันด้วยหรรษา |
จะเอาเรือเอกไชยไคลคลา | ไปรับกัลยามากรุงไกร |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ท้าวสันนุราชเปนใหญ่ |
ได้ฟังจึงสั่งเสนาใน | จงจัดเรือเอกไชยฉับพลัน |
เกณฑ์ยกสำรับใหญ่ใส่ให้เต็ม | เลือกล้วนแต่เล่มคอนขยัน |
เรือนำเรือตามจงครามครัน | ให้ทันแต่ในเวลานี้ |
ฯ ๔ คำ ฯ เจรจา
๏ บัดนั้น | เสนารับสั่งใส่เกษี |
ออกจากวังวิ่งเปนสิงคลี | จัดเรือตามมีพระบัญชา |
ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา
๏ บัดนั้น | ยายเถ้าทำประหนึ่งกึ้งก่า |
ขึ้นขี่แคร่คานหามคนตามมา | ประตูดินตีนท่าน่าตะพาน |
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด
๏ ลงนั่งยังเรือเอกไชย | พลพายนายไพร่อลหม่าน |
ออกเรือพร้อมกันมิทันนาน | ร้องขานโยนยาวฉาวมา |
ฯ ๒ คำ ฯ เห่เรือ เชิด
๏ ผ่อนพักพลพายมาหลายแห่ง | น้ำเชี่ยวเรี่ยวแรงนักหนา |
สิบห้าวันถึงจันทบุรา | ประทับท่าที่ท้ายเวียงไชย |
จึงสั่งผู้คนพลพาย | ทั้งไพร่นายอย่าเที่ยวไปข้างไหน |
แต่ตัวของเราจะเข้าไป | สมคเนเมื่อไรจะกลับมา |
สั่งแล้วเข้าสู่พระบูรี | พรั่นตัวกลัวผีเปนนักหนา |
เห็นกระดูกเกลื่อนกลาดดาษดา | รีบเดินภาวนาเข้าในวัง |
ฯ ๖ คำ ฯ เชิด
๏ ครั้นถึงจึงขึ้นปราสาททอง | เมียงมองลับล่อแล้วถอยหลัง |
เสียงคนพูดอยู่เงี่ยหูฟัง | ทรุดนั่งแอบประตูดูท่วงที |
ฯ ๒ คำ ฯ
ช้า
๏ เมื่อนั้น | โฉมนางจันท์สุดามารศรี |
สมสู่อยู่ด้วยพระคาวี | เปรมปรีดิ์ประดิพัทธกำหนัดใน |
หยอกเย้ายิ้มแย้มแกมกล | จะระคายผู้คนก็หาไม่ |
สงัดเงียบเซียบเสียงทั้งเวียงไชย | สำราญใจอยู่ในห้องสองคน |
ฯ ๔ คำ ฯ
ร่าย
๏ บัดนั้น | ยายเถ้าเพ่งพิศคิดฉงน |
ชายนี้ทีท่วงชอบกล | เห็นจะไม่ใช่คนต่ำช้า |
ใส่เครื่องประดับองค์ทรงพระขรรค์ | รูปโฉมโนมพรรณงามนักหนา |
ต่อจะเปนลูกเต้าท้าวพระยา | จันท์สุดาจึงปลงลงใจ |
กูคิดไว้ไม่สมอารมณ์คิด | จะลวงล้างชีวิตรเสียให้ได้ |
แต่องค์กัลยาจะพาไป | ทูลถวายท้าวไทเอารางวัล |
คิดพลางทางคลานเข้าไปหา | ทำทีกิริยาโศกศัลย์ |
ก้มกราบบาทาสุดาจันท์ | แล้วตีอกงกงันร่ำไร |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | โฉมตรูดูยายก็จำได้ |
เปนข้าเก่าเจ้าเคยช่วงใช้ | จึงพูดจาปราไสด้วยเมตตา |
ยายหนีนกอินทรีไปช้านาน | ลูกหลานอยู่ไหนไม่เห็นหน้า |
ฤๅนกมันกินสิ้นชีวา | เออตาผัวอยู่ดอกฤๅยาย |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | ยายเถ้ากล่าวเกลี้ยงเบี่ยงบ่าย |
ลูกหลานกระจัดพลัดพราย | ท่านตาก็ตายแต่คราวนั้น |
ข้าไปอยู่เถื่อนถ้ำลำบาก | จึงพ้นปากปักษาไม่อาสัญ |
ได้ยินเหล่าชาวป่าพูดจากัน | ว่าแม่จันท์สุดาได้สามี |
ข้าสู้ดั้นด้นมาจนถึง | จะอยู่พึ่งบุญทั้งสองศรี |
ยังพรั่นตัวกลัวแต่นกอินทรีย์ | มันมานี่ฤๅไม่เยาวมาลย์ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | โฉมจันท์สุดาจึงว่าขาน |
ผัวข้ามาล้างมันวายปราณ | หายมาช้านานจนปานนี้ |
ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา
๏ บัดนั้น | ยายเถ้าทำเปนเกษมศรี |
จึงว่าแม่คุณบุญสิ้นที | ได้สามีเรืองอิทธิฤทธา |
งามทั้งรูปโฉมโนมพรรณ | น่าชมสมกันนักหนา |
สมคิดของยายที่หมายมา | จะอยู่กับกัลยาเปนข้าไท |
แล้วทำท่วงทีกะปรี่กะเปร่า | ตักน้ำตำเข้าเอาใจใส่ |
ครั้นสองเจ้าเข้าที่บรรธรมใน | ยายไปปฏิบัติพัดวี |
ฯ ๖ คำ ฯ ตระ
๏ เห็นพระราชานิทราสนิท | นั่งพินิจพิศดูถ้วนถี่ |
ผิดกับกระษัตราทุกธานี | ขัดพระขรรค์เข้าที่บรรธมใน |
คิดพะวงสงไสยอย่างไรอยู่ | จะล่อลวงถามดูให้จงได้ |
ครั้นรุ่งรางส่างแสงอโณไทย | ยายเถ้าเข้าไปอยู่ในครัว |
จันท์สุดามาทำเครื่องเสวย | ตามเคยจัดแจงแต่งให้ผัว |
ยายเข้าเมียงหมอบยอบตัว | แล้วว่าแม่ทูลหัวอย่าไว้ใจ |
อันองค์ภัศดาสามี | เห็นทีหาซื่อต่อแม่ไม่ |
เหน็บพระขรรค์บรรธมทุกคืนไป | น่าจะแหนงแคลงฤไทยเทวี |
แม่จงถามไถ่ให้ประจักษ์ | ถ้าท้าวรักก็จะแจ้งถ้วนถี่ |
แม้นมิบอกออกความลับลี้ | นานไปจะหนีแม่มั่นคง |
ฯ ๑๐ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | จันท์สุดาพาซื่อลุ่มหลง |
สำคัญมั่นหมายว่ายายตรง | โฉมยงเห็นชอบก็ตอบไป |
จริงอยู่ยายว่าข้านึกพรั่น | ขัดพระขรรค์ติดองค์น่าสงไสย |
จะทูลถามทรงศักดิ์ซักไซ้ | ให้ได้ความขำสำคัญ |
ว่าพลางนางเข้าไปในที่ | ปรนนิบัติพัดวีให้ผัวขวัญ |
ทำทีทอดสนิทติดพัน | นวดฟั้นนั่งแนบแอบอิง |
สัพยอกหยอกเย้าแย้มสรวล | ชักชวนพูดจามารยาหญิง |
ได้ช่องก็ชอ้อนวอนวิง | ทูลถามความจริงภูวไนย |
น้องนึกกินแหนงแคลงจิตร | พระขรรค์ของทรงฤทธิ์เปนไฉน |
มิได้ละวางให้ห่างไกล | ฤๅว่าไม่ไว้ใจน้อง |
ฯ ๑๐ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | พระคาวีแจ้งระหัศขัดข้อง |
หวั่นหวาดประหลาดจิตรผิดทำนอง | ค่อยประคองเล้าโลมโฉมงาม |
รับขวัญกัลยาแล้วพาที | วันนี้หลากใจมาไต่ถาม |
ฤๅยายยุเจ้าจะเอาความ | บอกตามจริงเถิดนะเทวี |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | จันท์สุดากล่าวแกล้งแสร้งใส่สี |
บิดเบือนเอื้อนอำทำท่วงที | อะไรนี่มาตรัสสกัดสแกง |
น้องรักน้องถามตามซื่อ | ควรฤๅมิบอกให้แจ้ง |
เพราะพระทรงศักดิ์ไม่รักแรง | ว่าพลางนางกรรแสงโศกา |
ผันภักตร์ผลักไสมิให้ต้อง | สบิ้งสบัดปัดป้องหัดถา |
พิไรร่ำทำกลมารยา | ประหนึ่งว่าโฉมฉายจะวายวาง |
ฯ ๖ คำ ฯ โอด
๏ เมื่อนั้น | พระคาวีเห็นน้องหมองหมาง |
ค่อยตระโบมโลมลูบปฤษฎางค์ | ประคองนางนฤมลขึ้นบนเพลา |
สร้วมสอดกอดรัดแล้วตรัสปลอบ | คิดเช่นนี้มิชอบโฉมเฉลา |
พี่รักใคร่ในองค์นงเยาว์ | แม้จะเปรียบเทียบเท่าดวงใจ |
อย่าโศกนักภักตร์น้องจะหมองศรี | เจ้าผันหน้ามานี่จะบอกให้ |
พระขรรค์นี้พี่ฝังชีวิตรไว้ | ใครลักเข้าเผาไฟจะมรณา |
ความจริงบอกเจ้าไม่อำพราง | อย่าพูดมากปากสว่างฟังพี่ว่า |
เห็นประจักษ์แจ้งแล้วฤๅแก้วตา | พี่รักเจ้ายิ่งกว่าชีวาไลย |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | จันท์สุดายิ้มย่องสนองไข |
ทีนี้น้องเห็นรักประจักษ์ใจ | ภูวไนยโปรดปรานปรานี |
คุณของทรงฤทธิ์ดังบิตุเรศ | เหมือนฉัตรแก้วกั้นเกษเกษี |
จะขอเปนเกือกทองรองธุลี | ไปกว่าชีวีจะวายปราณ |
ทั้งสองสนิทพิศมัย | ถ้อยทีมีใจเกษมสานต์ |
คลึงเคล้าเย้ายวนชวนชื่นบาน | เยาวมาลย์ไม่มีราคีเคือง |
ครั้นเวลาตวันบ่ายชายแสง | นางออกมาจัดแจงแต่งเครื่อง |
ใส่สุพรรณภาชน์ทองรองเรือง | แลเห็นยายชายชำเลืองเข้ามา |
ยิ้มพลางทางว่าอย่าทุกข์เลย | ยายเอ๋ยผัวรักข้าหนักหนา |
เล่าความตามคำภัศดา | แล้วกำชับกำชาสารพัน |
ฯ ๑๐ คำ ฯ เจรจา
๏ บัดนั้น | ยายเถ้าฟังคำทำรับขวัญ |
จูบบาทซ้ายขวาแล้วว่าพลัน | ลูกไม่เปนเช่นนั้นดอกแม่คุณ |
เกลือกสามีมิรักจึงให้ถาม | ใช่จะแกล้งกล่าวความให้เคืองขุ่น |
ข้าเปนผู้น้อยพลอยพึ่งบุญ | ไม่โว้เว้เนรคุณอย่าแคลงใจ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | จันท์สุดาพาซื่อไม่สงไสย |
คิดว่าข้าหลวงเดิมเคลิ้มไป | หลงใหลนับถือว่าซื่อตรง |
ครั้นจัดแจงแต่งเครื่องเสร็จสรรพ | ให้ยายยกสำรับออกไปส่ง |
ตั้งถวายภูวไนยด้วยใจจง | โฉมยงหมอบกรานอยู่งานพัด |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | พระคาวีฤทธิรงค์ทรงสวัสดิ์ |
แกล้งเสวยเข้าของจนท้องคัด | แล้วตรัสสัพยอกหยอกน้อง |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | ยายเถ้ากระหยิ่มยิ้มย่อง |
สมหวังดังจิตรคิดปอง | ได้ช่องจะฆ่าพระคาวี |
ทำเปนเข้าไปให้ใช้สอย | หมอบคอยถือชุดจุดบุหรี่ |
พูดชักนิทานบ้านเมืองดี | ประเพณีกระษัตริย์สุริวงศ์ |
แม้นได้สมบัติพัศถาน | ย่อมแต่งการมุรธาภิเศกสรง |
ไปยังฝั่งน้ำดังจำนง | สระเกษทุกองค์กระษัตรา |
นี่พระจะผ่านไอสูรย์ | สืบประยูรสุริวงศ์พงศา |
เชิญเสด็จไปสรงคงคา | ตามอย่างท้าวพระยามาแต่ไร |
ฯ ๘ คำ ฯ เจรจา
๏ เมื่อนั้น | พระคาวีลุ่มหลงไม่สงไสย |
จึงตรัสว่าคิดชอบเราขอบใจ | จะทำให้ต้องตามประเพณี |
ยายเปนผู้ใหญ่ได้เคยพบ | จงแต่งเครื่องให้ครบตามที่ |
แม้นได้ฤกษ์งามยามดี | จะไปสระเกษีให้สำราญ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | ยายเถ้ารับสั่งเกษมสานต์ |
หยิบโน่นฉวยนี่ตลีตลาน | จัดใส่ในพานแล้วยกมา |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | สองกระษัตริย์ยินดีเปนหนักหนา |
ชวนเถ้าทัศประสาทยาตรา | ลงมาตามฉนวนในวัง |
ฯ ๒ คำ ฯ เพลงช้า
๏ บัดนั้น | ยายเถ้าเจ้าเล่ห์ทำล้าหลัง |
แวะเข้าก่อไฟใส่ประดัง | แล้ววิ่งตึงตังตามมา |
ทันสองกระษัตริย์ริมนัที | วางพานไว้ที่ร่มพฤกษา |
เห็นพระจะลงในคงคา | ยายทำเปนว่าแล้วแย้มยิ้ม |
ไฉนเหน็บพระขรรค์ไว้มั่นคง | ลงสรงถูกน้ำจะเปนถนิม |
เสียดายพลอยประดับล้วนทับทิม | จะช่วยเชิญไว้ริมชลธาร |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | พระคาวีฟังคำที่ว่าขาน |
ไม่ทันรู้เล่ห์กลคนบุราณ | เพราะกรรมนั้นบันดาลให้งวยงง |
ชักพระแสงทรงยื่นให้ยายเถ้า | แล้วชวนโฉมเฉลาลงสรง |
ชำระสระสนานสำราญองค์ | เวียนวงแหวกว่ายวารี |
พระหยอกนางทางกอบคงคาซัด | บังอรค้อนสบัดเบือนหนี |
เลี้ยวไล่ไขว่คว้ากัลยาณี | สรวลระริกซิกซี้สำราญใจ |
ฯ ๖ คำ ฯ เพลงฉิ่ง
๏ บัดนั้น | ยายเถ้าแสนร้ายหมายได้ |
เห็นสององค์ลงเล่นชลาไลย | ก็วิ่งไปยังกองอัคคี |
เอาพระขรรค์นั้นวางกลางเพลิงชุม | ฟืนสุมใส่เข้าเผาจี่ |
ก่อพลางเหลียวดูพระภูมี | แล้วเป่าปัดพัดวีวุ่นไป |
ฯ ๔ คำ ฯ เชิดฉิ่ง
๏ เมื่อนั้น | พระคาวีร้อนรนไม่ทนได้ |
เจียนจักพินาศขาดใจ | แลไปดูยายก็หายตัว |
เรียกเมียว่าช่วยพี่ด้วยเจ้า | ครั้งนี้อีเถ้ามันฆ่าผัว |
เรียกพลางองค์สั่นอยู่รันรัว | ค่อยทรงตัวขึ้นจากคงคาไลย |
จะยืนยั้งตั้งกายก็ไม่ตรง | นางโฉมยงเข้าประคองแล้วร้องไห้ |
ล้มลงกลางหาดจะขาดใจ | ภูวไนยร่ำสั่งบังอร |
ฯ ๖ คำ ฯ
โอ้ปี่
๏ โอ้ว่าโฉมยงนงลักษณ์ | มิเสียทีที่รักสายสมร |
ครั้งนี้ชีวิตรจะม้วยมรณ์ | เพราะเจ้าวอนไต่ถามความลับ |
พี่ก็บอกออกให้ด้วยใจซื่อ | ควรฤๅย้อนยอกกลอกกลับ |
มิได้ฟังคำที่กำชับ | ไปบอกกับยายเถ้าเจ้ามารยา |
มันคิดร้ายหมายล้างชีวิตรพี่ | ทีนี้สุดสิ้นวาศนา |
เวราเราแล้วนะแก้วตา | จะขอลาโฉมฉายวายปราณ |
พระสุดสิ้นกำลังไม่สั่งได้ | ด้วยดวงจิตรพิศม์ไฟเผาผลาญ |
เอนอิงพิงองค์นงคราญ | ภูบาลซอนซบสลบไป |
ฯ ๘ คำ ฯ โอด
ร่าย
๏ เมื่อนั้น | จันท์สุดาเห็นผัวตักไษย |
กอดศพภัศดาโศกาไลย | ทรามไวยครวญคร่ำรำพรรณ |
ฯ ๒ คำ ฯ
โอ้
๏ โอ้ว่าพระองค์ทรงเดช | เกิดเหตุทั้งนี้เพราะเมียขวัญ |
เชื่ออีเถ้าแพศยาอาธรรม์ | จนมันลอบทำให้จำตาย |
ครั้งนี้มิชั่วก็เหมือนชั่ว | คิดแค้นใจตัวไม่รู้หาย |
อดสูอยู่ไยให้ได้อาย | จะสู้ตายตามองค์พระทรงธรรม์ |
ว่าพลางทางกราบกับตีนผัว | ทอดตัวโศกาเพียงอาสัญ |
สองกรข้อนทรวงรุมรัน | ทรงกรรแสงซบสลบไป |
ฯ ๖ คำ ฯ โอด
ร่าย
๏ บัดนั้น | ยายเถ้าเผาพระขรรค์จนเหงื่อไหล |
เสลือกสลนซนฟืนใส่ไฟ | หายใจกระหมอบหอบเต็มที |
แล้ววิ่งมาดูสององค์ | เห็นล้มลงนิ่งแน่อยู่กับที่ |
ไม่ไหวกายตายจริงแล้วคราวนี้ | วางวิ่งตาลีตาลานมา |
เห็นนางกอดศพสลบไสล | ก็แจ้งใจว่ายังไม่สังขาร์ |
จึงอุ้มองค์อรไทยไคลคลา | ไปยังท่าที่ประทับฉับไว |
ฯ ๖ คำ ฯ เชิด
๏ วางนางลงเหนือเรือที่นั่ง | ปิดบังม่านทองผ่องใส |
ให้เร่งออกนาวาคลาไคล | สุ่มไล่สามเล่มมาเต็มที่ |
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด
๏ เมื่อนั้น | โฉมจันท์สุดามารศรี |
ครั้นฟื้นคืนได้สมประดี | คว้าหาสามีไม่พบพาน |
ผันแปรแลเหลือบมาเห็นยาย | โฉมฉายชี้หน้าแล้วว่าขาน |
ทุดอีเถ้าทรชนคนพาล | อัปรีสีกระบานเปนพ้นไป |
ลอบฆ่าสามีแล้วมิหนำ | มึงจะซ้ำพากูไปข้างไหน |
ชั่วช้าสารพัดน่าขัดใจ | จะตบให้ย่อยยับลงกับมือ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | ยายเถ้าปลอบว่าอย่าอึงอื้อ |
จะพาไปบ้านเมืองให้เลื่องฦๅ | ได้ออกหน้าค่าชื่อยิ่งกว่านี้ |
ทรงธรรม์สันนุราชเรืองไชย | จะเศกให้แม่เปนมเหษี |
อย่าทรงโศกโศกาถึงสามี | เทวีจะเปนศุขทุกเพรางาย |
ฯ ๔ คำ ฯ เจรจา
๏ เมื่อนั้น | จันท์สุดาดาลเดือดไม่เหือดหาย |
โกรธาด่าทอมากมาย | อย่าพักพูดอุบายให้ตายใจ |
ผัวกูวอดวายจะตายด้วย | ที่จะให้เอออวยอย่าสงไสย |
ว่าพลางทางทรงโศกาไลย | ครวญคร่ำร่ำไรไปมา |
ฯ ๔ คำ ฯ โอด
โอ้ปี่
๏ โอ้พระทูลกระหม่อมของเมียเอ๋ย | พระคุณเคยปกเกล้าเกษา |
อยู่เย็นเปนศุขทุกเวลา | วันนี้มาจากองค์พระทรงฤทธิ์ |
เพราะเมียชั่วช้าพาซื่อ | เชื่อถืออีเถ้าทุจริต |
บอกความลับมันไม่ทันคิด | จนพระสิ้นชีวิตรวายวาง |
พ่อเจ้าประคุณของน้องเอ๋ย | กรรมสิ่งไรเลยได้เคยสร้าง |
จึงมีอีเถ้ามาตามล้าง | เริศร้างภัศดามาแต่ตัว |
น่าสงสารปานนี้ผัวแก้ว | จะตรำแดดอยู่แล้วพระทูลหัว |
ยิ่งคิดขุ่นข้องหมองมัว | ทอดตัวเกลือกกลิ้งนิ่งไป |
ฯ ๘ คำ ฯ โอด
ร่าย
๏ บัดนั้น | ยายเถ้าวักน้ำมาลูบให้ |
เห็นนางได้สมประดีก็ดีใจ | เร่งฝีพายพายไล่สุ่มมา |
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด
๏ ครั้นถึงจึงประทับตำหนักแพ | พอเห็นท่านเถ้าแก่ก็ไปหา |
ยายเถ้าเล่าความตามกิจจา | อย่าช้าช่วยทูลพระทรงธรรม์ |
ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา
๏ บัดนั้น | เถ้าแก่แร่ไปขมีขมัน |
ครั้นถึงจึงทูลว่ายายนั้น | ได้นางจันท์สุดามาแล้ว |
ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา
๏ เมื่อนั้น | ท้าวสันนุราชเร่งผ่องแผ้ว |
จึงเสด็จจากอาศน์คลาศแคล้ว | ตามแถวท้องฉนวนด่วนไป |
ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ
๏ ครั้นถึงตำหนักแพแลเห็นยาย | พระแย้มยิ้มพริ้มพรายปราไส |
ยายทำความชอบข้าขอบใจ | ว่าพลางพยักให้เผยม่านทอง |
ฯ ๒ คำ ฯ
ชมโฉม
๏ พระพินิจพิศโฉมจันท์สุดา | นางในใต้ฟ้าไม่มีสอง |
ผิวเนื้อเรื่อเหลืองเรืองรอง | ภักตร์ผ่องเพียงดวงจันทรา |
อรชรอ้อนแอ้นเอวองค์ | เนตรขนงน่ารักนักหนา |
ตลึงแลดูนางไม่วางตา | พระราชาแย้มยิ้มกระหยิ่มใจ |
ฯ ๔ คำ ฯ
ร่าย
๏ จึงเรียกวอสุวรรณบรรจง | รับองค์เทวีศรีใส |
แห่ห้อมพร้อมพรั่งเข้าวังใน | เสด็จตามทรามไวยมาทันที |
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด
๏ ครั้นถึงจึงสั่งให้พานาง | ไปอยู่ห้องปรางปราสาทศรี |
ตรัสพลางย่างเยื้องจรลี | มาเข้าที่ชำระสระสรงน้ำ |
ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ
โทน
๏ ลูบไล้สุคนธ์ปนปรุง | ดมดูกลิ่นฟุ้งหอมฉ่ำ |
หยิบภูษามาทรงแล้วลูบคลำ | ยกทองท้องช้ำชอบพระไทย |
ห่มสีทับทิมกรองคล้องคอ | ใครดูกูหนุ่มฟ้อขึ้นฤๅไม่ |
นั่งมองส่องกระจกยิ้มละไม | ก็ยังไม่แก่กะไรทีเดียวนัก |
ผมเผ้าพิศดูไม่สู้หงอก | เสียสิ่งเดียวดอกแต่ฟันหัก |
ถึงกระนั้นโฉมยงก็คงรัก | แล้วทรงศักดิ์เสด็จจากแท่นทอง |
ฯ ๖ คำ ฯ เสมอ
ร่าย
๏ เดินเหินรัดกุมเหมือนหนุ่มแน่น | ลอยชายกรายแขนเข้าในห้อง |
พิศดูตัวพลางทางเยี่ยมมอง | ตามช่องฉากบังกระทั่งไอ |
เห็นนางซบภักตราโศกาอยู่ | จะเหลียวดูภูมีก็หาไม่ |
ค่อยนั่งลงข้างองค์อรไทย | แล้วปราไสเกี้ยวพานหว่านล้อม |
ฯ ๔ คำ ฯ
ชาตรี
๏ สาวเอยสาวสวรรค์ | น้อยฤๅนั่นน่าชมนางผมหอม |
งามสิ้นทุกสิ่งพริ้งพร้อม | ดูละม่อมหมดอย่างเหมือนนางฟ้า |
นี่กุศลหนหลังเราทั้งสอง | เคยเปนคู่ครองเสนหา |
เก็บดอกไม้ไหว้พระด้วยกันมา | วาศนาทำไว้จึงได้น้อง |
แต่วันพบผะอบผมเจ้าลอยน้ำ | พี่ครวญคร่ำโศกาหาเจ้าของ |
ให้เสนาข้าเฝ้าเที่ยวป่าวร้อง | ได้ข่าวน้องเพราะยายค่อยคลายใจ |
ทีนี้เสร็จสมอารมณ์นึก | ดังเอาน้ำอำมฤคมารดให้ |
ถึงจะได้นางฟ้าสุราไลย | ไม่ดีใจเหมือนเจ้าเยาวมาลย์ |
เชิญผินภักตรามาพาที | เสียแรงพี่ว่าวอนด้วยอ่อนหวาน |
จะครวญคร่ำร่ำร้องไม่ต้องการ | จงพูดจาว่าขานกันโดยดี |
ฯ ๑๐ คำ ฯ
ร่าย
๏ เมื่อนั้น | โฉมจันท์สุดามารศรี |
ฟังท้าวเจ้าภาราพาที | เทวีกลุ้มกลัดขัดใจ |
ถอยองค์ออกไปเสียให้ห่าง | แล้วนางค่อนว่าไม่ปราไส |
นี่แน่ออเถ้าเจ้ากรุงไกร | ช่างไม่คิดถึงตัวมัวเมา |
จะตายวันตายพรุ่งก็ไม่รู้ | ยังจะเที่ยวเกี้ยวชู้อยู่อิกเล่า |
จนฟันหักผมหงอกเหมือนดอกเลา | ลูกเขาเมียเขาก็ไม่คิด |
คบกันกับอีเถ้าเจ้าเล่ห์ | ทำการเกเรทุจริต |
ลอบฆ่าสามีกูม้วยมิด | มิหนำซ้ำปลิดเอาเมียมา |
อย่าพักว่าวอนให้อ่อนใจ | กูไม่มุ่งมาดปราถนา |
ว่าพลางนางทรงโศกา | กัลยาโศกศัลย์รันทด |
ฯ ๑๐ คำ ฯ
โอ้โลม
๏ ทรามเอยทรามสงวน | อย่ารัญจวนครวญคร่ำกำสรด |
ถึงเจ้าโกรธโกรธาว่าประชด | จะออมอดไม่ถืออรไทย |
อย่าเยาะเย้ยเลยเจ้าว่าเถ้าแก่ | พี่แพ้ฟันดอกจะบอกให้ |
อันอายุอานามกับทรามไวย | เห็นจะไม่กะไรกันนัก |
อย่าชิงชังรังเกียจที่หนุ่มแก่ | จงชมแต่ยศถาบันดาศักดิ์ |
พี่จะเศกโฉมยงนงลักษณ์ | ให้เปนเอกอรรคเทวี |
ทุกวันท่านยายก็แก่เถ้า | ขอเชิญเจ้าร่วมแท่นแทนที่ |
สมบัติพัศถานเรามั่งมี | คงดีกว่าผัวเก่าของเจ้าจน |
พี่ให้ไปรับน้องมา | หวังว่าจะรักเปนพักผล |
จะแขงขัดตัดรอนไม่ผ่อนปรน | ใช่ที่นฤมลจะพ้นมือ |
ว่าพลางทางถดเข้าใกล้ | ลูบไล้เลียมลองจะต้องถือ |
ให้เร่าร้อนฤไทยดังไฟฮือ | แล้วหดมือถอยหลังรั้งรอ |
ฯ ๑๒ คำ ฯ
ร่าย
๏ เมื่อนั้น | จันท์สุดาไม่กลัวทำหัวร่อ |
ตบมือชี้หน้าด่าทอ | เคืองขัดตัดภ้อภูวไนย |
อย่าอวดโอ้โอหังว่ามั่งมี | หานิยมยินดีของมึงไม่ |
พูดจาบ้าลำโพงโป้งไป | คนอะไรใครบ้างอย่างนี้ |
ไม่คิดว่าแก่เถ้าจะเข้าโลง | ยังโอ่โถงทำหนุ่มน่าบัดสี |
ไม่ช้านักสักปีหนึ่งสองปี | จะได้เกี้ยวกับผีที่ป่าช้า |
น่าหัวร่อทั้งทุกข์สนุกจ้าน | ดื้อด้านซานซมนักหนมหนักหนา |
ดูเหมือนมิใช่ท้าวพระยา | เวทนาเชิญไปเสียให้พ้น |
ฯ ๘ คำ ฯ เจรจา
๏ เมื่อนั้น | ท้าวสันนุราชคิดขัดสน |
จะเล้าโลมโฉมนางนฤมล | เห็นไม่หย่อนผ่อนปรนก็จนใจ |
อำนาจนางซื่อสัตย์ต่อภัศดา | พระราชาร้อนรนไม่ทนได้ |
จึงเสด็จย่างย่องจากห้องใน | รีบไปสรงชลกระวนกระวาย |
ฯ ๔ คำ ฯ เสมอ
๏ ตักวารีรดหมดแม่ขัน | แต่กระนั้นร้อนใจมิใคร่หาย |
หยิบเครื่องสุคนธามาละลาย | ลูบชโลมโซมกายค่อยคลายร้อน |
ฯ ๒ คำ ฯ
ช้า
๏ พระนั่งง่วงโงกหงับหลับตา | คิดถึงจันท์สุดาดวงสมร |
นิจจาเจ้าช่างสลัดตัดรอน | ไม่ผันผ่อนปรานีพี่บ้างเลย |
เสียแรงให้ไปรับน้องมา | หวังว่าจะร่วมเรียงเคียงเขนย |
พี่เฝ้าปลอบโฉมงามทรามเชย | น้องเอ๋ยไม่ปลดปลงลงใจ |
อันเล่ห์กลสัตรีนี้ฦกล้ำ | จะเชื่อถือถ้อยคำยังไม่ได้ |
เห็นจะเปนมารยาพิราใน | จะเกี้ยวแก้มือใหม่อิกสักครั้ง |
ฯ ๖ คำ ฯ
ร่าย
๏ คิดพลางแต่งองค์ทรงภูษา | ห่มห่มนอนราคากว่าสองชั่ง |
แล้วดำเนินเดินดุ่มสุ่มตะรัง | ขึ้นนั่งบนเตียงเคียงนาง |
ฯ ๒ คำ ฯ
โอ้โลม
๏ น้องเอยน้องรัก | จงผินภักตร์มาพูดกับพี่บ้าง |
เอออะไรไม่พอที่พอทาง | จะทำให้เขินค้างอยู่กลางคัน |
แม้นมิได้เชยชมสมหมาย | จะสู้วายชีวาอาสัญ |
แต่พี่มีเมียมานับพัน | ไม่เหมือนขวัญเนตรน้องต้องติดใจ |
จริงจริงพี่รักเจ้าหนักหนา | ไม่เสแสร้งแกล้งว่าสบถได้ |
เจ้าจงเมตตาอาไลย | อย่าให้ไผ่ผอมตรอมใจตาย |
ฯ ๖ คำ ฯ
ร่าย
๏ ได้เอยได้ฟัง | แค้นคั่งเคืองหูไม่รู้หาย |
นางโกรธาด่าทอหยาบคาย | ถ่มน้ำลายรดให้ไม่ไยดี |
ขี้คร้านพูดจากับบ้าหลัง | น่าชังนักหนาผินหน้าหนี |
ยิ่งคิดยิ่งแค้นแสนทวี | ก็โศกีครวญคร่ำรำพรรณไป |
ฯ ๔ คำ ฯ โอด
โอ้โลม
๏ แสนเอยแสนงอน | ช่างตัดรอนค่อนว่าไม่ปราไส |
เจ้าคารี้สีคารมสุดใจ | เปนไรเปนไปไม่ละกัน |
ว่าพลางทางขยับจะยุดยื้อ | เลียมลองต้องถือให้มือสั่น |
เดชะความสัตย์ของนางนั้น | ทรงธรรม์ร้อนรนกระวนกระวาย |
ฯ ๔ คำ ฯ
ร่าย
๏ จะช้านักสักครู่ไม่อยู่ได้ | จนใจจึงจำขย่ำขยาย |
เหลียวหลังดูนางพลางเสียดาย | ค่อยเดินชายออกไปเสียให้พ้น |
นั่งนิ่งพิงหมอนถอนใจใหญ่ | ภูไนยสิ้นคิดขัดสน |
ให้รักใคร่ในนางนฤมล | เปนทังวี้ทังวลวุ่นวาย |
ฯ ๔ คำ ฯ
ช้า
๏ พระกอดเข่าเจ่าจุกทุกข์ร้อน | นั่งนอนไม่หลับกระสับกระส่าย |
คิดถึงนงเยาว์เศร้าเสียดาย | มุ่งหมายจะชมไม่สมคเน |
จำจะคิดแยบคายสายสน | หาหมอรู้มนต์ทำเสน่ห์ |
แก้ไขใช้ทางอุปเทห์ | มิได้ด้วยเล่ห์เอาด้วยกล |
ฯ ๔ คำ ฯ
ร่าย
๏ ทีนี้โฉมยงคงรักใคร่ | เห็นจะไม่โกรธาบ้าบ่น |
ด้วยเดชะฤทธิ์เดชเวทมนต์ | อันจะพ้นมือพี่อย่าสงกา |
พระแย้มยิ้มกระหยิ่มอยู่ในใจ | หมายได้นึกกำหนัดสมบัติบ้า |
จึงเรียกเหล่าเถ้าแก่เข้ามา | แล้วกำชับกำชาสั่งความ |
จงพิทักษ์รักษามารศรี | อย่าพูดจาพาทีให้หยาบหยาม |
ช่วยกันเล้าโลมนางโฉมงาม | ถ้าโอนอ่อนผ่อนตามจะรางวัล |
แม้นกูมาทีหลังยังดื้อดึง | ชีวิตรมึงเหล่านี้จะอาสัญ |
สั่งพลางย่างเยื้องจรจรัล | ออกท้องพระโรงคัลทันใด |
ฯ ๘ คำ ฯ เสมอ
๏ นั่งเหนือแท่นรัตน์ชัชวาลย์ | พร้อมข้าราชการน้อยใหญ่ |
จึงเรียกเสนีที่ไว้ใจ | มาใกล้น่าที่นั่งแล้วสั่งพลัน |
จงสืบหาหมอเสน่ห์เล่ห์กล | ที่มนต์ดลอาคมขลังขยัน |
ทำรูปรอยปลุกเศกเลขยันต์ | ตามทำนองของมันเคยใช้ |
ถ้าแม้นทำเปนเห็นจริง | ให้ผู้หญิงสมัครักใคร่ |
เสื้อผ้าเงินทองจะถึงใจ | ใครรับได้เอาตัวมันเข้ามา |
ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา
๏ บัดนั้น | เสนีดีใจอยากได้หน้า |
คำนับรับราชบัญชา | บังคมลามาริมทิมชาววัง |
เรียกบ่าวลูกเล็กเจ๊กหัวเปีย | ต่ำเตี้ยกะจิริดติดตามหลัง |
ถือห่อผ้าการ่มรุงรัง | ไม่รอรั้งเดินออกนอกประตู |
ฯ ๔ คำ ฯ เชิด
๏ เที่ยวสืบหาหมอเสน่ห์เล่ห์กล | ทุกถนนในนครจนอ่อนหู |
วัดวาอารามเที่ยวถามดู | ไม่มีผู้รู้ทำล้ำฦกซึ้ง |
แสบท้องแทบตายสายเต็มที | เข้าซื้อหมี่เจ๊กกินสิ้นสองสลึง |
แล้วใส่เอาเหล้าเข้มพอเต็มตึง | หยุดอยู่ครู่หนึ่งจึงจะไป |
ฯ ๔ คำ ฯ เจรจา
๏ บัดนั้น | หมอเถ้าเจ้าความรู้ครูใหญ่ |
ไม่มีมุลนายสบายใจ | อยู่โรงริมร่มไม้ในกำแพง |
เปนทิศาปาโมกข์พวกโหยกเหยก | ตัวเอกออกชื่อฦๅทุกแห่ง |
อวดกำลังหนังเหนียวเรี่ยวแรง | ฟันแทงไม่เข้าเปล่าทั้งนั้น |
ทำเสน่ห์เล่ห์กลให้คนเชื่อ | ฉลาดเหลือหลอกหลอนผ่อนผัน |
เมียขุนนางวางน้ำไปกำนัน | ขอเลขยันต์หยูกยาอาคม |
พวกหนุ่มหนุ่มปราถนาจะหาเมีย | มาเรียนรู้สู้เสียผ้านุ่งห่ม |
เถ้าชราหากินด้วยลิ้นลม | ใครชิดชมฉิบหายเสียหลายคน |
เหล่านักเลงเล่นเบี้ยเสียถั่ว | มาฝากตัวตาหมอคิดฉ้อฉน |
บ้างเรียนชักไม้กงพัดหัดเล่นกล | คอยลวงคนชาวบ้านนอกคอกนา |
พวกหัวไม้ไปหัดอาพัดเหล้า | ฟันไม่เข้าคงสิ้นทั้งหินผา |
เงินทองไม่มีบี้สกา | อุส่าห์มาติดเทียนเรียนรู้ |
ล้วนนักเลงเสงพากปากโป้ง | บ้าลำโพงเพื่อนบ้านรำคาญหู |
พอถึงวันพฤหัศนัดไหว้ครู | กินหัวหมูกับเหล้าเมาโมเย |
ฯ ๑๔ คำ ฯ เจรจา
๏ บัดนั้น | เสนีเหนื่อยเหน็ดเที่ยวเตร็จเตร่ |
ถึงบ้านหมอรอฟังยังลังเล | พอคะเนเพลาสักห้าโมง |
ได้ยินเสียงคนผู้อยู่หนักหนา | เล่นหมากรุกฤๅสกาพูดจาโผง |
จึงข้ามร่องย่องยิ้มมาริมโรง | ฝาโปร่งเปนช่องเมียงมองดู |
เห็นหนุ่มหนุ่มนั่งล้อมพร้อมหน้า | ขอคาถาตาหมออวดจ้ออยู่ |
ค่อยเคาะเปาะเข้าที่เสาประตู | ถามหาตาครูดูท่วงที |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | ตาหมอมองป้องหน้าใครมานี่ |
เอออ่อต่อจะจับเจ้าเหล่านี้ | เสนีแล้วสิหว่าดูน่ากลัว |
พวกหลบเจ้าหนี้หนีนายบ่อน | ตกใจไปซ่อนนอนคลุมหัว |
บรรดามีความผิดติดตัว | อารามกลัวลุกทลึ่งตึงตัง |
ที่ใจกล้าว่าเกลออย่าเพ่อหนี | ร้ายดีคงสู้ดูสักตั้ง |
ตาหมอทำฮึกฮักทักเสียงดัง | ใครแปลกหน้ามานั่งรั้งรอ |
ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา
๏ ครั้นเข้าใกล้ได้ความตามซื่อ | จูงมือมาพลางทางหัวร่อ |
ผูกรักชักชวนชอบพอ | พูดล้อเจรจาฮาเฮ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | เสนีนักเลงเก่าเจ้าเล่ห์ |
เข้าคบค้าสมาคมสมคเน | บอกอุบายถ่ายเทธุระร้อน |
เดี๋ยวนี้นะพระองค์ทรงธรรม์ | แสนกระสันจันท์สุดาดวงสมร |
แต่เกี้ยวพานพูดจาว่าวอน | เปนหลายครั้งบังอรไม่เอออวย |
ถ้าทำได้ให้องค์นงลักษณ์ | พบภักตร์ภูมียินดีด้วย |
นางนิยมสมประสงค์งงงวย | คงรวยเต็มประดาแล้วตาครู |
เงินทองของเข้าจะเอาอะไร | อย่าสงไสยได้หมดไม่ปดปู่ |
ทั้งเมียสาวบ่าวไพร่พรั่งพรู | ที่อยู่ตึกกว้านบ้านเรือนรั้ว |
ฤๅจะเปนขุนนางข้างกรมท่า | แต่งสำเภาเลากาเปนเจ๊สัว |
จงออกรับอาสาเถิดอย่ากลัว | จะซ่อนตัวอยู่ไยไม่ต้องการ |
ฯ ๑๐ คำ ฯ เจรจา
๏ บัดนั้น | หมอเถ้าได้ฟังลูบหลังหลาน |
หลงละโมภโลภล้นพ้นประมาณ | อยากจะได้ของประทานพานพูดเพ้อ |
จะทำให้สมประสงค์จงได้ | การเสน่ห์แล้วใครไม่เสมอ |
คอยดูความรู้เราเอาเถิดเธอ | อวดอ้อหัวร่อเร่อเอออือ |
อันอาคมคาถาตำราตำหรับ | มากมายหลายฉบับเคยนับถือ |
คนมาขอเรียนร่ำล่ำฦๅ | เห็นแล้วฤๅศิษย์เราล้วนเจ้าชู้ |
ช่วยแนะแหนแต่เสน่ห์ขี้เหร่ขี้ร้าย | ได้สมหมายมนต์ขลังอยู่มั่งอยู่ |
วันนี้เขาเอาของมาไหว้ครู | หัวหมูบายศรีอยู่นี่แน |
พอเลี้ยงท้องสองมื้อไม่ขัดสน | ได้นั่งกินสินบนมาจนแก่ |
เมื่อเย็นวานท่านผู้หญิงที่แพ | ให้ผ้าแพรปังสีสี่ห้าพับ |
ทั้งนอกในไปมาหาไม่ขาด | แต่ไม่อาจออกตัวกลัวเขาจับ |
นี่กันเองไม่เกรงดอกจึงออกรับ | เปนความลับฦกล้ำสำคัญ |
ฯ ๑๒ คำ ฯ เจรจา
๏ บัดนั้น | เสนาพาซื่อถือมั่น |
เห็นชอบกลมนต์เวทวิเศษครัน | จะขยันทายาดดูลาดเลา |
คิดพลางทางว่ากับตาหมอ | จะรั้งรออยู่ไยทำไมเล่า |
มั่งมีดีกว่าค้าสำเภา | กลัวอะไรไปเฝ้าเอารางวัล |
ฯ ๔ คำ ฯ เจรจา
๏ บัดนั้น | ตาหมอมุ่งหมายจะผายผัน |
มาอาบน้ำในครัวแต่งตัวพลัน | แป้งน้ำมันมีพร้อมหอมฟุ้ง |
เลือกผ้านุ่งห่มสมรูปร่าง | ลายฉลางอย่างนอกเอาออกนุ่ง |
กรุกกรักประดักประเดิดเปิดฝาลุ้ง | เอาแพรบางกวางตุ้งคาดพุงพัน |
แล้วไขตู้ดูตำราของอาจารย์ | ปิดทองของบุราณลานสั้น |
สมุดขาวเขียนหมึกดึกดำบรรพ์ | ล้วนเลขยันต์เสน่ห์เล่ห์กล |
ห่อผ้าดำสำรองไปสองฉบับ | ถึงไล่เดี่ยวเคี่ยวขับไม่ขัดสน |
ปากว่าสาธยายเวทมนต์ | จำได้หัวใจสนธิ์บ่นออกมา |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | เสนีดีใจเปนนักหนา |
จึงพาหมอเถ้าเจ้าตำรา | เดินมาตามทางกลางนคร |
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด
๏ ครั้นถึงทิมริมที่ทวารวัง | ให้หมอนั่งยั้งอยู่สักครู่ก่อน |
เข้าไปกราบบาทมูลทูลภูธร | ธุระร้อนพระองค์คงสมคิด |
ข้าไปพบหมอเถ้าเข้าคนหนึ่ง | ถ้าจะเปรียบเทียบถึงปโรหิต |
รู้วิชาชำนาญการอิทธิฤทธิ์ | ศักดิ์สิทธิ์วิทยาอาคม |
บัดนี้พาตาหมอมารออยู่ | ที่ทิมริมประตูท้ายสนม |
มนต์ดลดีนักหนาน่านิยม | ไม่ประสมประสานแสร้งแกล้งกราบทูล |
ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา
๏ เมื่อนั้น | ทรงธรรม์สันนุราชนเรนทร์สูร |
ฟังแจ้งแถลงเล่าเค้ามูล | ให้เพิ่มภูลภิรมย์สมนึก |
จึงให้หาตาหมอจรดล | มาเฝ้าบนชานพักตำหนักตึก |
แล้วเล่าตามความขำล้ำฦก | ตรองตรึกปฤกษากับตาครู |
เราได้นางนฤมลมาคนหนึ่ง | ผัวพึ่งวอดวายเปนหม้ายอยู่ |
รูปทรงโสภาน่าเอนดู | ควรเปนคู่เคียงเขนยเชยชม |
จะเล้าโลมโฉมเฉลาสักเท่าไร | ก็มิได้มีจิตรสนิทสนม |
หมอเถ้าเจ้าเสน่ห์เล่ห์ลม | จงทำให้ได้สมความคิดเรา |
แม้นว่าแก้วกัลยาการุญ | บุญคุณของครูเท่าภูเขา |
ถึงได้ทองสักสองลำสำเภา | ก็ไม่เท่าได้ของที่ต้องใจ |
ฯ ๑๐ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | หมอเถ้าเจ้าตำราอัชฌาไศรย |
จึงแกล้งทูลถ่อมตัวกลัวโพยไภย | ข้าเข้าใจบ้างอยู่ความรู้บุราณ |
เมื่อหนุ่มหนุ่มคนองลองคาถา | ผู้หญิงงามตามมาจนถึงบ้าน |
ครั้นแก่ตัวกลัวผิดคิดขี้คร้าน | เขาบนบานบ่อยไปไม่ไยดี |
ได้ทราบ่าฝ่าลอองต้องประสงค์ | นางโฉมยงยังระคางขนางหนี |
จะอาสาน่าที่นั่งครั้งนี้ | ให้สิ้นดีโดยอุบายถ่ายเท |
ผงดินสอขอถวายให้ผัดภักตร์ | นารีรักรูปทรงหลงเล่ห์ |
ขี้ผึ้งสีเศกด้วยฤทธิ์อิทธิเจ | เปนเสน่ห์พูดผู้หญิงให้ยิงยอม |
เครื่องสุคนธ์มนต์เทพรำจวน | ให้เนื้อหนังนุ่มนวลหวนหอม |
สรงสนานน้ำทิพย์สิบกละออม | นางผมหอมเห็นพระองค์คงทักทาย |
ทูลพลางพลิกหาตำราเสน่ห์ | อุปเทห์ที่ใบลานอ่านถวาย |
เคยทำเปนเห็นจริงหญิงรักชาย | บ้าน้ำลายพูดโผงโป้งไป |
ฯ ๑๒ คำ ฯ เจรจา
๏ เมื่อนั้น | ท้าวสันนุราชลุ่มหลงไม่สงไสย |
น้อยฤๅหมอเถ้าคนเข้าใจ | เรียนร่ำจำไว้ได้มากมาย |
ทีนี้นางนฤมลไม่พ้นพี่ | เพราะเวทมนต์ดลดีใจหาย |
ตบเพลาเข้าพลางทางยิ้มพราย | คงได้ชมสมหมายถ่ายเดียว |
ชิชะหมอคนนี้ดีทายาด | รู้หลักนักปราชญ์ฉลาดเฉลียว |
เนื้อตัวตกกระยังประเปรียว | ไล่เดี่ยวเคี่ยวขับไม่อับจน |
ถ้าทำได้สมหวังดังว่า | เสื้อผ้าสารพัดไม่ขัดสน |
จะให้เมียรูปงามสักสามคน | เปนสินบนหมอเถ้าเจ้าตำรา |
ประทานทั้งเงินตราห้าสิบชั่ง | แล้วจะตั้งเปนขุนนางข้างกรมท่า |
ฤๅรักทำโรงเหล้าเตาสุรา | ตามแต่ตัวขรัวตาจะชอบใจ |
ว่าพลางทางสำรวลสรวลเส | สมคเนแม่นมั่นพนันได้ |
แล้วตรัสสั่งขุนนางวางพระไทย | อย่าอื้ออึงคนึงไปให้ใครรู้ |
จงจัดแจงแต่งที่สรงสนาน | เครื่องอานต่างต่างหลายอย่างอยู่ |
ให้ต้องตามตำราของตาครู | เห็นได้ช่องลองความรู้ดูอิกครั้ง |
ฯ ๑๔ คำ ฯ เจรจา
๏ บัดนั้น | เสนีคำนับรับคำสั่ง |
ออกมาที่ทิมริมคลัง | เจ็บหลังนั่งอิงพิงพนัก |
บ่าวตะบันหมากสงมาส่งให้ | เคี้ยวไม่ได้ฟันฟางห่างหัก |
ฉวยคนโทดื่มน้ำจนสำลัก | เปลื้องสมปักเปียกไปให้ทนาย |
หยิบน้ำชามารินกินสองป้าน | สั่งพันภาณให้เสมียนเขียนหมาย |
หมอเถ้าจะเสดาะพระเคราะห์ร้าย | บอกอุบายมิให้ใครสงกา |
ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา
๏ บัดนั้น | ตำรวจรับหมายบ่ายนักหนา |
ลนลานการด่วนจวนเวลา | วิ่งหานายมุลวุ่นทั้งเวร |
บ้างตกแต่งเตียงสรงองค์เก่า | ออกไปเอาช่างมาทาเสน |
นายงานพานสันทัดชัดเจน | อึดอัดขัดเขมรยกเข้ามา |
ฯ ๔ คำ ฯ
ยานี
๏ แต่งตั้งเตียงที่พิธีสนาน | ผูกม่านเพดานดวงพวงบุบผา |
ขันสาครใหญ่ใส่คงคา | ครอบสำริดปิดฝาม้ารอง |
เครื่องสำอางวางเรียงเคียงกัน | เกณฑ์กำนัลนั่งเฝ้าเปนเจ้าของ |
ภูษาผ้าทรงใส่พานทอง | จัดแจงแต่งต้องตามธรมเนียม |
ตาเถ้าชาวที่สามสี่คน | ตักเติมหม้อน้ำมนต์จนออกเปี่ยม |
เตียงสำหรับตาครูปูพรมเจียม | ตระเตรียมพร้อมเสร็จสำเร็จการ |
ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา
ร่าย
๏ บัดนั้น | หมอเถ้าเจ้าตำราตราสาร |
ให้แต่งตั้งกำนนบนบาน | ตามบุราณคำรบครบครัน |
เรียกเอาเข้าของคำนับครู | หัวหมูบายศรีขมีขมัน |
สารพัดบัดพลีพะลีกรรม์ | กระแจะจันทน์น้ำมันหอมพร้อมเพรียง |
ครั้นเสร็จสรรพทุกสิ่งไม่นิ่งช้า | หมอเถ้าเอาผ้าสไบเฉียง |
ขึ้นทำการอ่านมนต์บนเตียง | เศกเสียงพึมพำพร่ำไป |
ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา
๏ ว่าตามความรู้ของครูสอน | พลัดเปนครึ่งท่อนกลอนปรบไก่ |
ได้สติตีอกชกใจ | ลงปลายกลายไปเปนเวทมนต์ |
ฯ ๒ คำ ฯ สาธุการ
๏ เมื่อนั้น | ท้าวสันนุราชมาดหมายมาหลายหน |
วันนี้นางทรามไวยเห็นไม่พ้น | พากเพียรเรียนมนต์บ่นเต็มที่ |
ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา
๏ จำได้คาถามหาเสน่ห์ | อุปเทห์ทั้งมวญถ้วนถี่ |
ครั้นโพล้เพล้เวลาราตรี | มาเข้าที่สรงน้ำทำการ |
ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ
ชมตลาด
๏ ไขสุหร่ายสายชลดังฝนตก | อาบอุทกธารากระยาสนาน |
รดน้ำมนต์ล้นเหลือเชื่ออาจารย์ | จนงกงันสั่นสท้านทั้งกายา |
บรรจงทรงสุคนธ์มนต์หมอเศก | นางตัวเอกไม่แคล้วพี่แล้วหนา |
ผงดินสอใส่พระหัดถ์ผัดภักตรา | ลูบไล้ไปมาทั้งสารพางค์ |
หยิบยกกระจกใหญ่ใส่คันฉ่อง | เทียนตั้งนั่งมองส่องสว่าง |
ดูเปนหนุ่มน่าชมสมกับนาง | อวดหมอหัวร่อพลางทางแย้มยิ้ม |
เสวยพระศรีสงทรงเคี้ยว | สักประเดี๋ยวทันใจเอาไม้จิ้ม |
นุ่งนอกอย่างวางชายกรายกรีดริม | สีทับทิมคล้องคอพอพระไทย |
เพ็ชรฑูริย์ธำมรงค์ทรงก้อย | ตำราพลอยว่าผู้หญิงมักรักใคร่ |
คาดเข็มขัดประจำยามงามสุดใจ | พวงมาไลยใส่ข้อมือถือยาดม |
ฯ ๑๐ คำ ฯ
ร่าย
๏ ครั้นเสร็จเสด็จมาไม่ยั้งหยุด | ดำเนินเดินสดุดนักสนม |
ขึ้นบนมณเฑียรเจียนจะล้ม | เข้าในห้องประธมเทวี |
ฯ ๒ คำ ฯ เพลง
๏ ยืนแฝงฝากั้นขยั้นอยู่ | แอบประตูดูสุดามารศรี |
ปากบ่นบริกรรมทำท่วงที | สูบบุหรี่ร่ายมนต์พ่นควันไป |
นางเหลียวดูภูบาลก็อ่านเวท | ประสมเนตรนึกรักยักคิ้วให้ |
เห็นชอบกลกัลยาไม่ว่าไร | หมายได้สมคิดด้วยวิทยา |
จึงค่อยย่องย่างมาข้างหลัง | ขึ้นนั่งบนเตียงเมียงเมินหน้า |
ยิ้มแย้มกระแอมไอไปมา | พูดจาปลอบนางพลางแลเล็ง |
ฯ ๖ คำ ฯ
ชาตรี
๏ น้องเอยน้องรัก | กำลังสาวราวสักปีมเส็ง |
ภักตร์ผ่องเพียงจันทร์เมื่อวันเพ็ง | ครัดเคร่งเปล่งปลั่งอยู่ทั้งตัว |
น้อยฤๅพี่รักนักหนา | กระนี้แล้วแก้วตายังว่าชั่ว |
นี่เนื้อเคราะห์เพราะชราหูตามัว | ไม่เหมือนผัวของเจ้าเฝ้าเคียดคุม |
อย่าเลี้ยวลดทดลองให้ถ่องแท้ | กลัวแต่แก่จะชนะหนุ่ม |
ว่าพลางทางขยับจะจับกุม | ให้ร้อนรุมราวกับไฟไหม้มือ |
ฯ ๖ คำ ฯ
ร่าย
๏ นึกพรั่นขยั้นขยดถดถอย | เหงื่อไหลไคย้อยลงน้อยฤๅ |
แก้ขวยฉวยพัดปัดกระพือ | ยังร้อนรื้อเรียกน้ำมากล้ำกลืน |
ฯ ๒ คำ ฯ
โอ้โลม
๏ หยุดพักสักประเดี๋ยวเกี้ยวใหม่ | แข็งใจพูดจาทำหน้าชื่น |
จะเศกน้องครองวังให้ยั่งยืน | วันรุ่งพรุ่งมะรืนได้ฤกษ์ดี |
เอออายุนงเยาว์สักเท่าไร | จงขับไล่ดูลองกับของพี่ |
อย่าย้อนยอกบอกเบือนเดือนปี | ตำรามีรู้มากนาคกะเชอ |
ฯ ๔ คำ ฯ
ร่าย
๏ เมื่อนั้น | จันท์สุดานึกในช่างไม่เก้อ |
ชังน้ำหน้าบ้าเคอะกะเซอะกะเซอ | เป้อเย้อเย่อหยิ่งจริงจริงเจียว |
จะหุนหันโมโหโต้ตอบเล่า | เหมือนทำให้อ้ายเถ้ามันเฝ้าเกี้ยว |
ให้พูดจาบ้าบ่นอยู่คนเดียว | นางขัดใจไม่เหลียวไม่แลดู |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ท้าวสันนุราชแย้มยิ้มกระหยิ่มอยู่ |
หมายได้ด้วยคาถาของตาครู | อุส่าห์สู้บ่นตะบอยค่อยกระซิบ |
ดูทำนองต้องจิตรผิดประหลาด | ไม่ร้ายกาจก้มหน้าตาปริบปริบ |
น้อยฤๅนางแสนคมคารมริบ | นิ่งกริบไปทีเดียวไม่เหลียวเลย |
ท่วงทีถูกเสน่ห์คเนแน่ | เห็นประจักษ์ทักแท้แล้วแม่เอ๋ย |
กระดิกเข่าท้าวแขนแหงนเงย | เอาเขนยหนุนหลังนั่งทำทรง |
กินหมากดิบหยิบขี้ผึ้งเศกสี | สูบบุหรี่ใส่จันทน์ควันขมง |
แล้วไกล่เกลี่ยเกลี้ยกล่อมล้อมวง | ใหลหลงพูดละเมอเพ้อพก |
ฯ ๘ คำ ฯ
โอ้โลม
๏ ปลื้มเอยปลื้มจิตร | ทีนี้คงปลงปฤษณาตก |
เหมือนทุกข์พี่มีผู้มาหยิบยก | ให้เบาอกออกแล้วนะแก้วตา |
จะนิ่งอยู่ไยน้องไม่ต้องการ | นั่งนานเหน็ดเหนื่อยเมื่อยนักหนา |
ขอเชิญเจ้าเข้าที่กับพี่ยา | ให้เปนผาศุกสบายหายหาวนอน |
วันนี้ทีทำเห็นอ้ำอึ้ง | ไม่โกรธขึ้งตึงตังเหมือนครั้งก่อน |
ดีจริงเจียวแม่ไม่แง่งอน | จงโอนอ่อนผ่อนตามให้งามงด |
แล้วร่ายมนต์หมอเถ้าเป่าซ้ำ | บริกรรมทำปากบดบด |
เอะอ่อต่อจะอ่อนหย่อนพยศ | ค่อยขยดถดไถลเข้าไปชิด |
นางขยับกลับตัวกลัวจะเห็น | ทำเปนผินหลังนั่งเกาหิด |
มองเขม้นเห็นสไบไม่สู้มิด | จึงยื่นมือมานิดสกิดกาย |
ฯ ๑๐ คำ ฯ
ร่าย
๏ เมื่อนั้น | จันท์สุดาร้องกรีดหวีดว้าย |
ชั่วชาติประหลาดเหลือเบื่อจะตาย | ช่างไม่อายขายหน้าบ้าจริงจริง |
ยังจะขืนยื่นมือมายื้อหยอก | เดี๋ยวนี้ดอกจะได้ชมคารมหญิง |
เหลือแค้นแน่นอกยกหมอนอิง | กระแทกทิ้งลงตรงหน้าแล้วด่าทอ |
ช่างกะไรอ้ายหมอนไม่นอนหลับ | จนเขาขับขืนเกี้ยวไปเจียวหนอ |
แม้นมีไม้ใกล้ตัวหัวจะนอ | ใจคอไม่ลื้นเหมือนหมื่นทน |
เนื้อตัวหัวหูไปอยู่ไหน | จึงทนได้ให้เขาด่าดังห่าฝน |
ฤๅฟังเล่นเย็นฉ่ำเหมือนน้ำมนต์ | ช่างผิดคนทนทานด้านดึง |
ไม่ว่าเล่นเห็นฦกอย่านึกหมาย | ตายร้ายตายดีก็ทีหนึ่ง |
ลุกขึ้นกระทืบเตียงเสียงตึงตึง | ดื้อดึงดุดะไม่ละลด |
พานหมากพานพลูที่อยู่ใกล้ | ก็ปัดไปเปรื่องปร่างขว้างเสียหมด |
ฉวยน้ำซ้ำสาดราดรด | ทำประชดชิงชังรังแก |
ฯ ๑๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ท้าวสันนุราชประหลาดจิตรผิดแล้วแหล |
เสียน้ำใจในคอท้อแท้ | จนเปนลมล้มแน่นิ่งไป |
ให้เวียนหัวมัวตาหน้ามืด | ครางอืดบ่นออดทอดใจใหญ่ |
ดูดู๋เดิมเห็นดีมีน้ำใจ | หมายได้ไม่แคล้วแล้วทีเดียว |
มิรู้กลับแกล้วกล้าบ้าเลือด | ดุเดือดเต็มประดาตาเขียว |
ไม่รอติดผิดผู้หญิงจริงเจียว | ขี้เกียจเกี้ยวรับแพ้แล้วแม่คุณ |
ยังเจ็บช้ำระยำอยู่ไม่รู้หาย | ราวกับถูกลูกปรายหลายกระสุน |
ทำหน้าเซียวเคี้ยวเอื้องเงื่องงุน | สิ้นทุนสิ้นรอนจะผ่อนปรน |
แต่ยักย้ายหลายทำนองตรองตริ | สิ้นสติตายด้านอั้นอ้น |
สู้อุส่าห์หน้าด้านทานทน | ถึงสองหนแล้วเห็นไม่เอ็นดู |
เอออะไรใจคอดังดินประสิว | ฉุนฉิวยิ่งกว่าชุดจุดดินหู |
เห็นไม่เปนเช่นตำราของตาครู | ถ้าขืนอยู่จะหยาบคายร้ายแรง |
ขยับลุกแล้วลงนั่งรั้งรอ | ปากบ่นมนต์หมอจนคอแห้ง |
ไม่เห็นคุณเห็นค่าตาขี้แร้ง | เหมือนหนึ่งแกล้งให้มาถูกด่าทอ |
คิดเคืองขุ่นหมุนออกนอกปราสาท | เกรี้ยวกราดกริ้วร้องให้ถองหมอ |
เฆี่ยนให้หลังลายจนต้นคอ | ด่าทอถีบเถ้าเจ้าตำรา |
ฯ ๑๖ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | หมอเถ้าซานซมล้มถลา |
ถูกถองต้องพระราชอาญา | ตกประหม่าตัวสั่นงันงก |
วิ่งออกนอกวังไม่ยั้งหยุด | จนสมุดทั้งมัดพลัดตก |
เสนาในใหญ่น้อยตามต่อยชก | วิ่งวกเข้าวัดลัดหนีไป |
ฯ ๔ คำ ฯ เชิด
ช้า
๏ เมื่อนั้น | ท้าวสันนุราชมาดหมายหาหายไม่ |
ไปเกี้ยวพานพูดจาเพลาไร | ก็ไม่ได้สู่สมชมชิด |
ประหลาดหนอหมอมดมาปดเล่น | ทำอะไรไม่เห็นเปนสักหนิด |
สาแก่ใจเจ็บปวดอวดอิทธิฤทธิ์ | โทษผิดคิดจะใคร่เอาใส่คุก |
พอเข็ดหลาบบาปกรรมทำเปล่าเปล่า | บ่นออดกอดเข่าเจ่าจุก |
นั่งโยกโงกหงับปรับทุกข์ | กับหมู่มุขมนตรีเสนีใน |
แต่เล่นชู้สู่สาวมาราวร้อย | หางามงดชดช้อยเช่นนี้ไม่ |
น่าชมสมสวาดิระวาดระไว | เอวไหล่ลมุนลม่อมพร้อมพริ้ง |
เสียแต่ร้ายราวกับเสือเหลือแล้วพ่อ | คารมรอไม่ติดผิดผู้หญิง |
อุส่าห์สู้อยู่อ้อนวอนวิง | ไม่ยอมยิงยิ่งรื้อดื้อดึง |
อันอดเหนียวเกี้ยวชู้รู้ท่วงที | มิใช่ชั่วตัวดีไม่มีถึง |
จะหักโหมโลมเล้าเคล้าคลึง | ให้รุมรึงร้อนรนสกลกาย |
มิขัดขวางอย่างนี้แล้วที่ไหน | ประเดี๋ยวใจก็จะสมอารมณ์หมาย |
ตรองตรึกปฤกษาหาอุบาย | ไม่เหือดหายวายเว้นสักเวลา |
ฯ ๑๔ คำ ฯ เจรจา